บทที่ 3 กล้าฆ่าหรือไม่

"แกคือ….หลินเทียนฉี ไอ้ตัวเฮงซวย ทำไมแกยังไม่ตาย!!"

ฉินหลานเซียงกัดฟันแน่นพลางใช้นิ้วชี้หน้าหลินเทียนฉี มือไม้ของเธอสั่งเทาขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้

"แม่ เทียนฉีไม่เคยตายมาก่อนเลยด้วยซ้ำ จ้าวเปิงจำผิดคน!"

ฉู่จิ้งหลีรีบอธิบาย

จ้าวเปิงเพื่อนสมัยมัธยมคนนึงของเธอ เมื่อ 1 เดือนก่อนเขาได้เดินทางไปยังบริเวณชายแดนประเทศ แล้วยังกลับมาหาเธอโดยเฉพาะและบอกเล่าความในใจของเขาที่มีต่อเธอ

แต่เธอรอคอยให้หลินเทียนฉีกลับมาโดยตลอด ดังนั้นเธอจะไม่สามารถวางผู้ชายคนที่ 2 เอาไว้ในใจของเธอได้อีกแล้ว

จ้าวเปิงรู้สึกอิจฉาริษยา ดังนั้นเขาจึงป่าวประกาศไปทั่วว่าหลินเทียนฉีได้เสียชีวิตอยู่ในสนามรบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

จนกระทั่งข่าวเรื่องนี้ดังมาจนถึงหูพ่อแม่ฉู่จิ้งหลี ทำให้พ่อแม่ของเธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดพวกเขาก็สามารถตัดความสัมพันธ์กับไอ้ตัวเฮงซวยนั่นได้สักที

แต่กลับไม่มีใครคิดเลยว่าพวกเขายังไม่ทันได้แนะนำแฟนคนใหม่ให้ฉู่จิ้งหลี หลินเทียนฉีก็ได้กลับมาแล้ว!

"คนดีๆมีชีวิตไม่ยืนยาว แต่คนชั่วๆนี่อายุยืนยาวเอาๆจริงๆ!"

"คนดีๆอย่างเทียนฉียังอุทิศตนให้แก่ประเทศชาติไปแล้ว ตัวถ่วงของสังคมอย่างแกทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่ แกทำไมไม่ไปตาย!"

ฉินหลานเซียงเอามือเท้าสะเอวพลางด่ากราดด้วยใบหน้าที่ดูดุร้าย

"เพราะแกคนเดียว แกรู้หรือเปล่าว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ครอบครัวของเราต้องประสบพบเจออะไรบ้าง แกยังมียางอายอยู่หรือเปล่า ยังกล้ากลับมาอีกหรอ? ถ้าเกิดแกไม่ทำให้คนทั้งครอบครัวของเราได้ตายไปจากโลกนี้ แกก็จะอยู่ไม่สุขใช่ไหม?!"

"แกไสหัวกลับไป รีบไสหัวกลับไปเดี๋ยวนี้!!"

ฉินหลานเซียงหยิบไม้ถูพื้นออกมา เตรียมพร้อมที่จะฟาดใส่หลินเทียนฉี

"แม่ อย่า!"

ฉู่จิ้งหลีรีบวิ่งเข้ามาห้าม

"แกถอยออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ตอนนั้นถ้าเกิดไม่ใช่เพราะแกตาถั่ว ดื้อดึงที่จะแต่งงานกับมัน ตระกูลฉู่ของเราต้องตกอับอย่างทุกวันนี้ไหม ถ้าแกยังเลือกที่จะปกป้องมันอีก ฉันก็จะรวดตีแกด้วยคน!"

ใบหน้าของฉินหลานเซียงดูดุร้ายมากพลางตะคอกด้วยอารมณ์ที่โกรธแค้น

"หลานเซียง พวกคุณเสียงดังโวยวายอะไรเนี่ย เสี่ยวหัวยังรออยู่นะ"

ฉู่ห้านจงอยู่ด้านในได้ยินเสียงโวยวายจากด้านนอก ดังนั้นเขาจึงรีบเดินออกมาดู

เสี้ยววินาทีที่เขาเห็นหลินเทียนฉี ทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ตัวเซลงไปพิงอยู่ตรงขอบประตูเหมือนวิญญาณหลุดออกไปจากร่าง

ใบหน้าของเขาดูเยือกเย็นพลางพึมพำเสียงเบา

"จบแล้ว พวกเราได้จบเห่แล้ว สุดท้ายไอ้ตัวเฮงซวยนี่ก็กลับมา….."

เมื่อเห็นแบบนี้ หลินเทียนฉีทำได้แค่ฝืนยิ้มอย่างปลง

เขายึดตัวตรงพลางพูดกระแทกเสียงต่ำ : "คุณลุงคุณป้าครับ ผมรู้ว่าตอนนี้พวกคุณไม่อยากเจอหน้าผม"

"แต่ที่ผมกลับมาครั้งนี้ เพราะผมจะชดเชยให้จิ้งหลีและตระกูลฉู่ครับ"

"ผมเตรียมพร้อมที่จะทำให้ตระกูลฉู่ก้าวขึ้นสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้ง และสามารถทำให้ตระกูลฉู่อยู่จุดสูงสุดของโลกใบนี้ กลายเป็นตระกูลเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก!"

นี่ไม่ใช่คำพูดล้อเล่น หลินเทียนฉีในตอนนี้มีปัญญาที่จะทำแบบนั้นได้จริงๆ

คู่สามีภรรยาฉู่ห้านจงผงะไปก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นใบหน้าของพวกเขาทั้งสองก็เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่ดูเยือกเย็น

"สมองแกมีปัญหาหรือเปล่า แกคิดว่าแค่พูดคำพูดเพ้อเจ้อบาตรใหญ่แบบนี้ แล้วพวกเราจะให้อภัยแกงั้นหรือ?"

ฉู่จิ้งหลีก็รู้สึกโมโหมากๆเหมือนกัน ทั้งๆที่เธอเคยย้ำเตือนกับหลินเทียนฉีแล้วว่า อย่าพูดเรื่องอะไรพวกนี้ต่อหน้าพ่อแม่เธอ ทำไมเขาถึงไม่เชื่อฟังคำสั่งของเธอเลยนะ!

เขาช่วยทำตัวให้ดูเป็นจริงเป็นจังและดูพึ่งพาได้หน่อยไม่ได้หรือไง เขามาพูดอะไรแบบนี้ตอนนี้ พ่อแม่เธอต้องยิ่งคัดค้านให้พวกเขาอยู่ด้วยกันมากกว่าเดิมแน่นอน!

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงหัวเราะเยาะที่เยือกเย็นดังมาจากด้านในบ้าน "หมาบ้าที่ไหนวิ่งมาเห่าแถวนี้วะ คุณชายอย่างฉันได้ยินจนเริ่มรำคาญใจแล้วเนี่ย"

"ให้ตระกูลฉู่ก้าวขึ้นไปสู่ความรุ่งโรจน์อีกครั้ง? และกลายเป็นตระกูลเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก? แกคิดว่าคนทั้งตระกูลหลินตายไปแล้วหรือไง!"

ท่ามกลางเสียงพูด มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อสูทและกรอบแว่นสีทองคนนึงค่อยๆเดินออกมาช้าๆ

เขากำลังมองหน้าหลินเทียนฉีด้วยสายตาในเชิงหยอกล้อพลางแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น "แกก็คือขยะที่ทำให้จิ้งหลีต้องรออย่างโดดเดี่ยวมานาน 8 ปีนั่นหรอ?"

"แกคือใคร?"

หลินเทียนฉีหยีตา

"คนนี้คือเหยียนหัว คุณชายใหญ่แห่งตระกูลเหยียนเมืองเจียง เป็นคู่สมรสคนใหม่ของจิ้งหลีที่เราหามา"

ฉินหลานเซียงรีบทำการแนะนำ ภายในน้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม แตกต่างกับตอนที่พูดกับหลินเทียนฉีโดยสิ้นเชิง

"แม่ พวกคุณหยุดก่อความวุ่นวายสักทีจะได้ไหมคะ"

ฉู่จิ้งหลีรู้สึกโกรธมากจนเอาเท้าย่ำกับพื้น "หนูบอกไปแล้วว่าชาตินี้หนูจะมีแค่หลินเทียนฉีคนเดียวเท่านั้น ทำไมพวกคุณชอบเอาแต่ทำเรื่องแบบนี้อยู่เรื่อยเลย!"

"ไอ้เด็กโง่ พ่อกับแม่จะทำร้ายแกได้หรอ หลินเทียนฉีคนนี้มันพึ่งพาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ถ้าเกิดแกใช้ชีวิตอยู่กับมัน แกต้องได้ลำบากไปตลอดชีวิตแน่นอน!"

ฉินหลานเซียงกลอกตาไปมาอย่างต่อเนื่อง และยังแสร้งทำเป็นพูดเหมือนตัวเองดูเจ็บปวดหัวใจมากๆด้วย

ฉู่จิ้งหลียังอยากพูดต่อ แต่จู่ๆเหยียนหัวก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน : "ลุงฉู่ ป้าฉิน ผมอยากพูดคุยกับไอ้ขยะตัวนี้เป็นการส่วนตัว ไม่ใช่สิ ผมอยากพูดคุยกับคุณหลินท่านนี้เป็นการส่วนตัว จะได้ไหมครับ?"

"ไม่ได้!"

หลังจากที่ได้ยินแบบนี้ ฉู่จิ้งหลีก็รีบตอบปฏิเสธทันที

เธอไม่โง่ เหยียนหัวต้องเอาฐานะและตัวตนของตัวเองไปย่ำยีหลินเทียนฉีแน่นอน เธอไม่มีทางปล่อยให้ผู้ชายของตัวเองโดนดูถูกเหยียดหยามแบบนั้น

แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเทียนฉีจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า : "ได้อยู่แล้วสิ จิ้งหลี คุณกับคุณลุงคุณป้าเข้าไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะพูดคุยกับเขาหน่อย"

"เทียนฉี…."

ฉู่จิ้งหลีมองผู้ชายของตัวเองด้วยสายตาที่เป็นห่วง

หลินเทียนฉีอมยิ้มให้เธอ เพื่อเป็นการบอกให้เธอไม่ต้องเป็นห่วง

ฉินหลานเซียงอดไม่ได้ที่จะให้เหยียนหัวย่ำยีซ้ำเติมหลินเทียนฉีดีๆสักตั้ง ให้เขาทราบถึงความลำบากและยอมถอยกลับเอง อย่ามาตามรังควานลูกสาวของเธออีก

รอหลังจากที่ประตูวิลล่าถูกปิดไป เหยียนหัวก็ได้เดินไปข้างหน้าหลินเทียนฉีอย่างมั่นอกมั่นใจ สภาพเหมือนกำลังมองคนต่ำต้อยยังไงอย่างนั้น

"ถ้าเกิดฉันเป็นแก ฉันจะไม่กลับมาเมืองเจียง เมื่อ 8 ปีก่อนแกหลบหนีออกไปจากเมืองเจียงเหมือนหมาหัวเน่าตัวนึง ตอนนี้แกมีความกล้าอะไรถึงกลับมาที่นี่อีกครั้ง?"

"แกคงยังไม่รู้สินะว่าตระกูลหลินกลายเป็นตระกูลอันดับ 1 ในเมืองเจียงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แกคิดว่าพวกเขาจะปล่อยให้แกรอดไปได้หรอ?"

"พวกมันจะปล่อยฉันให้รอดไปได้หรือไม่นั้น มันไม่สำคัญ"

"สิ่งที่สำคัญคือฉันจะไม่ปล่อยให้พวกมันรอดไปได้แน่นอน!"

หลินเทียนฉีพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง

หลังจากที่ได้ยินแบบนี้แล้ว เหยียนหัวก็ได้หัวเราะดังลั่นออกมา "แกใช้ชีวิตอยู่บริเวณเขตชายแดนไป 8 ดีกว่า หรือว่าทั้งหมดที่แกเรียนรู้มาได้มีแค่ความสามารถในการโม้อวดดีแค่นี้หรอ?"

"แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ยังไม่ปล่อยให้ตระกูลหลินรอดไปได้อีก แกก็คู่ควรหรอวะ?!"

"ใช่สิ แกก็ชื่อเทียนฉีเหมือนกัน แกคงไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นเทียนฉีเทพแห่งสงครามจริงๆใช่ไหม ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเทียนฉีเทพแห่งสงครามเสียชีวิตไปแล้ว ฉันเกือบจะเชื่อคำพูดของแกไปแล้วเนี่ย!"

หลินเทียนฉีหยีตาทั้งสองข้างลงมาเล็กน้อยพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น "ถ้าเกิดฉันบอกว่าเทียนฉีเทพแห่งสงครามยังไม่ตาย และฉันก็คือเทียนฉีเทพแห่งสงครามเอง แกจะทำอะไรฉันได้ล่ะ?"

"บังอาจ!"

เหยียนหัวตะคอกเสียงดังลั่น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยว : "เทียนฉีเทพแห่งสงครามเป็นเสาหลักของประเทศเรา เป็นอัศวินผู้กล้าหาญที่กอบกู้ประเทศชาติ!"

"ปัจจุบันเทพแห่งสงครามได้อุทิศตนให้กับผืนแผ่นดิน เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครกล้าล่วงเกินและรุกล้ำ แต่ตอนนี้แกกลับกล้ามาบอกว่าตัวเองเป็นเทพแห่งสงครามงั้นหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฟ้องแกตอนนี้เลย แล้วส่งแกเข้าคุก!"

หลินเทียนฉีไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้มกระตุกมุมปากอย่างเดียวเท่านั้น

ตอนแรกเหยียนหัวคิดว่าหลินเทียนฉีต้องเกรงกลัวคำพูดนี้ของเขาแน่นอน แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเทียนฉีไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลยด้วยซ้ำ

ในทางตรงกันข้าม สายตาในตอนนี้ของหลินเทียนฉีทั้งๆที่มันดูเรียบนิ่งมากๆ แต่กลับทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจและไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เลย

สายตาแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกันแน่!

"ฉันขอเตือนแกไว้ก่อน อยู่ห่างจากจิ้งหลีหน่อย ผู้หญิงของฉัน แกยังไม่คู่ควรมาทำให้เขาเปรอะเปื้อน ถ้าเกิดไม่ฟังคำเตือน แกก็รอแบกรับกับผลที่จะตามมาแล้วกัน"

หลินเทียนฉีกระพริบตาทีเดียว บรรยากาศที่ดูน่าสยดสยองนั่นหายวับไปภายในพริบตา ก่อนที่เขาจะหันหลังแล้วเดินเข้าไปในวิลล่า

เหยียนหัวถอนหายใจแรงๆทีนึง รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายของตัวเองเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

เขามองดูเงาหลังของหลินเทียนฉีด้วยสายตาที่โกรธเคืองพลางกัดฟันแน่นแล้วพูดว่า : "แกคิดว่าฉันกลัวแกหรอวะ คืนพรุ่งนี้เป็นคืนฉลองวันคล้ายวันเกิดของพ่อฉัน ฉันได้ทำการเชิญชวนครอบครัวของจิ้งหลีไปร่วมงานโดยเฉพาะ ถึงตอนนั้นฉันจะให้พ่อฉันมอบสินสอดทองหมั้นให้พ่อแม่ของจิ้งหลีต่อหน้าแขกทุกคนในงาน แกจะทำอะไรฉันได้ล่ะ?"

หลินเทียนฉีหยุดฝีเท้าลงและหันควับกลับมา

"แกก็ลองดู ลองดูว่าฉันกล้าฆ่าแกหรือเปล่า!"

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

486