บทที่ 10 ตัดความสัมพันธ์

"เอาขาของแกออกไป!"

หลงเยว่ก้าวเดินขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าวพลางตะคอกด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน

หญิงสาวที่แซ่เหยียนไม่เพียงแต่ไม่เอาออกไปจากหน้าฉู่จิ้งหลี ในทางตรงกันข้ามเธอยังหัวเราะอย่างเยือกเย็นอีกด้วย "เป็นแค่ประชาชนชั้นต่ำคนหนึ่งก็กล้ามาเสือกเรื่องของเหยียนเจียวเจียวฉันหรือ ไม่รู้จักความเป็นความตาย!"

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้นเธอยังคงออกแรงเหยียบหน้าฉู่จิ้งหลี อีก

หลงเยว่โกรธกริ้วเป็นแบบนี้ ในขณะที่เขากำลังจะลงมืออยู่นั้น แต่หลินเทียนฉีก็ได้ชิ่งลงมือก่อนเขาแล้ว!

เงาร่างของเขาขยับ เหยียนเจียวเจียวยังไม่ทันตอบสนองกลับมาได้เลยด้วยซ้ำ เธอก็ถูกถีบจนกระเด็นออกไป ก่อนที่ตัวเธอจะกระแทกลงบนรถแม็คโครอย่างจังและกรีดร้องโหยหวนอย่างต่อเนื่อง

"จิ้งหลี คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?"

หลินเทียนฉีอุ้มผู้หญิงของตัวเองขึ้นมา น้ำเสียงของเขาฟังดูรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

ฉู่จิ้งหลี ไม่ได้พูดอะไรแต่เป็นการกระโจนเข้าไปในอ้อมกอดหลินเทียนฉี และร้องไห้โดยที่ไม่มีเสียง

"แกแม่งเป็นคนชั้นต่ำที่มาจากไหนอีกวะ กล้าทำร้ายคุณหนูอย่างฉัน แกอยากตายหรือไง?!"

เหยียนเจียวเจียวลุกขึ้นมาจากรถแม็คโคร เธอในตอนนี้รู้สึกโกรธกริ้วจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

เมื่อก่อนเธอไปใช้ชีวิตและเรียนอยู่ที่ต่างประเทศมาโดยตลอด หลังจากที่รู้ว่าพี่ชายตัวเองใกล้จะแต่งงานเธอถึงจะกลับมาในประเทศ

แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเธออุตส่าห์เดินทางกลับมาอย่างยากลำบาก สุดท้ายสิ่งที่เธอเห็นกลับเป็นร่างอันไร้วิญญาณของพี่ชาย

เหยียนมู่ไห่เกรงว่าลูกสาวตัวเองจะวู่วาม ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกกับเธอว่าเหยียนหัวตายอยู่ในกำมือของหลินเทียนฉี แต่เหยียนเจียวเจียวก็ยังคงนำความผิดทั้งหมดโยนให้ฉู่จิ้งหลี คนเดียว คิดว่าเธอจะแต่งงานเข้าตระกูลเหยียนถึงได้ทำให้ความโชคร้ายทุกอย่างหล่นทับใส่บ้านตระกูลเหยียน

ดังนั้นจึงมีภาพเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น

เหยียนเจียวเจียวเห็นว่าหลินเทียนฉีไม่สนใจเธอ เธอจึงยิ่งรู้สึกโกรธมากจนแทบจะระเบิด

"ไอ้พวกไร้ประโยชน์ พวกแกจะยืนมองฉันโดนกระทืบอย่างเดียวหรือไง ลุยเข้าไปพร้อมกันสิ!"

เธอหันหน้ากลับไปตะคอกใส่นักสู้บอดี้การ์ดของตัวเองที่ยืนล้อมอยู่รอบๆ

นักสู้พวกนั้นถึงจะตอบสนองกลับมาได้ ก่อนที่พวกเขาจะพากันพุ่งตรงเข้าไปหาหลินเทียนฉีอย่างพร้อมเพรียงกัน

"เทียนฉี ระวัง"

ฉู่จิ้งหลี ตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง

หลินเทียนฉีอมยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน "หลับตาลงนะครับ เดี๋ยวทุกอย่างก็จะจบแล้ว"

ฉู่จิ้งหลี รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ได้ยินหลินเทียนฉีพูดแบบนี้แล้ว เธอก็ได้หลับตาลงอย่างเชื่อฟังคำสั่ง

หลินเทียนฉีเงยหน้าขึ้นมา แววตาของเขาได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตภายในพริบตาเดียว

ชัวะ!

เสียงดังลั่นที่ทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุรู้สึกหูอื้อดังขึ้นมา

ร่างกายของหลินเทียนฉีสั่นคลอนเล็กน้อย แต่เขาก็ได้กลับมายืนอยู่ในจุดเดิมภายในพริบตา ราวกับว่าเขาไม่เคยขยับไปไหนมาก่อนยังไงอย่างนั้น

แต่นักสู้พวกนั้นกลับล้มลงไปกับพื้นพร้อมกับเสียงร้องครวญครางแล้ว

แขนและขาของพวกเขาทุกคนต่างผิดรูปผิดองศา ทำเอาคนที่มุงดูอยู่รอบๆต่างรู้สึกปวดหัวลุกซู่

นี่กำลังถ่ายทำหนังอยู่หรอ? พวกเขามองไม่เห็นเลยด้วยซ้ำว่าหลินเทียนฉีลงมือโจมตีตั้งแต่ตอนไหน แต่นักสู้พวกนั้นก็ได้รับบาดเจ็บไปก่อนแล้ว ราวกับว่าถูก"คนที่มองไม่เห็น"โจมตี

เหยียนเจียวเจียวยืนผงะอยู่กับที่ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความลน

เมื่อเห็นว่าหลินเทียนฉีกำลังนำสายตาจับจ้องมาทางเธอ เหยียนเจียวเจียวยังคงดื้อด้านที่อยากจะพูดขู่หลินเทียนฉี แต่ไม่รอให้เธอได้เอ่ยปากพูดอะไร หลินเทียนฉีก็ได้อุ้มตัวฉู่จิ้งหลี แล้วเดินออกไปจากที่นี่ก่อน

"เฮ้ย ไอ้ประชาชนชั้นต่ำ แกหมายความว่ายังไง แกดูถูกคนหนูอย่างฉันใช่ไหม?!"

เหยียนเจียวเจียวเห็นว่าหลินเทียนฉีไม่สนใจเธอ เธอจึงรู้สึกโกรธมากจนปอดแทบจะระเบิด

ในขณะที่เธอกำลังจะเดินไปถามหาความรับผิดชอบอยู่นั้น สรุปเธอเพิ่งก้าวเดินออกไปได้แค่ก้าวเดียว ทั้งร่างกายของเธอก็ได้เซไปข้างหน้าและล้มลงไปกับพื้นอย่างน่าเวทนา

"นี่มันอะไรยังไงกัน ฉันยังปกติดีนี่ทำไมถึงล้มได้?"

เหยียนเจียวเจียวก้มหน้าลงไปอย่างรู้สึกสงสัย แต่เธอกลับมองเห็นภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เธอขนหัวลุก

เห็นเพียงขาข้างที่เธอใช้เหยียบหน้าฉู่จิ้งหลี ในเมื่อกี้นี้ ตั้งแต่บริเวณหัวเข่าลงไปได้หายวับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จุดที่ขาดออกไปดูปกติมากและไม่มีเลือดไหลออกมาเลยแม้แต่หยดเดียว

จนกระทั่งเธอสังเกตเห็น ความรู้สึกเจ็บปวดที่ทุกข์ทรมานถึงจะฉุดขึ้นมา เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สาดกระเด็นไปทั่วทั้งพื้น

"อ๊ากกกก!!"

เธอกำลังกรีดร้องอย่างเจ็บเจียนตาย พลางขอความช่วยเหลือจากผู้คนที่อยู่รอบๆ

แต่ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบๆต่างตกใจจนอกสั่นขวัญเสียไปหมดแล้ว จะมีใครกล้ายื่นมือมาช่วยเธอ?

ส่วนนักสู้ที่เธอพามาด้วยยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้เลย พวกเขาจะมีเวลามาช่วยเหลือเธอได้อย่างไร?

ภายในวิลล่า

หลินเทียนฉีอุ้มฉู่จิ้งหลี กลับไปที่ห้องนอนแล้ววางตัวเธอลงบนเตียงนอนอย่างอ่อนโยน

การจัดวางและการตกแต่งของห้องนอนยังคงเหมือนเมื่อ 8 ปีก่อน หลินเทียนฉีไปหากล่องยามาอย่างรวดเร็ว ใช้ก้อนสำลีชุบกับแอลกอฮอล์พลางเช็ดๆบริเวณบาดแผลให้ฉู่จิ้งหลี อย่างแผ่วเบา

"เทียนฉี ถ้าเกิดใบหน้าฉันเป็นรอยแผลเป็นไปตลอดชีวิตก็จะไม่สวยแล้ว ถึงตอนนั้นคุณจะทิ้งฉันไหมคะ?"

ฉู่จิ้งหลี มองดูผู้ชายของตัวเองอย่างประหม่าพลางทำปากจู๋พลางถาม

เมื่อได้เผชิญหน้ากับหลินเทียนฉี เธอก็จะดูอ่อนแอมากเหมือนเด็กคนหนึ่ง จะกล้าหาญเหมือนตอนที่หยุดยั้งรถแม็คโครในเมื่อกี้นี้ที่ไหน

หลินเทียนฉีอมยิ้มแล้วหยิบขวดเซรามิคเล็กๆออกมาจากกระเป๋าเสื้อขวดนึง

"วางใจเถอะครับ นี่เป็นยาวิเศษที่ผมเอากลับมาจากค่ายทหาร ประสิทธิภาพในการลดเลือนรอยแผลเป็นดีมากๆเลยครับ ทาแค่นิดเดียวก็หายได้แล้ว"

หลังจากที่ได้ยินแบบนี้ ฉู่จิ้งหลี ก็รีบกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมาทันที

รอเขาทำการทายาให้ภรรยาเสร็จสรรพ ยังไม่ทันได้พูดอะไร ประตูห้องนอนของฉู่จิ้งหลี ก็ถูกคนอื่นออกแรงผลักให้เปิดออกจากด้านนอกอย่างแรง ฉินหลานเซียงที่ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความระแวดระวังได้ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าประตู

เมื่อเห็นว่าหลินเทียนฉีแค่นั่งอยู่ข้างเตียงยังไม่ได้ทำอะไร เธอจึงรู้สึกโล่งอกขึ้นมา

แต่หลังจากนั้นเธอก็ได้เดินเข้ามาพลางด่ากราด : "ไอ้ตัวเฮงซวย ใครอนุญาตให้แกเข้ามาในบ้านเรา รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!"

"แม่ เขาคือสามีหนู!"

ฉู่จิ้งหลี ฝืนลุกขึ้นมาจากเตียงและเดินไปบังอยู่ข้างหน้าหลินเทียนฉี

"เหลวไหล!"

ฉินหลานเซียงพูดจนน้ำลายกระเด็น "พวกแกจดทะเบียนสมรสหรือยัง จัดงานแต่งกันหรือยัง เป็นแค่วันไนท์สแตนด์มั่วซั่ว แกคิดว่าตัวเองเป็นคุณนายหลินแล้วหรอ?"

ฉู่จิ้งหลี ตอบโต้อะไรไม่เป็น

"คุณป้าครับ ที่ผมกลับมาในครั้งนี้ นอกจากจัดการเรื่องส่วนตัวแล้ว ผมก็เตรียมพร้อมที่จะจัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ให้ฉู่จิ้งหลี ทำการแต่งงานกับเขาอย่างเป็นทางการครับ"

ฉู่จิ้งหลี รีบลุกขึ้นมาจากเตียงพลางพูดด้วยวาจาและพฤติกรรมที่ดูจริงจัง

"อย่างแกเนี่ยนะ?"

ฉินหลานเซียงกลอกตามองบนพลางหัวเราะอย่างเยือกเย็น

"เป็นทหารมา 8 ปี ฉันก็ไม่เห็นว่าแกจะมีอะไรที่ดีขึ้นกว่าเดิมเลย แต่ความสามารถในการโม้นี่พัฒนาขึ้นมาเยอะมากๆ สิ่งที่กองกำลังทหารสอนแกมีแค่เรื่องพวกนี้น่ะหรอ?"

"หลังจาก 1 อาทิตย์ ผมจะขอจิ้งหลี แต่งงานบนหอจิ่งเจียงที่สูงที่สุดในเมืองเจียง จากนั้นค่อยจัดงานแต่งที่คนทั้งเมืองมาร่วมแสดงความยินดี แต่งงานกับฉู่จิ้งหลี อย่างเฉิดฉาย"

หลินเทียนฉีพูดด้วยแววตาที่จริงใจ

เมื่อกี้เขาได้ทำการคิดวิเคราะห์ไปสักพัก เรื่องของตระกูลหลินจะตกลงหลังจากสามวันนี้

หลังจากนั้นมีแค่ต้องจัดการปัญหาของน้องชายหมาป่าจู่โจม จากนั้นก็แทบจะไม่มีเรื่องอะไรเลย ระยะเวลา 1 สัปดาห์ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

หลังจากที่ฉู่จิ้งหลี ได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว แววตาของเขาก็เริ่มเป็นประกายและน้ำตาคลอ นั่นเป็นน้ำตาแห่งความตื้นตันและความสุขใจ

เธอใช้มือปิดปากตัวเองแน่นๆ ไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา

รอคอยมาอย่างโดดเดี่ยว 8 ปี ในที่สุดเธอก็รอคอยวันนี้จนถึงสักที แม้เธอจะไม่ค่อยเชื่อว่าหลินเทียนฉีจะทำแบบนั้นได้ แต่ขอแค่เขามีใจที่อยากจะทำแบบนั้น เธอก็รู้สึกพึงพอใจมากๆแล้ว

ฉินหลานเซียงหัวเราะเยาะ เธอไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าหลินเทียนฉีจะทำเรื่องแบบนั้นได้

ยังไม่รอให้เธอได้อ้าปากหักหน้าหลินเทียนฉี ฉู่ห้านจงก็ได้วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ

"แม่ของลูก เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!"

เขาเดินเข้ามากระซิบข้างหูฉินหลานเซียงอย่างรีบร้อน

ใบหน้าของฉินหลานเซียงเศร้าหมองลงไปภายในพริบตา ดวงตาทั้งคู่กำลังจ้องเขม็งไปทางหลินเทียนฉี "ไอ้แซ่หลิน เมื่อกี้แกทำให้คุณหนูสองตระกูลเหยียนพิการไปแล้วใช่ไหม?!"

"ใช่ครับ"

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมื่อกี้นี้มีคนเห็นเป็นจำนวนมาก ถึงจะปฏิเสธไปก็ไม่มีประโยชน์

อีกอย่างหลินเทียนฉีไม่เคยคิดที่จะปฏิเสธเช่นกัน

"แกจะฆ่าตระกูลฉู่ของเราจริงๆให้ได้ใช่ไหม!"

ฉินหลานเซียงรู้สึกหูอื้อหูชาไปหมด ฟ้าของเธอใกล้จะพังทลายลงมาแล้ว

เธอใช้เท้าย่ำพื้นด้วยอารมณ์ที่โกรธเคืองพลางใช้นิ้วชี้หน้าหลินเทียนฉีพลางด่ากราด : "ไอ้ตัวเฮงซวย นอกจากสร้างปัญหาให้เราแล้ว แกยังมีประโยชน์อะไรอีกบ้าง?"

"คนอย่างแกเนี่ยนะยังคิดที่จะแต่งงานกับลูกสาวฉัน แกฝันกลางวันไปเถอะ!"

"ฉันจะบอกอะไรแกให้ เรื่องที่คุณหนูสองตระกูลเหยียนพิการ มันไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่เราแม้แต่นิดเดียว เรื่องทุกอย่างนี้เป็นฝีมือของแกคนเดียว แกอย่าลากพวกเราเข้าไปในกองไฟด้วย!"

ตอนนี้ทรงผมของฉินหลานเซียงยุงเยอะมาก ใบหน้าบูดเบี้ยวอัปลักษณ์เหมือนผีเร่ร่อนตัวหนึ่ง เธอกำลังคำรามใส่หลินเทียนฉีด้วยอารมณ์ที่พิโรธ

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

486