บทที่ 8 โยนความผิดกันหน้าด้านๆ

"ใครแม่งอยากตายว่ะ?!"

ชายร่างใหญ่หัวล้านมองเจ้าของมือด้วยสายตาที่โกรธเคือง

ทุกคนหันกลับไปมอง ก่อนจะพบว่าคนที่ลุกขึ้นมาช่วยหวู่ยวิ๋นคือหวังตง!

ในทางตรงกันข้ามหลินเทียนฉีที่หวู่ยวิ๋นดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ และยังเป็นทหารมานานเป็นเวลา 8 ปี กลับยังคงนั่งอยู่กับที่ และไม่กล้าจะเดินเข้ามาแตะต้องฝ่ายตรงข้ามเลยแม้แต่ปลายเล็บ

นี่จึงทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งรู้สึกรังเกียจหลินเทียนฉีมากขึ้น แม้แต่ตัวหวู่ยวิ๋นเองก็รู้สึกผิดหวังต่อหลินเทียนฉีเล็กน้อย

"อยากจะถวายครูของฉันงั้นหรอ แกถามฉันก่อนหรือยัง?"

สีหน้าอารมณ์ของหวังตงดูได้ใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้เขาสังเกตเห็นแล้วว่าเพื่อนร่วมห้องของเขากำลังมองมาทางตัวเองด้วยสายตาแบบนั้น

โดยเฉพาะหวู่ยวิ๋นและหลิ่วเชียนยี่ ผู้หญิงทั้งสองคนนี้เป็นเหมือนนางฟ้าในใจของเขาที่เขายังคงไม่ลืมหลังจากที่เรียนจบ ตอนนี้ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้ทำให้พวกเธอประทับใจในตัวเขาบ้างแล้ว

หวังตงแสยะยิ้มอย่างได้ใจ ในขณะที่เขากำลังจะข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามอยู่นั้น แต่สุดท้ายชายร่างใหญ่หัวล้านกลับกำหมัดแล้วต่อยใส่หน้าเขาทันที ทำให้ตัวเขาหน้าหงายล้มลงไปกับพื้น

"โอ๊ย แกรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร แก….."

ตุบ ตุบ ตุบ!

หวังตงอยากจะบอกตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง แต่ชายร่างใหญ่หัวล้านกลับไม่ให้โอกาสเขาเลยด้วยซ้ำ กำปั้นของฝ่ายตรงข้ามได้ร่วงลงบนใบหน้าของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน

ผ่านไปไม่ถึง 1 นาที ใบหน้าของหวังตงก็ได้บวมเต่งไปทั้งหน้าแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ฟันที่อยู่ในปากก็ใกล้จะร่วงลงมาหมดปากแล้วเหมือนกัน

เขากำลังร้องไห้ฟูมฟายพลางกราบขอร้องอ้อนวอน ไม่มีความกล้าที่จะพูดอะไรอีก

ชายร่างใหญ่หัวล้านถ่มน้ำลายใส่เขาแล้วด่ากราดว่า : "แม่งบรรยากาศเสียหมดเลย แกแม่งใหญ่โตมาจากไหนวะถึงได้กล้ามาพังเรื่องดีๆของฉัน แกลองออกไปสืบดูก่อนว่าฉันเฮียหัวล้านอยู่แก๊งเดียวกับใคร ตระกูลเหยียนน่ะ แกเคยได้ยินมาก่อนหรือเปล่า หัวหน้าตระกูลเหยียนแห่งเมืองเจียงเป็นลูกพี่ใหญ่ของฉันเอง!"

เมื่อได้ยินคำว่า"ตระกูลเหยียน"

ทำให้สีหน้าของทุกคนที่อยู่ภายในห้องต่างเปลี่ยนแปลงไป หวังตงยิ่งรู้สึกเสียใจทีหลังเป็นอย่างมาก

เขาก็เป็นแค่ผู้จัดการหน้าล็อบบี้ของโรงแรมหนึ่งในเมืองเท่านั้นแหละ ถึงแม้จะยืมความกล้าให้เขาอีกกี่เท่าตัว เขาก็ไม่กล้าต่อกรกับตระกูลเหยียน!

"พวกแกคือใครกันแน่?"

หวู่ยวิ๋นถามหาความรับผิดชอบ

"ฉันเป็นเจ้าหนี้ของผู้ชายแก!" ชายร่างใหญ่หัวล้านแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายพลางพูด

"ผู้ชายของฉัน?"

หวู่ยวิ๋นขึงตา "แกกำลังพูดเหลวไหลอะไรอยู่ ฉันหย่ากับไอ้หมอนั่นตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว เรื่องของมันเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน?"

"งั้นก็คงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ"

ชายร่างใหญ่หัวล้านยักไหล่ "มันติดหนี้พวกเรา 20 ล้านและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มันทิ้งช่องทางการติดต่อและรูปถ่ายของแกเอาไว้ ถ้าเกิดพวกเราไม่มาหาแก จะให้เราไปหาใคร?"

หลังจากที่ได้ยินแบบนี้แล้วทำให้ใบหน้าของหวู่ยวิ๋นขาวซีดลงมาภายในพริบตา

ยังไม่รอให้เธอตอบสนองกลับมาได้ ชายร่างใหญ่หัวล้านก็ได้จับมือของเธอเอาไว้ก่อน เตรียมพร้อมที่จะลากตัวเธอออกไปจากห้อง

"พวกแกจะทำอะไร?!"

หวู่ยวิ๋นตะโกนเสียงดัง

"เอาตัวแกไปแลกกับเงินไงล่ะ ยังต้องถามอีกหรอ?"

ชายร่างใหญ่หัวล้านหัวเราะดังลั่น พลางกวาดตามองดูเรือนร่างของหวู่ยวิ๋นด้วยสายตาที่อุกอาจ

เมื่อเห็นว่าหวู่ยวิ๋นถูกลากออกไปนอกห้อง เธอในตอนนี้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย คนที่อยู่ข้างๆจึงพูดเร่งว่า : "หลินเทียนฉี นายเคยเป็นทหารมาก่อนไม่ใช่หรอ รีบเข้าไปช่วยคนสิ!"

หลิ่วเชียนยี่ก็เดินเข้ามาดึงแขนเสื้อของหลินเทียนฉีเช่นกัน "เพื่อนหลิน ตอนนั้นครูหวู่ทำดีกับนายขนาดนั้น ถ้าเกิดนายมีปัญญาช่วยครูได้จริงๆ นายก็อย่านิ่งดูดายอย่างเดียวสิ!"

หลินเทียนฉีไม่ได้พูดอะไร แค่กำลังจิบชาอย่างเงียบๆ

"อย่าไปขอร้องอะไรคนอกตัญญูแบบนั้นเลย ตอนนั้นครูหวู่ทำดีกับมันขนาดนั้น แต่ตอนนี้มันกลับไม่มีความกล้าที่จะลุกยืนขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ!"

มีคนลุกพรวดขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่โกรธกริ้ว ก่อนจะใช้นิ้วชี้หน้าหลินเทียนฉีพลางด่ากราด

"เป็นพวกกินบนเรือนขี้บนหลังคาจริงๆ แม่งไม่มีความเป็นคนหลงเหลืออยู่อีกแล้ว!"

"ขากก ถุ้ยย!! ฉันรู้สึกอายมากที่มีเพื่อนร่วมห้องอย่างแก เราทุกคนรีบโทรแจ้งตำรวจเถอะ!"

"ทางที่ดีพวกเธออย่าโทรแจ้งตำรวจจะดีที่สุด"

หลังจากที่หลิ่วเชียนยี่หยิบโทรศัพท์ออกมาและเตรียมพร้อมที่จะโทรแจ้งตำรวจ จู่ๆหลินเทียนฉีก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมา

"นายพูดว่าอะไรนะ?"

หลิ่วเชียนยี่มองดูผู้ชายคนนี้ด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ "นายไม่เพียงแต่ไม่กล้าช่วยครู แต่ตอนนี้นายไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะโทรแจ้งตำรวจงั้นหรือ?"

"หลินเทียนฉี นายทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังมากจริงๆ"

จะว่าไปเมื่อก่อน หลิ่วเชียนยี่ก็เคยรู้สึกหวั่นไหวต่อหลินเทียนฉีอยู่เหมือนกัน

สมัยตอนที่ยังเรียนมัธยม แม้หลินเทียนฉีจะเป็นคนที่ผอมแห้งแรงน้อย แต่เขาเป็นคนที่ฉลาดมากจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นการสอบครั้งไหนๆ คะแนนของเขาก็จะอยู่ท็อปสามมาโดยตลอด มิเช่นนั้นหวู่ยวิ๋นก็คงไม่มีทางดูแลและให้ความสำคัญเขาเป็นพิเศษ

หลิ่วเชียนยี่ในตอนนั้นเป็นเหมือนดาวโรงเรียน ฐานะทางบ้านไม่แย่ เธอจึงไม่มีความสนใจต่อลูกคนรวยเหล่านั้นเลยด้วยซ้ำ

ในทางตรงกันข้ามเธอรู้สึกสงสัยในตัวหลินเทียนฉีที่ถูกคนอื่นรังแกมาโดยตลอดมากๆ

แต่น่าเสียดายที่ช่วงเวลาในการเรียนมัธยมมันสั้นเกินไป ยังไม่รอให้เธอรวบรวมความกล้าแล้วเข้าไปทำความรู้จักเขาให้ดีมากยิ่งขึ้น พวกเขาทั้งสองคนก็ได้พรากจากกันไปก่อนแล้ว

การได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้ง เธอรู้สึกดีใจมากจริงๆ

เธอคิดไม่ถึงเลยว่าพฤติกรรมของหลินเทียนฉีมันย่ำแย่กว่าที่เธอจินตนาการเอาไว้ในตอนแรกเยอะมาก มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

"หัวหน้าห้องครับ อย่าไปสนใจมันเลย รีบโทรแจ้งตำรวจก่อนเถอะ!"

มีคนพูดเร่งขึ้นมาอีกครั้ง : "ถ้าเกิดช้ากว่านี้ ชีวิตของครูอาจจะตกอยู่ในความอันตรายได้นะ!"

หลิ่วเชียนยี่พยักหน้าก่อนที่เธอจะรีบกดเบอร์โทร แต่เธอยังไม่ทันได้กดโทรออก จู่ๆประตูห้องก็ถูกคนอื่นเปิดออก!

ชายหนุ่มที่หน้าตาอัปลักษณ์และมีฟันทองคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามาด้านในพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูชั่วร้าย

ในมือของเขายังมีมีดสั้นอีกเล่มหนึ่ง เขากำลังใช้มีดที่แหลมคมชี้มาทางพวกเขาทุกคน

"ลูกพี่ใหญ่ให้ฉันค่อยจับตาดูพวกแกเอาไว้ดีๆ ไม่แน่พวกแกอาจจะโทรแจ้งตำรวจได้ และลูกพี่ใหญ่ก็เดาถูกต้องจริงๆด้วย!"

ทันทีที่ชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาในห้องแล้ว หลิ่วเชียนยี่ก็รีบซ่อนโทรศัพท์ของตัวเองกลับเข้าที่ทันที

แต่ก็สายไปแล้ว เนื่องจากคนดังกล่าวยืนอยู่ตรงหน้าประตูมาโดยตลอด และเขาก็ได้ยินบทสนทนาที่อยู่ด้านในห้องชัดแจ๋วทั้งสองหู

"พูดมาเถอะ เมื่อกี้ใครเป็นคนโทรแจ้งตำรวจ สภาพออกมาเดี๋ยวนี้ ฉันจะอบรมสั่งสอนแค่คนเดียวเท่านั้น ถ้าเกิดไม่สารภาพ งั้นพวกเขาทุกคนก็ต้องทรมานพร้อมกัน!"

ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ดูชั่วร้าย ก่อนที่เขาจะปักมีดสั้นลงไปบนโต๊ะจนเสียงดัง"ตึก"

ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างตกใจจนสะดุ้ง นั่งลงไปกับที่ด้วยใบหน้าที่ขาวซีด

พวกคนที่ขี้ขลาดหน่อย ตกใจมากจนร้องไห้แล้ว

"ไม่บอกใช่ไหม งั้นก็เริ่มที่แกแล้วกัน!"

ชายหนุ่มเบ้ปาก ก่อนที่เขาจะชักมีดขึ้นมาและมุ่งหน้าเดินเข้าไปหาคนที่อยู่ใกล้กับเขามากที่สุด

"ฉันบอก ฉันจะบอกเอง!"

คนคนนั้นก็ตกใจมากจนขวัญเสียไปแล้วจริงๆ : "มันเป็นคนโทรแจ้งตำรวจ มันเป็นคนที่ครูของเราชื่นชอบมากที่สุด ครูของเราโดนจับกุมตัวไปแล้ว มันจึงต้องกังวลใจมากกว่าเราทุกคนเป็นธรรมดาอยู่แล้ว!"

หลังจากที่ได้ยินแบบนี้ ทำให้สีหน้าของทุกคนที่อยู่ภายในห้องเปลี่ยนแปลงไป

แต่ทว่าเร็วมากพวกเขาก็ได้ใจเย็นลงมา

"ถูกต้อง ฉันก็เป็นพยานให้ได้เหมือนกัน คนที่ชื่อหลินเทียนฉีนั่นเป็นคนจะโทรแจ้งตำรวจ!"

"ฉันก็เป็นพยานให้ได้เหมือนกัน พวกเราบอกกับมันแล้วว่าเฮียหัวล้านเป็นคนที่มีปัญหาด้วยไม่ได้ แต่มันไม่ฟังพวกเราเอง ดื้อด้านที่จะเป็นศัตรูกับเฮียหัวล้าน!"

"ไอ้หมอนั่นมันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง สภาพมันเหมือนคนวอนตีนตั้งแต่เกิดแล้ว!"

ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างพากันพูดคนละคำ และโยนความผิดทั้งหมดมาที่หลินเทียนฉีคนเดียว

มีแค่หลิ่วเชียนยี่คนเดียวเท่านั้นที่ไม่พูดอะไร ตอนนี้เธอรู้สึกผิดอยู่ในใจมากๆ

เมื่อกี้หลินเทียนฉีเป็นคนบอกให้พวกเขาว่าอย่าโทรแจ้งตำรวจ แสดงว่าเขาต้องรู้แน่นอนว่าด้านนอกมีคน

แต่พวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่ฟังคำแนะนำ และยังด่าหลินเทียนฉีว่าเป็นคนที่ลืมบุญคุณอีกด้วย

ตอนนี้มีปัญหาเกิดขึ้นมาแล้ว พวกเขากลับโยนความผิดทั้งหมดให้หลินเทียนฉี แบบนี้มันไม่ถูกต้อง!

เธออยากจะช่วยหลินเทียนฉีอธิบาย แต่กลับถูกเพื่อนผู้หญิงที่อยู่ข้างๆจับข้อมือเอาไว้ก่อน เพื่อเป็นการบอกให้เธออย่าหาเหาใส่หัว

ชายหนุ่มเดินเข้าไปด้านหน้าหลินเทียนฉี ก่อนจะใช้มีดสั้นจี้ลงกลางศีรษะของเขา "ใช้มือข้างไหนโทรแจ้งตำรวจ แบออกมา ฉันแค่ตัดนิ้วนิ้วเดียวของแกก็พอแล้ว"

"ฉันขอแนะนำให้แกวางมีดลงมาก่อนจะดีกว่า ฉันไม่ชอบให้คนอื่นใช้สิ่งของมาชี้หัวฉัน"

หลินเทียนฉีวางแก้วชาที่อยู่ในมือลงมา แล้วพูดอย่างเชื่องช้า

"ฮ่าๆๆ!"

ชายหนุ่มหัวเราะดังลั่น เหมือนกำลังมองคนโง่คนนึงอยู่ยังไงอย่างนั้น "งั้นวันนี้ฉันก็จะใช้มีดชี้หัวแกนี่แหละ ดูซิว่าแกจะทำอะไรฉันได้…."

เพี๊ยะ——แคว็ก!!

เขายังไม่ทันได้พูดจบ หลินเทียนฉีลุกพรวดขึ้นมาอย่างกะทันหันแล้วฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของเขาทันที

ศีรษะของชายหนุ่มหันไปเจ็ดร้อยกว่าองศา ก่อนที่คอของเขาจะตกลงบนหัวไหล่ ดวงตาทั้งสองข้างระเบิดแตกกระจายออกมา ตายตาไม่หลับ

ภายในห้องเงียบกริบลงไปทันที

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

486