บทที่ 9 จิ้งหลีตกอยู่ในภัยคุกคาม

"ตะ….ตายแล้ว!!"

ทุกคนที่อยู่ภายในห้องต่างกำลังจ้องมองไปทางหลินเทียนฉีด้วยสายตาที่ขนหัวลุก

เหล่าผู้ชายที่เพิ่งโยนความผิดให้หลินเทียนฉีในเมื่อกี้นี้ต่างตกใจมากจนขาทั้งสองข้างกำลังสั่นเทา

ตกลงแล้วไอ้หมอนี่คือใครกันแน่ ทำไมถึงกล้าฆ่าฝ่ายตรงข้ามโดยที่ไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว เขาไม่กลัวติดคุกหรือไง?

หลิ่วเชียนยวี่ก็ตกใจหนักมากเหมือนกัน ใบหน้าที่ขาวซีดกำลังจ้องมองไปทางหลินเทียนฉี

หลินเทียนฉีไม่มีอารมณ์อธิบายกับ"เพื่อนเก่า"พวกนี้ เขาก็หันหลังแล้วเดินออกไปจากห้องดังกล่าว

หลิ่วเชียนยวี่กัดฟันแน่น ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งออกไป

"เทียนฉี นายรอฉันก่อน"

ด้านนอกร้านอาหาร หลิ่วเชียนยวี่สกัดกั้นหลินเทียนฉีเอาไว้ก่อน

"หัวหน้าห้อง ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า?"

น้ำเสียงของหลินเทียนฉีดูเบื่อหน่ายมากๆ เหมือนกำลังพูดคุยกับคนแปลกหน้าอยู่

"หะ ภายในห้อง…."

สมองของหลิ่วเชียนยวี่สับสนมึนงงมากๆ เธอเริ่มพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง

หลินเทียนฉีพูดว่า "ฉันยังไม่ได้ปลดประจำการ ที่ฉันกลับมาในครั้งนี้เพราะกลับมาเยี่ยมครอบครัว เพราะฉะนั้นฉันไม่ต้องทำงาน ในส่วนของเรื่องการฆ่าคนนั้น นั่นเป็นสิทธิ์และอำนาจของฉัน"

หลังจากที่พูดจบ หลินเทียนฉีก็ได้เดินออกไปจากที่นี่ทันที

หลิ่วเชียนยวี่ยืนผงะอยู่กับที่ ทันใดนั้นเองเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อก่อนพ่อเธอเคยบอกกับเธอว่า ในกองทัพมีทหารอยู่ประเภทหนึ่ง เมื่อประสบพบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันแล้ว ทหารเหล่านั้นมีสิทธิ์และอำนาจในการทำทุกอย่าง ถึงแม้จะเป็นการฆ่าคน แต่ก็ไม่ต้องแบกรับกับผลที่ตามมา

หรือว่าหลินเทียนฉีเป็นทหารประเภทนั้น?

มิน่าล่ะตอนที่ถามถึงตำแหน่งระดับยศของเขา หลินเทียนฉีเอาแต่ส่ายหน้าปฏิเสธตลอด อันที่จริงเขาไม่ใช่ไม่มีตำแหน่งระดับ แต่เป็นเพราะตำแหน่งระดับยศของเขาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ มันเกี่ยวข้องไปถึงความลับในกองทหาร!

เมื่อคิดเรื่องพวกนี้ได้ หลิ่วเชียนยวี่ก็กลับมาประทับใจในตัวหลินเทียนฉีเหมือนเดิม

แต่ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ของหวู่ยวิ๋นยังไม่ปลอดภัย เธอจะไม่มีอารมณ์ไปตามคิดเรื่องทั้งหมดของหลินเทียนฉี

ทันใดนั้นเอง รถเบนซ์สีดำคันนึงก็ได้ขับตรงเข้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว แล้วจอดลงข้างๆหลิ่วเชียนยวี่

ประตูรถถูกเปิดออก หวู่ยวิ๋นที่ใบหน้าขาวซีดได้เดินลงมาจากรถ

"ครูหวู่?"

หลิ่วเชียนยวี่เดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่ตะลึง "คุณเดินลงมาจากรถคันนี้ได้ยังไงคะ รถคันนี้เป็นรถของใคร?"

หวู่ยวิ๋นยืนเซไปเซมาอยู่สักพักเธอถึงจะตอบสนองกลับมาได้ "เมื่อกี้ครูถูกคนอื่นจับกุมตัวไป สุดท้ายยังออกไปได้ไม่ไกลมากนัก ก็มีคุณผู้ชายคนนึงที่ชื่อหลงเยว่มาช่วยครูเอาไว้ก่อน และยังให้คนส่งครูกลับมาที่นี่อีกด้วย"

"หลงเยว่?"

หลิ่วเชียนยวี่ขมวดคิ้วอันงดงาม เธอไม่ได้รู้สึกคุ้นต่อชื่อดังกล่าวเลยแม้แต่นิดเดียว

หวู่ยวิ๋นจึงพูดอีกว่า : "เขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมรบของหลินเทียนฉีน่ะ"

"อะไรนะคะ?!"

ครั้งนี้ทำเอาร่างกายของหลิ่วเชียนยวี่แข็งทื่อลงไปทันที

เธอเข้าใจเรื่องทุกอย่างขึ้นมาได้ภายในพริบตาว่าทำไมตอนที่หวู่ยวิ๋นถูกจับกุมตัวไป หลินเทียนฉีถึงได้ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย

เนื่องจากเขาเข้าใจดีที่สุดแล้วว่าเพื่อนร่วมรบของเขาเฝ้ารออยู่ด้านนอก หวู่ยวิ๋นไม่มีทางตกอยู่ในความอันตราย เพราะฉะนั้นเขาถึงไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่าม แต่พวกเขาทุกคนกลับเข้าใจหลินเทียนฉีผิดไป และยังพูดจาไม่น่าฟังใส่เขาอีกด้วย

เมื่อคิดแบบนี้ได้ หลิ่วเชียนยวี่จึงอยากไปขอโทษหลินเทียนฉีทันที

แต่เมื่อหันหลังกลับไป หลินเทียนฉีก็ได้หายวับไปก่อนแล้ว

หวู่ยวิ๋นที่ได้ยินเรื่องทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบก็ได้ยิ้มอย่างหมดหนทางเช่นกัน

"เรื่องนี้ก็โทษพวกเธอไม่ได้หรอก พวกเธอเป็นห่วงครูมากเกินไปถึงได้ทำแบบนั้น แต่ว่าเทียนฉีเป็นเด็กที่ครูดูเขาเติบโตตั้งแต่เล็ก ครูเข้าใจดีมากๆว่าเขาเป็นคนแบบไหน เขาไม่มีทางนิ่งดูดายแน่นอน"

"ใช่สิ ใกล้จะถึงวันเกิดเธอแล้วไม่ใช่หรอ ถึงตอนนั้นค่อยเชิญให้เขาไปเข้าร่วมงานอีกทีสิ แล้วอธิบายเรื่องทุกอย่างที่ติดค้างกันให้เคลียร์ แค่นี้ก็ได้แล้วไม่ใช่หรอ?"

"ใช่สิ!"

แววตาของหลิ่วเชียนยวี่เป็นประกายขึ้นมาทันที ก่อนที่เธอจะรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความไปหาหลินเทียนฉี

อีกฝั่ง หลินเทียนฉีเดินไปถึงริมแม่น้ำที่กว้างขวางที่นึง รถเบนซ์สีดำคันนั้นได้ขับมาจอดอยู่ด้านหลังเขา จากนั้นหลงเยว่ก็ได้กระโดดลงมาจากรถ

"คุณผู้ชายครับ ถามเรื่องทุกอย่างได้แล้วครับ"

หลงเยว่ทำท่าคารวะอย่างให้เกียรติ : "ธุรกิจที่ตระกูลเหยียนและตระกูลหลินทำร่วมกันเป็นบ่อนพนันใต้ดินครับ ก่อนหน้านี้สามีของครูหวู่แพ้การพนันอยู่ที่นั่นและยังไปกู้เงินกู้ดอกเบี้ยสูงอีกด้วย"

"แต่ในความเป็นจริง สามีของเธอถูกคนในตระกูลเหยียนจับกุมตัวไปตั้งนานแล้วครับ สาเหตุที่ยังมาหาเรื่องครูหวู่อยู่ นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณชายคนหนึ่งในตระกูลหลินตกหลุมรักครูหวู่ และอยากจะใช้วิธีแบบนี้ไปบีบบังคับให้เธอยอมจำนน"

"เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลหลินจริงๆด้วย"

หลินเทียนฉีแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น

เขาเคยเห็นหน้าเฮียหัวล้านคนนั้นในงานฉลองวันเกิดตระกูลเหยียน

แต่ว่าตอนนั้นเขายืนอยู่ด้านหลังหลินเทียนเจี้ยน แสดงว่าอันที่จริงเขาเป็นนักสู้ของตระกูลหลิน

ทำไมวันนี้เขาถึงเปลี่ยนไปเป็นคนของตระกูลเหยียนอย่างกะทันหันแบบนั้นได้ล่ะ ถ้าบอกว่าภายในเรื่องนี้ไม่มีเงื่อนงำ เขาไม่มีทางเชื่อแน่นอน

"ฝั่งตระกูลหลินเป็นยังไงบ้างแล้ว ช่วงสองวันที่ผ่านมานี้พวกมันมีการเคลื่อนไหวอะไรบ้างหรือเปล่า?"

"ไม่มีเลยครับ"

หลงเยว่ส่ายหน้า "ตอนนี้จำนวนหุ้นของเทียนฉีกรุ๊ปยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คนในตระกูลหลินก็ไม่ได้ไปกราบขอโทษที่หน้าหลุมฝังศพของพ่อและแม่คุณด้วยครับ"

"ในทางตรงกันข้าม พวกมันเตรียมพร้อมที่ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่งที่มาจากกองกำลังทหารในวันมะรืนที่โรงแรมตงหัวครับ!"

"เหอะ ดื้อดึงยิ่งนัก"

หลินเทียนฉีหยีตาลง "ในเมื่อพวกมันไม่เชื่อฟังคำเตือนของฉัน งั้นก็ทำให้พวกมันได้รู้ซึ้งถึงความสิ้นหวังซะ"

"ครับ ผมจะไปจัดการตอนนี้เลย!"

หลงเยว่รับคำสั่งมา เขาเตรียมพร้อมที่จะถอยกลับไป แต่เขากลับนึกถึงเรื่องเรื่องนึงขึ้นมาได้ก่อน : "คุณผู้ชายครับ วันมะรืนน้องภรรยาของน้องชายหมาป่าจู่โจมก็จะจัดงานเลี้ยงวันเกิดที่โรงแรมตงหัวเหมือนกันครับ"

"โอเค ในเมื่อเป็นเส้นทางเดียวกัน งั้นเราก็สามารถไปทักทายพวกเขาได้ ไปดูว่าน้องชายของหมาป่าจู่โจมใช้ชีวิตได้เป็นยังไงบ้าง"

หลินเทียนฉีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

และในตอนนี้เองโทรศัพท์ของเขาก็ได้สั่นไปชั่วขณะ มีข้อความข้อความนึงถูกส่งเข้ามาในโทรศัพท์เขา

ในขณะที่เขากำลังจะอ่านดูข้อความอยู่นั้น ก็มีสายโทรเข้ามาก่อน

"เทียนฉี คุณอยู่ที่ไหนคะ มาหาฉันหน่อยได้ไหม?"

คนที่โทรมาคือฉู่จิ้งหลี น้ำเสียงของเธอฟังดูลนลานอยู่เล็กน้อย

"ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ สามนาที"

แววตาของหลินเทียนฉีโฉบเฉี่ยวขึ้นมา เขารีบกดวางสายแล้วมุดเข้าไปในรถเบนซ์ทันที

หลงเยว่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เขาไม่ได้ชักช้าเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่เขาจะสตาร์ทรถแล้วขับรถมุ่งหน้าตรงไปยังวิลล่าตระกูลฉู่อย่างรวดเร็ว

รถเบนซ์พุ่งซิ่งอยู่บนถนน ใช้เวลาแค่สองนาทีห้าสิบวิ พวกเขาก็ไปถึงวิลล่าตระกูลฉู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ที่นี่มีคนมามุงรออยู่เป็นจำนวนมากแล้ว

ผู้คนที่มาเผือกกำลังมุงดูอยู่รอบๆ คนแออัดมากถึงมากที่สุด

แม้หลินเทียนฉีจะยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เขามองเห็นแล้วว่ามีรถแม็คโครคันนึงกำลังจอดอยู่ด้านหน้าวิลล่าตระกูลฉู่

"ถอยไป!"

หลงเยว่เดินนำทางอยู่ด้านหน้าสุด เขาตะคอกด้วยน้ำเสียงที่โกรธกริ้ว ทำให้ทุกคนที่กำลังยืนเพียงอยู่รอบๆต่างพากันถอยหลังกลับไปสองก้าวโดยสัญชาตญาณ แหวกทางออกไป

หลินเทียนฉีและหลงเยว่ย่างเท้าเดินไปข้างหน้าท่ามกลางสายตาที่ดูตะลึงของผู้คนที่อยู่รอบๆ

ด้านหน้าวิลล่าตระกูลฉู่

มีเสียง"โครมคราม"ดังมาจากรถแม็คโครอย่างต่อเนื่อง

ฉู่จิ้งหลี ยืนอยู่ด้านหน้าวิลล่าพลางกางแขนทั้งสองข้างออกมา สกัดกั้นตำแหน่งที่รถแม็คโครจะขุดลงมา

ด้านหน้าของฉู่จิ้งหลี คือหญิงสาวที่งดงามคนนึง ตอนนี้เธอกำลังเดินขึ้นไปข้างหน้าอย่างหยิ่งผยอง ก่อนที่เธอจะฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าที่อ่อนนุ่มของฉู่จิ้งหลี

"นังโสเภณี รีบไสหัวไปซะ วันนี้ถ้าเกิดฉันไม่พังบ้านแก คุณหนูอย่างฉันก็จะไม่แซ่เหยียน!"

หญิงสาวเอามือกอดอกพลางถลึงตาใส่ฉู่จิ้งหลี อย่างดุร้าย

"คุณหนูเหยียน พี่ชายของคุณถูกคนร้ายฆ่าไม่ใช่หรอ ทำไมถึงต้องเอาความกลัวทั้งหมดมาลงไว้ที่ตระกูลฉู่ของเราด้วย?"

ฉู่จิ้งหลี เอามือกุมใบหน้าตัวเองพลางถามหาความรับผิดชอบด้วยแววตาที่โกรธเคือง

"หุบปากไปซะนังตัวดี!"

หญิงสาวที่แซ่เหยียนยกเท้าแล้วถีบลงกลางหน้าอกของฉู่จิ้งหลี ก่อนที่เธอจะใช้รองเท้าส้นสูงเหยียบลงบนใบหน้าของเธอ แล้วออกแรงบี้ขยี้

"ทุกอย่างต้องเป็นเพราะแกที่เป็นตัวซวยจะแต่งงานเข้าบ้านฉันแน่นอน เธอทำให้พี่ชายฉันโดนคนร้ายฆ่า แกเป็นตัวชงที่ทำให้พี่ชายฉันต้องตาย!"

ฉู่จิ้งหลี กรีดร้องอย่างเจ็บปวด แต่เธอกลับไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย

หลินเทียนฉีบังเอิญเดินเข้ามากับข้าวเหตุการณ์นี้พอดี ทำให้พลังออร่าที่อยู่บนตัวเขาเปลี่ยนแปลงไปภายในพริบตา เหมือนอสูรร้ายจุติลงมาบนโลกยังไงอย่างนั้น!

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

486