บทที่ 4 มอบสินสอดทองหมั้นในงาน

"แกพูดว่าอะไรนะ ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม?"

เหยียนหัวเอามือดึงๆหูตัวเอง "ถ้าเกิดแกมีความกล้าแบบนั้น เมื่อ 8 ปีก่อน แกจะหนีออกไปจากเมืองเจียงเหมือนหมาหัวเน่าตัวนึงหรอวะ?"

หลินเทียนฉีไม่ได้พูดอะไร

"คืนพรุ่งนี้ ฉันจะรอแกในงานเลี้ยงที่โรงแรมฝูหยาง ถ้าเกิดแกไม่มา แกก็คือไอ้ลูกหมา!"

เหยียนหัวเบื่อที่จะเปลืองน้ำลายอีก เขาทำท่ายกนิ้วโป้งให้หลินเทียนฉีและคว่ำอยู่โป้งลง

หลังจากที่เขาเดินจากไปแล้ว หลงเยว่ถึงจะเดินออกมาจากที่มืด

"คุณผู้ชายครับ ไอ้หมอนั่นมันจองหองมากไปหน่อย จะให้ผม….."

เขาทำท่าปาดคอทีนึง

หลินเทียนฉีเอามือมากดไหล่ของหลงเยว่เอาไว้พลางพูดกดเสียงต่ำ "เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง"

หลังจากที่พูดจบ เขาก็ได้หันหลังแล้วเดินจากไป

ตอนนี้พ่อแม่ของจิ้งหลียังไม่ให้การต้อนรับเขา เขาไม่อยากอยู่ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามรังเกียจเขามากยิ่งขึ้น การเจอหน้ากันวันนี้ปล่อยให้มันหยุดอยู่แค่นี้ก่อน

หลงเยว่รีบพูดว่า : "คุณผู้ชายครับ ทางเทียนกงได้ทำการซื้อโรงแรมตงหัวภายใต้นามของคุณแล้วครับ แบบนี้คุณจะได้ปฏิบัติภารกิจในเมืองเจียงได้สะดวกมากยิ่งขึ้น"

หลินเทียนฉียกมือขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อเป็นการบอกว่าเขาเข้าใจแล้ว

แค่โรงแรมที่เดียวเอง ถึงจะทำการซื้อไปแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เขาไม่มีทางตำหนิเพื่อนของตัวเองเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้

ตั้งแต่ที่เทียนกงถูกก่อตั้งขึ้นมา มรดกทรัพย์สินของเทียนกงก็มีเยอะมากจนนับไม่ถ้วน

เขาจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองมีเงินมากเท่าไหร่ รู้แค่ว่าจำนวนตัวเลขที่อยู่ในบัญชีของเทียนกงมันมียาวมากจนสามารถทำให้คนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งรู้สึกช็อคมากถึงมากที่สุดได้

"อีกอย่าง ตามหาน้องชายของหมาป่าจู่โจมเจอแล้วครับ"

หลงเยว่ทำการรายงานต่อ

หลินเทียนฉีหยุดฝีเท้าลง "อยู่ที่ไหน?"

"ตระกูลหลิ่วแห่งเมืองเจียงครับ เขาเป็นลูกเขยแต่งขึ้นบ้านของตระกูลนั้น" หลงเยว่พูดเสียงต่ำ

หมาป่าจู่โจมเป็นเหมือนเขา ต่างเป็นหนึ่งในสิบขุนศึกของเทียนกง แต่ในสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่น่าทึ่งนั่น หมาป่าจู่โจมโชคร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้จะรักษาชีวิตของเขาได้ แต่เขาก็ต้องพิการไปตลอดชีวิต

เทียนกงจะรับผิดชอบต่อชีวิตที่เหลือตั้งแต่นี้เป็นต้นไปของเขา แต่ตำแหน่งขุนศึกของเทียนกงจะถูกทิ้งว่างไปตลอดไม่ได้

หมาป่าจู่โจมแนะนำน้องชายของตัวเองให้หลินเทียนฉี บอกว่าอุปนิสัยของพวกเขาทั้งสองคนคล้ายคลึงกัน ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก ถ้าเกิดฝึกฝนเขาอีกเล็กน้อย เขาต้องได้กลายเป็นขุนศึกคนใหม่ของหมาป่าจู่โจมได้แน่นอน

หลินเทียนฉีกำลังจะกลับเมืองเจียงพอดี ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะกลับมาสำรวจดู

"ทำไมน้องชายของหมาป่าจู่โจมถึงเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านได้ล่ะ?"

หลินเทียนฉีไม่เข้าใจเอามากๆ

หมาป่าจู่โจมที่เป็นสิบขุนศึกในเทียนกง ขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์ร้อนแรงมากๆ ถ้าเกิดอุปนิสัยของน้องชายเขาคล้ายคลึงกับเขา แล้วทำไมเขาถึงเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านของคนอื่นได้ล่ะ?

"เรื่องนี้ค่อยเจรจากันใหม่ภายหลัง ฉันยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเจียงไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้น"

หลังจากที่หลินเทียนฉีทิ้งท้ายด้วยคำนี้จบ เขาก็ได้ออกไปจากที่นี่ทันที

คืนของวันถัดไป

ตระกูลเหยียนได้ทำการเหมาทั้งชั้นสองของโรงแรมฝูหยางไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

มีโต๊ะงานเลี้ยงทั้งหมด 88 โต๊ะถ้วน เรียงกันเป็นแถวตั้งแต่ประตูทางเข้า พ่อลูกตระกูลเหยียนกำลังยืนต้อนรับแขกทั้งหมดที่มาเข้าร่วมงานอยู่ตรงหน้าประตูด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

ถึงแม้ว่าตระกูลเหยียนที่อยู่ในเมืองเจียงจะไม่ได้ใหญ่โตเหมือนตระกูลหลิน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ถือว่าเป็นตระกูลอันดับ 1 ของเมืองเจียงอยู่

คนที่สามารถมาเข้าร่วมงานในวันนี้ได้ ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตที่มีหน้ามีตาในเมืองเจียง

แม้แต่ตระกูลหลินเองยังส่งตัวแทนมาอวยพรงานวันเกิดของเหยียนมู่ไห่ด้วย

และท่ามกลางแขกที่มาร่วมงานทั้งหมด ครอบครัวทั้งสามคนของฉู่จิ้งหลีก็อยู่ในงานเช่นกัน

ณ ตอนนี้ ฉู่จิ้งหลีแค่แต่งหน้าอ่อนๆ แต่เธอก็ยังคงงดงามอย่างไร้ที่ติ

ฉู่ห้านจงและฉินหลานเซียงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก พวกเขากำลังมองซ้ายมองขวา มีแค่ฉู่จิ้งหลีคนเดียวเท่านั้นที่ดูไม่อินกับงานในคืนนี้

เมื่อคืนหลังจากที่หลินเทียนฉีพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับเหยียนหัวเสร็จ หลินเทียนฉีก็ได้จากไปเลย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาโดนเหยียนหัวพูดให้เจ็บช้ำน้ำใจหรือเปล่า

แต่วันนี้พ่อแม่ของเธอดันดึงดันที่จะพาเธอมาเข้าร่วมงานให้ได้ นี่จึงทำให้เธอยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ

ถ้าเกิดฉินหลานเซียงไม่เอาความตายมาขู่เธอ เธอไม่อยากมาเข้าร่วมงานเลยด้วยซ้ำ

"จิ้งหลี สักพักถ้าเกิดเห็นพ่อของเหยียนหัว แกทำปากให้มันหวานๆหน่อยนะ นั่นมันพ่อผัวในอนาคตของแกเชียวนะ!" ฉินหลานเซียงพูดกำชับ

"แม่ แม่พูดจาเหลวไหลอะไรอีกแล้วเนี่ย!"

ฉู่จิ้งหลีรู้สึกเอือมระอาต่อแม่ของเธอมากๆ

"ฉันไม่สน เรื่องของแกและเสี่ยวหัวถูกกำหนดให้เป็นแบบนี้แล้ว แกรีบตัดความสัมพันธ์กับไอ้หลินเทียนฉีนั่นซะ มิเช่นนั้นก็อย่าหาว่าแม่ไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ที่เราเป็นแม่ลูกกัน!"

ฉินหลานเซียงขึงตาพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์

ฉู่จิ้งหลียังอยากโต้แย้งอีก แต่ฉู่ห้านจงกลับกระแอมแรงๆทีนึงก่อน "พวกคุณทั้งสองคนพอได้แล้ว ที่นี่มีคนเยอะขนาดนี้กำลังมองมาทางเรา ไม่รู้สึกอายบ้างหรือไง?"

และในตอนนี้เอง เหยียนหัวและพ่อของเขาก็ได้เดินตรงเข้ามาทางนี้ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มพอดี

"คุณฉู่คุณฉิน พวกคุณมาสักทีนะครับ!"

เหยียนมู่ไห่เดินเข้ามาจับมือกับฉู่ห้านจงอย่างเป็นมิตร พลางกวาดตามองฉู่จิ้งหลีตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่พึงพอใจ

ฉินหลานเซียงก็กำลังมองหน้าเหยียนหัวด้วยสายตาที่ชื่นชมเช่นกัน พลางพยักหน้ารัวๆ

"เมื่อดูแบบนี้แล้ว เสี่ยวหัวกับลูกสาวฉันก็ดูเหมาะสมกันมากๆเลยนะคะ หมาหัวเน่าที่ชื่อหลินเทียนฉีนั่นมันเทียบเคียงกับขี้เล็บของเสี่ยวหัวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ"

เหยียนหัวก็หัวเราะเช่นกัน : "คุณป้าพูดเกินไปแล้วครับ แต่หลินเทียนฉีนั่นมันเป็นแค่ตัวตลกตัวนึงจริงๆ ถึงแม้จิ้งหลีจะไม่ชอบฟังคำพูดแบบนี้ แต่ผมก็ต้องพูดออกมา"

"คุณป้าอาจจะยังไม่รู้ครับ เมื่อวานตอนที่ผมพูดคุยกับมันเป็นการส่วนตัว มันยังข่มขู่ผมอีกด้วยครับ บอกว่าถ้าเกิดผมกล้าคิดอะไรไม่ดีไม่ร้ายต่อจิ้งหลี มันก็จะฆ่าผม"

"อะไรนะ มันพูดแบบนี้จริงๆหรอ?"

ฉินหลานเซียงถลึงตา รู้สึกโกรธมากจนเอาเท้าย่ำกับพื้น

"ไอ้ตัวเฮงซวยนั่น เมื่อก่อนมันเป็นคนที่ทำให้ตระกูลฉู่ของเราตกต่ำอย่างทุกวันนี้ และยังทำให้ลูกสาวของฉันต้องรอมันมานาน 8 ปี ตอนนี้ในที่สุดลูกสาวฉันก็ได้พบเจอคู่สมรสที่คู่ควรแล้ว แต่มันยังคิดที่จะเข้ามาปั่นหัวลูกสาวฉันอีก!"

"ทำไมมันถึงไม่ไปตายเนี่ย มีคนไร้ประโยชน์แบบนี้อยู่บนโลก นอกจากจะเป็นตัวถ่วงของสังคมแล้ว มันก็ทำอะไรไม่ได้อีกเลย!"

หลังจากที่พูดจบ เธอก็ได้หันไปมองเหยียนหัวพลางพูดว่า : "เสี่ยวหัว หนูไม่ต้องเป็นห่วงนะ สักพักถ้าเกิดมันกล้ามาพังงาน ป้าจะอบรมสั่งสอนมันด้วยน้ำมือของป้าเอง ป้าจะไม่ทำให้หนูต้องรู้สึกเสียใจแม้แต่นิดเดียว!"

หลังจากที่ได้ยินแบบนี้แล้ว เหยียนหัวก็ได้ยิ้มอย่างพึงพอใจ

เหยียนมู่ไห่ที่อยู่ข้างๆก็ได้เอ่ยปากพูดมาเหมือนกันว่า : "ในเมื่อคุณฉินเป็นห่วงเป็นใยลูกชายผมมากขนาดนี้ งั้นผมก็จะนิ่งดูดายอย่างเดียวไม่ได้ รอหลังจากที่งานแต่งของลูกชายผมและลูกสาวคุณจบลงแล้ว ผมจะไปเจรจากับทางตระกูลหลินให้เองครับ"

"เชื่อว่าตระกูลหลินก็น่าจะเข้าใจอยู่เหมือนกันว่าตระกูลฉู่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับหลินเทียนฉีอีกแล้ว บวกกับผมมีงานที่ได้ทำงานร่วมกับตระกูลหลิน ตระกูลหลินต้องไว้หน้าผมแน่นอนครับ!"

"ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีมากๆเลยค่ะ!"

ฉินหลานเซียงและฉู่ห้านจงต่างสบตาซึ่งกันและกันรอบนึง พลางถอนหายใจแรงๆ

"งั้นพวกคุณไปที่บริเวณด้านหลังห้องโถงก่อนเถอะครับ คุณนายของผมอยู่ที่นั่น เราจะได้เจรจาเรื่องสินสอดทองหมั้นและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานแต่งได้พอดี"

เหยียนมู่ไห่เรียกพนักงานคนนึงมา เพื่อพาครอบครัวตระกูลฉู่ทั้ง 3 คนไปด้านหลังห้องโถง

งานแต่งระหว่างตระกูลฉู่และตระกูลเหยียนใกล้จะลงเอยกันด้วยดีแล้ว

ในฐานะที่เป็นครอบครัวของคนที่ลูกชายจะแต่งงานด้วย จะต้อนรับพวกเขาอยู่ในห้องโถงเหมือนแขกธรรมดาทั่วไปไม่ได้อยู่แล้ว

ฉินหลานเซียงและฉู่ห้านจงรู้สึกดีใจมากเหมือนถูกรางวัลลอตเตอรี่ ก่อนที่พวกเขาจะรีบดึงตัวฉู่จิ้งหลีแล้วมุ่งหน้าเดินตรงเข้าไป

แววตาของฉู่จิ้งหลีเต็มเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง เธอหันหน้ากลับไปมองบริเวณทางเข้าอยู่เป็นระยะๆ ทั้งอยากเห็นเงาร่างนั้นและไม่อยากให้เขาปรากฏมาในงาน

งานเลี้ยงได้เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว

จากการดูแลของเหยียนมู่ไห่ แขกทุกคนที่มาในงานเริ่มทำการทานอาหารต่างๆและเริ่มสนุกสนานกันแล้ว

อาหารในมื้อนี้คึกคักและสุขใจเป็นอย่างมาก

หลังจากที่แขกทุกคนที่อยู่ในงานกินกันพอหอมปากหอมคอแล้ว เหยียนมู่ไห่ก็ได้เดินขึ้นเวทีด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ

"ขอขอบพระคุณเพื่อนๆทุกคนที่ให้เกียรติมาร่วมงานด้วยนะครับ ผมจะขอใช้โอกาสนี้มาประกาศเรื่องเรื่องหนึ่ง"

ทุกคนต่างวางตะเกียบที่อยู่ในมือลงไปและนำสายตาจับจ้องไปทางเหยียนมู่ไห่

"ลูกชายของผมเหยียนหัว ถึงช่วงอายุที่แต่งงานแล้ว และเขาก็บังเอิญชอบคุณหนูสามแห่งตระกูลฉู่ ฉู่จิ้งหลี พอดี"

"ด้วยเหตุนี้ผมจึงอยากใช้งานในวันนี้มอบสินสอดทองหมั้นให้ตระกูลฉู่อย่างเป็นทางการ หวังว่าตระกูลฉู่จะสามารถนำตัวคุณหนูจิ้งหลีแต่งงานกับลูกชายผม!"

หลังจากที่ได้ยินแบบนี้แล้ว แขกทุกคนที่อยู่ในงานก็ต่างพากันปรบมือโห่ร้อง

แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงที่หนักแน่นและมีพลังดังมาจากด้านนอก!

"คิดจะมาแย่งผู้หญิงของฉัน ตระกูลเหยียนพวกแกใหญ่โตมาจากไหน!"

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

486