บทที่ 4 มอบสินสอดทองหมั้นในงาน
by สันเป่าเอ๋อ
10:32,Nov 22,2021
"แกพูดว่าอะไรนะ ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม?"
เหยียนหัวเอามือดึงๆหูตัวเอง "ถ้าเกิดแกมีความกล้าแบบนั้น เมื่อ 8 ปีก่อน แกจะหนีออกไปจากเมืองเจียงเหมือนหมาหัวเน่าตัวนึงหรอวะ?"
หลินเทียนฉีไม่ได้พูดอะไร
"คืนพรุ่งนี้ ฉันจะรอแกในงานเลี้ยงที่โรงแรมฝูหยาง ถ้าเกิดแกไม่มา แกก็คือไอ้ลูกหมา!"
เหยียนหัวเบื่อที่จะเปลืองน้ำลายอีก เขาทำท่ายกนิ้วโป้งให้หลินเทียนฉีและคว่ำอยู่โป้งลง
หลังจากที่เขาเดินจากไปแล้ว หลงเยว่ถึงจะเดินออกมาจากที่มืด
"คุณผู้ชายครับ ไอ้หมอนั่นมันจองหองมากไปหน่อย จะให้ผม….."
เขาทำท่าปาดคอทีนึง
หลินเทียนฉีเอามือมากดไหล่ของหลงเยว่เอาไว้พลางพูดกดเสียงต่ำ "เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง"
หลังจากที่พูดจบ เขาก็ได้หันหลังแล้วเดินจากไป
ตอนนี้พ่อแม่ของจิ้งหลียังไม่ให้การต้อนรับเขา เขาไม่อยากอยู่ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามรังเกียจเขามากยิ่งขึ้น การเจอหน้ากันวันนี้ปล่อยให้มันหยุดอยู่แค่นี้ก่อน
หลงเยว่รีบพูดว่า : "คุณผู้ชายครับ ทางเทียนกงได้ทำการซื้อโรงแรมตงหัวภายใต้นามของคุณแล้วครับ แบบนี้คุณจะได้ปฏิบัติภารกิจในเมืองเจียงได้สะดวกมากยิ่งขึ้น"
หลินเทียนฉียกมือขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อเป็นการบอกว่าเขาเข้าใจแล้ว
แค่โรงแรมที่เดียวเอง ถึงจะทำการซื้อไปแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เขาไม่มีทางตำหนิเพื่อนของตัวเองเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้
ตั้งแต่ที่เทียนกงถูกก่อตั้งขึ้นมา มรดกทรัพย์สินของเทียนกงก็มีเยอะมากจนนับไม่ถ้วน
เขาจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองมีเงินมากเท่าไหร่ รู้แค่ว่าจำนวนตัวเลขที่อยู่ในบัญชีของเทียนกงมันมียาวมากจนสามารถทำให้คนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งรู้สึกช็อคมากถึงมากที่สุดได้
"อีกอย่าง ตามหาน้องชายของหมาป่าจู่โจมเจอแล้วครับ"
หลงเยว่ทำการรายงานต่อ
หลินเทียนฉีหยุดฝีเท้าลง "อยู่ที่ไหน?"
"ตระกูลหลิ่วแห่งเมืองเจียงครับ เขาเป็นลูกเขยแต่งขึ้นบ้านของตระกูลนั้น" หลงเยว่พูดเสียงต่ำ
หมาป่าจู่โจมเป็นเหมือนเขา ต่างเป็นหนึ่งในสิบขุนศึกของเทียนกง แต่ในสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่น่าทึ่งนั่น หมาป่าจู่โจมโชคร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้จะรักษาชีวิตของเขาได้ แต่เขาก็ต้องพิการไปตลอดชีวิต
เทียนกงจะรับผิดชอบต่อชีวิตที่เหลือตั้งแต่นี้เป็นต้นไปของเขา แต่ตำแหน่งขุนศึกของเทียนกงจะถูกทิ้งว่างไปตลอดไม่ได้
หมาป่าจู่โจมแนะนำน้องชายของตัวเองให้หลินเทียนฉี บอกว่าอุปนิสัยของพวกเขาทั้งสองคนคล้ายคลึงกัน ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก ถ้าเกิดฝึกฝนเขาอีกเล็กน้อย เขาต้องได้กลายเป็นขุนศึกคนใหม่ของหมาป่าจู่โจมได้แน่นอน
หลินเทียนฉีกำลังจะกลับเมืองเจียงพอดี ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะกลับมาสำรวจดู
"ทำไมน้องชายของหมาป่าจู่โจมถึงเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านได้ล่ะ?"
หลินเทียนฉีไม่เข้าใจเอามากๆ
หมาป่าจู่โจมที่เป็นสิบขุนศึกในเทียนกง ขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์ร้อนแรงมากๆ ถ้าเกิดอุปนิสัยของน้องชายเขาคล้ายคลึงกับเขา แล้วทำไมเขาถึงเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านของคนอื่นได้ล่ะ?
"เรื่องนี้ค่อยเจรจากันใหม่ภายหลัง ฉันยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเจียงไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้น"
หลังจากที่หลินเทียนฉีทิ้งท้ายด้วยคำนี้จบ เขาก็ได้ออกไปจากที่นี่ทันที
คืนของวันถัดไป
ตระกูลเหยียนได้ทำการเหมาทั้งชั้นสองของโรงแรมฝูหยางไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มีโต๊ะงานเลี้ยงทั้งหมด 88 โต๊ะถ้วน เรียงกันเป็นแถวตั้งแต่ประตูทางเข้า พ่อลูกตระกูลเหยียนกำลังยืนต้อนรับแขกทั้งหมดที่มาเข้าร่วมงานอยู่ตรงหน้าประตูด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ถึงแม้ว่าตระกูลเหยียนที่อยู่ในเมืองเจียงจะไม่ได้ใหญ่โตเหมือนตระกูลหลิน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ถือว่าเป็นตระกูลอันดับ 1 ของเมืองเจียงอยู่
คนที่สามารถมาเข้าร่วมงานในวันนี้ได้ ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตที่มีหน้ามีตาในเมืองเจียง
แม้แต่ตระกูลหลินเองยังส่งตัวแทนมาอวยพรงานวันเกิดของเหยียนมู่ไห่ด้วย
และท่ามกลางแขกที่มาร่วมงานทั้งหมด ครอบครัวทั้งสามคนของฉู่จิ้งหลีก็อยู่ในงานเช่นกัน
ณ ตอนนี้ ฉู่จิ้งหลีแค่แต่งหน้าอ่อนๆ แต่เธอก็ยังคงงดงามอย่างไร้ที่ติ
ฉู่ห้านจงและฉินหลานเซียงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก พวกเขากำลังมองซ้ายมองขวา มีแค่ฉู่จิ้งหลีคนเดียวเท่านั้นที่ดูไม่อินกับงานในคืนนี้
เมื่อคืนหลังจากที่หลินเทียนฉีพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับเหยียนหัวเสร็จ หลินเทียนฉีก็ได้จากไปเลย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาโดนเหยียนหัวพูดให้เจ็บช้ำน้ำใจหรือเปล่า
แต่วันนี้พ่อแม่ของเธอดันดึงดันที่จะพาเธอมาเข้าร่วมงานให้ได้ นี่จึงทำให้เธอยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
ถ้าเกิดฉินหลานเซียงไม่เอาความตายมาขู่เธอ เธอไม่อยากมาเข้าร่วมงานเลยด้วยซ้ำ
"จิ้งหลี สักพักถ้าเกิดเห็นพ่อของเหยียนหัว แกทำปากให้มันหวานๆหน่อยนะ นั่นมันพ่อผัวในอนาคตของแกเชียวนะ!" ฉินหลานเซียงพูดกำชับ
"แม่ แม่พูดจาเหลวไหลอะไรอีกแล้วเนี่ย!"
ฉู่จิ้งหลีรู้สึกเอือมระอาต่อแม่ของเธอมากๆ
"ฉันไม่สน เรื่องของแกและเสี่ยวหัวถูกกำหนดให้เป็นแบบนี้แล้ว แกรีบตัดความสัมพันธ์กับไอ้หลินเทียนฉีนั่นซะ มิเช่นนั้นก็อย่าหาว่าแม่ไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ที่เราเป็นแม่ลูกกัน!"
ฉินหลานเซียงขึงตาพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์
ฉู่จิ้งหลียังอยากโต้แย้งอีก แต่ฉู่ห้านจงกลับกระแอมแรงๆทีนึงก่อน "พวกคุณทั้งสองคนพอได้แล้ว ที่นี่มีคนเยอะขนาดนี้กำลังมองมาทางเรา ไม่รู้สึกอายบ้างหรือไง?"
และในตอนนี้เอง เหยียนหัวและพ่อของเขาก็ได้เดินตรงเข้ามาทางนี้ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มพอดี
"คุณฉู่คุณฉิน พวกคุณมาสักทีนะครับ!"
เหยียนมู่ไห่เดินเข้ามาจับมือกับฉู่ห้านจงอย่างเป็นมิตร พลางกวาดตามองฉู่จิ้งหลีตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่พึงพอใจ
ฉินหลานเซียงก็กำลังมองหน้าเหยียนหัวด้วยสายตาที่ชื่นชมเช่นกัน พลางพยักหน้ารัวๆ
"เมื่อดูแบบนี้แล้ว เสี่ยวหัวกับลูกสาวฉันก็ดูเหมาะสมกันมากๆเลยนะคะ หมาหัวเน่าที่ชื่อหลินเทียนฉีนั่นมันเทียบเคียงกับขี้เล็บของเสี่ยวหัวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ"
เหยียนหัวก็หัวเราะเช่นกัน : "คุณป้าพูดเกินไปแล้วครับ แต่หลินเทียนฉีนั่นมันเป็นแค่ตัวตลกตัวนึงจริงๆ ถึงแม้จิ้งหลีจะไม่ชอบฟังคำพูดแบบนี้ แต่ผมก็ต้องพูดออกมา"
"คุณป้าอาจจะยังไม่รู้ครับ เมื่อวานตอนที่ผมพูดคุยกับมันเป็นการส่วนตัว มันยังข่มขู่ผมอีกด้วยครับ บอกว่าถ้าเกิดผมกล้าคิดอะไรไม่ดีไม่ร้ายต่อจิ้งหลี มันก็จะฆ่าผม"
"อะไรนะ มันพูดแบบนี้จริงๆหรอ?"
ฉินหลานเซียงถลึงตา รู้สึกโกรธมากจนเอาเท้าย่ำกับพื้น
"ไอ้ตัวเฮงซวยนั่น เมื่อก่อนมันเป็นคนที่ทำให้ตระกูลฉู่ของเราตกต่ำอย่างทุกวันนี้ และยังทำให้ลูกสาวของฉันต้องรอมันมานาน 8 ปี ตอนนี้ในที่สุดลูกสาวฉันก็ได้พบเจอคู่สมรสที่คู่ควรแล้ว แต่มันยังคิดที่จะเข้ามาปั่นหัวลูกสาวฉันอีก!"
"ทำไมมันถึงไม่ไปตายเนี่ย มีคนไร้ประโยชน์แบบนี้อยู่บนโลก นอกจากจะเป็นตัวถ่วงของสังคมแล้ว มันก็ทำอะไรไม่ได้อีกเลย!"
หลังจากที่พูดจบ เธอก็ได้หันไปมองเหยียนหัวพลางพูดว่า : "เสี่ยวหัว หนูไม่ต้องเป็นห่วงนะ สักพักถ้าเกิดมันกล้ามาพังงาน ป้าจะอบรมสั่งสอนมันด้วยน้ำมือของป้าเอง ป้าจะไม่ทำให้หนูต้องรู้สึกเสียใจแม้แต่นิดเดียว!"
หลังจากที่ได้ยินแบบนี้แล้ว เหยียนหัวก็ได้ยิ้มอย่างพึงพอใจ
เหยียนมู่ไห่ที่อยู่ข้างๆก็ได้เอ่ยปากพูดมาเหมือนกันว่า : "ในเมื่อคุณฉินเป็นห่วงเป็นใยลูกชายผมมากขนาดนี้ งั้นผมก็จะนิ่งดูดายอย่างเดียวไม่ได้ รอหลังจากที่งานแต่งของลูกชายผมและลูกสาวคุณจบลงแล้ว ผมจะไปเจรจากับทางตระกูลหลินให้เองครับ"
"เชื่อว่าตระกูลหลินก็น่าจะเข้าใจอยู่เหมือนกันว่าตระกูลฉู่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับหลินเทียนฉีอีกแล้ว บวกกับผมมีงานที่ได้ทำงานร่วมกับตระกูลหลิน ตระกูลหลินต้องไว้หน้าผมแน่นอนครับ!"
"ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีมากๆเลยค่ะ!"
ฉินหลานเซียงและฉู่ห้านจงต่างสบตาซึ่งกันและกันรอบนึง พลางถอนหายใจแรงๆ
"งั้นพวกคุณไปที่บริเวณด้านหลังห้องโถงก่อนเถอะครับ คุณนายของผมอยู่ที่นั่น เราจะได้เจรจาเรื่องสินสอดทองหมั้นและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานแต่งได้พอดี"
เหยียนมู่ไห่เรียกพนักงานคนนึงมา เพื่อพาครอบครัวตระกูลฉู่ทั้ง 3 คนไปด้านหลังห้องโถง
งานแต่งระหว่างตระกูลฉู่และตระกูลเหยียนใกล้จะลงเอยกันด้วยดีแล้ว
ในฐานะที่เป็นครอบครัวของคนที่ลูกชายจะแต่งงานด้วย จะต้อนรับพวกเขาอยู่ในห้องโถงเหมือนแขกธรรมดาทั่วไปไม่ได้อยู่แล้ว
ฉินหลานเซียงและฉู่ห้านจงรู้สึกดีใจมากเหมือนถูกรางวัลลอตเตอรี่ ก่อนที่พวกเขาจะรีบดึงตัวฉู่จิ้งหลีแล้วมุ่งหน้าเดินตรงเข้าไป
แววตาของฉู่จิ้งหลีเต็มเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง เธอหันหน้ากลับไปมองบริเวณทางเข้าอยู่เป็นระยะๆ ทั้งอยากเห็นเงาร่างนั้นและไม่อยากให้เขาปรากฏมาในงาน
งานเลี้ยงได้เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากการดูแลของเหยียนมู่ไห่ แขกทุกคนที่มาในงานเริ่มทำการทานอาหารต่างๆและเริ่มสนุกสนานกันแล้ว
อาหารในมื้อนี้คึกคักและสุขใจเป็นอย่างมาก
หลังจากที่แขกทุกคนที่อยู่ในงานกินกันพอหอมปากหอมคอแล้ว เหยียนมู่ไห่ก็ได้เดินขึ้นเวทีด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ
"ขอขอบพระคุณเพื่อนๆทุกคนที่ให้เกียรติมาร่วมงานด้วยนะครับ ผมจะขอใช้โอกาสนี้มาประกาศเรื่องเรื่องหนึ่ง"
ทุกคนต่างวางตะเกียบที่อยู่ในมือลงไปและนำสายตาจับจ้องไปทางเหยียนมู่ไห่
"ลูกชายของผมเหยียนหัว ถึงช่วงอายุที่แต่งงานแล้ว และเขาก็บังเอิญชอบคุณหนูสามแห่งตระกูลฉู่ ฉู่จิ้งหลี พอดี"
"ด้วยเหตุนี้ผมจึงอยากใช้งานในวันนี้มอบสินสอดทองหมั้นให้ตระกูลฉู่อย่างเป็นทางการ หวังว่าตระกูลฉู่จะสามารถนำตัวคุณหนูจิ้งหลีแต่งงานกับลูกชายผม!"
หลังจากที่ได้ยินแบบนี้แล้ว แขกทุกคนที่อยู่ในงานก็ต่างพากันปรบมือโห่ร้อง
แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงที่หนักแน่นและมีพลังดังมาจากด้านนอก!
"คิดจะมาแย่งผู้หญิงของฉัน ตระกูลเหยียนพวกแกใหญ่โตมาจากไหน!"
เหยียนหัวเอามือดึงๆหูตัวเอง "ถ้าเกิดแกมีความกล้าแบบนั้น เมื่อ 8 ปีก่อน แกจะหนีออกไปจากเมืองเจียงเหมือนหมาหัวเน่าตัวนึงหรอวะ?"
หลินเทียนฉีไม่ได้พูดอะไร
"คืนพรุ่งนี้ ฉันจะรอแกในงานเลี้ยงที่โรงแรมฝูหยาง ถ้าเกิดแกไม่มา แกก็คือไอ้ลูกหมา!"
เหยียนหัวเบื่อที่จะเปลืองน้ำลายอีก เขาทำท่ายกนิ้วโป้งให้หลินเทียนฉีและคว่ำอยู่โป้งลง
หลังจากที่เขาเดินจากไปแล้ว หลงเยว่ถึงจะเดินออกมาจากที่มืด
"คุณผู้ชายครับ ไอ้หมอนั่นมันจองหองมากไปหน่อย จะให้ผม….."
เขาทำท่าปาดคอทีนึง
หลินเทียนฉีเอามือมากดไหล่ของหลงเยว่เอาไว้พลางพูดกดเสียงต่ำ "เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง"
หลังจากที่พูดจบ เขาก็ได้หันหลังแล้วเดินจากไป
ตอนนี้พ่อแม่ของจิ้งหลียังไม่ให้การต้อนรับเขา เขาไม่อยากอยู่ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามรังเกียจเขามากยิ่งขึ้น การเจอหน้ากันวันนี้ปล่อยให้มันหยุดอยู่แค่นี้ก่อน
หลงเยว่รีบพูดว่า : "คุณผู้ชายครับ ทางเทียนกงได้ทำการซื้อโรงแรมตงหัวภายใต้นามของคุณแล้วครับ แบบนี้คุณจะได้ปฏิบัติภารกิจในเมืองเจียงได้สะดวกมากยิ่งขึ้น"
หลินเทียนฉียกมือขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อเป็นการบอกว่าเขาเข้าใจแล้ว
แค่โรงแรมที่เดียวเอง ถึงจะทำการซื้อไปแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เขาไม่มีทางตำหนิเพื่อนของตัวเองเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้
ตั้งแต่ที่เทียนกงถูกก่อตั้งขึ้นมา มรดกทรัพย์สินของเทียนกงก็มีเยอะมากจนนับไม่ถ้วน
เขาจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองมีเงินมากเท่าไหร่ รู้แค่ว่าจำนวนตัวเลขที่อยู่ในบัญชีของเทียนกงมันมียาวมากจนสามารถทำให้คนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งรู้สึกช็อคมากถึงมากที่สุดได้
"อีกอย่าง ตามหาน้องชายของหมาป่าจู่โจมเจอแล้วครับ"
หลงเยว่ทำการรายงานต่อ
หลินเทียนฉีหยุดฝีเท้าลง "อยู่ที่ไหน?"
"ตระกูลหลิ่วแห่งเมืองเจียงครับ เขาเป็นลูกเขยแต่งขึ้นบ้านของตระกูลนั้น" หลงเยว่พูดเสียงต่ำ
หมาป่าจู่โจมเป็นเหมือนเขา ต่างเป็นหนึ่งในสิบขุนศึกของเทียนกง แต่ในสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่น่าทึ่งนั่น หมาป่าจู่โจมโชคร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้จะรักษาชีวิตของเขาได้ แต่เขาก็ต้องพิการไปตลอดชีวิต
เทียนกงจะรับผิดชอบต่อชีวิตที่เหลือตั้งแต่นี้เป็นต้นไปของเขา แต่ตำแหน่งขุนศึกของเทียนกงจะถูกทิ้งว่างไปตลอดไม่ได้
หมาป่าจู่โจมแนะนำน้องชายของตัวเองให้หลินเทียนฉี บอกว่าอุปนิสัยของพวกเขาทั้งสองคนคล้ายคลึงกัน ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก ถ้าเกิดฝึกฝนเขาอีกเล็กน้อย เขาต้องได้กลายเป็นขุนศึกคนใหม่ของหมาป่าจู่โจมได้แน่นอน
หลินเทียนฉีกำลังจะกลับเมืองเจียงพอดี ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะกลับมาสำรวจดู
"ทำไมน้องชายของหมาป่าจู่โจมถึงเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านได้ล่ะ?"
หลินเทียนฉีไม่เข้าใจเอามากๆ
หมาป่าจู่โจมที่เป็นสิบขุนศึกในเทียนกง ขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์ร้อนแรงมากๆ ถ้าเกิดอุปนิสัยของน้องชายเขาคล้ายคลึงกับเขา แล้วทำไมเขาถึงเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านของคนอื่นได้ล่ะ?
"เรื่องนี้ค่อยเจรจากันใหม่ภายหลัง ฉันยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเจียงไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้น"
หลังจากที่หลินเทียนฉีทิ้งท้ายด้วยคำนี้จบ เขาก็ได้ออกไปจากที่นี่ทันที
คืนของวันถัดไป
ตระกูลเหยียนได้ทำการเหมาทั้งชั้นสองของโรงแรมฝูหยางไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มีโต๊ะงานเลี้ยงทั้งหมด 88 โต๊ะถ้วน เรียงกันเป็นแถวตั้งแต่ประตูทางเข้า พ่อลูกตระกูลเหยียนกำลังยืนต้อนรับแขกทั้งหมดที่มาเข้าร่วมงานอยู่ตรงหน้าประตูด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ถึงแม้ว่าตระกูลเหยียนที่อยู่ในเมืองเจียงจะไม่ได้ใหญ่โตเหมือนตระกูลหลิน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ถือว่าเป็นตระกูลอันดับ 1 ของเมืองเจียงอยู่
คนที่สามารถมาเข้าร่วมงานในวันนี้ได้ ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตที่มีหน้ามีตาในเมืองเจียง
แม้แต่ตระกูลหลินเองยังส่งตัวแทนมาอวยพรงานวันเกิดของเหยียนมู่ไห่ด้วย
และท่ามกลางแขกที่มาร่วมงานทั้งหมด ครอบครัวทั้งสามคนของฉู่จิ้งหลีก็อยู่ในงานเช่นกัน
ณ ตอนนี้ ฉู่จิ้งหลีแค่แต่งหน้าอ่อนๆ แต่เธอก็ยังคงงดงามอย่างไร้ที่ติ
ฉู่ห้านจงและฉินหลานเซียงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก พวกเขากำลังมองซ้ายมองขวา มีแค่ฉู่จิ้งหลีคนเดียวเท่านั้นที่ดูไม่อินกับงานในคืนนี้
เมื่อคืนหลังจากที่หลินเทียนฉีพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับเหยียนหัวเสร็จ หลินเทียนฉีก็ได้จากไปเลย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาโดนเหยียนหัวพูดให้เจ็บช้ำน้ำใจหรือเปล่า
แต่วันนี้พ่อแม่ของเธอดันดึงดันที่จะพาเธอมาเข้าร่วมงานให้ได้ นี่จึงทำให้เธอยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
ถ้าเกิดฉินหลานเซียงไม่เอาความตายมาขู่เธอ เธอไม่อยากมาเข้าร่วมงานเลยด้วยซ้ำ
"จิ้งหลี สักพักถ้าเกิดเห็นพ่อของเหยียนหัว แกทำปากให้มันหวานๆหน่อยนะ นั่นมันพ่อผัวในอนาคตของแกเชียวนะ!" ฉินหลานเซียงพูดกำชับ
"แม่ แม่พูดจาเหลวไหลอะไรอีกแล้วเนี่ย!"
ฉู่จิ้งหลีรู้สึกเอือมระอาต่อแม่ของเธอมากๆ
"ฉันไม่สน เรื่องของแกและเสี่ยวหัวถูกกำหนดให้เป็นแบบนี้แล้ว แกรีบตัดความสัมพันธ์กับไอ้หลินเทียนฉีนั่นซะ มิเช่นนั้นก็อย่าหาว่าแม่ไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ที่เราเป็นแม่ลูกกัน!"
ฉินหลานเซียงขึงตาพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์
ฉู่จิ้งหลียังอยากโต้แย้งอีก แต่ฉู่ห้านจงกลับกระแอมแรงๆทีนึงก่อน "พวกคุณทั้งสองคนพอได้แล้ว ที่นี่มีคนเยอะขนาดนี้กำลังมองมาทางเรา ไม่รู้สึกอายบ้างหรือไง?"
และในตอนนี้เอง เหยียนหัวและพ่อของเขาก็ได้เดินตรงเข้ามาทางนี้ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มพอดี
"คุณฉู่คุณฉิน พวกคุณมาสักทีนะครับ!"
เหยียนมู่ไห่เดินเข้ามาจับมือกับฉู่ห้านจงอย่างเป็นมิตร พลางกวาดตามองฉู่จิ้งหลีตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่พึงพอใจ
ฉินหลานเซียงก็กำลังมองหน้าเหยียนหัวด้วยสายตาที่ชื่นชมเช่นกัน พลางพยักหน้ารัวๆ
"เมื่อดูแบบนี้แล้ว เสี่ยวหัวกับลูกสาวฉันก็ดูเหมาะสมกันมากๆเลยนะคะ หมาหัวเน่าที่ชื่อหลินเทียนฉีนั่นมันเทียบเคียงกับขี้เล็บของเสี่ยวหัวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ"
เหยียนหัวก็หัวเราะเช่นกัน : "คุณป้าพูดเกินไปแล้วครับ แต่หลินเทียนฉีนั่นมันเป็นแค่ตัวตลกตัวนึงจริงๆ ถึงแม้จิ้งหลีจะไม่ชอบฟังคำพูดแบบนี้ แต่ผมก็ต้องพูดออกมา"
"คุณป้าอาจจะยังไม่รู้ครับ เมื่อวานตอนที่ผมพูดคุยกับมันเป็นการส่วนตัว มันยังข่มขู่ผมอีกด้วยครับ บอกว่าถ้าเกิดผมกล้าคิดอะไรไม่ดีไม่ร้ายต่อจิ้งหลี มันก็จะฆ่าผม"
"อะไรนะ มันพูดแบบนี้จริงๆหรอ?"
ฉินหลานเซียงถลึงตา รู้สึกโกรธมากจนเอาเท้าย่ำกับพื้น
"ไอ้ตัวเฮงซวยนั่น เมื่อก่อนมันเป็นคนที่ทำให้ตระกูลฉู่ของเราตกต่ำอย่างทุกวันนี้ และยังทำให้ลูกสาวของฉันต้องรอมันมานาน 8 ปี ตอนนี้ในที่สุดลูกสาวฉันก็ได้พบเจอคู่สมรสที่คู่ควรแล้ว แต่มันยังคิดที่จะเข้ามาปั่นหัวลูกสาวฉันอีก!"
"ทำไมมันถึงไม่ไปตายเนี่ย มีคนไร้ประโยชน์แบบนี้อยู่บนโลก นอกจากจะเป็นตัวถ่วงของสังคมแล้ว มันก็ทำอะไรไม่ได้อีกเลย!"
หลังจากที่พูดจบ เธอก็ได้หันไปมองเหยียนหัวพลางพูดว่า : "เสี่ยวหัว หนูไม่ต้องเป็นห่วงนะ สักพักถ้าเกิดมันกล้ามาพังงาน ป้าจะอบรมสั่งสอนมันด้วยน้ำมือของป้าเอง ป้าจะไม่ทำให้หนูต้องรู้สึกเสียใจแม้แต่นิดเดียว!"
หลังจากที่ได้ยินแบบนี้แล้ว เหยียนหัวก็ได้ยิ้มอย่างพึงพอใจ
เหยียนมู่ไห่ที่อยู่ข้างๆก็ได้เอ่ยปากพูดมาเหมือนกันว่า : "ในเมื่อคุณฉินเป็นห่วงเป็นใยลูกชายผมมากขนาดนี้ งั้นผมก็จะนิ่งดูดายอย่างเดียวไม่ได้ รอหลังจากที่งานแต่งของลูกชายผมและลูกสาวคุณจบลงแล้ว ผมจะไปเจรจากับทางตระกูลหลินให้เองครับ"
"เชื่อว่าตระกูลหลินก็น่าจะเข้าใจอยู่เหมือนกันว่าตระกูลฉู่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับหลินเทียนฉีอีกแล้ว บวกกับผมมีงานที่ได้ทำงานร่วมกับตระกูลหลิน ตระกูลหลินต้องไว้หน้าผมแน่นอนครับ!"
"ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีมากๆเลยค่ะ!"
ฉินหลานเซียงและฉู่ห้านจงต่างสบตาซึ่งกันและกันรอบนึง พลางถอนหายใจแรงๆ
"งั้นพวกคุณไปที่บริเวณด้านหลังห้องโถงก่อนเถอะครับ คุณนายของผมอยู่ที่นั่น เราจะได้เจรจาเรื่องสินสอดทองหมั้นและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานแต่งได้พอดี"
เหยียนมู่ไห่เรียกพนักงานคนนึงมา เพื่อพาครอบครัวตระกูลฉู่ทั้ง 3 คนไปด้านหลังห้องโถง
งานแต่งระหว่างตระกูลฉู่และตระกูลเหยียนใกล้จะลงเอยกันด้วยดีแล้ว
ในฐานะที่เป็นครอบครัวของคนที่ลูกชายจะแต่งงานด้วย จะต้อนรับพวกเขาอยู่ในห้องโถงเหมือนแขกธรรมดาทั่วไปไม่ได้อยู่แล้ว
ฉินหลานเซียงและฉู่ห้านจงรู้สึกดีใจมากเหมือนถูกรางวัลลอตเตอรี่ ก่อนที่พวกเขาจะรีบดึงตัวฉู่จิ้งหลีแล้วมุ่งหน้าเดินตรงเข้าไป
แววตาของฉู่จิ้งหลีเต็มเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง เธอหันหน้ากลับไปมองบริเวณทางเข้าอยู่เป็นระยะๆ ทั้งอยากเห็นเงาร่างนั้นและไม่อยากให้เขาปรากฏมาในงาน
งานเลี้ยงได้เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากการดูแลของเหยียนมู่ไห่ แขกทุกคนที่มาในงานเริ่มทำการทานอาหารต่างๆและเริ่มสนุกสนานกันแล้ว
อาหารในมื้อนี้คึกคักและสุขใจเป็นอย่างมาก
หลังจากที่แขกทุกคนที่อยู่ในงานกินกันพอหอมปากหอมคอแล้ว เหยียนมู่ไห่ก็ได้เดินขึ้นเวทีด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ
"ขอขอบพระคุณเพื่อนๆทุกคนที่ให้เกียรติมาร่วมงานด้วยนะครับ ผมจะขอใช้โอกาสนี้มาประกาศเรื่องเรื่องหนึ่ง"
ทุกคนต่างวางตะเกียบที่อยู่ในมือลงไปและนำสายตาจับจ้องไปทางเหยียนมู่ไห่
"ลูกชายของผมเหยียนหัว ถึงช่วงอายุที่แต่งงานแล้ว และเขาก็บังเอิญชอบคุณหนูสามแห่งตระกูลฉู่ ฉู่จิ้งหลี พอดี"
"ด้วยเหตุนี้ผมจึงอยากใช้งานในวันนี้มอบสินสอดทองหมั้นให้ตระกูลฉู่อย่างเป็นทางการ หวังว่าตระกูลฉู่จะสามารถนำตัวคุณหนูจิ้งหลีแต่งงานกับลูกชายผม!"
หลังจากที่ได้ยินแบบนี้แล้ว แขกทุกคนที่อยู่ในงานก็ต่างพากันปรบมือโห่ร้อง
แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงที่หนักแน่นและมีพลังดังมาจากด้านนอก!
"คิดจะมาแย่งผู้หญิงของฉัน ตระกูลเหยียนพวกแกใหญ่โตมาจากไหน!"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved