บทที่ 4 พูดให้ชัดเจน

”อะไรนะ”เมื่อถางฉานได้ยินสมองก็ว่างเปล่าทันที เธอโกรธจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ จึงชี้หน้าด่าหลัวชุน “ไอ้คนเลวทะเยอทะยานใฝ่สูง เสียแรงที่ตระกูลเย่ของเรารับแกมาดูแล ซ้ำยังยกลูกสาวให้ ไม่คิดว่าแกแต่งงานไปแค่สองวันจะกล้าทำเรื่องเลวๆแบบนี้ แกยังเป็นคนอยู่ไหม”

”ปิงเผิงอย่ากลัวลูก แม่อยู่นี่ ใครก็จะไม่กล้าทำอะไรลูก”

ถางฉานกอดปลอบเย่ปิงเผิง แล้วหันไปชี้หน้าด่าเย่ไท่ “เป็นเพราะคุณ ดูสิว่าคุณเอาคนแบบไหนรับมาเลี้ยง สารเลวแบบนี้จะให้ลูกอยู่บ้านนี้ได้อีกเหรอ”

เมื่อพูดจบก็หันมาชี้หน้าด่าหลัวชุนอีก “แกด้วย ทำเรื่องแบบนี้ แกดูถูกพ่อแม่ตัวเองที่ตายไปแล้วอย่างนั้นเหรอ พวกเขาสอนแกยังไง มีแต่คนเลี้ยงไม่มีคนสอนเหรอ”

หลัวชุนสีหน้าเปลี่ยน ดวงตาสั่นไหว

”คุณหุบปาก” เย่ไท่ตะโกนเสียงดัง สีหน้าขรึม พูดกับถางฉาน “คุณเป็นคนมีการศึกษา คุณพูดคำพูดพวกนี้ออกมาได้ยังไง”

ถางฉานด่าต่อ “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ ฉันพูดผิดเหรอ แต่งงานมาได้แค่สองวันก็กล้ามารังแกน้องสะใภ้แล้ว นี่เป็นสิ่งที่คนเขาทำกันเหรอ”

หลัวชุนได้ยินว่าเธอด่าถึงพ่อแม่ ก็โกรธจนทนไม่ไหวอยู่แล้ว จึงพูดอกมาอย่างเยือกเย็น “ป้าถาง ป้าพูดถูก เย่ปิงเผิงมีคนสั่งมีคนสอน พวกคุณถามเธอให้ดีสิว่าเมื่อกี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

เย่ปิงเผิงกระทืบเท้า ร้องตะโกน “แกไง เมื่อกี้แกฉีกเสื้อผ้าฉันจนขาดไปหมด แล้วยังจะ...........ยังจะยังพูดคำที่น่าขยะแขยงอีกมากมาย ฉันไม่อยากพูดแล้ว........ฮือ ฮือ.....ฉันไม่อยากอยู่แล้ว”

หลัวชุนโกรธจนหัวเราะออกมา เขาส่ายหน้า “เย่ปิงเผิง คุณรู้ตัวคุณเองดี ผมหลัวชุนไม่ได้เข้าหาคุณ และไม่ได้แตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม”

”แกหมายความว่าไง”

ถางฉานหน้าถอดสี พูดด้วยความโกรธว่า “วันนี้คนแซ่หลัวอย่างแกต้องพูดมาให้รู้เรื่อง ลูกสาวฉันเป็นยังไง ไม่ว่าเธอจะทนไม่ได้แค่ไหน แต่เธอก็แข็งแกร่งกว่าแกเป็นพันเท่าหมื่นเท่า แกเองน่ะเป็นอะไร ได้ยินมานานแล้วว่าพวกทหารหยาบคาย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำออกมาหมด ตอนนี้ยังมาใส่ร้ายปิงเผิงอีก พวกเรานี่ตาบอดจริงๆที่เลี้ยงแกมาจนโตแบบนี้”

”ใช่” เย่ปิงเผิงร้องไห้และพูดว่า “คนระยำแบบนี้จริงๆแล้วไม่เหมาะกับพี่สาวฉันเลย รีบเอาเขาออกไป อย่าให้เขาเข้ามาในบ้านพวกเราอีก ออกไป ออกไป”

เย่ปิงหรงเหนื่อยกับการแต่งงานครั้งนี้มานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง เธอแค่อยากจบชีวิตการแต่งงานนี้เร็วๆ จึงพูดอย่างเย็นชาว่า “นายจะออกไปด้วยตัวเอง หรือจะให้พวกเราแจ้งความ”

เมื่อหลัวชุนได้ยินเธอพูดแบบนี้ หัวใจของเขาก็เย็นชาไปหมด ความรู้สึกสุดท้ายที่มีต่อเย่ปิงหรงก็หายไปเช่นกัน เขายิ้มอย่างไม่แยแส “ผมจะไป แต่เรื่องนี้ต้องทำให้กระจ่างแจ้งก่อน ถ้าคนอย่างหลัวชุนต้องการจะทำชั่ว พวกคุณก็จับได้ติด อีกอย่างเย่ปิงเผิงเป็นคนยังไงพวกคุณเองก็รู้อยู่แกใจ พวกคุณลองถามตัวเองดู ตั้งแต่เล็กจนโตเธอโกหกพวกคุณมากี่ครั้งแล้ว ใช้แผนการชั่วร้ายมากี่ครั้งแล้ว เพียงเพราะว่าเธอเป็นลูกเป็นน้องของพวกคุณเหรา ถึงได้เข้าข้างเธอ และเพราะยังไงผมก็แค่คนนอก”

เมื่อคำพวกนี้ถูกพูดออกมาทุกคนต่างเงียบ คิดใคร่ครวญอย่างถีถ้วน ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเต็มไปด้วยช่องโหว่

สุดท้ายหลัวชุนก็มองไปที่เย่ปิงเผิง “ส่วนคุณ ตอนเด็กที่ไปเรียน คุณให้คนมาทำร้ายผม เงินค่าขนมที่พ่อคุณให้ผมคุณก็แย่งจากผมไปหมด บอกว่าผมไม่สมควรจะได้ใช้ คุณแย่งเงินของผมเพื่อไปเปิดห้อง ให้ผู้ชายถูกเนื้อต้องตัวตั้งแต่อายุสิบห้า พอเรียนมอปลายก็ทำแท้ง ตอนนี้ก็ยังคบหาอยู่กับพวกเสเพลพวกนั้น สองสามวันก็เปลี่ยนผู้ชายหนึ่งคน คุณฟังไว้ให้ดีนะ แม้ว่าคนอย่างหลัวชุนจะเลว แต่จะไม่แตะต้องคุณแม้แต่ปลายเล็บ เพราะคุณสกปรก”

”แก........แก........”เย่ปิงเผิงหน้าซีด ไม่รู้ว่าทำไมหลัวชุนถึงรู้เรื่องพวกนี้

ถางฉานทั้งตกใจทั้งโกรธ จ้องมองเย่ปิงเผิงและถาม “เรื่องที่เขาพูดจริงไหม”

เย่ปิงเผิงสีหน้าตื่นตระหนก “ไม่จริง เขา เขาโกหกทั้งหมด แม่คะแม่อย่าไปเชื่อเขานะ”

เมื่อพูดคำพูดเหล่านี้ออกมา หลัวชุนก็สงบลง เขาสวมนาฬิกา มองไปที่เย่ปิงหรง “ผมจะไปเอง แต่ผมมีบางอย่างจะพูด ผมชอบคุณตั้งแต่ยังเด็ก และมักจะคิดว่าถ้าพวกเราอยู่ด้วยกันนานๆไปคุณก็จะชอบผม แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิด ในเมื่อคุณใช้วิธีที่น่ารังเกียจแบบนี้ และไม่มีความรู้สึกอะไรกับผมแม้แต่นิดเดียว พรุ่งนี้เราจะไปหย่ากันที่เขต ลาก่อน”

หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกจากประตูไป

เย่ปิงหรงหน้าขาวซีด ใจเธอเริ่มกระวนกระวาย

”เสี่ยวชุน รอก่อน”เย่ไท่รีบตะโกนเรียกหลัวชุน

หลัวชุนยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหน้า “ลุงเย่ครับ เรื่องความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ ปิงหรงและผมอยู่ด้วยกันไปก็มีแต่จะทนทุกข์ เธอมีชีวิตมีความต้องการเป็นของตัวเอง พวกเราไม่เหมาะสมที่จะอยู่ด้วยกัน”

”วันนี้ก็ดึกแล้ว ถ้าจะไปก็ไปพรุ่งนี้เถอะ ได้ไหม”

เย่ไท่พูดอย่างจริงจัง หลัวชุนไม่อยากให้เขาเสียใจ จึงทำได้แค่พยักหน้า หันตัวกลับขึ้นตึกไป เขาไปนอนที่ห้องเย่ปิงหรงไม่ได้ เขาจึงขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อฝึกฝน

หลังจากหลัวชุนไปแล้ว สีหน้าเย่ไท่ก็กลับมาขรึมอีกครั้ง เขามองไปที่ผู้หญิงทั้งสามที่อยู่ด้านหลัง “พวกเธอตามฉันมา”

แน่นอนว่าทั้งบ้านเย่ไท่มีอำนาจมากที่สุด เมื่อเขาโกรธผู้หญิงทั้งสามคนก็ไม่กล้าแสดงออก ได้แต่เดินตามเขาไปที่ห้องรับแขกอย่างเชื่อฟัง เย่ไท่ตบเย่ปิงเผิงด้วยหลังมือจนลมลงกับพื้น และด่าเธอ “แกไม่อายบ้างเหรอ ทำเรื่องร้ายแรงไปกี่ครั้งแล้ว ห่ะ!!”

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

173