บทที่ 7 อุบัติเหตุทางรถยนต์

หลัวชุนข่มความโกรธไว้ คิดอยู่นานแล้วพูดว่า “คุณอยากฆ่าหานเคอ คุณก็ปกปิดความผิดไม่ได้ ใครจะมาดูแลเสี่ยวหลินล่ะ คุณอยากให้ชีวิตที่เหลือของเธอต้องลำบากเหรอหานเคอผมแก้แค้นเอง คุณดูแลเสี่ยวหลินเถอะ ควรทำให้เธอหายเร็วๆ หลังจากนั้นก็ไปอยู่ที่อื่น”

หลี่ผิงเงียบ และไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

คลื่นหัวใจของหลัวชุนสั่นไหว คิดถึงสนามรบที่ต่างประเทศ ถ้าเป็นที่นั่นจะแก้ปัญหาได้ด้วยการยิงเพียงนัดเดียว แต่ทำไมเมื่ออยู่ที่นี่ หานเคอถึงยังอยู่ได้อย่างสบายใจ แม้ว่าจะไขคดีได้แล้วก็ตาม เขาคงจะหาแพะรับบปมารับโทษแทนเขาได้ หลังจากนั้นก็ไปทำชั่วต่อ ทำไมคนเลวๆอย่างเขาต้องทำชั่วได้ แต่คนดีกลับถูกเขาฆ่า

ผ่านไปไม่นานก็มีตำรวจท่านหนึ่งเข้ามาจากด้านนอก เขาเปิดประตูและพูดว่า “พวกนายไปได้แล้ว”

หลัวชุนรีบดึงหลี่ผิงให้ออกไปทันที เย่ปิงหรงนั่งรออยู่ในห้องรับแขก สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หลังจากที่เห็นทั้งสองคนออกมาเธอจึงรีบลุกและเดินออกไปข้างนอก

”กัปตัน ขอบคุณคุณกับภรรยาด้วย ผมไปดูเสี่ยวหลินที่โรงพยาบาลก่อนนะ” หลี่ผิงสีหน้าหมองคล้ำ พูดจบก็หันตัวเดินออกจากสถานีตำรวจไปอย่างเงียบๆ

ทันใดนั้นเย่ไท่ก็เดินลงมาจากชั้นบน ตบไหล่ของหลัวชุน “ขึ้นรถก่อนแล้วค่อยพูดเถอะ”

เย่ปิงหรงนั่งรออยู่ในรถก่อนแล้ว ทั้งสามคนกลับไปที่คฤหาสน์ด้วยกัน ถางฉานและเย่ปิงเผิงกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา เย่ปิงเผิงจึงหัวเราะและพูดว่า “ว้าว วีรบุรุษหลัวผู้ยิ่งใหญ่ของเรากลับมาแล้ว”

ทั้งสามคนนั่งลงหน้าโต๊ะ ในที่สุดเย่ปิงหรงก็ทนไม่ไหว เธอสูดลมหายใจลึกและพูดว่า “ฉันไหว้ล่ะ ครั้งหน้าอย่าเที่ยวไปต่อยตีกับใครได้ไหม นายรู้ไหมครั้งนี้พ่อต้องเสียเงินไปเท่าไหร่เพื่อช่วยพวกนายออกมา”

เย่ไท่ลูบหน้าผากแล้วพูดว่า “หานจินฉวนแสดงให้เห็นว่านี้เป็นการทักทาย นายเตะซี่โครงหานเคอหักสามซี่ พวกเขาแจ้งข้อหาพยายามฆ่าโดยเจตนา อาจถูกยิงเป้าได้ ยังดีที่ฉันยังมีมิตรภาพที่ดีกับผู้กำกับอยู่บ้าง เลยตัดสินแค่ชดใช้ค่าเสียหาย”

หลัวชุนขมวดคิ้ว “ไม่มีกฎหมายเหรอ เห็นอยู่ว่าหานเคอก่ออาชญากรรม เขาทำให้ภรรยาของสหายร่วมรบของผมต้องเป็นแบบนั้น.........”

”หลักฐานล่ะ”เย่ไท่ขัดจังหวะเขา “นายจะกล่าวหาหานเคอต้องมีหลักฐาน นายมีไหม ถึงจะมีหลักฐาน เขาแค่หาคนมารับแทนก็ผ่านไปได้แล้ว สืบสาวไม่ถึงตัวเขาหรอก เรื่องนี้ทำได้แค่นี้แหละ คนตระกูลหานทำเรื่องสกปรกแบบนี้ นายจับเขาไม่ได้หรอก”

หัวใจหลัวชุนเย็นชาขึ้นมาและถามต่อว่า “งั้นก็จบแบบนี้เหรอ เรื่องที่ไอ้สารเลวนั้นทำลงไป ทำไมมันถึงไม่ได้รับโทษ”

เย่ผิงหรงพูดต่ออย่างโมโห “นายช่วยเป็นผู้ใหญ่ขึ้นหน่อยได้ไหม เป็นทหารจนโง่ไปแล้วเหรอ เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่นายคิดนะ นายท่านตระกูลหานแอบทำเรื่องสกปรกไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้ว ตอนนี้ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างดี ฉันแนะนำให้นายไม่ต้องไปยุ่งกับพวกเขาอีก คนแบบนี้พ่อฉันยังทำอะไรไม่ได้ อยู่ให้ห่างๆ นายมีความสามารถอะไรที่จะไปท้าทายกับคนอื่นเหรอ เรื่องของภรรยาสหายร่วมรบของนายพวกเราก็เสียใจ แต่อย่าพาตระกูลเย่ไปเสี่ยงกับการแก้แค้นคนตระกูลหานด้วย โลกเรามันก็เป็นแบบนี้ นายต้องยอมรับความจริง”

”ใช่” เย่ปิงเผิงพูด “เรื่องวุ่นวายพวกนี้ล้วนเป็นนายที่สร้างขึ้นมา ถ้านายไม่ไปทะเลาะกับหานเคอในงานแต่ง สหายร่วมรบของนายก็คงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ นายมันหาเหาใส่หัว ไปยั่วโมโหคนที่ไม่ควรยั่ว สมน้ำหน้า”

หลัวชุนหลับตา เดินเข้าไปที่โซฟา “คุณวางใจได้ ผมจะไม่ลากพวกคุณมาเกี่ยวด้วย”

ถางฉานพูดพร้อมรอยยิ้มที่เย็นชา “นายจะทำอะไร หยิบปืนของนายไปฆ่าคนเหรอ นายช่วยตื่นมาหน่อย ที่นี้เป็นสังคมของรัฐบาล ไม่ว่าเมื่อก่อนนายจะเก่งกาจแค่ไหน มาถึงที่นี้นายก็ต้องเคารพกฎหมาย ที่นี้มากฎหมาย สำหรับอำนาจ คนอื่นมีอำนาจ นายก็ต้องก้มหัว หยุดทำตัวไร้เดียงสา สิ่งของที่นายใช้ในสนามรบมันไร้ประโยชน์ เข้าใจไหม”

เย่ปิงเผิงพูดอย่างย่ามใจ “แม่ไม่ต้องไปพูดกับเขาหรอกค่ะ คนไม่มีวัฒนธรรมอะไรอย่างเขาจะไปเข้าใจอะไรได้ยังไง รอให้เขาเสียเปรียบมากๆ เดี๋ยวเขาก็เข้าใจไปเอง คนอย่างเขาสมควรโดนสมน้ำหน้า ชอบหาเรื่องใส่ตัว”

หลัวชุนอารมณ์เสีย ลุกขึ้นและเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า

คืนนี้เขาไม่ได้ฝึกฝนร่างกาย และไม่ได้หลับตา ในหัวมีแต่ใบหน้าของหานเคอที่มีรอยยิ้มร้ายกาจ หลี่ผิงก็เย็นชา แม่ลูกตระกูลเย่ก็เยาะเย้ย

ถ้าคนอย่างหานเคออยู่ในสนามรบ หลัวชุนคงจะฆ่าเขาสักหมื่นครั้ง

เสียงโทรศัพท์ของหลัวชุนดังขึ้นในเช้ามืด เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของหลี่ผิง เขารีบรับสาย หลี่ผิงที่อยู่ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงขรึม “กัปตัน วัน.....วันนี้ผมจะไปแล้ว จะพาเสี่ยวหลินไปอยู่บ้านเกิด ผมไม่อยากให้เธอต้องมาได้รับอันตรายอีกแล้ว”

ครึ่งชั่วโมงให้หลัง หลัวชุนรีบไปที่บ้านเช่าของหลี่ผิง เขาหยิบสัมภาระทั้งหมดมาไว้ในรถเสร็จแล้ว เตรียมตัวที่จะออกเดินทาง

เสี่ยวหลินนั่งอยู่ในรถ สีหน้าขาวซีด มองกระจกด้านหน้านิ่งๆ เขาพูดคุยกับเธอ เธอก็ไม่ตอบกลับ เธอเหมือนหญิงชราที่ป่วยมานานหลายปี ไม่มีความน่ารักเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

หลัวชุนปวดใจมาก เขาถามหลี่ผิง “หมอบอกว่าเสี่ยวหลินมีโอกาสจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม”

หลี่ผิงพูดด้วยแววตาเศร้า “หมอจิตแพทย์บอกว่ามีหวัง ก่อนหน้านี้เสี่ยวหลินบอกว่าอยากกลับบ้านเกิด ที่นั้นบรรยากาศดี ผมเลยจะพาเธอไปดู บางที บางทีอาการอาจจะดีขึ้น

หลัวชุนหยิบบัตรเครดิตออกมา วางไว้ในมือหลี่ผิง “เอาเงินนี้ไปปักหลัก แล้วพาเสี่ยวหลินไปหาจิตแพทย์ที่เก่งที่สุด ถ้าเงินไม่พอบอกผมได้ตลอดเวลา ตอนนี้กัปตันมีภรรยาที่มีฐานะแล้ว ไม่ลำบากเรื่องเงิน”

ที่จริงเงินพวกนี้เป็นเงินออมของเขาในช่วงหลายปีมานี้ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เอาเงินของตระกูลเย่มาใช้สักบาท

หลี่ผิงก็จำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ จึงพูดอย่างตื้นตัน “ขอบคุณครับกัปตัน”

”ไปเถอะ ถ้ามีเวลาผมจะไปเยี่ยมพวกคุณ” หลัวชุนโบกมือ ส่งหลี่ผิงขึ้นรถด้วยตัวเอง ออกเดินทางอย่างช้าๆ

หลังจากที่รถขับออกไปไม่กี่เมตร หลี่ผิงก็ยื่นหน้าออกมาจากรถและพูดว่า “กัปตัน ผมเอาของดีกลับมาจากสนามรบเก็บไว้ที่ต้นไม้ต้นที่สองหลังห้อง คุณต้องเอากลับไปด้วยนะ”

หลัวชุนโบกมือ มองรถของหลี่ผิงหายลับไป แล้วจึงไปดูที่หลังห้องของหลี่ผิง

ที่นี่เป็นบ้านเช่าในชานเมือง ด้านหลังเป็นลานขยะ จึงมีต้นไม้เพียงไม่กี่ต้นที่เติบโตอย่างแข็งแรง หลัวชุนยืมเสียมมาขุด เพียงแต่รากไม้มีอายุยาวนานการขุดจึงใช้แรงเยอะ เขาขุดตั้งแต่ฟ้าสว่างยันฟ้ามืด ในที่สุดก็ขุดเจอของสีดำลักษณะเหมือนกล่อง

เมื่อเห็นกล่อง หลัวชุดก็ใจเต้น มองไปรอบๆเห็นว่าไม่มีใครจึงรีบหยิบกล่องนั้นขึ้นมา และเอาดินกลบหลุมไว้เหมือนเดิม

หลังจากกลับมาถึงคฤหาสน์หลัวชุนก็ปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าจากด้านหลังก่อน เพื่อเอาหีบไปซ่อนไว้ แล้วจึงกลับไปเข้าทางปกติ

ถางฉานและลูกสาวทั้งสองคนกำลังเล่นโป๊กเกอร์ ก็หันมองหลัวชุนแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร

เย่ไท่กวักมือเรียก “มานี่เร็ว มีคนเอาไวน์เก่าแก่อายุกว่าแปดสิบปีมาให้ฉัน รีบมาลองดื่มเร็ว”

ในใจหลัวชุนอยากจะขึ้นไปดูของดีที่อยู่ชั้นบน ดื่มไปสองคำก็เตรียมจะแยกตัว ทันใดนั้นข่าวทางทีวีก็ดึงดูดความสนใจของเขา เขาเงยหน้าขึ้นไปดู ช่องข่าวท้องถิ่นกำลังฉายภาพข่าว “วันนี้ตอนสายมีรถขนของขนาดเล็กชนเข้ากับรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่จินหู คนในรถขนของขนาดเล็กสองรายเสียชีวิตทันที ได้ตรวจสอบทราบว่าเป็นหลี่ผิงและเสี่ยวหลินผู้อาศัยในเมืองนี้.........”

หลัวชุนสีหน้าเปลี่ยน แก้วไวน์ในมือก็ถูกบดเป็นชิ้นๆ

คนทั้งห้องมองไปที่ทีวี ไม่มีใครพูดอะไร

ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของหลัวชุนก็ดังขึ้น เขารับสาย ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของหานเคอ “เป็นไงบ้าง ฉันให้ของขวัญใหญ่ชิ้นนี้กับนาย ชอบไหม”

หลัวชุนสีหน้าเยือกเย็น เขาวางสายแล้วลุกขึ้น เดินขึ้นไปบนดาดฟ้าโดยไม่พูดอะไรสักคำ

”เขาเป็นอะไร”

”ปิงหรงไปดูเขาหน่อย อย่าให้เขาไปทำเรื่องอะไรโง่ๆอีก

เย่ปิงหรงจึงวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อดู แต่ก็ต้องตะลึง “ไม่มีคน”

หลัวชุนถือหีบใบนั้นออกไปนานแล้ว เขาวิ่งอย่างดุเดือดในซอยมืด สมองเขาสงบมาก ในใจไม่มีความโกรธแล้ว มีเพียงหนึ่งความคิด งั้นก็ฆ่าหานเคอซะ









































Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

173