บทที่ 11 ยอมรับความผิด

หลัวชุนจ้องมองคนทั้งสี่ และสายตาก็หยุดอยู่ที่เย่ไท่ เห็นว่าเขาดูกระตือรือร้น จึงมองผ่านไปที่ถางฉานและพูดว่า “คนอย่างผมไม่ได้มีวัฒนธรรมอะไร ตอนเป็นทหารก็ต่อยตีฆ่าฟัน เรียนรู้อยู่เพียงอย่างเดียวคือปกป้องประเทศ ตอนนี้คุณคิดว่ามีประโยชน์ไหม”

ถางฉานถูกคนรุ่นหลังตำหนิ สีหน้าก็ค่อนข้างเสียใจ แต่ก็เงยหน้าขึ้นมามองหลัวชุนด้วยแววตารู้สึกผิด ในใจรู้สึกห่อเหี่ยว เธอก้มหน้าแล้วพูดว่า “ฉันผิดไปแล้ว...........”

หลัวชุนยังพูดอีกว่า “เย่ปิงเผิง พ่อคุณสามารถช่วยชีวิตคุณได้ คุณกลับทำให้เขาต้องเสี่ยงอันตราย ถ้าวันนี้ผมไม่ไป คุณคิดว่าตัวเองจะเป็นยังไง”

ช่วงเวลาที่หลัวชุนกระโดนลงมาจากฟ้าปรากฏขึ้นในความคิดของเย่ปิงเผิง ราวกับว่าพระเจ้าลงมาช่วยเธอ แต่ก่อนหน้านี้เธอกลับใส่ร้ายเขานับครั้งไม่ถ้วน เธอรู้สึกผิดอยู่ในใจ ร้องไห้และพูดว่า “ขอโทษ เมื่อก่อนฉันไม่น่าพูดอย่างนั้นกับนาย ฉันไม่ควรด่านาย........ขอโทษ ฉันไม่ดีเอง......”

เย่ไท่ดวงตาแดงก่ำ โอบกอดลูกสาวโดยไม่พูดอะไรสักคำ

แล้วหลัวชุนก็หันไปมองเย่ปิงหรง เขาสูดลมหายใจลึกและพูดว่า “ลุงเย่ครับ ป้าถางครับ ผมเป็นคนในครอบครัวของพวกคุณ แต่ผมกับปิงหรงไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยกันจริงๆครับ เธอควรจะได้มีชีวิตที่เธอเลือกเอง พวกเราตัดสินใจที่จะหย่ากันแล้วครับ พรุ่งนี้พวกเราจะไปดำเนินการเรื่องนี้ต่อ”

เขาเตรียมที่จะหย่าแล้ว ก็เป็นพ่อตาแม่ยายไม่ได้ เรียกลุงกับป้าก็เหมาะสมแล้ว

พูดจบเขาก็ไม่สนใจทุกคนอีก หันตัวกลับขึ้นไปด้านบน เดินตรงขึ้นไปบนดาดฟ้า

เขาจ้องมองท้องฟ้าสีครามด้วยความงุนงง เนื่องจากมวลอากาศในร่างกายสะท้อนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยดาวดาว เขามักจะรู้สึกว่ามีลมหายใจที่คุ้นเคยในส่วนลึกของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่สะท้อนตัวเขาเอง

ในทางตรงกันข้าม โลกในปัจจุบันไม่มีนัยสำคัญจริงๆ

เย่ปิงหรงขึ้นไปชั้นบนอย่างเงียบๆ ความรู้สึกแปลกๆก็ผุดขึ้นมาในใจ เธอเห็นหลัวชุนยืนอยู่ตรงหน้าเธออย่างชัดเจน แต่กลับรู้สึกเหมือนว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นั้น เขาดูเหมือนเป็นคนหนึ่งคน และก็เหมือนกับเป็นรูปปั้นหิน

ในตอนนี้หลัวชุนรู้สึกถึงความรู้สึกที่ลึกลับจริงๆ แต่ความรู้สึกนั้นหายวับไป และไม่กลับมาอีก

เย่ปิงหรงเดินไปข้างกายเขา พูดด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน “ขอโทษ สองวันมานี้ทำให้นายต้องเสียใจ...........ที่จริง ฉันแค่ไม่พอใจกับอัตตาของพ่อ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายเลย นายอย่าเอาไปใส่ใจเลย”

ผิวขาวของเธอเปล่งประกายระยิบระยับท่ามกลางแสงแดด ผมปลิวไปตามสายลม ออร่าที่ฟุ้งกระจาย หลัวชุนอดไม่ได้ที่จะใจสั่น เขาส่ายหน้าและพูดว่า “เรื่องเล็กครับ ผมไม่ได้เอามาใส่ใจ................”

”อื้ม” เย่ปิงหรงก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร เธอรู้สึกว่าหลัวชุนก็เป็นคนดี แต่ในใจเธอก็ยังมีหนุ่มหล่ออยู่อีกคน เขามีพรสวรรค์ มีความน่าค้นหา แม้ทั้งสองคนจะไม่ได้สร้างความสัมพันธ์ เธอกลับรู้สึกว่าเขาก็เป็นเพื่อนในอุดมคติของเธอ

ในใจเธอ หลัวชุนยังแย่กว่าหน่อย

ตอนบ่ายตำรวจสองคนมาสอบปากคำ เย่ไท่ออกมารับหน้าและไม่นานพวกเขาก็จากไป

ถางฉานถอนหายใจและพูดว่า “ยังดีที่ไม่ใช่การแก้แค้นของหานจินฉวน ไม่งั้นปิงเผิงคงไม่มีชีวิตอยู่”

เย่ไท่ถามด้วยสีหน้าสงสัย “ลูกชายหานจินฉวนตายทำไมถึงไม่มาแก้แค้น ช่วงสองวันนี้อย่าออกไปไหนโดยพละการเด็ดขาด ปิงหรงถ้าลูกออกไปไหนก็พาเสี่ยวชุนไปด้วย มีเขาอยู่จะได้ปลอดภัย”

เย่ปิงหรงมองไปทางหลัวชุน “คืนนี้ฉันมีงานเลี้ยงธุรกิจที่สำคัญ เดี๋ยวก็ต้องออกไปแล้ว นายรอฉันเดี๋ยว ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

ไม่นานเย่ปิงหรงก็เปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาชั้นล่างด้วยชุดสีม่วงเข้ม เธอแต่งหน้าอ่อนๆ สวมสร้อยเพชรที่คอ ดูมีเกียรติและมีออร่า

ก่อนออกจากบ้านถังฉานคว้าแขนหลัวชุนและพูดว่า “เสี่ยวชุน ฉันขอร้องให้นายช่วยดูแลปิงหรงให้ดีด้วยนะ” เธอกลัวว่าลูกสาวเธอจะเป็นอะไรขึ้นมาอีก เธอรู้สึกตื่นตระหนกในใจ

หลัวชุนรู้สึกว่าน่าขำมาก ตอนเขาอยู่ต่างประเทศคนที่เขาปกป้องคือหัวหน้า ผบ. คนใหญ่คนโตประเภทนักการฑูต มีประสบการณ์มามากมาย และไม่เคยพลาดเลย ขอโทษด้วยที่หานจินฉวนไม่สามารถใช้เทคนิคนี้ทำอะไรเขาได้ คือการส่งนักฆ่าไปลอบสังหาร คนประเภทนี้ตายไปทีละคน ดังนั้นเย่ปิงหรงไม่น่าจะมีอันตรายอะไร

ก่อนออกจากประตูหลัวชุนตรวจสอบยานพาหนะก่อน ถึงจะให้เย่ปิงหรงขึ้นรถ และรีบขับไปที่โรงแรมหงเหว่ยที่อยู่ใจกลางเมือง

คนที่มางานเลี้ยงล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีน่ามีตา รถคันหรูที่จอดตรงประตูกำลังเข้าแถวอยู่บนถนน ทั้งสองคนเดินไปที่ห้องจัดเลี้ยงชั้นบนสุด ผู้รักษาความปลอดภัยที่ประตูตรวจสอบบัตรเชิญก่อนที่จะปล่อยให้ทั้งสองเข้าไป

ทันทีที่ผ่านเข้าประตูไปก็มีเสียงดังขึ้นมาทันที มีความแออัดทั้งห้องจัดเลี้ยง การปรากฏตัวของเย่ปิงหรงดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากทันที ชายหนุ่มหลายคนเดินเข้ามาทักทาย เพราะเย่ปิงหรงก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมาก แม้ว่าเธอจะแต่งงานแล้วเธอก็ยังฮอต

แต่หลัวชุนที่อยู่ข้างๆกลับถูกละเลยโดยสิ้นเชิง เขาใส่เสื้อยืดกางเกงยีน คนส่วนใหญ่ต่างคิดว่าเขาเป็นบอดี้การ์ดหรือไม่ก็คนขับรถ จึงไม่ได้ใส่ใจ

“ปิงหรง ไม่เจอกันนานเลยนะ”ชายหนุ่มในผ้าสักลาดเดินเข้ามาทัก เขาเดินมาพร้อมกับหญิงสาวรูปร่างสูง ทั้งสองคนต่างมองมาที่เย่ปิงหรง

ผู้หญิงคนนั้นมองหลัวชุนอย่างพินิจพิจารณา เผยยิ้มที่มุมปากและถามว่า “ปิงหรง คนนี้คือสามีทหารของเธอใช่ไหม ฉันอยากรู้จริงๆว่าเธอคิดอะไรอยู่ หยางไห่จวินหล่อและเพียบพร้อมขนาดนั้น ทุกคนต่างคิดว่าพวกเธอเหมาะสมกัน ทำไมจู่ๆถึงมาแต่งกับทหารได้ น่าเสียดายจริงๆ”

เธอกล่าวถึงคนรักเก่าของเย่ปิงหรงในที่สาธารนะ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เห็นหลัวชุนอยู่ในสายตาเลย

สีหน้าเย่ปิงหรงค่อนข้างตะขิดตะขวง เธอรู้ว่าตัวเองแต่งงานกับทหารแล้วในสายตาคนอื่นก็ดูเหมือนเป็นเรื่องตลก ในใจเธอจึงค่อนข้างไม่สบายใจ

หลัวชุนหรี่ตามอง จ้องมองสาวสวยร่างสูง “ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงชื่ออะไรครับ”

ผู้หญิงคนนั้นมองหลัวชุนด้วยแววตาดูถูก ไม่ได้สนใจ เย่ปิงหรงจึงพูดแนะนำ “ผู้หญิงคนนี้คือติงหว่าน คนที่อยู่ข้างเธอคือจางเหวินไห่ของเทียนเจิ้งกรุ๊ป และเป็นคู่หมั้นของเธอ

เมื่อพูดถึงเทียนเจิ้งกรุ๊ป ในหน้าของติงหว่านก็แสดงความพึงพอใจขึ้นมาทันที ราวกับจะบอกว่าเย่ปิงหรงเป็นคนที่สวยแล้วยังไง ฉันได้แต่งงานกับคนที่ดีกว่าของเธอ

จางเหวินไห่มองไปที่หลัวชุนด้วยความสนใจ “ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณหลัวทำงานอะไรครับ”

ติงหว่านพูดยิ้มๆ “ทำงานอะไร ก็ต้องเกาะผู้หญิงกินนะสิ ดูการแต่งตัวของเขาสิ งานที่มีก็คงเป็นรปภ.แล้ว”

คนโดยรอบที่ได้ยินต่างก็หัวเราะ ผู้หญิงบางคนก็ซุบซิบกัน “ทำไมสามีเย่ปิงหรงถึงน่าสมเพชขนาดนี้ เมื่อเทียบกับหยางไห่จวินแล้วยังแย่กว่ามาก เขาเป็นทั้งนักเรียนที่จบจากต่างประเทศ และมีงานทำธุรกิจเป็นของตัวเองอีก แถมยังเรียนปริญาเอกที่มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด ไม่รู้ว่าทิ้งห่างทหารคนนี้ไปไกลแค่ไหน ผู้หญิงหลายคนต่างอยากแต่งงานกับเขา ไม่รู้ว่าเย่ปิงหรงคิดยังไงของเธอ”

จางเหวินไห่ตั้งใจที่จะทำให้ติงหว่านพอใจจึงถามหลัวชุนต่อ “ผมได้ยินว่าวันนี้หยางไห่จวินคู่แข่งของคุณก็มาร่วมงานเลี้ยงด้วย คุณมีกลยุทธ์อะไรในการรับมือเหรอ”

เมื่อได้ยินคำถามนั้นของเขา ทุกคนต่างเอี้ยวหูฟัง อยากรู้ว่าทหารที่น่าเกลียดคนนี้จะตอบยังไง

หลัวชุนตอบอย่างไม่แยแส “ก็เป็นแค่คนเก่า จำเป็นที่ต้องแข่งด้วยเหรอครับ”

หลังจากเงียบไปชั่วครู่ คนทั้งห้องจัดเลี้ยงส่งเสียงหัวเราะ เสียงหัวเราะดำเนินไปไม่หยุด “เขาโง่หรือบ้า หรือสมองมีปัญหา เขาไม่ดูสภาพตัวเองเลย ในในสัจธรรมนี้ที่แม้แต่ปลายนิ้วของหยางไห่จวินก็เทียบไม่ได้”

บางคนก็ส่ายหน้าและพูดว่า “ไม่คิดเลยว่าสามีเย่ปิงหรงจะน่าสมเพชขนาดนี้ หรือเป็นคนชอบพูดอะไรโง่ๆ แต่งงานกับคนแบบนี้ช่างน่าสงสารจริงๆ

ติงหว่านขำจนตัวสั่น ชี้ไปทางหลัวชุนและพูดว่า “ปิงหรง สามีคนนี้ของเธอช่างกล้าจริงๆ เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร เป็นพระเจ้าเหรอ หยางไห่จวินเป็นใคร แค่ดีดนิ้วก็ตายได้ ช่างน่าขำจริงๆ เฮ้อ หรือเขาอ่านนิยายมากไปแล้วสติเลยไม่ค่อยดี น่าจะรีบพาเขาไปตรวจที่โรงพยาบาลหน่อยนะ”

จากนั้นประตูก็ถูกผลักให้เปิดออก มีคนพูดอย่างตกใจว่า “หยางไห่จวินมาแล้ว”











































Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

173