บทที่ 6 ไม่มีทางแก้ไข

เมื่อรุ่งอรุณมาถึง หลัวชุนก็ลุกขึ้น เขารู้สึกเพียงว่าตอนนี้มีพลังสมบูรณ์ขึ้น ดีกว่าที่เคยเป็น

เมืองทั้งเมืองยังคงตกอยู่ในความเงียบ หลัวชุนมองไปที่สนามหญ้าด้านล่าง ด้วยความร้อนที่ศีรษะของเขา เขาจึงกระโดดลงไป และล้มลงบนสนามหญ้า เบาๆ ยืดหยุ่นเหมือนแมว

สดชื่น!

หลัวชุนตะโกน เขาวิ่งออกไป ซึ่งเขาก็วิ่งห้ากิโลทุกวันเป็นเรื่องที่ปกติสำหรับเขาอยู่แล้ว

เมื่อผ่านร้านขนมเฮอหย่งจี้ หลัวชุนก็รู้สึกใจเต้น จึงซื้อขนมทีเย่ปิงหรงชอบกินกลับไปให้เธอ

ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองได้คิดกับเย่ปิงหรงแค่น้องสาวแล้วจริงๆ ไม่ได้ยึดติดกับความรู้สึกของทั้งสอง เพราะหลังจากที่เขาสัมผัสได้ถึงพลังของมวลอากาศในร่างกาย เขาก็ไม่สนใจเรื่องของโลกนี้อีกต่อไป ตอนนี้เขาแค่อยากให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น

หลังจากกลับมาถึงคฤหาสน์ ถางฉานก็เตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้ว เมื่อเย่ปิงเผิงเห็นหลัวชุน ก็จ้องมองเขาด้วยสายตาเกลียดชัง “เมื่อวานบอกกับทุกคนว่าจะไปแล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะอยู่ที่นี่ทำไมอีก”เธออาศัยช่วงที่เย่ไท่ออกไปทำธุระ โจมตีหลัวชุนอย่างไม่หยุดยั้ง

เย่ปิงหรงออกมาจากห้องนอนพอดี จึงดุเธอ “เธอหุบปาก แล้วกินข้าวเช้าของตัวเองไป”

”เฮ้ย ฉันช่วยพี่อยู่นะ”เย่ปิงเผิงมองพี่สาวอย่างสงสัย เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป

หลัวชุนยิ้มออกทันที เขาวางขนมเฮอหย่งจี้ไว้บนโต๊ะและพูดว่า “ผมซื้ออาหารเช้ามาให้พวกคุณ ส่วนผมกินมาแล้ว ขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

เมื่อเย่ปิงหรงไปถึงโต๊ะก็เปิดถุงออกดู เห็นว่าด้านในเป็นขนมที่ตัวเองชอบ จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม

เย่ปิงเผิงจึงพูดอย่างสงสัย “เฮ้ย ฉันหวังว่าพี่จะไม่ถูกซื้อใจด้วยอาหารเช้าแค่ถุงเดียวนี้หรอกนะ เขาเป็นคนไม่ดี พี่อย่าไปให้เขาหลอกล่ะ”

เธอพูดเรื่องแย่ๆของหลัวชุนตลอดทั้งเช้า แต่หลัวชุนกลับทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยิน และทำแต่เรื่องของตัวเอง หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จเย่ปิงหรงจึงพูดว่า “ ฉันไปบริษัทก่อนนะ หลัวชุน คุณไปกับฉัน ฉันจะหาตำแหน่งงานให้คุณทำ”

เย่ไท่ได้ให้ลูกสาวหาตำแหน่งงานไว้ให้หลัวชุนนานแล้ว ก่อนหน้านี้เย่ปิงหรงมีความไม่พอใจ เพราะไม่ชอบการครอบงำของพ่อ และไม่อยากเห็นหลัวชุนด้วยซ้ำ แต่หลังจากเมื่อวานที่ได้รู้เรื่องในอดีตแล้ว เธอก็ปล่อยวางอคติลง เตรียมที่จะหาตำแหน่งงานให้หลัวชุน

หลัวชุนจึงขับรถพาเธอไปที่บริษัท เมื่อมาถึงประตูบริษัททุกคนต่างทักทายกล่าวสวัสดีคุณเย่

วันนี้เย่ปิงหรงสวมชุดเป็นทางการ ม้วนผมงอ เธอดูโดดเด่นมาก จนไม่สามารถติเตียนอะไรเธอได้เลย

หลัวชุนมีหูตาไว สัมผัสพิเศษของเขามีความไวกว่าเมื่อก่อนมาก เขาได้ยินกลุ่มคนแอบกระซิบกัน “พวกเราคุณเย่สวยมากเลย น่าจะไปเป็นดาราหรือแสดงหนังนะ”

”น่าเสียดายที่เพิ่งแต่งงานไปเมื่อวันก่อน ไม่รู้ว่าเป็นไอ้คนไหนเป็นใครเหมือนหนูตกถังข้าวสาร เหมือนหนูตกถังข้าวสาร บุญเก่าหนุนนำแท้ๆ แม่ง ดูขาขาวๆนั้นสิ ถ้าฉันได้มีโอกาสสักครั้งนะ ฉันจะลูบไล้ขานั้นไปนานๆ........”

หลัวชุนขมวดคิ้ว เย่ปิงหรงโดดเด่นในกลุ่มคนมากจริงๆ รูปร่างที่สมบูรณ์แบบ ความสูงที่สะดุดตา ไม่แปลกใจเลยที่คนพวกนี้จะใช้คำพูดที่ลามก

เมื่อทั้งสองเข้าไปในห้องทำงานก็เห็นหานเคอนอนอยู่บนโซฟาอย่างอ้อยอิ่ง ศีรษะถูกพันด้วยผ้าพันแผล ข้างกายมีตำรวจอยู่สองคน

”ปิงหรง ที่รักของผม เราเจอกันอีกแล้วนะ”หานเคอมองทั้งสองคนด้วยแววตามืดมน จ้องมองหลัวชุนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

ตำรวจทั้งสองคนลุกขึ้นยืน เดินไปหยุดอยู่หน้าหลัวชุน แสดงข้อมูลรับรองของตัวเองขึ้นมา “เราได้รับแจ้งจากคุณหาน บอกว่าเมื่อวานเขาถูกทำร้ายที่สุสานอีซาน ผมอยากทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ของพวกคุณหน่อย”

หลัวชุนมองไปที่หานเคอด้วยแววตาเยือกเย็น และนั่งลงพร้อมกับเย่ปิงหรง เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานออกมา

ตำรวจทั้งสองคนจดไปพลางและถามไปพลาง ถามเรื่องราวทุกอย่างอย่างละเอียด ถามซ้ำไปซ้ำมาอย่างน่ารำคาญ

เวลาผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมง หลัวชุนขมวดคิ้วแน่น สำหรับนิสัยของหานเคอแล้ว คงไม่ได้เชิญตำรวจสองท่านนี้มาสอบสวนธรรมดาๆแน่ เขาต้องมีส่วนรู้เห็นเป็นใจ

และไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ทันใดนั้นก็มีเสียงอุทานออกมาจากด้านนอก จากนั้นประตูก็ถูกกระแทกให้เปิดออก ร่างเปื้อนเลือดคนหนึ่ง วิ่งเข้ามาพร้อมมีดทำครัว มองหานเคอด้วยดวงตาแดงก่ำ พูดด้วยความโกรธว่า “ไอ้หาน กูจะฆ่ามึง”

ตำรวจทั้งสองคนยืนขึ้นพร้อมกับพูดว่า “จะทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้”

หลัวชุนมองออกว่าชายบ้าคลั่งคนนี้คือหลี่ผิง เขาตกใจมาก รีบเข้าไปขวาง “ผิงจือ เกิดอะไรขึ้น”

หลี่ผิงโกรธจนตัวสั่น น้ำตาไหลพรากเป็นสาย ใช้มีดชี้ไปทางหานเคอ “ไอ้เหี้ยนี่ ไอ้เหี้ยนี่ มัน.....มันส่งคนไปย่ำยีเสี่ยวหลิน”

มีเสียงเกิดขึ้นในหัวของหลัวชุนทันที เสี่ยวหลินคือภรรยาของหลี่ผิง วันก่อนยังมาร่วมดื่มฉลองในงานแต่งของเขาอยู่เลย เมื่อคิดถึงความน่ารักของเธอและกลับต้องมาถูกหานเคอย่ำยี ในใจเขาโกรธจนถึงขีดสุด จึงพูดด้วยความโกรธว่า “ไอ้เหี้ยหาน มึงหาเรื่องตายเหรอ”

เขาหันไปถีบหานเคอ

จนหานเคอกระเด็นออกไป ล้มลงกับพื้นจนเลือดกลบปาก เขาเอามือกุมอก และกลับหัวเราะออกมา

หลัวชุนถูกหลุมดำสองหลุมของปากกระบอกปืนปรากฏขึ้นด้านหน้าและชี้มาที่ศีรษะ ตำรวจทั้งสองคนตะโกนเสียงดัง “นอนลงบนพื้น สองมือวางไว้บนหัว เร็ว”

หลัวชุนค่อยๆใจเย็น จ้องหานเคออย่างเอาเป็นเอาตาย และทำได้แค่นอนลงกับพื้นอย่างไม่เต็มใจ แล้วเขาก็ถูกใส่กุญแจมือ

หลี่ผิงก็ถูกจับกุม ทั้งสองคนถูกจับไปสถานีตำรวจ ถูกคุมขังในห้องกักขัง สีหน้าหลี่ผิงเฉื่อยชา เขาซ่อนตัวอยู่ในมุมและร้องไห้คนเดียว

ในใจหลัวชุนก็เสียใจไม่แพ้กัน เขาก้าวไปข้างหน้าและตบไหล่เขา “โทษฉันเถอะ ถ้าในงานวันนั้นนายไม่ออกหน้ามาช่วยฉัน ก็คงไม่เป็นอย่างวันนี้.........ตอนนี้เสี่ยวหลินเป็นยังไงบ้าง”


หลี่ผิงยังคงก้มหน้าลงแนบชิดกับหัวเข่า พูดด้วยเสียงแหบ “ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้เธอบ้าไปแล้ว คุณหมอบอกว่าเธอมีโอกาสน้อยมากที่จะหาย”

”ไอ้เหี้ยนั่น” หลัวชุนต่อยกำแพงปูนด้วยความโกรธ และพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “นายวางใจเถอะ แค้นนี้ ฉันจะช่วยนายชำระ

หลี่ผิงดวงตาแดงก่ำ กำหมัดแน่นและพูดว่า “ฉันจะฆ่ามันด้วยมือฉันเอง”

หลัวชุนส่ายหน้า “ที่นี่ไม่ใช่สนามรบ นายฆ่าคนก็ต้องติดคุก เราต้องทำทุกอย่างตามกฎหมาย”

“แนวทางตามกฎหมายเหรอ” หลี่ผิงเผยรอยยิ้มที่เยือกเย็นบนใบหน้า “ตำรวจบอกว่าต้องมีหลักฐาน และคดีนี้ต้องค่อยๆสอบสวน นายมองไม่ออกเหรอ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มันเป็นกับดัก เขาตั้งใจให้ฉันไปทำร้ายเขาที่บริษัท หลังจากนั้นก็จะสามารถมีหลักฐานจับเราเข้าคุกได้ เขามีอำนาจมาก พวกเราจะฟ้องเขาได้เหรอ”

เขานั่งอยู่พักหนึ่งแล้วหลังจากนั้นก็พูดว่า “เมื่อวานตอนฉันกับเสี่ยวหลินกลับไปถึงบ้านก็ถูกวางยาสลบ หลังจากตื่นขึ้นมาก็เห็นว่าเธอ.......เธอถูกคนฉีกเสื้อผ้าเธอออก ฉันต้องเห็นภาพเธอถูกไอ้สารเลวนั้นรังแก นายรู้ไหม ตอนนี้เสี่ยวหลินมองฉัน สายตาเธอบอกอะไร เธออยากให้ฉันช่วยเธอ แต่ แต่ฉันช่วยเธอไม่ได้”

เมื่อพูดถึงตอนนี้เขาก็เสียงแหบจนไม่มีเสียง พูดด้วยรอยยิ้มที่แสนเศร้า “ถ้าฉันไม่ฆ่าหานเคอ ฉันยังจะมีหน้ามีชีวิตอยู่อีกเหรอ”













































































Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

173