บทที่ 14 ความสามารถพิเศษ

หลัวชุนตกใจจนใจเต้นแรง เขาจ้องมองมือตัวเอง ผิวเธอที่เหมือนจะเปลี่ยนเป็นโปร่งแสงจนสามารถมองเห็นกระดูกและเส้นเลือดได้ชัดเจน

เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ประตูด้านหลังเขาก็โปร่งใสเช่นกัน จนสามารถมองเห็นฉากด้านหลังประตูได้อย่างชัดเจน

“นี่เป็น............การมองทะลุวัตถุ”

หลัวชุนหายใจเข้า ในที่สุดก็สงบความตื่นเต้นลง และพบว่าการมองทะลุวัตถุของเขามีขีดจำกัด สามารถมองผ่านทะลุสิ่งของได้เพียงสิบเซนติเมตรเท่านั้น ถ้าหนากว่านี้ก็มองไม่ออกแล้ว

แต่นี่ก็ทำให้เขาตื่นเต้นได้แล้ว ถ้าอยู่ในสนามรบ แล้วมีความสามารถมองทะลุสิ่งของได้ก็เหมือนมีเทพเจ้าอยู่

ยิ่งไปกว่านั้นดวงตาของเขาดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้การหล่อเลี้ยงของมวลอากาศ ไม่แน่ว่าต่อไปอาจมองเห็นได้ไกลเป็นเมตรๆ หรือในระยะสิบเมตรหรือร้อยเมตรก็เป็นไปได้เช่นกัน

เขาลงไปชั้นล่าง ซึ่งพอดีกับที่เย่ปิงหรงกำลังออกมาจากห้องนอน เธอใส่ชุดนอนบางๆ และเขาก็จ้องมองเธอโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทำให้หูเขาแดงขึ้น

การมองทะลุวัตถุเกิดขึ้นได้อย่างอิสระ ครั้งก่อนเพียงแวบเดียว ไม่ได้มองเห็นภาพรวม ครั้งนี้กลับสามารถมองเห็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเย่ปิงหรงได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะหน้าอกตูมที่สั่นเล็กน้อย น่าลิ้มลองที่สุด บอกเลยว่าหุ่นของเธอแทบจะเป๊ะปัง

“ทำไมคุณหน้าแดงขนาดนั้น มีไข้รึเปล่า”เย่ปิงหรงยืนมือออกไปสัมผัสหน้าผากของเขา

“เปล่า เปล่า”หลัวชุนสูดกลิ่นหอมจากร่างกายเธอ ใจของเขาจึงเต้นแรงทันที เลือดในบริเวณหนึ่งดูเหมือนจะเข้มข้นขึ้น เขารีบมองทันที และพูดกับเธอด้วยเสียงเบาว่า “งั้น ผมขอไปแปรงฟันก่อนนะ”

เมื่อถึงเวลาทานอาหารเช้าหลัวชุนกำลังต่อต้านการใช้การมองเห็นทะลุวัตถุ ผู้หญิงสามคนบนโต๊ะอาหารล้วนคนที่มีหุ่นที่สมบูรณ์ ถ้ามองสุ่มสี่สุ่มห้าก็อาจทำให้เลือดกำเดาไหลได้

เย่ปิงหรงพูดขึ้น “เดี๋ยวฉันจะไปบริษัทสักหน่อย ปิงเผิงเธอไปกับพี่ พี่นัดหมอจิตแพทย์มาให้เธอแล้ว..............คุณไปส่งพวกเราได้ไหม” ตอนที่พูดเธอก็ใช้ไหลสัมผัสหลัวชุน

“ได้ครับ”

หลังจากกินข้าวเสร็จหลัวชุนก็ขับรถพาทั้งสองสาวไปส่งที่ตึกไท่อาน นี่เป็นครั้งที่สองที่เขามาที่บริษัท เมื่อเย่ปิงหรงเข้าไปก็เริ่มยุ่ง หลัวชุนจึงไปห้องรับรองกับเย่ปิงเผิงเพื่อรอจิตแพทย์ ระหว่างที่รอเขาก็หยิบกระดาษและปากกาขึ้นมา เตรียมร่างสัญญาหย่าร้าง

เย่ปิงเผิงก็ถามอย่างสงสัย “นายกำลังเขียนอะไรอยู่” เมื่อผ่านเมื่อวานที่เลวร้ายมา เธอก็เหมือนจะเปลี่ยนไปเลย สีผมย้อมกลับเป็นสีดำ สวมเสื้อผ้าที่เป็นทางการ ซ้ำยังเชื่องเหมือนแมว

หลัวชุนมองเธอแค่แวบหนึ่งแล้วพูดว่า “หนังสือสัญญาหย่าร้าง คุณอยากช่วยไหม”

“นายจะหย่ากับพี่ฉันจริงๆเหรอ” เย่ปิงเผิงถามอย่างร้อนใจ “นายไม่เห็นเหรอว่าเธอไม่ได้อยากจะหย่ากับนายแล้ว พวกคุณอย่าหย่ากันได้ไหม เมื่อก่อนฉันไม่รู้เรื่อง ฉันมักจะคิดว่าเวลานายมาที่บ้านพ่อก็จะดูแลนายเป็นห่วงนาย แล้วไม่สนใจฉัน เพราะงั้นฉันเลยรังแกนาย แต่ฉันรับรองว่าต่อไปฉันจะไม่ทำอีกแล้ว พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนานแล้ว ไม่งั้นฉันก็คงไม่ไปรังแกนายหรอก ได้ไหมพี่เขย”

เป็นครั้งแรกที่เธอเรียกพี่เขย หลัวชุนได้ยินก็รู้สึกแปลกใหม่ จึงยิ้มและส่ายหน้า “คนที่พี่สาวคุณชอบไม่ใช่คนแบบผม เธอชอบสุภาพบุรุษ แต่ผมเป็นแค่คนที่ไม่มีการศึกษา ผมเป็นพี่เขยให้คุณไม่ได้หรอก”

“ใครว่าล่ะ” เย่ปิงเผิงค้าน “พี่เป็นวีรบุรุษ ฉันชอบความกล้าหาญของพี่”

พูดยังไม่ทันจบ ประตูห้องก็ถูกคนผลักเข้ามา เลขามองและพูดว่า “คุณเย่ไม่อยู่เหรอคะ แปลกจัง เมื่อกี้เหมือนเธอจะยังไม่ออกไป”

เย่ปิงเผิงหน้าแดงทันที รู้สึกอาย ถ้าเรื่องกระจายออกไปว่าน้องสะใภ้ติดพี่เขยไม่แย่เลยเหรอ

หลัวชุนรู้สึกว่าผิดปกติ จึงเดินออกไปด้านนอกและมองไปรอบๆ พบว่าบนโต๊ะข้าวของกระจัดกระจาย ปากกาก็ตกลงอยู่บนพื้น ความรู้สึกแย่ๆเกิดขึ้นในใจ

และในตอนนี้เสียงนาฬิกาก็ดังขึ้น เป็นเย่ปิงหรงที่ส่งวีดีโอมา หลัวชุนเปิดดูทันที ในภาพคือเย่ปิงหรงกำลังนั่งอยู่บนรถ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ถูกปิดปากไว้ เธอกำลังดิ้นรน มีคนสวมหน้ากากนั่งอยู่ข้างๆ เขายิ้มและพูดว่า “ไอ้หลัว เรื่องเมื่อวานที่ถีบกูกูจำได้ มึงต้องมาที่สวนอุตสาหกรรมเขตหลัวจวง โรงงานที่3 กูจะรอมึงอยู่ที่นั่น แต่ก่อนที่มึงจะมาถึง กูจะลองดูสิว่าเมียมึงยังจะเย็นชาและสง่างามอยู่บนเตียงอีกไหม ฮ่าๆ”

เมื่อได้ยินเสียงก็รู้เลยว่าเป็นเกาเฟยอย่างไม่ต้องสงสัย

ในภาพเย่ปิงหรงร้องไห้อย่างหนัก จ้องมองกล้องด้วยแววตาสิ้นหวัง

วีดีโอจบลง เย่ปิงเผิงถามอย่างร้อนใจ “ทำยังไงดี พวกเรารีบไปเขตอุตสาหกรรมกันเถอะ”

หลัวชุนเปิดแอพพลิเคชั่นในมือถือ มองไปที่จุดเคลื่อนไหวบนแผนที่ ยิ้มอย่างเยือกเย็นและพูดว่า “พวกเขาไปที่ถ้ำของหานจินฉวน ต้องมีคนจำนวนมากรอจับตัวผมอยู่ที่สวนอุตสาหกรรมแน่” เขาหยุดครู่หนึ่งและพูดขึ้นมาอีกว่า “ดูเหมือนว่าหานจินฉวนจะมีคนฝีมือดี ไม่งั้นคงไม่คิดจะพาปิงหรงไปง่ายๆ”

หลังจากที่เย่ปิงเผิงถูกลักพาตัวไป หลัวชุนก็ได้ติดตั้งโปรแกรมติดตามตัวไว้ในโทรศัพท์ของทุกคนในตระกูลเย่ เกาเฟยก็แค่คนโง่คนหนึ่ง มีความสามารถไม่พอ ไม่เพียงแต่ไม่ตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆของเย่ปิงหรง ซ้ำยังกล้าที่จะใช้โทรศัพท์ส่งคลิปตัวเองมา

“คุณอยู่ที่นี่ ห้ามไปไหน ผมไปเดี๋ยวๆก็จะกลับ”

หลัวชุนกำชับเย่ปิงเผิงไว้ แล้วออกจากห้องไป

ข่าวเรื่องเย่ปิงหรงถูกลักพาตัวกระจายออกไปทั้งเหอตง เรื่องความขัดแย้งของตระกูลเย่กับหานจินฉวนเป็นจุดสนใจของทุกคนมากในช่วงหลายวันมานี้

เทียนเจิ้งกรุ๊ป

จางเหวินไห่ที่กำลังนั่งเล่นหมากรุกอยู่เป็นเพื่อนจางหงพ่อของตัวเอง หลังจากได้ยินข่าวก็ตกใจ “ทำไมหานจินฉวนถึงลงมือเร็วขนาดนี้”

ติงหว่านที่นั่งอยู่ข้างๆพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ ฉันบอกแล้วว่าสามีเย่ปิงหรงรนหาที่ตาย ถ้าพวกเขารู้ว่าพวกเขาแต่งลูกเขยที่สร้างความเดือดร้อนมา เกรงว่าในตอนแรกต้องค้านจนหัวชนฝาแน่ หึ เย่ปิงหรงอยู่ตั้งสวย แม้แต่สวรรค์ก็ทนมองไม่ได้แล้ว จึงลงโทษเธอ”

จางหงหน้าซีด แต่แววตากลับสดใส เขาพยักหน้าและพูดว่า “หานจินฉวนวางแผนมานานแล้ว คงไม่ได้เพิ่งวางแผน เย่ไท่น่าจะตกอยู่ในเงื้อมมือลูกเขยคนนี้แล้ว”

จางเหวินไห่ส่ายหน้าและพูดว่า “ตระกูลเย่คงต้องจบสิ้นแล้ว เย่ไท่คงไม่คิดว่าแต่งลูกเขยคนนี้เข้ามาจะต้องซวยอย่างนี้ พ่อครับเรื่องแต่งงานให้น้องสาว พ่ออย่าทำเหมือนคนตระกูลเย่นะ”

ตระกูลเย่ถูกทุกคนในเหอตงหัวเราะเยาะ ทุกคนรู้ว่าตระกูลเย่ซวยเพราะลูกเขย ที่ผลักตระกูลเย่ลงไปในเหวด้วยตัวเอง

ในเวลาเดียวกัน หลัวชุนได้ตามมาจนถึงนอกบ้านตระกูลเย่แล้ว ได้เห็นคนร่างใหญ่หลายสิบคนเดินลานตระเวนอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเย่ ภายใต้การป้องกันที่เข้มงวดเช่นนี้แม้แต่แมลงวันก็ไม่สามารถบินเข้ามาได้

หลัวชุนหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป เขาตรงเข้าไปที่ประตูใหญ่ ตะโกนเสียงดัง “หานจินฉวน ตายซะ”





Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

173