บทที่ 13 เป็นเหมือนพี่เป็นเหมือนพ่อ
by โย่วฉ่ายโย่วล่างม่าน
16:19,May 04,2021
บนถนนที่มีผู้คนผ่านไปผ่านมา สายตาของผู้คนนับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่ลัมโบร์กีนีคันนี้
สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ราคาเริ่มต้นของลัมโบร์กีนีคันนี้อย่างน้อยสองร้าน คาดไม่ถึงว่าจะมาจอดอยู่หน้าร้านเล็กๆที่ทรุดโทรมแบบนี้ สิ่งนี้ทำให้คนยากที่จะเข้าใจจริงๆ
"บ้าเอ๊ย นี่มันอะไรกันเนี่ย เจ้าของรถคันนี้ต้องการเข้าไปกินบะหมี่ร้านนี้เหรอ?"
มีคนตะลึงและตะโกน
"คนที่สามารถขับลัมโบร์กีนีได้ จะมากินร้านบะหมี่แบบนี้เหรอ?"
พูดด้วยการดูถูกเล็กน้อย
"รถคันนั้นจอดอยู่ที่หน้าร้านเล็กๆจริงๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ด้วยจินตนาการของข้อจำกัดความยากของฉัน ฉันคิดไม่ออกอะไรเลยเกี่ยวกับงานอดิเรกของคนรวย"
คนมากมายตะโกนทีละคน สายตาของคนมากมายหยุดอยู่บนรถคันนี้ ในเวลานี้ประตูรถถูกเปิดออก หญิงสาวสวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่คนหนึ่งเดินลงมาจากรถ
หญิงสาวสวมชุดสีดำทั้งตัว ดูเหมือนมีความสามารถมาก ผมยาวบนศีรษะถูกมัดรวบไว้อย่างเรียบร้อย ถอดแว่นกันแดดออกจากใบหน้า ใบหน้าที่ไร้ที่ติถูกเปิดเผยออกมา
"ว้าว สาวงาม สาวสวยไร้ที่ติ! สาวสวยที่คู่กับรถ คนสวย เป็นคนรวย!"
ผู้หญิงถอดแว่นกันแดดออกทันที มีเสียงอุทานออกมาที่สถานที่ เพียงแต่ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นจะชินกับฉากดังกล่าวแล้ว เดินไปทางร้านเล็กๆอย่างไม่ใส่ใจ
"เป็นสาวสวยคนหนึ่ง ฉันยินดีที่จะแลกชีวิตสิบปีเพื่อให้ฉันได้จูบอันหอมหวาน"
"คุณยังจะมาจูบอันหอมหวานอีก สามารถได้จับมือของเธอ ฉันก็พอใจมากแล้ว"
"ความโลภของพวกคุณมากเกินไปแล้ว ฉันหวังแค่สามารถได้ใกล้ชิดเธอสักหน่อย ดมกินหอมบนตัวของเธอสักหน่อย"
เจ้าตัวไปแล้ว แต่ว่าคนที่อยู่ด้านหลังยังหารือกันไม่สิ้นสุด
"คุณผู้หญิง ขอสอบถามหน่อยต้องการกินอะไรไหม?"
เมื่อเห็นว่ารถหรูหราคันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าร้านของตัวเอง ลุงเหอก็เดินออกมาจากห้องครัวเช่นกัน เมื่อเห็นว่าคนที่ลงมาเป็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ เขาแปลกใจเล็กน้อย
"เอาบะหมี่ไส้หมูสักชามแล้วกัน!"
หญิงสาวพูด ระหว่างที่พูด จากนั้นก็เดินไปอยู่ต่อหน้าหลงไจ่เทียนและนั่งลง
"ไม่ถือสาที่นั่งโต๊ะเดียวกันใช่ไหม?"
หญิงสาวถาม ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลากินข้าว ดังนั้นภายในร้านมีเพียงแค่พ่อลูกสองคน แต่ว่าหญิงสาวกลับเลือกนั่งโต๊ะเดียวกับหลงไจ่เทียน
"ไม่ถือสา ฉันควรจะเรียกคุณว่ายังไงเหรอ?"
หลงไจ่เทียนกลับถามด้วยใบหน้าที่ธรรมดา ดูเหมือนว่าสำหรับพฤติกรรมของหญิงสาว เขาไม่รู้สึกแปลดใจเลยแม้แต่นิดเดียว
"หลินซี เป็นคนของตระกูลหลินในเมืองเหยี่ยน บัลลังก์ขี้ลืมจริงๆ ในตอนนั้นข้อมูลของฉันคุณเป็นคนตรวจสอบด้วยตัวเอง!"
หญิงสาวพูดช้าๆ
"เธอไม่ควรจะมาปรากฏตัวที่นี่นะ!"
หลงไจ่เทียนพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา
"คุณสามารถถอดชุดเกราะและใช้ชีวิตปกติได้ ทำไหมฉันจะทำไม่ได้ล่ะ? ทุกคนล้วนแล้วมีสิทธิ์ในการทำเรื่องที่ตัวเองชอบ หรือว่าไม่ใช่เหรอ? "
หญิงสาวถามกลับ
"มันมีเหตุผลแบบนี้จริงๆ"
คำตอบแบบนี้ หลงไจ่เทียนไม่สามารถหักล้างได้
"นี่ก็คือองค์หญิงของพวกเราเหรอ?"
สายตาของหลินซีหยุดอยู่บนตัวของหลงเสี่ยวซี และถาม
"สวัสดีพี่สาว พี่สาวคุณสวยมากเลย! สวยเหมือนกับพี่สาวชินเลียนเลย!"
หลงเสี่ยวซีมองไปที่หลินซีตรงๆและพูด
"ปากน้อยหวานจริงๆ ฉลาดจริงๆ ไม่เสียแรงที่เป็นองค์หญิงตัวน้อยของชายแดนใต้ของพวกเรา"
ถูกสาวน้อยชมแบบนี้ หลินซีทนไม่ไหวจนหัวเราะออกมา
"เธอชื่อว่าหลงเสี่ยวซี ฉันชื่อว่าหลงไจ่เทียน เธอสามารถเรียกชื่อของฉันได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องเรียกชื่ออย่างอื่น"
หลงไจ่เทียนพูดด้วยการต้องการปิดบังบางอย่าง ในสถานที่แบบนี้ เขายังมีเรื่องมากมายต้องทำ เขาไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลอย่างใดอย่างหนึ่งของตัวเองออกมา
"ระหว่างคุณและฉันพูดได้ว่า เป็นเหมือนพี่เป็นเหมือนพ่อ จะให้ฉันเรียกชื่อของคุณโดยตรงได้ยังไง? ต่อจากนี้ไปฉันจะเรียนคุณว่าพี่ชายแล้วกัน"
หลินซีครุ่นคิดสักครู่ ค่อยพูด
"อันนี้แล้วแต่เธอเลย"
"พี่ชายต้องการอยู่ในเมืองหลินเจียงอีกนาน มีการวางแผนอะไร?"
จากนั้นหลินซีก็ถาม
"เธอมาหาฉันมีเรื่องอะไร?"
"หลงไจ่เทียนไม่ได้ตอบกลับโดยตรง แต่เป็นการถามกลับ"
"ตระกูลของพวกเราทางนี้มีธุรกิจบางอย่าง ฉันก็เลยมาแวะที่นี่สักหน่อยพอดี"
หลินซีพูด
"เท่านี้เองเหรอ?"
"ฉันมาที่นี่เพื่อส่งข่าวให้พี่ชายรู้ถึงความหมายของคุณปู่ของฉันและเรื่องของข้างบน สถานะและตำแหน่งของคุณ ยังคงรักษาเอาไว้ ไม่มีการเข้าไปยุ่ง ในเมืองหลินเจียง คุณสามารถใช้อำนาจทุกอย่างได้ ทำเรื่องที่คุณต้องการทำได้"
หลินซีพูด
"ฉันต้องการทำเรื่องอะไร จำเป็นต้องยืมอำนาจของพวกเขาด้วยเหรอ?"
มุมปากของหลงไจ่เทียนยกขึ้น พูดด้วยความน่าสนใจ
"แน่นอนว่าไม่ใช่ความหมายนี้ ความหมายของคุณปู่และข้างบน เป็นการให้คุณทำสิ่งต่างๆได้ง่ายขึ้น เมื่อพบกับปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ สามารถใช้อำนาจทั้งหมดของที่นี่ได้"
หลินซีตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรบางอย่างผิด จากนั้นก็พูดต่อ
"ฉันยังมีเรื่องที่ไม่สามารถจัดการได้เหรอ?"
มุมปากของหลงไจ่เทียนยกขึ้นอีกครั้งและพูด
"พี่ชาย ฉันไม่ได้หมายว่าแบบนั้น!"
"หลินซีลุกขึ้นยืน พูดด้วยความหวาดกลัว"
"ฉันเข้าใจว่าเธอหมายความว่ายังไง เธอต้องการช่วยฉัน แต่ฉันไม่จำเป็น! เรื่องที่ฉันจะทำในอนาคตทั้งหมด ทั้งหมดเป็นเพราะความแค้นส่วนตัว ฉันไม่อยากใช้อำนาจใดๆของชายแดนใต้ และยิ่งไม่ต้องการให้ชายแดนใต้และแม้กระทั่งต้าเซี่ยได้รับผลกระทบ! แน่นอน ฉันไม่อยากได้รับอิทธิพลจากพวกคุณ! เธอเข้าใจหรือยัง?"
หลงไจ่เทียนพูดอีกครั้ง หลงเสี่ยวซีที่อยู่ด้านข้างกำลังฟังทั้งสองคนคุยกัน มีความรู้สึกเหมือนตกอยู่ในกริบเมฆ นี่คือเรื่องเฉพาะที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลย ป้าจางก็ไม่เคยเล่าเรื่องต่างๆเหล่านี้ให้เธอฟังมาก่อน
"ดังนั้น ตอนนี้ฉันถอดชุดเกราะเป็นคนธรรมดาแล้ว ฉันในตอนนี้ เป็นคุณหนูของตระกูลหลินในเมืองเหยี่ยน ตอนที่ฉันมีอายุสิบห้าปี คุณปู่ก็ให้ฉันไปเข้าร่วมสนามรบของชายแดนใต้ เดิมทีที่ฉันล้มเหลวในการทดสอบดาบแห่งความมืดก็มีความคิดที่ต้องการกลับมาสืบทอดทรัพย์สินหลายพันล้าน ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอยู่ที่ชายแดนใต้แล้ว ฉันเลือกที่จะกลับมาสืบทอดทรัพย์สินหลายพันล้านไม่ได้เหรอ?"
หลินซีพูดด้วยอารมณ์ของการโต้เถียง สิ่งที่เธอกลัวยิ่งกว่าคือกลัวหลงไจ่เทียนไล่เธอไป
"อย่างนั้นก็ได้ คุณหนูที่เอาแต่ใจ!"
หลงไจ่เทียนพูดไม่ออกเล็กน้อย
"ดังนั้น ต่อจากนี้พี่ชายวางแผนจะทำอะไร? สำหรับเรื่องที่เกี่ยวข้องในตอนนั้น ฉันยังคงมีข้อมูลบางอย่างบ้างเล็กน้อย ถ้ามีโอกาส ฉันต้องการคุยกับพี่ชายสองคน"
หลินซีพูดอีกครั้งด้วยความกังวล
"อีกสักพักฉันจะไปหาชินหยวนหลินสักหน่อย"
หลงไจ่เทียนขมวดคิ้วเบาๆและพูด
"เป็นคนที่อยู่บนทีวีบอกว่าตัวเองไม่สนใจเงินคนนั้นที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลินเจียงอย่างชินหยวนหลินเหรอ?"
หลินซียกมุมปากและถาม
"ใช่แล้ว"
คำตอบของหลงไจ่เทียนนั้นง่ายมาก
"พี่สาว คุณก็รู้จักคนนั้นด้วยเหรอที่บอกว่าตัวเองไม่สนใจเงินอย่างชายชราชั่วคนนั้น? ชายชราชั่วคนนั้นร้ายอย่างมาก เวลาที่ฉันและคุณพ่ออดยากอยู่ที่บ้าน มักจะได้ยินเขาบอกว่าไม่สนใจเงิน"
หลงเสี่ยวซีที่อยู่ด้านข้างได้ยินทั้งสองคนคุยกัน ไม่มีโอกาสที่จะแทรกเข้ามาพูดโดยตลอด ในครั้งนี้ ในที่สุดก็ได้รับโอกาสแทรกเข้ามาพูดได้สักที
"เอ๊ะ.....ฮ่าๆๆ.....หนูก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหอร?"
หลินซีเกือบจะหัวเราะไม่ออกมา จับใบหน้าของหลงเสี่ยวซีด้วยความเอ็นดูและพูด
"รู้จักสิ เห็นในทีวี"
สาวน้อยพยักหน้า พูดด้วยความมั่นใจอย่างมาก
"ฉันส่งพวกคุณไปเอง ฉันนั้นไม่ไปพบพวกเขาแล้ว พวกเขายังไม่รู้จักตัวตนของฉัน พวกเขารู้เพียงแค่ว่าตัวฉันเองเป็นแค่คนกลางธรรมดาคนหนึ่งที่เมืองเหยี่ยนส่งมาเท่านั้น"
หลินซีมองไปทางหลงไจ่เทียนพูดอีกครั้ง
"คุณไม่ต้องส่ง พวกเราเดินไปเองก็พอแล้ว"
หลงไจ่เทียนส่ายหัวและพูด
"คุณลุง คิดเงิน!"
ระหว่างที่พูด สิ่งแรกที่หลินเจียงทำคือเรียกให้มาเช็คบิล
สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ราคาเริ่มต้นของลัมโบร์กีนีคันนี้อย่างน้อยสองร้าน คาดไม่ถึงว่าจะมาจอดอยู่หน้าร้านเล็กๆที่ทรุดโทรมแบบนี้ สิ่งนี้ทำให้คนยากที่จะเข้าใจจริงๆ
"บ้าเอ๊ย นี่มันอะไรกันเนี่ย เจ้าของรถคันนี้ต้องการเข้าไปกินบะหมี่ร้านนี้เหรอ?"
มีคนตะลึงและตะโกน
"คนที่สามารถขับลัมโบร์กีนีได้ จะมากินร้านบะหมี่แบบนี้เหรอ?"
พูดด้วยการดูถูกเล็กน้อย
"รถคันนั้นจอดอยู่ที่หน้าร้านเล็กๆจริงๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ด้วยจินตนาการของข้อจำกัดความยากของฉัน ฉันคิดไม่ออกอะไรเลยเกี่ยวกับงานอดิเรกของคนรวย"
คนมากมายตะโกนทีละคน สายตาของคนมากมายหยุดอยู่บนรถคันนี้ ในเวลานี้ประตูรถถูกเปิดออก หญิงสาวสวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่คนหนึ่งเดินลงมาจากรถ
หญิงสาวสวมชุดสีดำทั้งตัว ดูเหมือนมีความสามารถมาก ผมยาวบนศีรษะถูกมัดรวบไว้อย่างเรียบร้อย ถอดแว่นกันแดดออกจากใบหน้า ใบหน้าที่ไร้ที่ติถูกเปิดเผยออกมา
"ว้าว สาวงาม สาวสวยไร้ที่ติ! สาวสวยที่คู่กับรถ คนสวย เป็นคนรวย!"
ผู้หญิงถอดแว่นกันแดดออกทันที มีเสียงอุทานออกมาที่สถานที่ เพียงแต่ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นจะชินกับฉากดังกล่าวแล้ว เดินไปทางร้านเล็กๆอย่างไม่ใส่ใจ
"เป็นสาวสวยคนหนึ่ง ฉันยินดีที่จะแลกชีวิตสิบปีเพื่อให้ฉันได้จูบอันหอมหวาน"
"คุณยังจะมาจูบอันหอมหวานอีก สามารถได้จับมือของเธอ ฉันก็พอใจมากแล้ว"
"ความโลภของพวกคุณมากเกินไปแล้ว ฉันหวังแค่สามารถได้ใกล้ชิดเธอสักหน่อย ดมกินหอมบนตัวของเธอสักหน่อย"
เจ้าตัวไปแล้ว แต่ว่าคนที่อยู่ด้านหลังยังหารือกันไม่สิ้นสุด
"คุณผู้หญิง ขอสอบถามหน่อยต้องการกินอะไรไหม?"
เมื่อเห็นว่ารถหรูหราคันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าร้านของตัวเอง ลุงเหอก็เดินออกมาจากห้องครัวเช่นกัน เมื่อเห็นว่าคนที่ลงมาเป็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ เขาแปลกใจเล็กน้อย
"เอาบะหมี่ไส้หมูสักชามแล้วกัน!"
หญิงสาวพูด ระหว่างที่พูด จากนั้นก็เดินไปอยู่ต่อหน้าหลงไจ่เทียนและนั่งลง
"ไม่ถือสาที่นั่งโต๊ะเดียวกันใช่ไหม?"
หญิงสาวถาม ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลากินข้าว ดังนั้นภายในร้านมีเพียงแค่พ่อลูกสองคน แต่ว่าหญิงสาวกลับเลือกนั่งโต๊ะเดียวกับหลงไจ่เทียน
"ไม่ถือสา ฉันควรจะเรียกคุณว่ายังไงเหรอ?"
หลงไจ่เทียนกลับถามด้วยใบหน้าที่ธรรมดา ดูเหมือนว่าสำหรับพฤติกรรมของหญิงสาว เขาไม่รู้สึกแปลดใจเลยแม้แต่นิดเดียว
"หลินซี เป็นคนของตระกูลหลินในเมืองเหยี่ยน บัลลังก์ขี้ลืมจริงๆ ในตอนนั้นข้อมูลของฉันคุณเป็นคนตรวจสอบด้วยตัวเอง!"
หญิงสาวพูดช้าๆ
"เธอไม่ควรจะมาปรากฏตัวที่นี่นะ!"
หลงไจ่เทียนพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา
"คุณสามารถถอดชุดเกราะและใช้ชีวิตปกติได้ ทำไหมฉันจะทำไม่ได้ล่ะ? ทุกคนล้วนแล้วมีสิทธิ์ในการทำเรื่องที่ตัวเองชอบ หรือว่าไม่ใช่เหรอ? "
หญิงสาวถามกลับ
"มันมีเหตุผลแบบนี้จริงๆ"
คำตอบแบบนี้ หลงไจ่เทียนไม่สามารถหักล้างได้
"นี่ก็คือองค์หญิงของพวกเราเหรอ?"
สายตาของหลินซีหยุดอยู่บนตัวของหลงเสี่ยวซี และถาม
"สวัสดีพี่สาว พี่สาวคุณสวยมากเลย! สวยเหมือนกับพี่สาวชินเลียนเลย!"
หลงเสี่ยวซีมองไปที่หลินซีตรงๆและพูด
"ปากน้อยหวานจริงๆ ฉลาดจริงๆ ไม่เสียแรงที่เป็นองค์หญิงตัวน้อยของชายแดนใต้ของพวกเรา"
ถูกสาวน้อยชมแบบนี้ หลินซีทนไม่ไหวจนหัวเราะออกมา
"เธอชื่อว่าหลงเสี่ยวซี ฉันชื่อว่าหลงไจ่เทียน เธอสามารถเรียกชื่อของฉันได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องเรียกชื่ออย่างอื่น"
หลงไจ่เทียนพูดด้วยการต้องการปิดบังบางอย่าง ในสถานที่แบบนี้ เขายังมีเรื่องมากมายต้องทำ เขาไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลอย่างใดอย่างหนึ่งของตัวเองออกมา
"ระหว่างคุณและฉันพูดได้ว่า เป็นเหมือนพี่เป็นเหมือนพ่อ จะให้ฉันเรียกชื่อของคุณโดยตรงได้ยังไง? ต่อจากนี้ไปฉันจะเรียนคุณว่าพี่ชายแล้วกัน"
หลินซีครุ่นคิดสักครู่ ค่อยพูด
"อันนี้แล้วแต่เธอเลย"
"พี่ชายต้องการอยู่ในเมืองหลินเจียงอีกนาน มีการวางแผนอะไร?"
จากนั้นหลินซีก็ถาม
"เธอมาหาฉันมีเรื่องอะไร?"
"หลงไจ่เทียนไม่ได้ตอบกลับโดยตรง แต่เป็นการถามกลับ"
"ตระกูลของพวกเราทางนี้มีธุรกิจบางอย่าง ฉันก็เลยมาแวะที่นี่สักหน่อยพอดี"
หลินซีพูด
"เท่านี้เองเหรอ?"
"ฉันมาที่นี่เพื่อส่งข่าวให้พี่ชายรู้ถึงความหมายของคุณปู่ของฉันและเรื่องของข้างบน สถานะและตำแหน่งของคุณ ยังคงรักษาเอาไว้ ไม่มีการเข้าไปยุ่ง ในเมืองหลินเจียง คุณสามารถใช้อำนาจทุกอย่างได้ ทำเรื่องที่คุณต้องการทำได้"
หลินซีพูด
"ฉันต้องการทำเรื่องอะไร จำเป็นต้องยืมอำนาจของพวกเขาด้วยเหรอ?"
มุมปากของหลงไจ่เทียนยกขึ้น พูดด้วยความน่าสนใจ
"แน่นอนว่าไม่ใช่ความหมายนี้ ความหมายของคุณปู่และข้างบน เป็นการให้คุณทำสิ่งต่างๆได้ง่ายขึ้น เมื่อพบกับปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ สามารถใช้อำนาจทั้งหมดของที่นี่ได้"
หลินซีตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรบางอย่างผิด จากนั้นก็พูดต่อ
"ฉันยังมีเรื่องที่ไม่สามารถจัดการได้เหรอ?"
มุมปากของหลงไจ่เทียนยกขึ้นอีกครั้งและพูด
"พี่ชาย ฉันไม่ได้หมายว่าแบบนั้น!"
"หลินซีลุกขึ้นยืน พูดด้วยความหวาดกลัว"
"ฉันเข้าใจว่าเธอหมายความว่ายังไง เธอต้องการช่วยฉัน แต่ฉันไม่จำเป็น! เรื่องที่ฉันจะทำในอนาคตทั้งหมด ทั้งหมดเป็นเพราะความแค้นส่วนตัว ฉันไม่อยากใช้อำนาจใดๆของชายแดนใต้ และยิ่งไม่ต้องการให้ชายแดนใต้และแม้กระทั่งต้าเซี่ยได้รับผลกระทบ! แน่นอน ฉันไม่อยากได้รับอิทธิพลจากพวกคุณ! เธอเข้าใจหรือยัง?"
หลงไจ่เทียนพูดอีกครั้ง หลงเสี่ยวซีที่อยู่ด้านข้างกำลังฟังทั้งสองคนคุยกัน มีความรู้สึกเหมือนตกอยู่ในกริบเมฆ นี่คือเรื่องเฉพาะที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลย ป้าจางก็ไม่เคยเล่าเรื่องต่างๆเหล่านี้ให้เธอฟังมาก่อน
"ดังนั้น ตอนนี้ฉันถอดชุดเกราะเป็นคนธรรมดาแล้ว ฉันในตอนนี้ เป็นคุณหนูของตระกูลหลินในเมืองเหยี่ยน ตอนที่ฉันมีอายุสิบห้าปี คุณปู่ก็ให้ฉันไปเข้าร่วมสนามรบของชายแดนใต้ เดิมทีที่ฉันล้มเหลวในการทดสอบดาบแห่งความมืดก็มีความคิดที่ต้องการกลับมาสืบทอดทรัพย์สินหลายพันล้าน ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอยู่ที่ชายแดนใต้แล้ว ฉันเลือกที่จะกลับมาสืบทอดทรัพย์สินหลายพันล้านไม่ได้เหรอ?"
หลินซีพูดด้วยอารมณ์ของการโต้เถียง สิ่งที่เธอกลัวยิ่งกว่าคือกลัวหลงไจ่เทียนไล่เธอไป
"อย่างนั้นก็ได้ คุณหนูที่เอาแต่ใจ!"
หลงไจ่เทียนพูดไม่ออกเล็กน้อย
"ดังนั้น ต่อจากนี้พี่ชายวางแผนจะทำอะไร? สำหรับเรื่องที่เกี่ยวข้องในตอนนั้น ฉันยังคงมีข้อมูลบางอย่างบ้างเล็กน้อย ถ้ามีโอกาส ฉันต้องการคุยกับพี่ชายสองคน"
หลินซีพูดอีกครั้งด้วยความกังวล
"อีกสักพักฉันจะไปหาชินหยวนหลินสักหน่อย"
หลงไจ่เทียนขมวดคิ้วเบาๆและพูด
"เป็นคนที่อยู่บนทีวีบอกว่าตัวเองไม่สนใจเงินคนนั้นที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลินเจียงอย่างชินหยวนหลินเหรอ?"
หลินซียกมุมปากและถาม
"ใช่แล้ว"
คำตอบของหลงไจ่เทียนนั้นง่ายมาก
"พี่สาว คุณก็รู้จักคนนั้นด้วยเหรอที่บอกว่าตัวเองไม่สนใจเงินอย่างชายชราชั่วคนนั้น? ชายชราชั่วคนนั้นร้ายอย่างมาก เวลาที่ฉันและคุณพ่ออดยากอยู่ที่บ้าน มักจะได้ยินเขาบอกว่าไม่สนใจเงิน"
หลงเสี่ยวซีที่อยู่ด้านข้างได้ยินทั้งสองคนคุยกัน ไม่มีโอกาสที่จะแทรกเข้ามาพูดโดยตลอด ในครั้งนี้ ในที่สุดก็ได้รับโอกาสแทรกเข้ามาพูดได้สักที
"เอ๊ะ.....ฮ่าๆๆ.....หนูก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหอร?"
หลินซีเกือบจะหัวเราะไม่ออกมา จับใบหน้าของหลงเสี่ยวซีด้วยความเอ็นดูและพูด
"รู้จักสิ เห็นในทีวี"
สาวน้อยพยักหน้า พูดด้วยความมั่นใจอย่างมาก
"ฉันส่งพวกคุณไปเอง ฉันนั้นไม่ไปพบพวกเขาแล้ว พวกเขายังไม่รู้จักตัวตนของฉัน พวกเขารู้เพียงแค่ว่าตัวฉันเองเป็นแค่คนกลางธรรมดาคนหนึ่งที่เมืองเหยี่ยนส่งมาเท่านั้น"
หลินซีมองไปทางหลงไจ่เทียนพูดอีกครั้ง
"คุณไม่ต้องส่ง พวกเราเดินไปเองก็พอแล้ว"
หลงไจ่เทียนส่ายหัวและพูด
"คุณลุง คิดเงิน!"
ระหว่างที่พูด สิ่งแรกที่หลินเจียงทำคือเรียกให้มาเช็คบิล
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved