บทที่ 5 น้องเขยที่อารมณ์ร้อน

เธอหัวเราะนิ่งๆแล้วพูดว่า: "จริงดิ งั้นคุณก็มีพรสวรรค์จริงๆ ถ้าจำไม่ผิดตอนที่ฉันเปิดร้านเถาเป่าคุณคิดว่ามันง่ายมาก แต่พอได้เห็นกฏระเบียบพวกนั้น ก็บอกว่ามันยุ่งยากเหลือเกิน แล้วยังไง?ตอนนี้จะมาบอกว่าเข้าใจมันแล้วอย่างนั้นเหรอ?"

ฮั่วปู้ฝานตะลึงและนึกขึ้นได้ว่าตอนที่หนิงเสี่ยวฉินเพิ่งจะเปิดร้าน หลี่ซูเฮิงอ่านกฎระเบียบจนมึน คนที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับการทำธุรกิจไม่ว่าจะอ่านอีกซักกี่รอบหรือต่อให้ท่องจำเนื้อหาทั้งหมดจนคล่องก็เป็นเรื่องยากที่จะสามารถทำธุรกิจให้ดีได้

เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่พอใจของหนิงเสี่ยวฉิน ฮั่วปู้ฝานได้แต่แอบด่าในใจ และพูดเพียงว่า:"ไม่ใช่ว่าอยู่ๆจะเข้าใจจริงแล้วๆฉันแอบศึกษาเรื่องพวกนี้อยู่บ่อยๆ"

"อย่ามาใช้มุกนี้ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าใครเป็นคนสอนคุณมาแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าคุณใช้เงินไปเท่าไหร่กับการให้คนมาช่วยเรื่องนี้ แต่ถ้าหากว่าคุณคิดจะให้ฉันลาออกจากงานคุณเลิกคิดไปได้เลย!"หนิงเสี่ยวฉินพูดนิ่งๆแล้วทำเสียงหึจากนั้นก็เดินไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ

ภายในใจของเธอยังคิดว่าสาเหตุที่สามีของเธอทำกับข้าวแล้วก็เปิดร้านออนไลน์ทั้งหมดล้วนทำเพียงเพื่อหลอกหลวงเธอ

ใช้การทำอาหารเพื่อทำให้ประทับใจก่อนและค่อยใช้ความรู้ด้านการเปิดร้านเถาเป่าทำให้เธอเสียสติหลังจากนั้นก็จะให้เธอลาออกเพื่อมาไลฟ์ขายของอะไรพวกนี้

ถ้าไม่มีงานแล้วจะทำยังไงถ้าการไลฟ์ขายของไม่สามารถทำรายได้ได้?

ก็ต้องขายบ้านเท่านั้น!

ยังไงฮั่วปู้ฝานก็ไม่เข้าใจคงเป็นเพราะเมื่อก่อนหลี่ซูเฮิงสร้างความทรงจำที่ไม่ดีให้กับหนิงเสี่ยวฉินทำให้เธอใช้ตรรกะเชิงลบมาเชื่อมโยงกับทุกสิ่งที่เขาทำ

ฮั่วปู้ฝานถอนหายใจและส่ายหัวเขาแทบรอไม่ไหวที่จะดึงวิญญาณของหลี่ซูเฮิงออกมาต่อยซักหมัด

โง่จนแม้แต่ภรรยายังดูถูกเขาแบบนี้ ช่างไร้ความสามารถเสียจริง!

คืนนั้นฮั่วปู้ฝานก็นอนบนโซฟาเช่นเคย

แม้ว่าการพูดคุยกันในคืนก่อนไม่ราบรื่นนัก แต่ฮั่วปู้ฝานก็ตื่นแต่เช้าเพียงจัดเตรียมอาหารเช้าไว้ให้พร้อม

เด็กน้อยถังถังกินเยอะมาก กินไข่ลวกไปสองฟอง ดื่มนมร้อนไปสองแก้ว แล้วยังกินแฮมทอดไปอีกสามแท่งจนท้องกลมเป็นลูกบอล

วันนี้เป็นวันเสาร์แต่ถังถังต้องไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษตามที่หนิงเสี่ยวฉินจัดการ ยังไงก็ต้องไปเรียนหนังสือ

หลังกินข้าวเสร็จหนิงเสี่ยวฉินก็พาลูกออกไปโดยไม่พูดอะไร บรรยากาศก็ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่

เมื่อประตูปิดลงฮั่วปู้ฝานก็ถอดหายใจเคยเป็นถึงหลานชายคนโตของตะกูลฮั่ว อยู่ๆก็กลายเป็นชายที่แต่งงานแล้วภรรยาไม่แย่แส เมื่อคิดถึงเมื่อก่อนเป็นอะไรที่น่าเสียใจจริงๆ

ถึงแม้เขาจะไม่มีความสุขฮั่วปู้ฝานก็ไม่คิดจะยอมแพ้ หลังจากเกิดใหม่เขาต้องการที่จะยืดหยัดอย่างมั่นคงและต้องทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวนี้ดีขึ้นมาให้ได้

ถ้าแม้แต่หญิงสาวที่มีลูกแล้วเขาไม่สามารถรับมือได้แล้วจะกลับไปที่ตระกูลฮั่วได้อย่างไร?

หลังจากทำโฆษณาอีกสองสามชิ้นและโพสต์อกไปแล้วฮั่วปู้ฝานก็ไปที่ห้องครัวเพื่อเอาแป้งออกมาและเตรียมที่จะทำบะหมี่

เมื่อก่อนเขาได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากเซฟมิชลิน ประเภทอาหารที่สำคัญอีกอย่างคืออาหารประเภทเส้น ในด้านการทำอาหารฮั่วปู้ฝานมีความมั่นใจอยู่ไม่น้อย

ทันทีที่เขาเอาแป้งออกมาเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

หลังจากล้างมือแล้วฮั่วปู้ฝานก็เดินไปเปิดประตูและพบชายหนุ่มคนหนึ่งถือถุงผลไม้เดินตรงเข้ามาที่ประตูพร้อมตะโกนว่า: "ถังถังมาดูซิว่าน้าเอาของอะไรอร่อยมา!"

หลังตะโกนไปได้ซักพักก็ไม่มีเสียงตอบกลับและพบว่าในห้องว่างเปล่า ชายหนุ่มคนนั้นจึงหันมาถามว่า:"ถังถังละ?"

ท่าทีของเขาดูไม่สุถาพและไม่มีความเกรงใจอะไร ทั้งที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านของเขาแต่ทำประหนึ่งว่าเป็นบ้านของตัวเองซะอย่างนั้น

แต่ฮั่วปู้ฝานก็ไม่ได้โมโหอะไรเพราะผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ก็เป็นน้องชายแท้ๆของหนิงเสี่ยวฉิน หนิงอี้หลิน

ตอนที่หนิงเสี่ยวฉินแต่งงานกับหลี่ซูเฮิงพ่อแม่ของผู้หญิงโกรธจนถึงขั้นจะตัดขาดความสัมพันธ์ หลังจากแต่งงานแล้วก็ไม่ค่อยไปมาหาสู่กัน ช่วงสองปีแรกหลี่ซูเฮิงส่งของขวัญไปบ่อยๆแต่ก็โดนพ่อตาแม่ยายโยนทิ้งซะหมด

หลังจากที่เขาโกรธ เขาก็ไม่เคยไปอีกเลย

พ่อตาแม่ยายไม่อยากให้เขาไปหาแต่หนิงเสี่ยวฉินก็มาเยี่ยมพี่สาวและหลานสาวอยู่เป็นประจำ

สำหรับหนิงอี้หลิงเขาจะไม่ได้ชอบหลี่ซูเฮิงเช่นกัน คนจนที่เอาแต่เรียนอย่างเดียวจะไปคู่ควรอะไรกับพี่สาวที่เก่งและสวยของเขา?ก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นอะไรทำให้พี่สาวถูกใจและแต่งงานกับคนแบบนี้

ทุกครั้งที่มาที่นี่หนิงอี้หลินมักจะหยิ่งผยองต่อหลี่ซูเฮิง และเพราะเรื่องงานที่ติดอยู่ในใจของหลี่ซูเฮิงเขาไม่สามารถเก็บความโกรธไว้ได้ เมื่อเจอหนิงอี้หลินเขาก็จะออกไปจากบ้านทันที

หนิงอี้หลินก็ไม่ได้ใส่ใจ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่เห็นก็ไม่หงุดหงิด

จะว่าไปแล้วญาติทั้งหมดในตระกูลหนิงล้วนแต่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับหลี่ซูเฮิงทั้งนั้น

แต่ตอนนี้ร่างของหลี่ซูเฮิงมีวิญญาณของฮั่วปู้ฝานอยู่ เขารู้ถึงเหตุการณ์ในอดีตเหล่านี้แต่ก็ไม่คิดที่จะออกรับแทนหลี่ซูเฮิง

หลี่ซูเฮิงโดนคนอื่นดูถูกนั่นก็เพราะเขาไม่มีความสามารถเอง จะไปว่าคนอื่นเขาก็ไม่ได้

ดังนั้นทัศนคติของฮั่วปู้ฝานที่มีต่อหลี่ซูเฮิงถือว่าดีมากแล้ว:"ช่วงนี้ถังถังมีเรียนพิเศษภาษาอังกฤษนะ แม่เขาพาไปเรียนพิเศษแล้ว"

"เพิ่งเกรดสองจะเรียนภาษาอังกฤษอะไรกัน?"หนิงอี้หลินบ่นและมองที่ฮั่วปู้ฝานแล้วถามว่า:"แล้วทำไมนายถึงยังอยู่ที่นี่?ไม่ต้องไปทำงานเหรอ?"

เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ได้ถามเพราะเอาใจใส่เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงแล้วมันเหมือนการตั้งคำถามมากกว่า

ฮั่วปู้ฝานตอบ:"ฉันได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยก่อนหน้านี้ ตอนนี้ยังไม่หายดี"

"ฉันรู้ก็ไม่ใช่เพราะเมาแล้วขี่รถล้มหรอกเหรอ ผู้ชายตัวใหญ่โตโดนชนนิดหน่อยก็กลายเป็นสาวน้อยร่างบางไปซะละ นายอยู่บ้านมากี่วันแล้วละ?จะให้พี่สาวฉันเลี้ยงนายไปทั้งชีวิตเหรอ?"หนิงอี้หลินพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

ฮั่วปู้ฝานไม่ได้ตอบโต้อะไร การปลูกฝังของเขาอาจจะไม่ได้ดีอะไรมากมาย แต่เขาไม่เคยขมวดคิ้วเมื่อโดนโมโหใส่และก็ไม่โกรธเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของคนอื่น

เพียงเพราะฮั่วปู้ฝานนิ่งและไม่โต้ตอบ หนิงอี้หลินก็ยิ่งโมโห

เขากำลังจะต่อว่าต่ออีกซักนิดเพื่อระบายแทนพี่สาวของเขาแต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

มองฮั่วปู้ฝานด้วยสายตาดุดันและรับสายที่โทรเข้ามา:"ฮัลโหล อื้ม ไม่ใช่ส่งให้เสี่ยวจางจัดการแล้วเหรอ?ไม่ดิ เขาขายได้เก่งไม่ใช่เหรอ ได้ได้ ฉันรู้ละ เดี๋ยวฉันจะรีบจัดการ"

หลังจากคุยเสร็จหนิงอี้หลินก็วางสายแล้วรีบไปเปิดคอมอย่างรวดเร็ว

หลังโหลดโปรแกรมที่ใช้สำหรับทำงานเสร็จ หนิงอี้หลินก็ล็อคอินเข้าระบบและค้นหาประวัติสนทนากับคนคนนึงในกลุ่มออกมากดู

เมื่อเขาอยู่ฮั่วปู้ฝานก็ทำไม่ได้ที่จะไม่สนใจอะไรเลยแล้วกลับไปทำอาหาร ดังนั้นจึงเข้าไปดูว่าเขาทำอะไร

หนิงอี้หลินไม่รู้ว่าฮั่วปู้ฝานอยู่ที่ด้านหลังของเขา ถึงแม้ว่าจะรู้เขาก็ไม่อะไรอยู่แล้ว

หลังจากเรียกดูประวัติการแชทอย่างรวดเร็วเขาได้ส่งข้อความถึงพนักงานในความดูแลของเขาผ่านระบบการจัดการหลังบ้าน: "คุณไม่จำเป็นต้องแชทกับเขาบอกลูกค้าและโอนการสื่อสารมาให้ผม"

ปัจจุบันหลายบริษัทใช้โปรแกรมการสื่อสารแบบมืออาชีพและลูกค้าสามารถติดต่อพนักงานขายทางออนไลน์ได้โดยตรงหลังจากเข้าสู่เว็บไซต์

บริษัทที่หนิงอี้หลินทำงานอยู่เพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่เนื่องจากมีคู่แข่งมากเกินจึงทำให้ยอดขายไม่สูงเท่าไหร่ วันนี้มีลูกค้าชื่อเหลียวเข้ามาสอบถาม ก่อนหน้าการพูดคุยเป็นไปด้วยดีและว่าจะสั่งมาลองซักหนึ่งร้อยชิ้น แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คุยไปคุยมาก็เริ่มที่จะไม่อยากซื้อซะอย่างนั้น

เมื่อเห็นว่าธุรกิจกำลังย่ำแย่ บริษัทก็รีบโทรหาหนิงอี้หลินและบอกให้เขาจัดการมัน

ถ้าหากว่ายอดยังไม่ได้ตามที่กำหนดไว้ เจ้านายจะโมโหและไล่คนออกแล้ว!

หนิงอี้หลินเป็นผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัท ฟังแล้วก็ดูเก่งมากเลยทีเดียว อันที่จริงแล้วยอดขายต่อปีของบริษัทแห่งนี้ประมาณ 20 ถึง 30 ล้านซึ่งถือว่าไม่ได้เยอะมาก เมื่อหักต้นทุนออกแล้วกำไรก็อยู่ประมาณ 20% หรือ 30% ก็ถือว่าดีแล้ว

ยอดขายของผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ดี หนิงอี้ปลินในฐานะผู้จัดการฝ่ายขายย่อมแก้ตัวไม่ได้ว่าไม่ใช่ความผิดของเขา

ทันทีที่มีการถ่ายโอนการสื่อสารไป เขาก็มีคำพูดมากมายพร้อมที่จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าชื่อเหลียวด้วยความจริงใจ แม้ว่าอีกฝ่ายจะสั่งลองเพียง 30 ชิ้น ยอดรวมก็แค่หลักหมื่น แต่อย่างน้อยก็มียอดขายและมีคำอธิบายเพื่อไปพูดกับเจ้านาย

เมื่อหนิงอี้หลินกำลังจะกดปุ่มส่ง เสียงของฮั่วปู้ฝานก็ดังมาจากด้านหลัง:"ถ้าคุณตอบแบบนี้อีกฝ่ายควรตอบคุณด้วยคำพูดที่สุภาพและไม่สั่งอะไรเลย"

"นายมันจะไปเข้าใจอะไร!อย่าคิดว่าเรียนมาหลายปีแล้วจะมาแสดงกับฉันได้ คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ?"หนิงอี้หลินพูดแบบไม่หันมามองและกดปุ่มส่งไป

คำพูดดีดีมากมายถูกส่งออกไป ในมุมมองของหนิงอี้หลินพวกเขาเป็นประเภทที่คิดว่าสามารถตอบสนองความต้องการของผู้อื่นได้ ตราบใดที่ลูกค้าชื่อเหลียวยังคงเป็นคนคนหนึ่ง เขาจะต้องสร้างความประทับใจได้อย่างแน่นอน!

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

827