บทที่ 17 ดอกแมกโนเลีย

ในเมื่อก่อนทุกครั้งที่ต้องตัดสินใจ ไม่ว่าเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก หลี่ซูเฮิงก็จะตอบว่า “แล้วแต่" หรือ “คูณดูและจัดการไปตามสมควร”หรือคำตอบที่คล้ายๆแบบนี้
 
สำหรับผู้หญิง คำตอบแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเธอที่อยากจะได้
 
ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบให้ผู้ชายตัดสินใจให้
 
ไม่ใช่เพราะการตัดสินใจนี้จะดีเพียงใด แต่เป็นเพราะพวกเธอชอบความรู้สึกที่ผูกพันกับผู้อื่นได้
 
ตอนนี้ฮั่วปู้ฝานให้คำตอบที่ชัดเจนกับเธอโดยตรง แม้จะมีน้ำเสียงสอบถาม แต่ก็สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกมีความหเคารพให้กับเธอ
 
หนิงเสี่ยวฉินมองไปที่เขา และตอบอย่างเสียงเบาๆ “ได้”
 
ฮั่วปู้ฝานตอบเสียงเอิน และไม่พูดอะไรอีก จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องครัว ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงที่เมื่อตัดเนื้อแกะ มีดชนกับเขียงออกจากห้องครัว

เสียงนี้ทำให้หนิงเสี่ยวฉินสบายใจมาก เธอภาวนาในใจ หากนี่เป็นแค่ฝันจริงๆ เธอหวังว่าเธอจะตื่นสายหน่อย
 
“พี่ พี่……”หนิงอี้หลินตะโกนอยู่ที่นั่น เมื่อหนิงเสี่ยวฉินมองมา เขามองไปที่ที่ห้องครัวแล้วก็พูดว่า “ผมคิดว่าตอนนี้เขาดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว จะกลับบ้านกันเมื่อไหร่ อย่ามองสีหน้าพ่อแม่ของเราเป็นแบบนั้น พวกเขานี่ปากร้ายใจดี พูดในปากว่าไม่อยากเจอพี่ แต่จริงๆแล้ว คิดถึงพี่มาก เดือนที่แล้วที่เมื่อกลอนไส้กรอก แม่ก็พูดถึงเรื่องนี้ ว่าพี่หนูจะกินไส้กรอกไหมเนี่ย ไม่นั้น สมองของผม จะจำได้จะส่งไส้กรอกมาให้ได้ไง นอกจากนี้ ตอนที่ผมใส่ไส้กรอกยังโดนพ่อด่าด้วย ว่าผมอะไรก็ส่งให้พี่ ถ้าจะส่ง ทำไมให้แค่สองสามชิ้น ทำไมไม่เอาไปหมดเลย? ไส้กรอกเยอะขนาดนั้น เป็นพ่อใส่เองหมอเลย ด่าผมในปาก แต่สิ่งที่ให้พี่ไม่เคยน้อยไป”
 
หนิงเสี่ยวฉินฟังแล้วเบ้าตาเป็นสีแดง เธอสามารถนึกถึงภาพที่เมื่อพ่อด่า ก็เข้าใจว่าพ่อแม่ก็จะไม่ตัดรอนกับเธอจริงๆ แค่ผิดหวังกับเธอ
 
คู่สมรสที่สูงวัยมีความหวังต่อลูกสาวๆของพวกเขาสูงเกินไป และความจริงก็โหดร้ายเกินไป พวกเขาก็ไม่แปลกที่จะโกรธ
 
เหตุผลที่หนิงเสี่ยวฉินไม่กลับไป ไม่ใช่เพราะกลัวจะถูกพวกเขาด่า แต่เป็นเธอรู้สึกไม่มีหน้าที่จะเจอพ่อแม่
 
คือเพราะเธอยืนกรานที่จะแต่งงานกับหลี่ซูเฮิง ตอนแรกคิดว่าเขาจะพูดเหมือนเมื่อที่แต่งงาน จะพยายามทำงาน จะเป็นคนที่มีความสามารถ แต่ใครจะรู้ เป็นไม้ผุแล้วสลักไม่ได้
 
แต่ในขนาดนี้ ฮั่วปู้ฝานแก้ไขทุกประทับใจที่เดิมๆ แต่หนิงเสี่ยวฉินก็ไม่กล้าที่จะกลับบ้าน
 
เธอกลัวทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับไปเหมือนเดิมเกินไป ก่อนที่ยังไม่แน่ใจสามีของเธอเปลี่ยนแปลงจริงๆ เธอก็ยังต้องเอาความหวานและความน้อยใจทำหมดเก็บไว้ในท้อง
 
“เดี๋ยวค่อยว่ากันใหม่เถอะ”หนิงเสี่ยวฉิน เช็ดน้ำตาที่อยู่มุมตา มองไปที่ที่คอมพิวเตอร์ ถามอย่างยยากรู้อยากเห็น “คุณกำลังทำงานอะไรอยู่ที่นี่?”
 
“เปิดร้านออนไลน์ออนไลน์สิ!” พูดถึงเรื่องนี้ หนิงอี้หลินก็ตื่นเต้นมาก กล่าวว่า “ครั้งนี้ได้พบสมบัติจริงๆ นี่ พี่เขยทำการขายของนี่คือสุดยอดจริงๆ! วันนี้ผม……”

เห็นน้องชายชื่นชมอย่างดีใจ ในใจของหนิงเสี่ยวฉินก็รู้สึกดีใจมาก
 
ในเมื่อที่เพิ่งแต่งงาน เธอก็เคยหวังว่า วันใดวันหนึ่ง ทุกคนก็ชื่นชมเธอได้สามีที่ดี
 
อาจจะมีคนพูดว่า นี่เป็นการฟุ้งเฟ้อ แต่จะมีใครบ้างที่ไม่ฟุ้งเฟ้อ?
 
ฟุ้งเฟ้อไม่ใช่การอาชญากรรม แต่จะกระตุ้นให้คนสามารถพยายามที่จะก้าวหน้า
 
ถ้าทุกคนจะพอใจแค่ชีวิตที่มีอยู่ โรลจะพัฒนาได้อย่างไร
 
สิบห้านาทีที่ต่อมา บะหมี่เนื้อแกะนึ่งและหอมก็มาแล้ว
 
ไม่มีอะไรซับซ้อนเกินไป แต่ในทักษะการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมของฮั่วปู้ฝาน บะหมี่เนื้อแกะทุกชามทำให้คนอยากกินอย่างมาก
 
ผักสีเขียวมรกตกระจัดกระจายอย่างเงียบๆอยู่ข้างแกะเนื้อนุ่ม และบะหมี่สีขาวก็ทำเป็นรูปแปดเหมือนโป๊ยกั๊ก น้ำมันงา2หยดให้ทุกรสชาติรวมอยู่ด้วยกัน เข้าไปในจมูก และกระจายออกไป
 
หนิงอี้หลินสูดกลิ่นหอมเข้าลึกๆ จากนั้นก็หยิบตะเกียบและกินอย่างรีบ ขณะที่กินเขาก็ไม่ลืมที่จะยกนิ้วให้ “อร่อยจัง! อร่อยมาก! พี่เขย ฝีมือของคุณดีกว่าพ่อครัวร้านอาหารอีก ทีหลังผมจะไม่กลับบ้านกินข้าวแล้ว ทุกอย่างที่คุณทำอย่าลืมของผมด้วย“
 
“ดูหน้าตาที่คุณเวลากินข้าวสิ กินช้าๆ ไม่มีใครแย่งหรอ”หนิงเสี่ยวฉินก็ยิ้มจางๆและพูด
 
รอยยิ้มของเธอสวยมาก เหมือนดอกแมกโนเลียที่กระจายกินหอมที่อ่อนๆ ทำให้ฮั่วปู้ฝานอดไม่ได้ที่จะมองเธอ
 
หนิงเสี่ยวฉินหันมาเห็นเขาจ้องมองที่เธอ ก็เลยถาม “คุณไม่กินข้าว มองอะไรอยู่?”
 
“เวลาคุณยิ้มสวยมาก เหมือนดอกแมกโนเลียที่หายากในฟิลด์ป่า”ฮั่วปู้ฝานตอบ
 
หนิงเสี่ยวฉินนิ่งอึ้ง และรู้สึกหน้าเธอร้อนมาก หลี่ซูเฮิงที่เป็นหนอนหนังสือยังไม่เคยพูดคำรักแบบนี้กับเธอ
 
“โอ้……”หนิงอี้หลินกับถังถังก็โห่ร้องพร้อมกัน ทำให้หนิงเสี่ยวฉินอายมาก “โอ้อะไร กินข้าว!”
 
“คุณกินด้วยสิ ขอคุณที่ทำงานหนัก”ฮั่วปู้ฝานพูดและหยิบตะเกียบคู่หนึ่งมาให้
 
อ่อนโยน ใกล้ชิด ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ทำให้หนิงเสี่ยวฉินรู้สึกเหมือนฝันอยู่

เธอก้มหัวลงเล็กน้อย หยิบตะเกียบและถือไว้ในมือ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองฮั่วปู้ฝาน
 
ดูเหมือนว่าเขาได้สังเกตสายตาของเธอ ฮั่วปู้ฝานยิ้มใส่กับเธอ
 
หน้าตาของหลี่ซูเฮิงก็ดีอยู่แล้ว แต่แค่เมื่อก่อนโง่ๆ และเศร้าโศกอย่างนาน ให้คนอื่นรู้สึกเขาดูนุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิง

แต่ในขนาดนี้ รอยยิ้มของฮั่วปู้ฝานแจ่มใสและเบิกบานใจ ให้ความรู้สึกแตกต่างกับเมื่อก่อนมาก

ร้อยยิ้มของเขาทำให้แก้มของหนิงเสี่ยวฉินร้อนกว่าเดิม ก้มหัวอย่างรวดเร็วและกินบะหมี่
 
แต่ว่าเธอมัวแต่ใจลอย ทำให้เธอกินช้ามาก
 
หลังจากกินข้าวเสร็จ หนิงอี้หลินยังอยากจะอยู่อีก แต่ถูกฮั่วปู้ฝาน “ไล่ออกจากบ้าน”อย่างไม่เกรงใจ
 
เมื่อที่หนิงเสี่ยวฉินไปส่งเขา หนิงอี้หลินนั่งอยู่บนรึ เอาหัวออกจากหน้าต่าง มองไปถังถังและฮั่วปู้ฝานที่ยืนอยู่หน้าประตู และพูดกับหนิงเสี่ยวฉินอย่างเสียเบา “อีกไม่นานก็เป็นเทศกาลวันไหว้พระจันทร์แล้ว พี่จะกลับมาเมื่อไหร่ก็แล้วแต่พี่ พ่อแม่ก็คิดถึงพี่มาก”
 
“ฉันรู้แล้ว”หนิงเสี่ยวฉินพยักหน้าและกล่าวว่า “เวลากลับไปอย่ารีบ ขับช้าๆหน่อย”
 
“ไว้ใจเถอะ”หนิงอี้หลินสตาร์ทรถด้วยรอยยิ้ม และไปเลย
 
“อี้หลินก็รู้สึกน่าสนใจนะ ดูเหมือนคิดอะไรแบบง่าย แต่ในความเป็นจริงละเอียดรอบคอบมาก”ฮั่วปู้ฝานกล่าว
 
หนิงเสี่ยวฉินที่มาถึงประตูแล้วพยักหน้า กล่าวว่า “ต่างแต่เด็กจนโต ในความเป็นจริงเขาดูแลฉันมากกว่า ฉันที่เป็นพี่ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรก็เขามาก”
 
เห็นอารมณ์ของหนิงเสี่ยวฉินเสีย ฮั่วปู้ฝานก็นึกได้เธออารมณ์เสียเพราะเรื่องครอบครัว ตอนนี้ไม่ว่าพูดคำปลอบโยนอะไรก็ไม่มีประโยชน์ บางเรื่องก็ต้องคิดเอง
 
นึกไปสักพัก ฮั่วปู้ฝานกล่าวว่า “พูดข่าวดีให้เธอ วันนี้ร้านขายได้ประมาณ4หมื่น อาจจะได้ประมาณ5พันกว่าๆ
 
หนิงเสี่ยวฉินเงยหน้าขึ้นมองไปที่เขาอย่างตกใจ “จริงเหรอ? เยอะขนาดนี้?”
 
“จริงสิ แต่อัยอดขายต่อวันยังไม่เพียงพอ ตอนนี้ควรต้องลือกผลิตภัณฑ์เสริมบางอย่างแล้ว รออีก2วันให้ของใหม่เตรียมพร้อม ก็สามารถวางบนชั้นขายได้ และยอดขายต่อวันจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างแรง”ฮั่วปู้ฝานกล่าว

หนิงเสี่ยวฉินก็ไม่สงสัยอะไรอีก หลังจากได้รับคำชื่นชมจากหนิงอี้หลิน ตอนนี้เธอก็เชื่อแล้ว สามีของเธอมีความสามารถพิเศษในการทำธุรกิจจริงๆ
 
งานที่เขาเคยหา อาจจะไม่สมควรกับเขาจริงๆ
 
เดิมก็สมควรเป็นมังกรที่สูงส่ง จะมาเป็นแกะที่ตํ่าต้อยให้คนอื่นได้ยังไงล่ะ
 
“พ่อคะ พ่อบอกว่าหาเงินได้เยอะมากเหรอคะ?”
 
“ใช่สิ”ฮั่วปู้ฝานพยักหน้า
 
“งั้นวันเกิดของหนูปีนี้ ซื้อเค้กที่ใหญ่เท่านี้ได้ไหม?”ถังถังเอามือมาวัด ประมาณ8นิ้ว เป็นเค้กวันเกิดที่ขนาดเล็กที่สุด
 
ฮั่วปู้ฝานนิ่งอึ้ง มองไปที่หนิงเสี่ยวฉินอย่างจิตใต้สำนึก
 
หนิงเสี่ยวฉินยิ้มอย่างขมขื่น “วันเกิดครั้งที่แล้วซื้อเค้กแบบยิบสี่บาทให้เธอ”
 
เมื่อก่อนเงินของครอบครัวก็โดนหลี่ซูเฮิงใช้หมดแล้ว ถ้าสามารถคุ้มการทำมาหากินก็ดีแล้ว ยังมีเงินไปซื้อเค้กวันเกิดได้ไง โชคดีที่ถังถังเป็นเด็กที่รู้เรื่อง ไม่ได้อ้างสิทธิ์อะไรมาก
 
เมื่อเห็นหนิงเสี่ยวฉินที่ได้รับความอัปยศอดสู ฮั่วปู้ฝานถอนหายใจ อุ้มถังถังขึ้นและถามว่า“รู้จักเรื่องราวของฮันเซลและเกรเทลไหม?”
 
“รู้จักๆ เป็นเทพนิยายกริมม์ หนูเคยอ่านในห้องหนังสือ!”ถังถังยกมือและตอบ ความจำของเธอดีมาก เกือบจะดูแล้วก็สามารถจำได้

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

827