บทที่ 13 จีเซียงหนิง

"อย่าให้เธอดูแต่คอมพิวเตอร์ มันไม่ดีต่อสายตา"หนิงเสี่ยวฉินเตือนไว้คำพูดนึง จากนั้นก็ออกจากบ้าน

แม้ว่าความสัมพันธ์ยังไม่ค่อยใกล้ชิดนัก แต่น้ำเสียงของเธอในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าดีกว่าสองวันก่อนเยอะมาก

หลังจากปิดประตูแล้ว ถังถังวิ่งไปที่โต๊ะหนังสืออย่างเร็ว และเปิดลิ้นชัก หยิบกล่องหมากรุกเซี่ยงฉีออกมา เธอวางกระดานหมากรุกพลาสติกราคาถูกไว้บนโต๊ะ และมองไปทางฮั่วปู้ฝานด้วยความคาดหวัง"พ่อ เล่นหมากรุกกับหนูหน่อยได้ไหม?"

เดิมทีฮั่วปู้ฝานคิดจะโทรไปให้จีเซียงหนิงก่อน แต่เมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของถังถัง เขาก็เลือกที่จะทำตามคำขอของลูกสาวก่อน

เมื่อเห็นว่าคุณพ่อยอมรับ ถังถังดีใจจนกระทั่งกระโดดขึ้นมา เธอวางหมากหมากรุกของทั้งสองฝั่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นเงยหน้ามองไปที่ฮั่วปู้ฝาน พูดด้วยความลังเล"ปะป๋า คุณเดินก่อนไหม?"

เล่นหมากรุก เป็นหนึ่งในกิจกรรมผ่อนคลายของครอบครัวนี้

ตอนแรกๆที่หลี่ซูเฮิงสอนถังถังเล่นหมากรุก คืออยากจะแสดงความสามารถของตัวเองให้ลูกสาวดู

แต่ใครจะไปรู้ว่าถังถังมีพรสวรรค์ทางด้านนี้ ใช้เวลาเพียงเดือนเดียว ก็เอาชนะเขาได้อย่างราบรื่น ทำให้โหลี่ซูเฮิงกรธจนไม่อยากจะเล่นด้วยกับเธออีก

ตอนนี้ถังถังยังนึกว่าพ่อที่อยู่ต่อหน้านั้นเป็นพ่อที่ไม่เอาไหนคนเดิม ฮั่วปู้ฝานยิ้มออกมา ในเมื่อเป็น"น้ำใจ"ของลูกสาว เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ ก็เลยเดินมั่วๆไปหนึ่งก้าวก่อน

พอดีในเวลานี้ มีคนมากดกริ่งหน้าบ้าน ฮั่วปู้ฝานเดินหมากรุกก้าวที่สองเสร็จ จึงลุกขึ้นไปเปิดประตู

สิ่งที่ทำให้เขาอึ้งไปเลยก็คือ นอกประตูมีสาวสวยคนหนึ่งยืนอยู่

ร่างกายส่วนบนได้สวมเสื้อชีฟอง ส่วนล่างได้ใส่กางเกงขายาวเอวสูงสีเขียวอ่อน บนขาเป็นรองเท้าส้นสูงสีดำคู่หนึ่ง และการแต่งหน้าที่สวยงาม แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้หญิงอย่างเต็มที่

ส่วนหน้าตาของเธอ สวยพอๆกันกับหนิงเสี่ยวฉิน จมูกโด่ง และมีดวงตาคู่ที่แหลมคมมาก มองมาแวบเดียว ก็เหมือนกับว่าจะมองทะลุคน

ผู้หญิงคนนี้ ก็คือจีเซียงหนิงในความทรงจำของหลี่ซูเฮิง

ฮั่วปู้ฝานคาดไม่ถึงว่า วันนี้แต่เช้าเลย จีเซียงหนิงจะมาหาถึงที่นี่

"ยังไง ได้เห็นฉันรู้สึกแปลกใจมากเชียวหรือ?"น้ำเสียงของจีเซียงหนิงแตกต่างกับหนิงเสี่ยวฉิน เธอพูดอย่างตรงไปตรงมาและไม่ไว้หน้าใดๆ

"ผมแปลกใจเล็กน้อย เข้ามานั่งเถอะ พอดีผมกำลังหาคุณอยู่ด้วย"ฮั่วปู้ฝานพูดเสร็จ ก็หลบทางให้เธอเดิน

ท่าทีของเขา ค่อนข้างจะทำตามอารมณ์ อย่างน้อยไม่มีการประจบสอพลอ ทำให้จีเซียงหนิงตะลึงเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้ หลี่ซูเฮิงได้เห็นเธอ ล้วนเหมือนกับว่ากนูได้เจอกับแมว แถมยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วย แต่ว่าวันนี้ เขามีความสูงส่งบางอย่างในตัวที่ไม่อาจบรรยายได้

ความสูงส่งแบบนี้ แสดงออกมาไม่ได้ มันมาจากสัญชาตญาณในตัว

มองไปที่ฮั่วปู้ฝานอย่างละเอียดไปไม่กี่วินาที จนกระทั่งเสียงของถังถังส่งมา"เอ๊ะ คือป้าจีนี่เอง!"

สีหน้าของจีเซียงหนิง จึงจะกลับมาเป็นปกติ เธอเดินเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้ม พูดกับถังถังที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะว่า"ได้คิดถึงคุณป้าหรือเปล่า? ดูสิ คุณป้ายังเอาของขวัญมาฝากด้วยนะ"

พอพูดเสร็จ จีเซียงหนิงก็หยิบสร้อยข้อมือ Givenchy ออกมาจากกระเป๋า แล้วเดินไปก้มลงใส่ให้เธอ

"ขอบคุณป้าจีมากค่ะ!"ถังถังจูบใส่หน้าเขาด้วยความดีใจ

"น่ารักมาก"จีเซียงหนิงยิ้มและแตะศีรษะของเธอ มองออกได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับถังถังดีมาดทีเดียว

มองไปดูจีเซียงหนิง จากนั้นมองไปทางฮั่วปู้ฝาน จู่ๆถังถังก็ถามว่า"ปะป๋า พวกคุณมีเรื่องต้องไปทำใช่ไหม?งั้นพวกเราเล่นหมากรุกกันครั้งหน้าละกัน*

คำพูดนี้อบอุ่นใจมาก แต่เด็กก็ยังคงเป็นเด็กอยู่ดี ไม่ว่าเชื่อฟังขนาดไหน ก็ซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงไม่ได้

เมื่อเห็นความผิดหวังในสายตาของเจ้าตัวน้อย ฮั่วปู้ฝานจะยอมเห็นเธอต้องผิดหวังยังไงได้ล่ะ ก็เลยยิ้มและนั่งลงมาหน้าโต๊ะ พูดว่า"ไม่เป็นไรหรอก พ่อสามารถพูดกับคุณไปด้วยคุยไปด้วย"

"จริงเหรอ!"ถังถังดีใจขึ้นมาทันที"งั้นคุณแพ้แล้วอย่ามาบอกว่าเป็นเพราะป้าจีมารบกวนสติคุณนะ!"

"ไม่ต้องห่วง ฉันไม่โทษคนอื่นหรอก"ฮั่วปู้ฝานพูดเสร็จ ก็มองไปทางจีเซียงหนิง พูดว่า"นั่งก่อนเถอะ ฉันเล่นกับเธแสักรอบก่อน เล่นไปด้วยเราพูดไปด้วย"

"คุณไม่กลัวว่าฉันกลับเลยหรอ?"จีเซียงหนิงถาม

"ถ้าหากว่าคุณจะไปอย่างง่ายๆแบบนี้ งั้นคงไม่มาแต่เช้าขนาดนี้หรอก ยังไงก็เป็นคนเก่งในตระกูลใหญ่ คงไม่ขี้เหนียวจนมาแย่งเวลากับเด็กด้วยหรอก"ฮั่วปู้ฝานเดินมั่วๆก้าวหนึ่งพร้อมพูด

จีเซียงหนิงขมวดคิ้ว เธอสามารถรู้สึกถึง ผู้ชายคนต่อหน้านี้ แตกต่างไปกับเมื่อก่อนเยอะมาก ทั้งพฤติกรรมและน้ำเสียง

สิ่งใดทำให้เขาเปลี่ยนไป?

จีเซียงหนิงกำลังเดาเหตุผลบางอย่างอยู่ แต่ไม่ได้ถามเขา เพราะการที่เธอมาที่นี่เอง ก็ไว้หน้าเขาอย่างยิ่งแล้ว จะไปถามอะไรเขาอีกได้ยังไงล่ะ

ความสัมพันธ์ของเธอกับหนิงเสี่ยวฉินดีมากๆ เคยให้ความช่วยเหลือที่สำคัญแก่เธอมากมาย ไม่ว่าเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือเป็นสาเหตุอื่นๆ จีเซียงหนิงล้วนหวังว่าหนิงเสี่ยวฉินจะมีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้

ดังนั้น เธอให้หลี่ซูเฮิงมาเป็นคนขับรถให้ตัวเอง แม้ว่าไอ้เจ้านี่ขี้เกียดไม่เอาไหน แต่เธอก็ยังคงพยายามระงับอารมณ์ของตัวเอง

สองเดือนที่ผ่านมา จีเซียงหนิงรอหลี่ซูเฮิงมาทำงานอยู่ตลอด แต่สุดท้ายเขาก็ยังไม่มา

ต่อมาเธอโทรให้หนิงเสี่ยวฉินสอบถามลายละเอียด จึงรู้ว่าหลี่ซูเฮิงนอนรตายอยู่ในบ้านไปวันๆ ไม่มีความคิดที่อยากจะกลับไปทำงานเลยแม้แต่น้อย

หลังจากลังเลไปหลายวัน ในที่สุด จีเซียงหนิงก็อดไม่ได้ที่จะมาที่นี่

เธอเตรียมคำพูดที่ตำหนิเขาไว้มากมาย แต่พอได้เจอหน้าวันนี้ ผู้ชายคนที่ทำให้เธอปรารถนาที่จะเตะในแม่น้ำในเมื่อก่อน กลับทำให้เธอรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

แม้กระทั่งจีเซียงหนิงได้รับรู้ถึงความกดดันบางอย่าง ทั้งๆที่เขาไม่ได้พูดอะไร แต่เหมือนกับว่าทุกสิ่งล้วนถูกเขาควบคุม

คำตำหนิที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ ก็ล้วนติดอยู่ลำคอพูดไม่ออก

ก็เหมือนตอนนี้ ฮั่วปู้ฝานนำเด็กเป็นข้ออ้าง ทำให้จีเซียงหนิงไม่มีวิธีใดๆ

ไม่ว่าจากไปหรือทะเลาะกับเขา ล้วนเป็นการยอมรับว่าตัวเองกำลังแย่งชิงเวลากับเด็กน้อย

"อยู่บ้านมาสองเดือน กลับไกลเป็นว่าปากคอเราะร้ายเนาะ"จีเซียงหนิงเอ่ยเสียงเย็นชาออกมาอย่างไม่พอใจ จากนั้นพูดว่า"ดูแล้วรู้สึกว่าสุขภาพของคุณก็ดีอยู่นะ น่าจะรักษาหายแล้วมั้ง ทำไมยังไม่ไปทำงานล่ะ?จะให้เสี่ยวฉินเลี้ยงคุณหรือไง?ยังไงคุณก็เป็นผู้ชาย ไม่ว่าเคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน คุณก็ควรจะมีศักดิ์ศรีความเป็นผู้ชาย!"

"เจียงจุน"ฮั่วปู้ฝานใช้ตัวปืนใหญ่ข้ามรถศึก และเตรียมจะกินตัวแม่ทัพของถังถัง พร้อมพูดคำว่าเจียงจุนออกมาตามกฎของหมากรุกเซี่ยงฉี ในขณะเดียวกันก็มองไปทางจีเซียงหนิง และพูดว่า"ตามจริงมันก็บังเอิญมากนะ เดิมทีฉันคิดจะโทรไปให้คุณคุยเรื่องการไปทำงาน แต่สุดท้ายคุณกลับมาเองเลย"

"บังเอิญจริงๆ แต่คุณคิดว่าฉันจะเชื่อหรือ"จีเซียงหนิงพูดด้วยความเยาะเย้ย

"เชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้ ความแตกต่างมันก็ไม่มาก สิ่งสำคัญคือ เริ่มจากพรุ่งนี้ฉันจะไปทำงาน เอ๊ะ เจียงจุนอีกครั้ง คุณไม่มีหมากรุกที่เดินได้แล้ว"ฮั่วปู้ฝานวางหมากรุกลงแล้วพูด

เจ้าตัวน้อยที่นั่งอยู่ตรงข้ามมองไปดูกระดานหมากรุกอย่างมึนงง เหมือนจะไม่กล้าเชื่อว่าตัวเองจะแพ้เร็วขนาดนี้

มีแต่ตอนแรกเริ่มที่เธอเรียนหมากรุก ถึงจะถูกหลี่ซูเฮิงชนะไปแบบนี่ จากนั้น หลังจากเธอเรียนจบแล้ว เธอล้วนเป็นคนที่ชนะในทุกครั้ง

เดิมทีถังถังยังคิดอยู่ว่า การที่ปะป๋ายอมเล่นหมากรุกกับเธอมันเป็นสิ่งที่หายาก จะอ่อนข้อให้ปะป๋าสักหน่อยไหม แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า ฮั่วปู้ฝานไม่ให้โอกาสแก่เธอต่อต้านด้วยซ้ำ เป๊ะเดียวเองเธอก็แพ้แล้ว

"ดีอยู่ ฝึกฝนอีกสักหน่อย ปีหน้าพยายามไปสอบนักเล่นหมากรุกระดับสามให้ได้"ฮั่วปู้ฝานยิ้ม และเตะศรีษะของถังถัง เพื่อเป็นการปลอบใจ

นี่มันไม่ใช่ว่าโม้นะ ถังถังเล่นหมากรุกได้เก่งจริงๆ ในหมู่ของผู้เล่นธรรมดา ถือว่าเก่งมากแล้ว ไม่น่าทำไมหลี่ซูเฮิงถึงแพ้เธทุกครั้ง และในเวลาว่างๆ เธอยังหาคนแก่รอบข้างที่ชอบเล่นหมากรุกมาแข่งกัน

พวกชายชราที่นึกว่าตัวเองเล่นเก่งที่สุดในโลก ล้วนถูกเธอเอาชนะอย่างง่ายดาย จนกินข้าวไม่ลง

อายุเพียง7ขวบ เรียนหมากรุกเซี่ยงฉีมาเพียงไม่กี่เดือนก็สามารถถึงระดับนี้ ถือว่าเก่งมากจริงๆ

ตอนที่ฮั่วปู้ฝานยังอายุน้อยอยู่ ก็เคยเรียนหมากรุกมาหลายปี ตอนอายุสิบเจ็ดปี ยังได้รับอันดับที่สามของประเทศ ถ้าหากว่าตอนนั้นอดทนเรียนอีกปีหนึ่ง อาจจะได้แชมป์ด้วย

แต่ว่าในฐานะที่เป็นทายาทที่มีอนาคตที่สุดของตระกูลฮั่ว การเล่นหมากรุกอย่างมากก็เป็นเพียงแค่งานอดิเรก ไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งสำคัญในชีวภาพ ดังนั้นการเรียนหมากรุกของฮั่วปู้ฝาน ก็เลยจบไปเพียงเท่านี้

หลายปีนี้เขาเล่นหมากล้อมมากกว่ากัน ซับซ้อนปว่าเซี่ยงฉี และก็ยิ่งฝึกทักษะการคิดเชิงตรรกะมากกว่า แม้ว่าเช่นนี้ การที่มาสอนเด็กผู้หญิงที่อายุเจ็ดขวบ ที่ยังไม่ถึงนักเล่นหมากรุกระดับสาม ยังได้อยู่

จีเซียงหนิงเบะปากพูดอยู่ข้างๆว่า"การชนะเด็กผู้หญิงอายุเจ็ดขวบ มีอะไรน่าภูมิใจหรือ ไม่อับอายหรือ!"

เธอน่าจะเล่นเซี่ยงฉีไม่ค่อยเป็น จึงมองพรสวรรค์ทางด้านนี้ของถังถังไม่ออก ฮั่วปู้ฝานยิ้มขึ้นมา ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ถังถังอดไม่ได้ที่จะชิงความเป็นธรรมให้คุณพ่อ"ป้าจีคะ วันนี้ปะป๋าเก่งจริงๆค่ะ!"

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

827