บทที่ 225 หมดทางแก้

ประโยคที่เขาบอกว่าหน้าร้อนแล้วให้รักษาความอบอุ่นของร่างกายด้วยเขาตั้งใจพูดมันออกมา

เนื่องจากเขารู้ดีว่าถังจงเวยเป็นคนที่รอบคอบและชอบคิดมากการที่เขาพูดออกมาแบบนั้นเธอจะต้องเชื่อมโยงไปถึงโรคประจำตัวของเธอแน่

จุดประสงค์ของฮั่วปู้ฝานนั่นก็คือทำให้เธอรู้สึกสงสัยและอยากรู้

มีเพียงเท่านี้จึงจะทำให้สามารถเข้าหาเธอได้ง่ายในอนาคตและจะค่อยๆดึงเธอเข้ามาได้

ไม่อย่างนั้นหากในอนาคตเขาใช้ตัวตนของหลี่ซูเฮิงเข้าไปจัดการเรื่องบางอย่างกับตระกูลฮั่วคนที่จะกระโดดขึ้นมาต่อสู้คนแรพก็คงจะเป็นเจ้าสาวน้อยคนนี้

แต่สิ่งที่ทำให้ฮั่วปู้ฝานสังเกตเป็นพิเศษนั่นก็คือสิ่งที่ฮั่วเจียหมิงพูดว่าเจ้าตัวปลอมนั่นกำลังทำบางอย่างกับตระกูลฮั่ว

ตัวปลอมของเขาเริ่มโยกย้ายคนในสำนักงานแล้วคาดว่าคงกำลังกำจัดคนที่ใกล้ชิดออกไปหลังจากได้ขับไล่คนคุ้นเคยออกไปแล้วตำแหน่งทั้งหมดก็จะถูกยึดครองโดยคนที่แทรกซึมเข้ามาเมื่อถึงเวลานั้นตระกูลฮั่วก็จะตกอยู่ในเงื้อมมือของคนเหล่านั้นจริงๆ

แน่นอนว่าการโยกย้ายคนในสำนักงานเป็นเรื่องง่ายเพียงเพราะนั่นเป็นธุรกิจส่วนตัวของฮั่วปู้ฝานเพียงแค่เขาต้องการจะเปลี่ยนคนทุกวันก็ไม่มีใครพูดอะไรได้

แต่นี่เป็นสัญญาณเตือนว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังลงมือทำอย่างจริงจังและเวลาที่ตนเหลืออยู่นั้นก็ไม่มากแล้ว

ในใจของฮั่วปู้ฝานรู้สึกกังวลมากเขาไม่หยุดนิ่งและรีบยื่นมือออกไปโบกรถแท็กซี่มุ่งหน้าไปยังบริษัท

เรื่องที่เขาต้องทำมีอีกมากเขาไม่อาจหยุดรอได้แม้แต่วินาทีเดียว

การที่ฮั่วปู้ฝานเดินทางมานั้นหนิงเสี่ยวฉินรู้สึกดีใจมากแต่เมื่อเธอนึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นก็ถามด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มว่า"วันนี้คุยกับพันซือมี่เป็นอย่างไรบ้างคะ?"

ฮั่วปู้ฝานรู้ว่าเธออยากจะถามอะไรจึงพยักหน้าแล้วตอบว่า"ก็ไม่เลว"

"จริงเหรอคะ?"ท่าทางของเธอดีใจมากแต่ไม่รู้ว่าเธอคิดถึงเรื่องอะไรอยู่สีหน้าของเธอก็แดงขึ้นทันทีมองไปแล้วช่างงดงามกว่าเดิม

แต่ฮั่วปู้ฝานกลับปวดหัวผู้หญิงคนนี้เธอมีความปรารถนาอย่างมากจริงๆเหรอ?

"สวัสดีค่ะประธานหลี่เจียนซือซือเดินเข้ามาและเคยทักทายฮั่วปู้ฝานจากนั้นจึงยื่นเอกสารไปให้หนิงเสี่ยวฉินแล้วพูดว่า"นี่คือหนังสือแผนงานกรอบการจัดการที่คุณต้องการค่ะ"

หนิงเสี่ยวฉินยื่นมือไปรับมาจากนั้นก็นำเอกสารที่อยู่บนโต๊ะอีกฉบับหนึ่งส่งให้กับฮั่วปู้ฝานพูดว่า"คุณมาได้จังหวะพอดีเลยฉันให้หนิงเฮ่าปิงกับเจียนซือซือเขียนแผนโครงสร้างการจัดการของสาขาคนละ1ฉบับคุณช่วยฉันดูหน่อยว่าพวกเขาเขียนเป็นยังไงบ้าง?วันนี้มีคนสอบถามเรื่องสินค้าเข้ามามากขึ้นกว่าเดิมอีกค่ะฝ่ายคอลเซ็นเตอร์แทบจะระเบิดอยู่แล้วฉันจะต้องไปหารือให้พวกเขาเพิ่มจำนวนพนักงาน"

"ครับคุณไปทำธุระของคุณเถอะเดี๋ยวตรงนี้ผมจัดการเอง"ฮั่วปู้ฝานพยักหน้าตอบรับจากนั้นเปิดดูเอกสารในมือทั้ง2ฉบับของเขา

เจียนซือซือยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความคาดหวังเมื่อเธอเห็นเขาพยักหน้าก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเมื่อเขาขมวดคิ้วขึ้นในใจของเธอก็รู้สึกกังวล

ท่าทางเหล่านี้ทำให้จิตใจวุ่นวาย

ส่วนหนิงเฮ่าปิงที่กำลังจัดการรายงานอยู่บนโต๊ะก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมามองแม้จะไม่ได้นิ่งเงียบๆเหมือนกับเจียนซือซือก็ตาม

เขามักจะพูดว่าฮั่วปู้ฝานและหนิงเสี่ยวฉินนั้นเป็นพวกไร้ความสามารถแล้วรู้สึกว่าทั้งสองคนเพียงแค่โชคดีได้พบเข้ากับโอกาสดีๆแต่วันนี้เมื่อส่งเอกสารรายงานไปแล้วในฐานะลูกผู้ชายอีกทั้งยังมีนิสัยเย่อหยิ่งแน่นอนว่าหมิงฮ่าวปิงคาดหวังผลงานของเขาจะได้รับคำชมจากฮั่วปู้ฝานมากกว่า

เพราะเช่นนี้เขาจึงจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขานั้นเก่งกว่าเจียนซือซือ

ฮั่วปู้ฝานอ่านแผนงานด้วยความรวดเร็วระดับความสามารถของเขานั้นเพียงแค่แผนการดำเนินงานของทั้งสองคนไม่ยากไปกว่าการแก้การบ้านของเด็กประถมเลย

เขาเพียงแค่มองดูก็เข้าใจถึงเนื้อหาแล้ว

หลังจากที่เปิดดูอยู่หลายหน้าฮั่วปู้ฝานก็พูดกับเจียนซือซือว่า"ความคิดของคุณมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยสำหรับผมนั้นผมคิดว่าคุณไม่ควรมีข้อผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้นหวังว่าคุณจะนำมันกลับไปแล้วพิจารณาทบทวนดูอีกรอบหนึ่งเมื่อแก้ไขเสร็จเรียบร้อยแล้วนำมาให้ผมดูถ้าหากว่าข้อผิดพลาดเล็กๆเหล่านั้นสามารถแก้ไขได้ก็ถือว่าคุณผ่านหากว่าไม่ได้แก้ไขเลยผมจะหักโบนัสจำนวน500หยวน"

หากว่าเป็นคนอื่นแผนงานที่อุตส่าห์เขียนออกมาด้วยความยากลำบากไม่ได้รับแม้แต่คำชมใดๆอีกทั้งยังบอกว่าถ้ามีข้อผิดพลาดจะหักเงินโบนัส500หยวนเป็นใครก็คงจะแอบด่าในใจแล้ว

แต่เจียงซือซือไม่ได้ทำแบบนั้นเธอรีบรับเอกสารคืนมาแล้วพูดว่า"ค่ะฉันจะนำไปตรวจสอบและแก้ไขครั้งหน้าจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังอีก!"

เมื่อพูดจบเธอก็เดินกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง

ฮั่วปู้ฝานไม่ได้บอกว่าเธอทำผิดพลาดตรงไหนเนื่องจากเขาคิดว่าเธอคงจะค้นพบด้วยตัวเองได้และวิธีนี้จะสามารถทำให้เธอเข้าใจว่าทำไมถึงเกิดข้อผิดบกพร่องแบบนี้ได้และจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีก

หากว่าทุกครั้งมีคนคอยบอกว่าคุณทำผิดพลาดตรงไหนครั้งหน้าคุณก็ยังคงทำผิดพลาดในเรื่องเดิมๆเนื่องจากไม่รู้ว่าควรทำการแก้ไขอย่างไร

วิธีนี้คือการที่เรียกว่าสอนคนให้ตกปลาดีกว่ายื่นปลาให้เขา

หลังจากที่ประเมินผลงานของเจียนซือซือเรียบร้อยแล้วฮั่วปู้ฝานก็เดินไปทางหนิงเฮ่าปิง

เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงโต๊ะฮั่วปู้ฝานวางแผนงานเอาไว้ข้างๆมือเขาพูดว่า"ความคิดโดยรวมไม่เลวเลยมองออกว่าคุณเข้าใจถึงรากฐานทางทฤษฎีข้อมูลระหว่างประเทศข้างต้นทำแผนภูมิเปรียบเทียบได้ดีมากควรได้รับเป็นแบบอย่าง"

เมื่อได้ยินการประเมินของฮั่วปู้ฝานเจียนซือซือก็ก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกท้อแท้มุมปากของหมิงเฮ่าปิงเผยอขึ้นและรู้สึกภาคภูมิใจ

เขาเหลือบไปมองแฟนสาวแล้วอยากจะถามจริงๆว่า"เข้าใจหรือยังว่าพรสวรรค์ที่แท้จริงคืออะไร?"

วินาทีต่อมาฮั่วปู้ฝานก็พูดขึ้นว่า"แต่สิ่งที่เราต้องการไม่ใช่รูปแบบหากเราต้องการแบบฟอร์มเราสามารถดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ตได้มากมายไปสถานการณ์แต่ละบริษัทแตกต่างกันเราจะต้องดำเนินการจากความเป็นจริงจากโครงสร้างของพนักงานรวมไปถึงจิตวิทยาของพนักงานบุคลากรองค์ประกอบทางสังคมและสถานะทางครอบครัวรวมทั้งการอุทิศตนให้แก่บริษัทแล้วนำมาใช้ประเมินจึงจะใช้ข้อมูลที่ประเมินได้มาปรับปรุงแก้ไขไม่อย่างนั้นสิ่งที่เราได้ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแต่คือความวุ่นวายหนังสือแผนงานนี้คุณนำกลับไปเขียนใหม่นะไม่ต้องใส่ความรู้ที่เรียนมาในห้องเรียนให้มากนักใช้ความเป็นจริงมาสรุปเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการเปลี่ยนแปลงเข้าใจไหม!"

สีหน้าของหมิงเฮ่าปิงแข็งทื่อเขาพูดไม่ออกเลยทีเดียว

เดิมทีคิดว่าฮั่วปู้ฝานจะเอ่ยชมตนใครจะไปคิดว่าสิ่งที่เขาเอ่ยชมมาก่อนหน้านี้ท้ายที่สุดแล้วกลับไม่มีความหมายอะไรเลย

คำพูดเหล่านี้อธิบายได้ง่ายๆนั่นก็คือเอกสารที่เขาทำมานั้นนอกจากมีแบบฟอร์มที่ดีแล้วอย่างอื่นไม่มีอะไรที่ใช้ได้เลย

บอกตามตรงว่าฮั่วปู้ฝานยังให้ความสำคัญกับหนิงเฮ่าปิงมาก

เนื่องจากชายหนุ่มคนนี้มีความรู้พื้นฐานทางทฤษฎีค่อนข้างมั่นคงและฉลาดหลักแหลมแต่ว่าเขาพึ่งพาความรู้ที่เรียนมามากจนเกินไปและไม่คุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงอีกทั้งวิธีการปรับตัว

แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพราะเขาขาดประสบการณ์ดังนั้นฮั่วปู้ฝานรู้สึกว่าหากให้เขาฝึกฝนเข้าบ่อยๆหลินเฮ่าปิงจะเป็นผู้ช่วยที่ดีทีเดียว

ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างเข้มงวดกับหลินเฮ่าปิงมากกว่าจะเข้มงวดกับเจียนซือซือ

แต่หนิงเฮ่าปิงไม่ได้คิดแบบนั้นในสายตาของเขาฮั่วปู้ฝานกำลังดูถูกเขาอยู่

ทำไมถึงไม่พูดออกมาว่าเขาเขียนขี้หมาออกมาเลยเล่า!

หน้าของเขาแดงจนม่วงการแสดงออกก็แข็งกระด้าง

ฮั่วปู้ฝานเห็นท่าทางที่แปลกไปของเขาจึงได้ขมวดคิ้วถามว่า"ทำไมไม่พูดอะไรล่ะครับ?"

หลินเฮ่าปิงกำเมาส์แน่นขึ้นแล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า"ผมรู้แล้วครับเดี๋ยวผมจะทำใหม่"

"เรื่องความต้องการทั่วไปของมนุษย์ลองปรึกษากับเจียนซือซือดูนะเธอเป็นผู้หญิงน่าจะเข้าใจในส่วนนี้มากกว่าและน่าจะให้คำแนะนำที่ดีกับคุณได้"ฮั่วปู้ฝานพูด

"ครับ"หนิงเฮ่าปิงตอบรับอย่างเรียบง่าย

เมื่อรู้ว่าเขาไม่พอใจดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยถามให้มากความ

การจะปลูกฝังคนคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องยากหากว่าเขายินดีทำตามต่อให้สมองช้าขนาดไหนฮั่วปู้ฝานก็มั่นใจว่าจะสามารถฝึกฝนออกมาได้ดี

แต่หากว่าเขามีจิตใจที่หยิ่งผยองและไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงฮั่วปู้ฝานก็จะไม่เสียเวลากับเขาอีก

เมื่อฮั่วปู้ฝานหันหลังแล้วเดินจากไปมือของหลินเฮ่าปิงกำแน่นขึ้นกว่าเดิม

เจียนซือซือที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามรู้ว่าเขาไม่ชอบถูกตำหนิแบบนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เขาดูถูก

ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนทะเลาะกันและยังไม่คืนดีกันแต่เนื่องจากทั้งสองเป็นคู่รักกันมาอยู่หลายปีหลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่เจียนซือซือกระซิบบอกกับเขาว่า"ที่จริงแล้วท่านประธานหลี่ก็หวังดีกับพวกเรานะคะเขา......"

"หุบปาก+"หมิงเฮ่าพูดออกมาอย่างเย็นชา"คุณมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาปลอบโยนผมกัน?คิดว่าได้รับคำชมเพียงแค่2-3คำก็เก่งกว่าผมแล้วอย่างนั้นเหรอ?อย่ามาทำท่าทางเห็นอกเห็นใจคนอื่นเลยผมไม่จำเป็นต้องได้รับคำปลอบโยนจากคุณและยิ่งไม่อยากได้ความเห็นใจ!"

"คุณ!คุณมันหมดทางแก้แล้วจริงๆ"เจียนซือซือโมโหจนอกแทบจะระเบิดเธอบอกเขาด้วยความหวังดีและให้เขาได้ก้าวลงมาแต่ตัวเองกลับถูกด่าซะอย่างนั้น

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

827