บทที่ 227 สูญเสียขาดทุน

ในเช้าวันจันทร์ฮั่วปู้ฝานนั่งเครื่องบินมุ่งตรงไปยังเมืองที่เมียวยี่เกออาศัยอยู่

ในฐานะศิษย์เอกของศาสตราจารย์เจาหยงอันเมียวยี่เกอนับว่าเป็นนักธุรกิจที่ฉลาดหลักแหลมที่สุดในวงการการค้าคนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าพ่อของเขาก็ทำธุรกิจการค้าจึงทำให้เมียวยี่เกอรู้จักทำการค้ามาตั้งแต่เด็ก

สมัยเรียนมหาวิทยาลัยในแต่ละเดือนเขาได้รับเงินจากการเขียนวิทยานิพนธ์และการสอบซ่อมจากเพื่อนๆไม่น้อยเลยทีเดียว

ที่สำคัญคือการสอบของตัวเขาเองนั้นมักจะดรอปไว้เสมอ......

เขานั้นเป็นพวกมีไหวพริบเขาจะนำเงินไปจ้างพวกผลการเรียนดีมาเป็นผู้ช่วยสอบซ่อมแต่ละครั้งให้เงินพวกเขา30หยวนวิทยานิพนธ์1บท70หยวนแต่เขาเก็บเงินพวกที่มาจ้างในการสอบซ่อม50หยวนและวิทยานิพนธ์100หยวน

แต่ละงานเขาได้เงินไม่มากแต่ก็ไม่น้อยจนเกินไป

เนื่องจากตัวเขานั้นที่จริงไม่ได้ทำอะไรเพียงแค่ขยับปากก็ได้เงินมา

เรื่องนี้เมียวยี่เกอถูกอาจารย์ที่ปรึกษาดึงหูไปสั่งสอนประจำ

การที่เขามีความสัมพันธ์กับเจาหยงอันค่อนข้างดีนั่นเพราะศาสตราจารย์เจาไม่เคยดุด่าเขาเรื่องนี้มาก่อนอีกครั้งยังชื่นชมที่เขามีสมองอันชาญฉลาดและกล่าวว่าในอนาคตจะได้เป็นนักธุรกิจใหญ่

ในตอนนั้นนักธุรกิจมีตำแหน่งในสังคมไม่สูงหากทำการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตก็จะผิดกฎหมาย

ดังนั้นตั้งแต่สมัยก่อนศาสตราจารย์เจาก็มองออกว่าการที่ประเทศล้าหลังไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจิตใจของประชาชนนั้นขยันขันแข็งเพียงใดแต่ขึ้นอยู่กับว่ามีเงินหรือไม่

ในอนาคตการที่ประเทศจะแข็งแกร่งขึ้นต้องมีคนกลุ่มหนึ่งที่มีความสามารถในการหาเงินถือกำเนิดขึ้น

อย่างเช่นเมียวยี่เกอเยาวชนเช่นนี้คือความหวังที่เจาหยงอันต้องการเห็นเขาไม่อยากมองเห็นยุคสมัยทำลายต้นกล้าที่ดีแบบนี้ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจคำติฉินนินทาของเพื่อนร่วมงานด้วยกันแต่กลับไปสนับสนุนอีกเสียด้วย

แน่นอนว่าการที่ไม่ตำหนิไม่ได้หมายความว่าเห็นด้วย

ประโยคที่เจาหยงอันพูดบ่อยที่สุดก็คือ"ผมหวังว่าในอนาคตเงินที่คุณหามาได้ทุกบาททุกสตางค์จะได้มาอีกอย่างถูกต้องโดยไม่ให้คนอื่นมาพูดนินทาลับหลังได้เงินแบบนั้นจะสร้างหน้าสร้างตาให้คุณอย่างน่าภาคภูมิใจ!"

เมียวยี่เกอจดจำคำพูดนี้ไว้ในใจต่อมาเมื่อเขาร่ำรวยขึ้นก็มักจะใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายบางคนบอกว่าเขาไม่ประหยัดใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเขาก็ใช้ประโยชน์ของศาสตราจารย์ออกมาเถียงว่า"เงินของฉันได้มาอย่างสุจริตทุกบาททุกสตางค์ฉันใช้เงินของฉันเองไปเกี่ยวอะไรกับพวกแก?"

นิสัยที่ตรงไปตรงมาและกล้าหาญทำให้เมียวยี่เกอได้รับความนิยมในวงการการค้า

และเนื่องจากความสัมพันธ์ที่เจาหยงอันมีทำให้การค้าของเขาขยายใหญ่กว้างกว่าเหลียวเทียนเผิงและเซี่ยหงหยวน

ทรัพย์สินรวมของบริษัทต่างๆมากถึง10,000ล้าน

ผู้ถือหุ้นของบริษัทส่วนมากก็จะเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับเขาในอดีตแม้แต่ซังเชียงหมิงก็รวมอยู่ในนั้นด้วย

หนังสือสัญญาโอนหุ้นในมือของเจาหยงอันได้มาจากคนเหล่านี้พวกเขามอบให้โดยชอบธรรมเนื่องจากมีตราประทับของบริษัทหากว่าเขาปลอมแปลงตราของบริษัทไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ถือว่าทำผิดกฎหมายคนอย่างเจาหยงอันไม่ทำเรื่องโง่ๆแบบนั้นแน่

เมื่อฮั่วปู้ฝานเดินทางมาถึงที่เมืองนั้นก็เป็นเวลา13:30น.พอดีเขาเดินทางต่อไปถึงบริษัทของเมียวยี่เกอในเวลา14:00น.

ขณะนี้เป็นเวลาทำงานหน้าประตูบริษัทมีพนักงานเดินไปเดินมาค่อนข้างครึกครื้น

เมื่อเดินมาถึงเคาน์เตอร์ของบริษัทฮั่วปู้ฝานก็สอบถามว่าเมียวยี่เกออยู่หรือไม่

พนักงานสาวที่แผนกต้อนรับมองดูเขาแล้วเอ่ยถามอย่างมีมารยาทว่า"ได้นัดไว้ล่วงหน้าไหมคะ?"

"เปล่าครับรบกวนแจ้งคุณเมียวด้วยว่าศาสตราจารย์เจาหยงอันให้ผมหาเขา"ฮั่วปู้ฝานพูด

เธอตกตะลึงและมองดูเขาอย่างประหลาดใจเล็กน้อยเรื่องความสัมพันธ์ของเมียวยี่เกอกับศาสตราจารย์เจาหยงอันนั้นทุกคนในบริษัทก็รู้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองแย่ลงพวกเขาก็เคยได้ยินมาก่อน

ในเมื่อฮั่วปู้ฝานแจ้งว่าศาสตราจารย์เจาให้มาพบพนักงานสาวที่เคาน์เตอร์จึงได้ลังเลชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า"กรุณารอสักครู่ค่ะฉันขออนุญาตโทรถามเลขาที่หน้าห้องก่อนค่ะ"

ถึงแม้จะได้ยินเรื่องราวมาว่าเจาหยงอันและเมียวยี่เกอขัดแย้งกันแต่นั่นก็เป็นเรื่องของท่านประธานไม่มีใครกล้าเอื้อมมือเข้ามายุ่งหรือตัดสินใจใดๆ

ฮั่วปู้ฝานไม่ได้ขัดขืนอะไรเขายืนรออยู่ข้างๆอย่างสงบ

พนักงานหน้าเคาน์เตอร์โทรศัพท์ออกไปประมาณ1นาทีเธอก็วางสายลงแล้วพูดว่า"กรุณาใช้ลิฟท์ตัวที่2ขึ้นไปยังชั้น23คุณเฟิงยาโชวเลขาธิการของท่านประธานจะยืนต้อนรับคุณอยู่ที่นั่น"

"ขอบคุณครับ"ฮั่วปู้ฝานพยักหน้าแล้วเดินตรงไปยังลิฟต์

เมื่อมาถึงชั้น23ประตูลิฟต์ถูกเปิดออกด้านหน้าพบกับผู้หญิงวัยประมาณ30ปีเดินตรงเข้ามา

เธอสวมชุดสูททำงานแม้ว่ารูปแบบจะดูเชยแต่ก็ดูค่อนข้างมั่นคงและเป็นผู้ใหญ่มองไปแล้วไม่เหมือนกับเลขาที่มักจะเป็นชู้สาวกับเจ้านายเหมือนในละคร

หลังกรอบแว่นนั้นเป็นดวงตาคู่ที่กำลังพิจารณาฮั่วปู้ฝานอย่างละเอียด

ฮั่วปู้ฝานไม่ได้ไหวหวั่นอะไรแววตาเช่นนี้ไม่อาจทำให้หัวใจเขาสั่นคลอน

อาจเป็นเพราะความตั้งมั่นแน่วแน่ของฮั่วปู้ฝานจึงทำให้เฟิงยาโชวรู้สึกดีเธอพูดขึ้นมาว่า"เชิญทางนี้ค่ะท่านประธานรออยู่ในห้องทำงาน"

เมื่อพูดจบเฟิงยาโชวก็หันหลังแล้วก้าวออกไปไม่ได้ยื่นมือมาทักทายกับฮั่วปู้ฝานตามมารยาท

การกระทำแบบนี้บอกตามตรงว่าช่างเยือกเย็นเหลือเกินแต่ฮั่วปู้ฝานก็เข้าใจได้

เธอได้ยินมาว่าเจ้านายและศาสตราจารย์เจหายงอันมีความสัมพันธ์ไม่ดีต่อกันและในตอนนี้เธอกำลังเผชิญหน้ากับคนที่ศาสตราจารย์ส่งมาในฐานะเลขานุการเธอไม่จำเป็นที่จะต้องเกรงใจมากเท่าไหร่นัก

เขาเดินตามเฟิงยาโชวจนไปถึงห้องทำงานเธอเคาะประตูแล้วพูดขึ้นว่า"ท่านประธานขาฉันพาเขามาแล้วค่ะ"

ภายในห้องทำงานนั้นนอกจากเมียวยี่เกอแล้วยังมีผู้บริหารระดับสูงในของบริษัทอยู่อีก2คน

เมียวยี่เกอไม่ได้เงยหน้ามองดูเขาโบกมือให้เฟิงยาโชวเธอพยักหน้าแล้วเดินจากไปส่วนเมียวยี่เกอได้ปรึกษาหารือกันถึงเรื่องของบริษัทกับสองคนนั้นต่อโดยพวกเขาแทบไม่สนใจว่ายังมีคนอื่นยืนอยู่

ท่าทางของเขานั้นเห็นได้ชัดว่าต้องการให้ฮั่วปู้ฝานเกิดแรงกดดันหรือเป็นการขู่เตือน

สถานการณ์แบบนี้ฮั่วปู้ฝานจะเอามาใส่ใจเหรอ?เขามองไปรอบๆห้องดูวิธีการดีไซน์ของห้องทำงานนี้

เมียวยี่เกอเป็นดังที่ลืมกันว่าเขาค่อนข้างชอบของหรูหรา

ภายในห้องทำงานนั้นถูกประดับตกแต่งราวกับโรงแรมมองไปทางไหนก็มีแต่เฟอร์นิเจอร์ที่สีเหลืองทอง

ของชิ้นเดียวที่ดูดีคงจะเป็นรูปแกะสลักที่อยู่บนฐานทองคำนั้น

เพียงแต่สิ่งที่แกะสลักนั้นเป็นลักษณะแท่งๆมองไม่ออกว่าเป็นอะไร

"ตอนนี้แม้แต่คู่ต่อสู้เป็นใครพวกคุณยังหาไม่พบผมจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินอย่างพวกคุณมาเพื่ออะไรกัน?อย่าหาว่าผมไม่เตือนพวกคุณนะถ้าในสัปดาห์นี้กองทุนขาดผลกำไรอีกพวกคุณก็ไสหัวออกไปซะ"เมียวยี่เกอพูดอย่างโมโห

บริษัทที่เขาลงทุนมีอยู่หลายแห่งที่เป็นของส่วนตัวแต่ในไตรมาสที่2นี้กองทุนหลายแห่งประสบปัญหาขาดทุนอย่างรุนแรง

จากที่ผู้จัดการด้านกองทุนรายงานว่าพวกเขาถูกกองทุนปริศนาลอบจัดการพวกเขากำลังคิดวิธีจะไปต่อสู้แต่ฝ่ายตรงข้ามมีความสามารถคนข้างแข็งแกร่งแม้ว่าศัตรูจะมีเงินไม่มากเท่าพวกเขาแต่วิธีการที่ใช้ค่อนข้างจะหลากหลายทำให้พวกเขาไม่รู้จะป้องกันอย่างไร

อีกทั้งไม่เพียงแค่พวกเขาบริษัทเดียวที่ได้รับผลกระทบยังมีอีกหลายบริษัทจัดการกองทุนที่ประสบปัญหาเดียวกัน

การที่สามารถจัดการกับหลายบริษัทในเวลาเดียวกันได้นั่นหมายความว่าพวกเขามีความสามารถอันน่าเหลือเชื่อ

แต่เมียวยี่เกอไม่ได้สนใจว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นอย่างไรความคิดของเขาค่อนข้างง่ายนั่นก็คือเขาใช้เงินเชิญผู้เชี่ยวชาญมาไม่ได้ต้องการให้มาบอกว่าคนอื่นนั้นเก่งกาจเพียงใดแต่ต้องการให้แสดงออกมาว่าคุณเก่งมากแค่ไหน

ไม่อย่างนั้นเขาจะยอมควักเงินส่วนนี้ออกมาเพื่ออะไรกัน?เพื่อต้องการให้เห็นว่าคุณถูกคนอื่นกดลงไปที่พื้นอย่างน่าทุเรศขนาดไหนเหรอ?

สีหน้าของผู้จัดการกองทุนค่อนข้างขมขื่นพวกเขาอยากจะแสดงให้เห็นว่าความเป็นจริงแล้วนั้นก่อนหน้านี้ไตรมาสก่อนหน้านี้ก็ไม่เลวแต่ในครั้งนี้ถูกฝ่ายตรงข้ามเข้ามารบกวนจึงทำให้เกิดการขาดทุน

ที่สำคัญคือตอนนี้พวกเขาไม่มีใครหาเจอว่าศัตรูคือใคร

"พวกถังขยะไร้ประโยชน์!"เมียวยี่เกอเริ่มพูดคำสบถออกมาผู้จัดการกองทุนจะกล้าเถียงกลับได้ยังไง?

อาจเป็นเพราะเขาโมโหมากเมียวยี่เกอจึงได้เงยหน้าขึ้นแล้วมองเห็นฮั่วปู้ฝานก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า"คุณตาแก่เจาให้คุณมาทำไม?"

"ศาสตราจารย์เจาให้เอกสารผมมาฉบับหนึ่งในเอกสารมีเนื้อความว่าทางบริษัทมอบหุ้นส่วนให้แก่เขาบางส่วนก่อนหน้านี้เป็นจำนวนเงิน7ล้านตอนนี้ศาสตราจารย์เจาต้องการจะถอนหุ้นคืนดังนั้นจึงขอความกรุณาให้ทางบริษัทคืนแลกเป็นเงินให้แก่เขา"ฮั่วปู้ฝานพูดขึ้น

หลังจากนั้นก็หยิบเอกสารที่เจาหยงอันมอบให้ออกมาจากกระเป๋า

เมียวยี่เกอชายตาไปมองแล้วหัวเราะเยาะด้วยความเย็นชาว่า"เขาไม่มาเองให้คุณมาทำไมกัน?ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าคุณเป็นใครถ้าคุณเป็นโจรแล้วไปแย่งของเขามาเพื่อเอาเงินกับผมผมก็ต้องให้อย่างนั้นเหรอ?ถ้าอยากได้เงินไปบอกคนแซ่เจาว่ามาหาผมด้วยตัวเอง!"

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

827