บทที่ 229 ลูกศิษย์

นักลงทุนจำนวนมากติดอยู่ตรงนี้และไม่มีโอกาสที่จะออกจากตลาดได้

สถานการณ์ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าที่จะถอนหุ้นซึ่งจะทำให้สูญเสียมากกว่าเดิม

3-4เดือนมานี้ชวนเหลียนเซินฟาหุ้นตกลงมากตอนนี้ตกลงถึงหุ้นละ12.7แล้วก่อนหน้านี้ไม่มีการฟื้นตัวเลยอาจจะปรากฏเครื่องหมายกากบาทสีแดงบ้างเป็นบางครั้งก็นับว่าน่าทึ่งแล้ว

หุ้นแบบนี้สามารถบอกได้ว่าไม่มีหุ้นจวงอยู่พวกกองทุนขนาดใหญ่อาจจะดึงหุ้นกลับไปนานแล้วเมื่อตอนที่หุ้นลดลงอย่างต่อเนื่อง

หากว่ามีหุ้นจวงขนาดใหญ่เข้ามาซื้อก็อาจจะดึงขึ้นได้แต่จะเป็นเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครบอกได้ทั้งนั้นเนื่องจากต่อให้มีหุ้นจวงเข้ามาก็คงไม่บอกใคร

ส่วนแผนภาพการแบ่งปันของชวนเหลียนเซินฟาในวันนี้มองดูแล้วไม่น่ามีอะไรดึงดูดแม้แต่ผู้จัดการกองทุนผู้เชี่ยวชาญก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรแปลกใหม่

แต่ฮั่วปู้ฝานกลับมองดูแล้วก็ยิ้มขึ้นเนื่องจากเขาเห็นเส้นโค้งที่ค่อนข้างน่าสนใจ

ในช่วงเช้าตอนเปิดตลาดหุ้นชวนเหลียนเซินฟามีเส้นผันผวนหนึ่งที่สูงขึ้นมาแต่เพียง6นาทีก็สิ้นสุดลงหลังจากนั้นในตอนกลางวันก่อนจะปิดตลาดเที่ยงก็ปรากฏเหตุการณ์เดียวเช่นกันอีกครั้ง

ในตลาดช่วงบ่ายก็ยังคงมีเส้นสูงขึ้นอยู่6นาทีรวมกันแล้วเป็น3ครั้งติดต่อกันเส้นเหล่านี้ถูกซ่อนอยู่ในเส้นโค้งธรรมดาซึ่งไม่เป็นที่สังเกต

เหตุผลที่เขาสังเกตได้นั้นไม่ใช่เคล็ดลับอะไรแต่เป็นเพียงเพราะฮั่วปู้ฝานเองก็เคยเป็นผู้ถือหุ้นจวงและเส้นความผันผวนเป็นวิธีการที่เขาใช้ทดสอบดึงหุ้นขึ้น

นั่นเป็นเรื่องในเมื่อหลายปีก่อนตอนที่เขาเพิ่งเข้ามาสัมผัสกับอุตสาหกรรมการเงินแล้วรู้สึกว่าค่อนข้างน่าสนใจเงินทุนที่เขาลงไปนั้นไม่เกิน100000หยวนแต่ได้ผลตอบแทนมูลค่ากว่า1ล้านอีกทั้งยังเคยนำเงินมูลค่าพันล้านเพื่อเข้าเป็นเจ้าของหุ้นจวง

สำหรับหุ้นที่มีมูลค่าหลายพันหรืออาจถึงหมื่นล้านผู้ถือหุ้นจำนวนพันล้านอาจนับว่าไม่ใช่เงินมากแต่โดยมากแล้วที่เหลือก็เป็นนักลงทุนรายย่อย

ระหว่างที่หุ้นจะขึ้นหรือตกโดยมากเป็นผู้ลงทุนรายย่อยที่ติดตาม

ดังนั้นหุ้นจวงที่มีความฉลาดจะไม่ซื้อหุ้นมากกว่า51%เพื่อที่จะได้ควบคุมเหมือนบริษัท

พวกเขาเพียงแค่ต้องมีสมาธิและซื้อหุ้นราคาต่ำจากนั้นดึงหุ้นขึ้นในเวลาที่จำเป็นและบล็อกหุ้นด้วยเงินจำนวนหลักแสนจากนั้นร่วมมือกับบริษัทเพื่อเผยแพร่ข่าวสารเหล่านี้

เมื่อนักลงทุนรายย่อยเห็นหุ้นที่สูงขึ้นก็เปรียบเสมือนกับแมวที่ได้เห็นปลาพวกเขาจะพากันแห่มาตามข่าวสารที่พวกเขาได้รับและเข้าซื้อด้วยความตื่นเต้น

จากเงิน100,000เพิ่มไปเป็น1ล้านและจาก1ล้านเพิ่มไปเป็น10ล้านหลังจากที่เพิ่มไปถึง300ล้านฮั่วปู้ฝานก็หยุดลง

เขาไม่ได้อยากจะกลายเป็นจระเข้ที่คอยเขมือบหุ้นนี้การที่เขาเป็นเจ้ามือหุ้นนั้นเพียงแค่อยากรู้ว่าพวกคนเหล่านี้คิดอะไรกันอยู่หากในอนาคตเขาเผชิญหน้ากับคนเหล่านี้จะได้รับมือถูก

ระหว่างนั้นฮั่วปู้ฝานได้รับลูกศิษย์เข้ามาคนหนึ่ง

อาจจะไม่ได้เรียกว่าเป็นลูกศิษย์โดยตรงเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งที่คุยถูกคอกับเขาตั้งแต่ตอนที่เขาเฝ้าดูตลาดหุ้น

เด็กหนุ่มคนนั้นชื่อว่าวังอี้ซินตอนที่เขารู้จักกับฮั่วปู้ฝานนานเพิ่งจะเรียนจบม.6เท่านั้น

เขาติดตามฮั่วปู้ฝานและได้พบว่าผู้ชายคนนี้มักสร้างปาฏิหาริย์อย่างต่อเนื่องตอนที่ฮั่วปู้ฝานวางมือเขาศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรีปีที่2

แม้ฮั่วปู้ฝานจะไม่เคยยอมรับว่าเขารับลูกศิษย์เข้ามาคนหนึ่งแต่วังอี้ซินก็มักจะเรียกเขาว่าอาจารย์เนื่องจากเขารู้ดีกว่าใครๆว่าอาจารย์ของเขานั้นเก่งมากขนาดไหน

มีสักกี่คนกันที่สามารถเพิ่มมูลค่าของเงินจาก100,000เป็น300ล้านหยวนภายในเวลา2ปีโดยไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากภายนอก

นี่ไม่ใช่แค่ความประหลาดใจแต่มันคือปาฏิหาริย์!

สองปีนั้นฮั่วปู้ฝานได้สอนเขาเกี่ยวกับเรื่องการเงินจนเชี่ยวชาญวังอี้ซินเป็นเด็กฉลาดเขาเรียนรู้ได้เร็วและค่อนข้างประสบความสำเร็จ

ตอนที่ฮั่วปู้ฝานจากออกมาเขาได้ทิ้งเงินทุนไว้ให้จำนวน100,000หยวนแล้วพูดติดตลกว่าหากภายใน2ปีนี้สามารถทำเงินได้300ล้านแบบเขาเขาก็จะรับเป็นศิษย์

ตอนนี้เวลาผ่านไป3ปีครึ่งแล้ววังอี้ซินยังไม่เคยมาหาเขาเลยและฮั่วปู้ฝานเองก็ไม่ได้ติดต่อกับเด็กคนนั้นอีก

แต่ดูกราฟที่เพิ่มขึ้น3ครั้งเมื่อสักครู่ฮั่วปู้ฝานรู้ดีว่าวันนี้วังอี้ซินยังคงอยู่ในตลาดหุ้น

อีกทั้งมองดูแล้วเขาไปได้สวยเลยทีเดียวสามารถเป็นเจ้าของหุ้นได้

ในเมื่อเขามั่นใจว่าลูกศิษย์เขาเป็นเจ้าของหุ้นจวงดังนั้นฮั่วปู้ฝานจึงรู้ดีว่าแนวโน้มต่อไปจะเป็นอย่างไร

การทดสอบทั่วไปเพื่อไม่ให้คนอื่นมองเห็นถึงความผิดปกติพวกเขาจะทำการทดสอบแค่วันละ1-2ครั้ง

ในวันนี้เขาทำการทดสอบถึง3ครั้งนั่นหมายความว่าวังอี้ซินเห็นว่าโอกาสทองมาถึงแล้ว

จากแผนภูมิที่ปรากฏการดึงหุ้น3ครั้งนั้นไม่ได้รับผลกระทบมากจึงไม่มีคนเข้ามาซื้อมากนัก

ดังนั้นเมื่อตอนปิดตลาดหากเขายังคงใช้วิธีเดิมก็คือก่อน10นาทีที่ปิดตลาดเขาจะทำให้หุ้นสูงขึ้นเป็นเวลา1นาที

ราคาสูงสุดของหุ้นนั้นเขาไม่ได้บีบมันจนแน่นเขาจะเปิดโอกาสให้กับผู้ถือหุ้นรายย่อยบ้างเล็กน้อยเนื่องจากเดิมทีฮั่วปู้ฝานไม่ได้ต้องการที่จะขูดเลือดขูดเนื้อเขาเพียงแค่เข้ามาเล่นเท่านั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทำให้นักลงทุนรายย่อยคนอื่นๆถึงกับหมดหวัง

หลังจากที่ยืนยันเรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วฮั่วปู้ฝานก็ไม่ดูหุ้นอื่นอีกต่อไปเขาชี้ไปที่ชวนเหลียนเซินฟาแล้วพูดว่า"หุ้นนี้ไม่เลวถ้าโชคดีพรุ่งนี้อาจจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็วต่อให้โชคร้ายที่สุดยังไงหุ้นนี้ก็เพิ่มขึ้น"

เมียวยี่เกอไม่ได้ตอบสนองเขาแต่มองไปยังผู้จัดการกองทุนทั้งสองคนเนื่องจากเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแบบนี้ควรมอบให้แก่ผู้ที่มีความชำนาญมากกว่า

ผู้จัดการกองทุนคนหนึ่งยิ้มเยาะด้วยท่าทางดูถูกก่อนจะพูดกับฮั่วปู้ฝานว่า"ชวนเหลียนเซินฟามีปัญหาด้านเทคนิคเมื่อครึ่งปีก่อนประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักหลังจากนั้นหุ้นก็ถูกลดลงจนปัจจุบันมูลค่าทางตลาดมีเพียง1ใน3ของหุ้นเดิมเท่านั้นหุ้นตกตลอด4เดือนที่ผ่านมาสังเกตได้ว่าไม่มีหุ้นจวงอยู่ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการดึงหุ้นขึ้นมา"

เมียวยี่เกอตอบรับแล้วมองไปทางฮั่วปู้ฝานพูดว่า"คุณได้ยินแล้วใช่ไหม?คุณแน่ใจว่าจะซื้อหุ้นตัวนี้?"

ฮั่วปู้ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า"แน่ใจ"

"มองดูแล้วคุณไม่เชื่อการพิจารณาของผมสินะในเมื่อมั่นใจขนาดนั้นพวกเรามารอดูกันเลยก็ได้"ผู้จัดการกองทุนยิ้มเยาะ

เมียวยี่เกอนั่งลงเขานำขาทั้งสองข้างขึ้นมานั่งไขว่ห้างเฟิงยาโชวก้าวเข้ามาจุดซิการ์ให้อย่างรู้หน้าที่

ควันนั้นลอยตลบอบอวลไปทั่วห้องแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาได้ยินเพียงเสียงสูบซิการ์ของเมียวยี่เกอเป็นบางครั้ง

ท่ามกลางควันที่ล่องลอยเวลาผ่านไปแต่ละนาทีในที่สุดก็มาถึง9นาทีก่อนปิดตลาดตอนนี้ฮั่วปู้ฝานเริ่มขมวดคิ้วและใจเต้น

เนื่องจากตามความคาดเดาก่อนหน้านี้บัดนี้ชวนเหลียนเซินฟาน่าจะเริ่มดึงหุ้นแล้ว

แต่ณปัจจุบันเส้นความผันผวนยังคงไม่ขยับ

ทำไมเขาถึงไม่ดึงขึ้น?

หรือว่าวังอี้ซินไม่ใช่หุ้นจวง?การดึงหุ้น3ครั้งนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ?

ไม่สิมันไม่น่าบังเอิญขนาดนั้นไม่เช่นนั้นการทดสอบดึงหุ้นทั้ง3ครั้งเวลาคงไม่ตรงกันขนาดนี้

ความมั่นใจที่เขาปลูกฝังมาทำให้ฮั่วปู้ฝานเชื่อมั่นในการตัดสินของเขา

อาจเป็นเพราะสังเกตเห็นถึงความผิดปกติไปของฮั่วปู้ฝานเมียวยี่เกอจึงพูดขึ้นว่า"ตอนนี้มีเวลาอีก6นาทีก่อนจะปิดตลาดถ้าคุณจะเปลี่ยนหุ้นในตอนนี้น่าจะยังพอมีเวลา"

ในที่สุดเขาก็ใจอ่อนเนื่องจากไม่อยากทำให้คนที่อาจารย์ส่งมาเป็นคนแรกต้องจากไปอย่างผิดหวัง

แต่ท่าทีของฮั่วปู้ฝานนั้นทำให้เมียวยี่เกอรู้สึกหมั่นไส้

"ไม่จำเป็น"คำตอบของเขานั้นสั้นและทรงพลัง

เมียวยี่เกอส่งเสียงเหอะๆในลำคอและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

ในเมื่อให้โอกาสแล้วแต่คุณไม่เอาถ้าอย่างนั้นอย่าหาว่าผมบีบบังคับคุณ

ผู้จัดการกองทุนคนหนึ่งพูดเยาะเย้ยขึ้นมาว่า"บางทีความมั่นใจอาจจะทำร้ายตัวเองไม่ใช่ว่าทุกเรื่องจะพุ่งชนกำแพงแล้วพบทางออกหนุ่มสาวสมัยนี้ประสบการณ์น้อยการที่จะทำผิดพลาดก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้แต่ถ้าเต็มใจจะแก้ไขก็ยังมีโอกาส"

เมื่อสักครู่เขาถูกเมียวยี่เกอด่าเสียจนยับเยินตอนนี้ผู้จัดการกองทุนต้องการจะหาใครสักคนมาระบายอารมณ์ที่เก็บอยู่ในใจบังเอิญที่ฮั่วปู้ฝานปรากฏตัวขึ้นเขาจะปล่อยไว้ได้ยังไง

จะต้องเหยียบชายหนุ่มคนนี้ให้ลงดินเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนนั้นเป็นมืออาชีพ

ฮั่วปู้ฝานเหล่ไปยังเขาแล้วพูดว่า"คุณพูดถูกแล้วถ้ามั่นใจเกินไปก็อาจจะทำร้ายตัวเองได้"

คำพูดนั้นถูกเขาย้อนกลับมาผู้จัดการกองทุนจะไม่เข้าใจความหมายของฮั่วปู้ฝานเชียวหรือนี่เขากำลังประชดประชันเขาอยู่สินะ?

ทั้งๆที่ตัวเองไม่รู้อะไรเลยเขาเสนอแนะและชี้โอกาสให้กลับไม่เอาทำเป็นวางท่าอะไรกัน?

ผู้จัดการกองทุนหายใจเข้าลึกๆจากนั้นในขณะที่เขากำลังจะสั่งสอนฮั่วปู้ฝานทันใดนั้นเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆของเขาก็อุทานออกมาว่า"มันสูงขึ้นได้ยังไง?"

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

827