บทที่ 1 จักรพรรดิเซียนจิ่วเฉิน พันปีกลับมาจุติ

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงปะทุอยู่ภายในหัวของฉินเฟิง

ขณะเดียวกันเสียงแผ่วเบาก็ดังขึ้นในโสตประสาท:

"เรียนท่านผู้โดยสารโปรดทราบ รถไฟขบวนนี้กำลังจะถึงสถานีจงไห่ ผู้โดยสารที่จะลงสถานีจงไห่ โปรดเตรียมตัวด้วยความระมัดระวัง"

เมื่อเสียงสิ้นสุดลง ฉินเฟิงรวบรวมสติ เบิกตากว้างโดยสัญชาตญาณและวางมือไว้ที่หน้าตักของตน

แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น มองดูภาพเหตุการณ์รอบๆตัว ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้เขาสับสนในทันที

เขาขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ และครุ่นคิดบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง ภาพตรงหน้าทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก

ในตอนนี้

ไม่มีใครรับรู้ถึงความสับสนภายในใจของเขาได้

เขามองไปรอบๆ ก็มีเพียงผู้คนที่แออัดอยู่ภายในตู้โดยสาร

“รถไฟขบวนนี้คือขบวนที่ฉันนั่งไปมหาวิทยาลัยจงไห่ในปี 2010 งั้นหรอ?”

“เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย?”

“ไม่ใช่ว่าฉันตายไปพร้อมกับสามจักรพรรดิเซียนนักฆ่า และนังสารเลวนั้นแล้วหรอกหรอ?”

"ฉัน ฉันจะกลับมาอยู่บนรถไฟในปี 2010ได้ยังไงกัน!"

“หรือว่า... หรือว่าฉันตายแล้วเกิดใหม่ได้?”

ความคิดประหลาดเหล่านี้แวบเข้ามาในหัวของฉินเฟิงอย่างรวดเร็ว

หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ในตาคู่นั้นก็ฉายแววประหลาดใจออกมาอย่างไม่สามารถปิดกั้นได้

“ฉันไม่ได้ตายจริงๆ ฉันกลับมาเกิดใหม่ในโลก ในปี 2010”


……

ฉินเฟิง หรืออีกชื่อที่รู้จักในนาม จิ่วเฉิน

ในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาเป็นปรมาจาร์ยเซียนอันดับหนึ่งของสำนักเซียวเหยา จนได้รับการขนานนามว่า: จักรพรรดิเซียนจิ่วเฉิน!

ชาติก่อน เมื่ออายุได้ 28 ปี เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทั้งรถและคนพุ่งลงไปในทะเล

แต่โดยความบังเอิญ เขาหลุดออกจากโลก และมายังสถานที่ที่เรียกว่า ดินแดนดาราเหิงเทียน ซึ่งที่แห่งนี้เป็นเส้นทางที่เขาได้เริ่มต้นการเป็นเซียน

เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษของเขา เขาจึงได้รับการยอมรับให้เป็นลูกศิษย์ส่วนตัวของท่านเซียนเซียวเหยา ผู้เป็นประมุขของสำนักเซียวเหยา และได้รับฉายาว่า: จิ่วเฉิน


พรสวรรค์ที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้ของเขา ผนวกกับความสมบูรณ์ของสำนักเซียวเหยา และความขยันหมั่นเพียรของเขา ทำให้เขาสามารถผ่านช่วงเวลาบำเพ็ญเพียรได้ภายในหนึ่งพันปี จนบรรลุเป็น "จักรพรรดิเซียน"

แน่นอนว่าชื่อ "จักรพรรดิเซียน" ได้มาเพราะไม่มีใครในพิภพเซียน ได้ขึ้นไปสู่ความเป็นเซียนที่แท้จริงมานับแสนปี และจะมอบมันให้แก่ผู้ที่บำเพ็ญเพียรฝึกฝนเป็นเซียนเท่านั้น

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มันก็ดูไม่ต่างจากการ "เยินยอ" สักเท่าไหร่

ช่วงเวลาที่บำเพ็ญเพียรของฉินเฟิงนั่น ไม่ได้ยาวนานนัก และสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในพิภพเซียนนี้มาหลายร้อยปีแล้ว

นอกจากนี้ พลังการต่อสู้ของฉินเฟิงนั้นไร้เทียมทาน เขาเป็นอมตะ ตัวเขาได้ต่อสู้กับปรมาจารย์จากทุกเผ่าในดินแดนดาราเหิงเทียน และไม่เคยพ่ายแพ้ใครมาก่อน

เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหล่านี้ทำให้ชื่อ "จิ่วเฉิน หรือจักรพรรดิเซียนจิ่วเฉิน" ดังกึกก้องไปทั่วพิภพเซียน

แต่ถึงกระนั้น คนที่มีความสามารถเช่นนี้ ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับการทรยศหักหลัง

โดยเฉพาะจากคนที่รักและไว้วางใจมากที่สุด

สาเหตุทั้งหมด มันมาจากการที่ฉินเฟิงได้รับสมบัติหายากอย่างไข่มุกแห่งการจุติ ในระหว่างการเดินทางสำรวจของเขา

ว่ากันว่าใครก็ตามที่สามารถเข้าใจความลับของไข่มุกแห่งการจุติ ก็จะสามารถบรรลุการเป็นเซียน และมีชีวิตที่เป็นอมตะ

ฉินเฟิงได้แบ่งปันความลับนี้ให้แก่นางฟ้าเพียวเมี่ยว ผู้เป็นที่รักยิ่งของเขา

ในความคิดของเขา มันคงจะดีหากทั้งคู่ได้เป็นอมตะ และครองคู่กันตลอดไป ผ่านการทำความเข้าใจไข่มุกแห่งการจุตินี้

แต่น่าเสียดายที่คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ

เพราะสิ่งล่อลวงจากคำที่บอกว่า "ชีวิตอมตะ" ทำให้ความรักกลับกลายมาเป็นยาพิษ

ด้วยเหตุนี้นางฟ้าเพียวเมี่ยวไม่ได้เลือกที่จะแบ่งปันความลับของชีวิตอมะกับฉินเฟิง นางตัดสินใจเก็บมันไว้เองแต่เพียงผู้เดียว

นางรู้ดีว่าฉินเฟิงนั้นแข็งแกร่ง และอยู่ยงคงกระพัน นางฟ้าเพียวเมี่ยวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแอบวางยาพิษ

เพื่อความรัดกุม นางยังได้เชิญ เทพเจ้าแห่งความตาย นรกภูมิ และธารสีเหลืองใต้พิภพ สามจักรพรรดิเซียนนักฆ่ามาเพื่อลงมือ

ผลก็คือ ฉินเฟิงถูกวางยาพิษ และยังต้องต่อสู้กับสามจักรพรรดิเซียนนักฆ่าเพียงลำพัง

ในท้ายที่สุด พลังอันไร้เทียมทานของฉินเฟิงก็ทำให้สามจักรพรรดิเซียนนักฆ่าล้มลงไปทีละคน

แต่พลังในตัวฉินเฟิงเองก็ถึงขีดจำกัดแล้ว วิญญาณในร่างกำลังกระจัดกระจาย ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย

เมื่อนางฟ้าเพียวเมี่ยวเห็นเช่นนี้ ก็โจมตีฉินเฟิงที่ไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้

เขาเห็นรอยยิ้มโหดเหี้ยมภายใต้ใบหน้างดงามของนางฟ้าเพียวเมี่ยว ฉินเฟิงโกรธมากจนเขาเลือกที่จะทำลายวิญญาณของตนเพื่อที่จะทำให้นางฟ้าเพียวเมี่ยวพินาศไปด้วยกัน
……

ยิ่งนึกถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ แรงอาฆาตแค้นที่เผยในดวงตาของฉินเฟิงก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น

ฉินเฟิงกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ จากนั้นก็พบว่าพลังเวทย์อันแข็งแกร่งของเขาได้หายไปหมดสิ้นแล้ว

แม้แต่จิตสำนึกอันศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังอย่างยิ่ง ที่สามารถตรวจจับได้ทุกสิ่งอย่างก็ไม่หลงเหลือแล้ว

“ฝันไปงั้นหรอ?”

ฉินเฟิงครุ่นคิดและขมวดคิ้วอีกครั้ง

หากนี้เป็นเพียงความฝัน ทำไมความทรงจำนับพันปีมันช่างชัดเจน ชัดเจนราวกับว่ามันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

ในขณะที่ฉินเฟิงกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งบางอย่างปรากฏขึ้นภายในใจของเขา สิ่งนั้นคือไข่มุกแห่งการจุติ

“ไม่...นี่ไม่ใช่ความฝัน มันเป็นเรื่องจริง!”

ในขณะนี้จิตสำนึกของเขาสามารถ "มองเห็น" ไข่มุกแห่งการจุติได้ชัดเจนมาก

ซึ่งหมายความว่าความทรงจำนับพันปีของเขาไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นชาติที่แล้วของเขาจริงๆ

ไม่ทันให้ฉินเฟิงคิดไตร่ตรองต่อ รถไฟก็ได้มาถึงสถานีเสียแล้ว

เขาหลุดจากภวัง และลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากรถไฟ

ฉินเฟิงยืนอยู่บนทางเดินมองดูผู้คนเดินสวนไปมาอย่างหนาแน่น ไม่เห็นแม้แต่รอยยิ้ม มีเพียงแค่ความเร่งรีบ ดวงตาของฉินเฟิงค่อยๆเบิกกว้าง เป็นประกายราวกับว่ามีแสงแฟลชจากกล้องสาดเข้ามา!

“ในเมื่อพระเจ้าอนุญาตให้ฉัน ฉินจิ่วเฉิน ได้กลับมาเกิดใหม่ ฉันจะทดแทนอย่างงาม”

“ผู้มีพระคุณ จะได้รับการตอบแทนเป็นร้อยเท่า

ส่วนใครที่เป็นศัตรูจะต้องทนทุกข์ทรมานสามชั่วโครต "

สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา แม้จะผ่านมาหลายพันปีแล้ว แต่ในความทรงจำของเขายังคงชัดเจน หาได้ลืมเลือน

“แม่ พ่อ น้องสาว น้องชาย และเสี่ยวจิง ฉันกลับมาแล้ว...”

“ใช่แล้ว ยังมีศัตรูของฉันอีก ฉัน ฉินจิ่วเฉิน กลับมาแล้ว…”


เขาเงยหน้าขึ้นและมองตรงไปข้างหน้า ดวงตาของเขาแน่วแน่ฉายแววเป็นประกาย

......

ฉินเฟิงเกิดในครอบครัวธรรมดาในเเถบชนบท บรรพบุรุษของเขาเป็นชาวนามาชั่วสามอายุคน

โชคดีที่ฉินเฟิงนั้นขยันเรียนและหัวดี ในช่วงที่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยจงไห่ได้สำเร็จ

ถือว่าทำให้พ่อแม่โล่งใจไปได้หนึ่งเปราะ

ในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ฉินเฟิงได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง และผู้หญิงคนนี้เป็นรักแรกของเขา ชื่อของเธอก็คือ โอวหยางจิง

น่าเสียดายที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองยังไม่ทันได้พัฒนาไปไหน ก็ถูกครอบครัวของโอวหยางจิงบังคับให้แยกทาง

และหนึ่งในผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องคือคนที่ตามจีบโอวหยางจิง หวังเสวี่ยปินนั้นเอง

“หวังเสวี่ยปิน ถ้าฉันจำไม่ผิด ผู้ชายคนนี้น่าจะกำลังเรียนอยู่ในชั้นปีที่สาม และดูเหมือนว่าตระกูลหวังจะร่ำรวยที่สุดในจงไห่”

เมื่อนึกถึงเรื่องราวของโอวหยางจิง ฉินเฟิงก็นึกถึง “มารหัวใจ” ของเขาโดยธรรมชาติ

หวังเสวี่ยปินเป็นลูกชายของชายที่ร่ำรวยที่สุดในจงไห่ ตระกูลของเขาทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ การจัดเลี้ยง และความบันเทิง

แม้แต่ผู้ว่ามณฑลก็ยังต้องเกรงกลัวอำนาจของตระกูลหวัง

ในช่วงชีวิตนั้น หวังเสวี่ยปินเห็นว่าฉินเฟิงและโอวหยางจิงสนิทสนมเกินเพื่อน เขาจึงได้นำเรื่องราวทั้งหมดไปเปิดเผยต่อครอบครัวของโอวหยางจิง

เพียงประโยคๆเดียว ก็ทำให้ฉินเฟิงทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายทั้งสองก็ต้องตัดความสัมพันธ์และแยกทางกันไป

ในช่วงเวลานั้น ฉินเฟิงไม่มีอะไรที่สามารถเทียบกับหวังเสวี่ยปินได้เลย

และตัวหวังเสวี่ยปินก็ไม่เคยหวังดีกับฉินเฟิงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

ในด้านของฉินเฟิง เขาไม่มีความสามารถและคุณสมบัติใดๆที่พอจะไปเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้

ส่วนโอวหยางจิงนั้นมีความรักที่มั่นคงและซื่อตรงต่อฉินเฟิงอย่างสุดหัวใจ แม้ว่าเธอจะต้องแยกทางกับฉินเฟิงเพราะแรงกดดันจากครอบครัว เเต่เธอก็ไม่เคยชายตาแลมองหวังเสวี่ยปินเลยสักครั้ง

ทุกครั้งที่โอวหยางจิงพูดออกไปต่อหน้าหวังเสวี่ยปินว่าเธอรักฉินเฟิงเพียงคนเดียว หวังเสวี่ยปินก็ไม่สามารถระงับความโกรธภายในใจของเขาได้

และความโกรธเหล่านั้นจะถูกนำไปลงกับฉินเฟิง

ซึ่งมันทำให้ชีวิตของฉินเฟิงในรั่วมหาวิทยาลัยนั้นน่าอัปยศอดสูเป็นที่สุด

ใครก็ตามที่เข้าใกล้ฉินเฟิง ทุกคนจะได้รับคำเตือนจากหวังเสวี่ยปิน

หากบอกว่าฉินเฟิงเป็นตัวแพร่เชื้อโรค ก็ดูไม่เกินจริง เพราะไม่มีใครหน้าไหนกล้าเข้าใกล้เขาแม้แต่ก้าวเดียว

หลังจากจบการศึกษา ชีวิตในวัยทำงานที่เต็มไปด้วยปัญหาและอุปสรรคนั้น หวังเสวี่ยปินก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน

ครั้งหนึ่ง พ่อแม่ของฉินเฟิงได้ใช้เงินเก็บจากการทำงานมาอย่างหนักเพื่อเปิดร้านค้าเล็กๆ แต่หลังจากนั้นไม่นาน มันก็ค่อยๆพังทลายลงโดยไม่รู้สาเหตุ

เมื่อเห็นว่าการทำงานหนักของพวกเขาสูญเปล่า พ่อแม่ของฉินเฟิงก็ล้มป่วยลง

ในภายหลัง หวังเสวี่ยปินได้บอกทุกอย่างกับฉินเฟิง จนเขาเข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้ง

ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา คือเขาต้องการให้ฉินเฟิงเสียใจที่ต่อต้านเขา

ภายใต้น้ำมือของหวังเสวี่ยปิน ความรักและการงานของฉินเฟิงต้องพังทลาย เขาจบชีวิตในวัยเพียง 28 ปี

ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ไม่ทราบสาเหตุ หากเขาไม่ได้ไปยังพิภพเซียน เขาก็คงตายอยู่ในทะเลไปแล้ว

ณ บัดนี้ เขามีชีวิตอยู่มานับพันปี สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว

หากมองย้อนกลับไป อุบัติเหตุทางรถยนต์ในครั้งนั้น คงไม่ได้เป็นเพียงอุบัติเหตุ


……

ยิ่งนึกถึงเรื่องพวกนี้มากขึ้นเท่าไหร่ ดวงตาของฉินเฟิงก็ยิ่งเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น

“ หวังเสวี่ยปิน ตระกูลหวัง ฉัน ฉินจิ่วเฉิน ได้มาเกิดใหม่แล้ว!

ในชีวิตนี้ ฉันจะตอบแทนบุญคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไว้กับฉันเป็นสองเท่า ฉันจะทำให้แกต้องทนทุกข์ทรมาน ฉันจะทำให้แกต้องตกนรกทั้งเป็น! "

ในชีวิตนั้น เขาต้องใช้ชีวิตอย่างยากจนมานานกว่ายี่สิบปี และต้องทนทุกข์กับความอัปยศอดสูและการเย้ยหยันมานับไม่ถ้วน

ช่วงพันปีที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะเป็นอมตะ และสามารถเอาชนะใครต่อใครได้ แต่สุดท้าย เขากลับถูกคนที่เขารักทรยศ จนสุดท้ายเหลือเพียงแต่ความว่างเปล่า

ในชีวิตนี้ เขาได้เกิดใหม่พร้อมกับความทรงจำนับพันปีในการเป็นเซียน เขาจะทำตามหัวใจของเขา จะไม่ให้ใครหน้าไหนมาควบคุมอีกต่อ และจะชดเชยให้ความอัปยศในชีวิตที่แล้วของเขาทั้งหมด!


--

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

817