บทที่ 8 ความขัดแย้งที่ต้องเผชิญ และจอมยุทธกำลังภายในขั้นสุดท้าย
by ซีเย่ซีเยว่
08:01,Dec 24,2023
เมื่อมองไปยังสาวสวยตรงหน้า ฉินเฟิงก็พูดออกไปอย่างใจเย็น
แต่เขาไม่ได้ตอบคำถามของหญิงสาว เขากลับถามไปว่า:
"คุณชื่ออะไร?"
เมื่อได้ยินคำถามที่ไม่คาดคิดจากฉินเฟิง หญิงสาวตรงหน้าก็มีท่าทางตกตะลึงเล็กน้อย
เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าฉินเฟิงจะเจ้าเล่ห์ กล้าถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เธอถามไป
คำถามนี้ ทำให้เธอพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
แต่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเธอคิดว่าฉินเฟิงกำลังจะหาเรื่องพี่สาวของเขา จึงพูดออกไปด้วยความโกรธว่า:
“อวดดีเกินไปแล้ว จะอยากรู้ชื่อพี่สาวของฉันไปทำไม”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของฉินเฟิงก็เย็นชาเพิ่มขึ้นไปอีก
“ถ้าอย่างนั้นผมก็จะไม่คุยด้วย ผมไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินจากไปโดยที่ไม่สนใจคนทั้งสาม
เมื่อเขากำลังจะเดินผ่านทั้งสามคน ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉินเฟิง และพูดอย่างเย็นชาว่า:
“คุณหนูยังไม่ได้สั่ง ไปไหนไม่ได้!”
แม้ว่าชายวัยกลางคนนี้จะสัมผัสได้ถึงบางอย่างในตัวฉินเฟิงมาก่อนรู้สึกถึงภัยคุกคามอย่างรุนแรงที่แผ่มากระทบร่างกาย
แต่ในเวลานี้ ในฐานะบอดี้การ์ดของคุณหนู เขาต้องยืนหยัดเพื่อชัดขวางฉินเฟิงโดยทันที
เพราะนี่ถือเป็นหน้าที่ของเขาในการคุ้มกันผู้หญิงคนนี้
“หลีกทางไป ไม่อยากนั้นผมจะไม่รับผิดชอบหากเกิดอะไรขึ้น” ฉินเฟิงเงยหน้าขึ้นมองชายวัยกลางคนแล้วพูดช้าๆ
หลังจากได้ยินคำพูดดังกล่าว ชายวัยกลางคนก็ไม่สามารถระงับความโกรธภายในใจได้อีกต่อไป
แม้จะรับรู้ได้ถึงพลังที่คุกคามมา แต่ในฐานะผู้ชาย เขาจะต้องรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองไว้ด้วย
“อวดดีเหลือเกินนะเด็กน้อย ฉันล่ะอยากรู้เหลือเกินว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าฉันไม่หลบ”
เพื่อไม่ให้น้อยหน้า ชายวัยกลางคนก็ตอบกลับอย่างกวนประสาท
ฉินเฟิงพูดเบา ๆ : "ไม่ต้องกังวลไป เดี๋ยวคุณก็ได้เห็นแล้ว"
ทันทีที่เขาพูดจบ หมัดขวาของชายทั้งสองก็ชกออกมาพร้อมกัน
บูม!
เสียงดังเกิดขึ้น
ทั้งสองหมัดชนกัน
หากมองเพียงรูปลักษณ์ภายนอก หมัดของฉินเฟิงนั้นเล็กกว่าหมัดของชายวัยกลางคนอย่างเห็นได้ชัด
หากมองดูรูปร่าง ตัวของฉินเฟิงนั้นผอมบางและดูไม่แข็งแรงเท่าชายวัยกลางคน
หากตัดสินกันที่ขนาด มองดูก้รู้ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ
แต่หลังจากกานชนกันของหมัด จู่ๆ ก็มีเสียง “แค๊ก” ดังขึ้น
เสียงชัดมาก
ชัดเจนเป็นพิเศษ!
สิ่งที่ตามมาคือเสียงของชายวัยกลางคนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
จากนั้นก็กระโดดโลดเต้นไปมากลางอากาศ ในที่สุดก็ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง
ไม่เพียงเท่านั้น ชายวัยกลางคนใช้มือซ้ายจับมือขวาไว้และดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด
แม้ว่าความเจ็บปวดนี้จะทิ่มแทงกระดูก แต่ชายวัยกลางคนก็กัดฟันและไม่ส่งเสียงครวญครางใดๆออกมาหลังจากที่กรีดร้องไปในรอบแรก
เห็นได้ว่าชายคนนี้เข้มแข็งมากแค่ไหน
ถ้าฉินเฟิงไม่ออกหมัดทะลุทะลวงไปก่อน บางทีเขาอาจะไม่บาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้
แต่เนื่องจากฉินเฟิงฝึกลมปราณถึงระดับสามแล้ว พลังหมัดที่เขาออกไปจึงเเข็งแกร่งอย่างมาก
นอกจากนี้ หมัดเมื่อครู่ แม้ว่าจะเป็นเพียงการเคลื่อนไหวธรรมดา แต่พลังนั้นมาจากภายใน ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นอย่างที่เห็น
เมื่อทั้งสองเป็นคนของตนเองล้มลงด้วยหมัดของฉินเฟิงเพียงหมัดเดียว ความโกรธของชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ก็ปะทุขึ้นอีกครั้งและตะโกนเสียงดังสนั่นออกมา:
“แกอยากตายงั้นหรอ!”
จากนั้นเขาก็ยกกำปั้นขึ้นและเตรียมพุ่งเข้าหาฉินเฟิง
ในเวลาเดียวกัน หญิงสาวที่มึนงงเมื่อครู่ ผายมือของเธอออกเพื่อสกัดกั้นชายหนุ่มกับฉินเฟิงไว้และพูดออกมาอย่างรวดเร็ว:
“เดี๋ยวก่อน ฉันต้องขอโทษแทนเขาด้วยจริงๆ ฉันชื่อโม่เฉิงเฉิง นี้น้องชายของฉันชื่อโม่ชิงเฉิน ส่วนเขาเป็นสมาชิกในครอบครัวฉันเองชื่อเหอจง
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความประมาทและเป็นความผิดของเราเอง โปรดยกโทษให้เราด้วย "
เมื่อเห็นพลังหมัดของฉินเฟิง โม่เฉิงเฉิงก็ไม่กล้าปล่อยให้น้องชายของเธอต่อสู้กับ ฉินเฟิงโดยลำพัง
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลหยกศักดิ์สิทธิ์ที่เธอต้องการยังอยู่ในมือของอีกฝ่าย
ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการมีปัญหากับฉินเฟิง
มิฉะนั้น จุดประสงค์ในการเดินทางของเธอครั้งนี้อาจสูญเปล่า
เมื่อโม่ชิงเฉินเห็นพี่สาวของเขายกมือขวาง เขาก็หยุดชะงัก
ทันใดนั้นเหอจงก็ฟื้นขึ้นมา แน่นอนว่าเขาไม่ใช่ศัตรูของฉินเฟิง หากปล่อยให้ลงมืออีกครั้งจะไม่เป็นผลดีเเน่
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ โม่ชิงเฉินก็จ้องมองไปที่ฉินเฟิง จากนั้นก็หันไปช่วยเหอจงที่นอนอยู่บนพื้น
ด้วยความช่วยเหลือของโม่ชิงเฉิน เหอจงจึงลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
ในเวลานี้ ทุกคนสามารถเห็นความเจ็บปวดที่ปรากฏชัดเจนบนใบหน้าของเขาได้ แต่เขากลับไม่ร้องโอดครวญ กลับพูดขึ้นช้าๆว่า:
“กำลังภายในขั้นสุดท้าย!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เหอจงพูด โม่ชิงเฉินที่พยุงเขาอยู่ ก็อดไม่ได้ที่หันไปมองที่ฉินเฟิง และตะโกนด้วยความตกใจ:
“อะไรนะ เขาเป็นจอมยุทธกำลังภายในขั้นสุดท้ายงั้นหรอ?เป็นไปได้ยังไงกัน?”
สาวสวยที่ชื่อโม่เฉิงเฉิง เธอมองไปยังฉินเฟิงด้วยความประหลาดใจ
หลังจากได้ยินการสนทนาระหว่างนั้นแล้ว ฉินเฟิงผู้มีชื่ออยู่ในบทสนทนานั้นก็รุ้สึกงุนงงเล็กน้อย
"กำลังภายในขั้นสุดท้าย?จอมยุทธ?พูดถึงอะไรกัน?”
ฉินเฟิงขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงเนื้อหาของบทสนทนานั้น
เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนในชีวิตเลย
ก่อนที่ฉินเฟิงจะถามคำถามอะไรออกไป เหอจงผู้ที่ทนกับความเจ็บปวดสาหัส ได้จ้องมองไปที่ฉินเฟิงและพูดขึ้นอีกครั้ง:
“หมัดที่คุณออกมาเมื่อครู่ บอกได้ว่าคุณอยู่ในขั้นสุดท้ายของกำลังภายในแล้ว และมันยังเป็นกำลังภายในขั้นสุดท้ายที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย
หากไม่เป็นเช่นนั้น ฉันที่เป็นจอมยุทธกำลังภายในขั้นแรกคงไม่พ่ายแพ้คุณอย่างง่ายดายเช่นนี้
ที่ฉันอวดดีไปก่อนหน้านี้ โปรดยกโทษให้ฉันด้วย! "
หลังจากพูดจบ เหอจงก็โค้งคำนับให้ฉินเฟิงทันที
เขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่ขอโทษ ต่อให้ทั้งสามคนรวมตัวกันเพื่อต่อกรกับเขา ก็ไม่สามารถเอาชนะฉินเฟิงได้
ไม่สำคัญว่าเขาจะตายหรือไม่ หากคุณหนูและนายน้อยเป็นอะไรขึ้นมา เขาคงไม่มีวันให้อภัยตนเอง
เมื่อเห็นฉากนี้ โม่ชิงเฉินก็ตกใจ
เขามาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ข้างกายก็มีบอดี้การ์ฝีมือดีเช่นเหอจง
แต่ด้วยเหตุใด บอดี้การ์ดของเขากลับเกรงกลัวจอมยุทธกำลังภายในนี่
จอมยุทธกำลังภายในขั้นแรกอย่างเหอจงนั้นถือว่าดีกว่าพวกบอดี้การ์ดธรรมดาทั่วไปเป็นไหนๆ
ถ้าพูดถึงเรื่องทักษะฝีมือ แม้จะส่งกองกำลังพิเศษมาสี่ห้าคน พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหอจงอยู่ดี
กำลังภายในขั้นสุดท้ายหรือจอมยุทธที่มีกำลังภายในขั้นสมบูรณ์ มันเป็นเพียงแค่ข่าวลือที่เขาเคยได้ยิน
แต่ในวันนี้ที่ได้พบเด็กหนุ่มบนภูเขาโดยบังเอิญ ดูไปแล้วเขาก็ยังเด็กอยู่ เหมือนจะอายุไม่เท่าไหร่ เขากลับกลายเป็นจอมยุทธกำลังภายในขั้นสุดท้ายที่มากฝีมือได้อย่างไรกัน?
สิ่งนี้จะไม่ทำให้โม่ชิงเฉินประหลาดใจได้อย่างไร
เช่นเดียวกับโม่เฉิงเฉิงที่อยู่ด้านข้าง
หลังจากฟังคำพูดของเหอจง ฉินเฟิงก็เดาในใจว่านี่อาจเป็นชื่อสำหรับนักพรตที่บำเพียรเป็นเซียนบนโลกใบนี้
ในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยเป็นอะไรพวกนั้นเลย
ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจอมยุทธกำลังภายในขั้นสุดท้ายนั้นคืออะไร
“จอมยุทธกำลังภายในขั้นสุดท้ายคืออะไรกัน?” ฉินเฟิงถามออกไปโต้งๆ
เมื่อได้ยินคำถามของฉินเฟิง ทั้งสามคนก็ตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง
พวกเขาไม่คาดคิดเลย ว่าระดับความสามารถของฉินเฟิง เขาจะไม่รู้ว่าจอมยุทธนั้นคืออะไร
หากพวกเขาไม่เห็นการแสดงออกที่ "จริงจัง" บนใบหน้าของฉินเฟิง พวกเขาคงคิดว่าฉินเฟิงจงใจล้อเลียนเขา
หลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เหอจงก็เป็นคนแรกที่ตอบออกไปว่า:
“เอ่อออ...หากคุณไม่รู้จักจอมยุทธกำลังภายในแล้วคุณปลูกฝังพลังชี่ในร่างกายของคุณได้อย่างไร?”
“อ๋อ...คุณหมายถึงฝึกลมปราณสินะ ผมฝึกด้วยตัวเอง” ฉินเฟิงพยักหน้าทำเป็นเข้าใจและไม่ได้ตอบอะไรออกไปเพิ่มเติม
เหอจงรู้ได้ทันทีว่าฉินเฟิงนั้นไม่เต็มใจจะอธิบาย
เขาจึงไม่ได้ถามคำถามโง่เขลาอะไรออกไป เพียงแต่อธิบายว่า:
"ตราบใดที่พลังชี่ได้รับการปลูกฝังในร่างกาย พลังภายในก็จะแข็งแกร่งตามปริมาณของพลังชี่ที่อยู่ภายในร่างกาย ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นสี่ขั้น เริ่มจาก ขั้นแรก ขั้นกลาง ขั้นสุดท้าย และสี่ ชั้นสมบูรณ์”
หลังจากได้ยินคำอธิบายนี้ ฉินเฟิงก็คิดตามไปด้วยในใจ
อันที่จริง คำพวกนี้ไม่ได้แตกต่างจากเก้าขั้นฝึกตนเป็นเซียนสักเท่าไหร่
เพียงแต่ว่า คำว่าจอมยุทธนั้นเป็นวิธีเรียกชื่อของคนบนโลกใบนี้
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงถามกลับไปอีกว่า
“แล้วหลังจากกำลังภายในขั้นสมบูรณ์ล่ะ เรียกว่าอะไร?”
เมื่อได้ยินคำถามของฉินเฟิง เหอจงก็ดูจริงจังขึ้นและพูดออกมาอย่างช้าๆ:
“หลังจากสำเร็จผ่านขั้นสมบูรณ์ไปแล้ว จอมยุทธก็จะไปยังอีกขั้น เรียกว่า เซียน หรืออีกชื่อคือ ปรมาจารย์
แต่เพราะจอมยุทธจะได้รับความเคารพนับถือจากคนอื่นด้วย จึงมักเรียกว่าปรมาจารย์"
แต่เขาไม่ได้ตอบคำถามของหญิงสาว เขากลับถามไปว่า:
"คุณชื่ออะไร?"
เมื่อได้ยินคำถามที่ไม่คาดคิดจากฉินเฟิง หญิงสาวตรงหน้าก็มีท่าทางตกตะลึงเล็กน้อย
เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าฉินเฟิงจะเจ้าเล่ห์ กล้าถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เธอถามไป
คำถามนี้ ทำให้เธอพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
แต่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเธอคิดว่าฉินเฟิงกำลังจะหาเรื่องพี่สาวของเขา จึงพูดออกไปด้วยความโกรธว่า:
“อวดดีเกินไปแล้ว จะอยากรู้ชื่อพี่สาวของฉันไปทำไม”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของฉินเฟิงก็เย็นชาเพิ่มขึ้นไปอีก
“ถ้าอย่างนั้นผมก็จะไม่คุยด้วย ผมไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินจากไปโดยที่ไม่สนใจคนทั้งสาม
เมื่อเขากำลังจะเดินผ่านทั้งสามคน ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉินเฟิง และพูดอย่างเย็นชาว่า:
“คุณหนูยังไม่ได้สั่ง ไปไหนไม่ได้!”
แม้ว่าชายวัยกลางคนนี้จะสัมผัสได้ถึงบางอย่างในตัวฉินเฟิงมาก่อนรู้สึกถึงภัยคุกคามอย่างรุนแรงที่แผ่มากระทบร่างกาย
แต่ในเวลานี้ ในฐานะบอดี้การ์ดของคุณหนู เขาต้องยืนหยัดเพื่อชัดขวางฉินเฟิงโดยทันที
เพราะนี่ถือเป็นหน้าที่ของเขาในการคุ้มกันผู้หญิงคนนี้
“หลีกทางไป ไม่อยากนั้นผมจะไม่รับผิดชอบหากเกิดอะไรขึ้น” ฉินเฟิงเงยหน้าขึ้นมองชายวัยกลางคนแล้วพูดช้าๆ
หลังจากได้ยินคำพูดดังกล่าว ชายวัยกลางคนก็ไม่สามารถระงับความโกรธภายในใจได้อีกต่อไป
แม้จะรับรู้ได้ถึงพลังที่คุกคามมา แต่ในฐานะผู้ชาย เขาจะต้องรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองไว้ด้วย
“อวดดีเหลือเกินนะเด็กน้อย ฉันล่ะอยากรู้เหลือเกินว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าฉันไม่หลบ”
เพื่อไม่ให้น้อยหน้า ชายวัยกลางคนก็ตอบกลับอย่างกวนประสาท
ฉินเฟิงพูดเบา ๆ : "ไม่ต้องกังวลไป เดี๋ยวคุณก็ได้เห็นแล้ว"
ทันทีที่เขาพูดจบ หมัดขวาของชายทั้งสองก็ชกออกมาพร้อมกัน
บูม!
เสียงดังเกิดขึ้น
ทั้งสองหมัดชนกัน
หากมองเพียงรูปลักษณ์ภายนอก หมัดของฉินเฟิงนั้นเล็กกว่าหมัดของชายวัยกลางคนอย่างเห็นได้ชัด
หากมองดูรูปร่าง ตัวของฉินเฟิงนั้นผอมบางและดูไม่แข็งแรงเท่าชายวัยกลางคน
หากตัดสินกันที่ขนาด มองดูก้รู้ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ
แต่หลังจากกานชนกันของหมัด จู่ๆ ก็มีเสียง “แค๊ก” ดังขึ้น
เสียงชัดมาก
ชัดเจนเป็นพิเศษ!
สิ่งที่ตามมาคือเสียงของชายวัยกลางคนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
จากนั้นก็กระโดดโลดเต้นไปมากลางอากาศ ในที่สุดก็ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง
ไม่เพียงเท่านั้น ชายวัยกลางคนใช้มือซ้ายจับมือขวาไว้และดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด
แม้ว่าความเจ็บปวดนี้จะทิ่มแทงกระดูก แต่ชายวัยกลางคนก็กัดฟันและไม่ส่งเสียงครวญครางใดๆออกมาหลังจากที่กรีดร้องไปในรอบแรก
เห็นได้ว่าชายคนนี้เข้มแข็งมากแค่ไหน
ถ้าฉินเฟิงไม่ออกหมัดทะลุทะลวงไปก่อน บางทีเขาอาจะไม่บาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้
แต่เนื่องจากฉินเฟิงฝึกลมปราณถึงระดับสามแล้ว พลังหมัดที่เขาออกไปจึงเเข็งแกร่งอย่างมาก
นอกจากนี้ หมัดเมื่อครู่ แม้ว่าจะเป็นเพียงการเคลื่อนไหวธรรมดา แต่พลังนั้นมาจากภายใน ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นอย่างที่เห็น
เมื่อทั้งสองเป็นคนของตนเองล้มลงด้วยหมัดของฉินเฟิงเพียงหมัดเดียว ความโกรธของชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ก็ปะทุขึ้นอีกครั้งและตะโกนเสียงดังสนั่นออกมา:
“แกอยากตายงั้นหรอ!”
จากนั้นเขาก็ยกกำปั้นขึ้นและเตรียมพุ่งเข้าหาฉินเฟิง
ในเวลาเดียวกัน หญิงสาวที่มึนงงเมื่อครู่ ผายมือของเธอออกเพื่อสกัดกั้นชายหนุ่มกับฉินเฟิงไว้และพูดออกมาอย่างรวดเร็ว:
“เดี๋ยวก่อน ฉันต้องขอโทษแทนเขาด้วยจริงๆ ฉันชื่อโม่เฉิงเฉิง นี้น้องชายของฉันชื่อโม่ชิงเฉิน ส่วนเขาเป็นสมาชิกในครอบครัวฉันเองชื่อเหอจง
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความประมาทและเป็นความผิดของเราเอง โปรดยกโทษให้เราด้วย "
เมื่อเห็นพลังหมัดของฉินเฟิง โม่เฉิงเฉิงก็ไม่กล้าปล่อยให้น้องชายของเธอต่อสู้กับ ฉินเฟิงโดยลำพัง
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลหยกศักดิ์สิทธิ์ที่เธอต้องการยังอยู่ในมือของอีกฝ่าย
ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการมีปัญหากับฉินเฟิง
มิฉะนั้น จุดประสงค์ในการเดินทางของเธอครั้งนี้อาจสูญเปล่า
เมื่อโม่ชิงเฉินเห็นพี่สาวของเขายกมือขวาง เขาก็หยุดชะงัก
ทันใดนั้นเหอจงก็ฟื้นขึ้นมา แน่นอนว่าเขาไม่ใช่ศัตรูของฉินเฟิง หากปล่อยให้ลงมืออีกครั้งจะไม่เป็นผลดีเเน่
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ โม่ชิงเฉินก็จ้องมองไปที่ฉินเฟิง จากนั้นก็หันไปช่วยเหอจงที่นอนอยู่บนพื้น
ด้วยความช่วยเหลือของโม่ชิงเฉิน เหอจงจึงลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
ในเวลานี้ ทุกคนสามารถเห็นความเจ็บปวดที่ปรากฏชัดเจนบนใบหน้าของเขาได้ แต่เขากลับไม่ร้องโอดครวญ กลับพูดขึ้นช้าๆว่า:
“กำลังภายในขั้นสุดท้าย!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เหอจงพูด โม่ชิงเฉินที่พยุงเขาอยู่ ก็อดไม่ได้ที่หันไปมองที่ฉินเฟิง และตะโกนด้วยความตกใจ:
“อะไรนะ เขาเป็นจอมยุทธกำลังภายในขั้นสุดท้ายงั้นหรอ?เป็นไปได้ยังไงกัน?”
สาวสวยที่ชื่อโม่เฉิงเฉิง เธอมองไปยังฉินเฟิงด้วยความประหลาดใจ
หลังจากได้ยินการสนทนาระหว่างนั้นแล้ว ฉินเฟิงผู้มีชื่ออยู่ในบทสนทนานั้นก็รุ้สึกงุนงงเล็กน้อย
"กำลังภายในขั้นสุดท้าย?จอมยุทธ?พูดถึงอะไรกัน?”
ฉินเฟิงขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงเนื้อหาของบทสนทนานั้น
เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนในชีวิตเลย
ก่อนที่ฉินเฟิงจะถามคำถามอะไรออกไป เหอจงผู้ที่ทนกับความเจ็บปวดสาหัส ได้จ้องมองไปที่ฉินเฟิงและพูดขึ้นอีกครั้ง:
“หมัดที่คุณออกมาเมื่อครู่ บอกได้ว่าคุณอยู่ในขั้นสุดท้ายของกำลังภายในแล้ว และมันยังเป็นกำลังภายในขั้นสุดท้ายที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย
หากไม่เป็นเช่นนั้น ฉันที่เป็นจอมยุทธกำลังภายในขั้นแรกคงไม่พ่ายแพ้คุณอย่างง่ายดายเช่นนี้
ที่ฉันอวดดีไปก่อนหน้านี้ โปรดยกโทษให้ฉันด้วย! "
หลังจากพูดจบ เหอจงก็โค้งคำนับให้ฉินเฟิงทันที
เขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่ขอโทษ ต่อให้ทั้งสามคนรวมตัวกันเพื่อต่อกรกับเขา ก็ไม่สามารถเอาชนะฉินเฟิงได้
ไม่สำคัญว่าเขาจะตายหรือไม่ หากคุณหนูและนายน้อยเป็นอะไรขึ้นมา เขาคงไม่มีวันให้อภัยตนเอง
เมื่อเห็นฉากนี้ โม่ชิงเฉินก็ตกใจ
เขามาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ข้างกายก็มีบอดี้การ์ฝีมือดีเช่นเหอจง
แต่ด้วยเหตุใด บอดี้การ์ดของเขากลับเกรงกลัวจอมยุทธกำลังภายในนี่
จอมยุทธกำลังภายในขั้นแรกอย่างเหอจงนั้นถือว่าดีกว่าพวกบอดี้การ์ดธรรมดาทั่วไปเป็นไหนๆ
ถ้าพูดถึงเรื่องทักษะฝีมือ แม้จะส่งกองกำลังพิเศษมาสี่ห้าคน พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหอจงอยู่ดี
กำลังภายในขั้นสุดท้ายหรือจอมยุทธที่มีกำลังภายในขั้นสมบูรณ์ มันเป็นเพียงแค่ข่าวลือที่เขาเคยได้ยิน
แต่ในวันนี้ที่ได้พบเด็กหนุ่มบนภูเขาโดยบังเอิญ ดูไปแล้วเขาก็ยังเด็กอยู่ เหมือนจะอายุไม่เท่าไหร่ เขากลับกลายเป็นจอมยุทธกำลังภายในขั้นสุดท้ายที่มากฝีมือได้อย่างไรกัน?
สิ่งนี้จะไม่ทำให้โม่ชิงเฉินประหลาดใจได้อย่างไร
เช่นเดียวกับโม่เฉิงเฉิงที่อยู่ด้านข้าง
หลังจากฟังคำพูดของเหอจง ฉินเฟิงก็เดาในใจว่านี่อาจเป็นชื่อสำหรับนักพรตที่บำเพียรเป็นเซียนบนโลกใบนี้
ในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยเป็นอะไรพวกนั้นเลย
ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจอมยุทธกำลังภายในขั้นสุดท้ายนั้นคืออะไร
“จอมยุทธกำลังภายในขั้นสุดท้ายคืออะไรกัน?” ฉินเฟิงถามออกไปโต้งๆ
เมื่อได้ยินคำถามของฉินเฟิง ทั้งสามคนก็ตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง
พวกเขาไม่คาดคิดเลย ว่าระดับความสามารถของฉินเฟิง เขาจะไม่รู้ว่าจอมยุทธนั้นคืออะไร
หากพวกเขาไม่เห็นการแสดงออกที่ "จริงจัง" บนใบหน้าของฉินเฟิง พวกเขาคงคิดว่าฉินเฟิงจงใจล้อเลียนเขา
หลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เหอจงก็เป็นคนแรกที่ตอบออกไปว่า:
“เอ่อออ...หากคุณไม่รู้จักจอมยุทธกำลังภายในแล้วคุณปลูกฝังพลังชี่ในร่างกายของคุณได้อย่างไร?”
“อ๋อ...คุณหมายถึงฝึกลมปราณสินะ ผมฝึกด้วยตัวเอง” ฉินเฟิงพยักหน้าทำเป็นเข้าใจและไม่ได้ตอบอะไรออกไปเพิ่มเติม
เหอจงรู้ได้ทันทีว่าฉินเฟิงนั้นไม่เต็มใจจะอธิบาย
เขาจึงไม่ได้ถามคำถามโง่เขลาอะไรออกไป เพียงแต่อธิบายว่า:
"ตราบใดที่พลังชี่ได้รับการปลูกฝังในร่างกาย พลังภายในก็จะแข็งแกร่งตามปริมาณของพลังชี่ที่อยู่ภายในร่างกาย ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นสี่ขั้น เริ่มจาก ขั้นแรก ขั้นกลาง ขั้นสุดท้าย และสี่ ชั้นสมบูรณ์”
หลังจากได้ยินคำอธิบายนี้ ฉินเฟิงก็คิดตามไปด้วยในใจ
อันที่จริง คำพวกนี้ไม่ได้แตกต่างจากเก้าขั้นฝึกตนเป็นเซียนสักเท่าไหร่
เพียงแต่ว่า คำว่าจอมยุทธนั้นเป็นวิธีเรียกชื่อของคนบนโลกใบนี้
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงถามกลับไปอีกว่า
“แล้วหลังจากกำลังภายในขั้นสมบูรณ์ล่ะ เรียกว่าอะไร?”
เมื่อได้ยินคำถามของฉินเฟิง เหอจงก็ดูจริงจังขึ้นและพูดออกมาอย่างช้าๆ:
“หลังจากสำเร็จผ่านขั้นสมบูรณ์ไปแล้ว จอมยุทธก็จะไปยังอีกขั้น เรียกว่า เซียน หรืออีกชื่อคือ ปรมาจารย์
แต่เพราะจอมยุทธจะได้รับความเคารพนับถือจากคนอื่นด้วย จึงมักเรียกว่าปรมาจารย์"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved