บทที่ 2 ตระกูลหลิวไม่สมควรเข้ามา

ในห้องจัดเลี้ยง ตอนแรกเป็นงานเลี้ยงที่รื่มเริงแต่เพราะเยว่เฟิงเลยทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดขึ้นมา

แม้ว่าตระกูลหลิวจะไม่ใช่ตระกูลใหญ่ในเมืองชู่โจว แต่ตระกูลหลิวก็มีความร่วมมือกับ กลุ่มบริษัทเฟิงซิงที่เป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุดของเมืองชู่โจว ดังนั้นมูลค่าของตระกูลหลิวจึงเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ผู้หลักผู้ใหญ่หลายมากมายก็มางานเลี้ยงนี้ด้วย

แต่เยว่เฟิงกลับทำให้ตระกูลหลิวและหงชิงกลายเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคน วันนี้เรี่ยกได้ว่าตระกูลหลิวขายหน้าถึงในบ้านตัวเองเลย

หลิวหงชิงโกรธมากแต่เพราะลูกๆหลายๆมาปลอบ จับไม้เท้าขึ้นมา แล้วพยายามยิ้มออกมาต่อหน้าทุกคน

"วันนี้มันช่างขายหน้าจริงๆ เยว่เฟิงเป็นลูกเขยของตระกูลหลิว ในช่วงสองปีที่ผ่านมาครอบครัวหลิวของผมปฏิบัติต่อเขาอย่างดี ไม่มีอะไรต้องเสียใจ ทางตรงกันข้าม เขาอาศัยอยู่ในบ้านตนะกูลหลิว ไม่มีงานทำและไม่มีรายได้ กินดื่มที่บ้านเรา คิดไม่ถึงจริงๆว่ามันจะเป็นคนเนรคุณแบบนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะฉันที่ใจกว้างเกินไป ทำให้มันกล้ากำแหงต่อหน้าทุกคน ทำลายบรรยากาศดีๆ ทุกท่านก็ถือเสียว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้น อยากให้คนชั้นต่ำแบบนั้นมาทำลายอารมณ์ของพวกเราเลย"

หลังจากที่ทุกคนได้ยินแล้ว เพราะเกรงใจกลุ่มบริษัทเฟิงซิง ทุกคนเลยเข้าไปปลอบใจคุณปู่

"อย่าเศร้าไปเลยคุณปู่ เยว่เฟิงคนเนรคุณ ผมคิดว่าตระกูลหลิวทำดีกับเขามากพอแล้ว"

"ฉันไม่เป็นไร วันนี้เป็นวันเกิดของคุณปู่ อย่าให้คนอื่นมาทำให้อารมณ์เสียเลยนะครับ"

"ได้ยินมาว่าตระกูลหลิวเจรจาโปรเจคใหญ่กับกลุ่มบริษัทเฟิงซิง กำลังจะเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการแล้ว ขอแสดงความยินดีกับคุณปู่ด้วย ตระกูลหลิวของคุณได้พบกับผู้ใจบุญสูงศักดิ์แล้ว!"

เมื่อได้ยินคำปลอบและคำอิจฉาของผู้คน หลิวหงชิงก็ลืมเรื่องของเยว่เฟิงไปทันที และหัวเราะไม่หยุด

ตระกูลหลิวดั่งเดิมทีเป็นครอบครัวเล็กๆที่ไม่มีชื่อเสียงอะไรเลย ถ้าไม่ใช้ร่วมมือกับกลุ่มบริษัทเฟิงซิงระยะยาวแล้ว ในสองปีนี้ตระกูลหลิวคงไม่มีทางกลายเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ของเมืองชู่โจว และเป็นที่จับตาของผู้คนอย่างแน่นอน

ข่าวลือเกี่ยวกับกลุ่มบริษัทเฟิงซิงว่าบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเมืองชู่โจวเป็นบริษัทลูกของสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหัว แม้เป็นเพียงแค่ข่าวลือ แต่ทุกคนก็เชื่ออย่างสนิจใจ เพราะฉะนั้นอนาคตของตระกูลหลิวเรียกได้ว่าสดใสจริงๆ

"ฮ่าๆ.....ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติ ตระกูลหลิวของเราก็ช่างโชคดี ถึงได้ทำงานร่วมกับกลุ่มบริษัทเฟิงซิงได้แบบไม่น่าอาย’"

"ในวันพรุ่งนี้พวกเราจะเซ็นสัญญาโครงการใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว ตระกูลหลิวรุ่งเรือน แน่นอนต้องไม่ลืมทุกท่านที่อยู่ในนี้อย่างแน่นอน ร่ำรวยไปด้วยกัน ก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน มีธุรกิจอะไรที่ร่วมมือกันได้ เข้ามาคุยกับตระกูลหลิวได้เลย"

ในงานเลี้ยงวันเกิด หลิงหงชิงก็ไม่ลืมที่จะประกาศศักดาของตระกูลหลิว

หลังจากดูแลแขกเรียบร้อยแล้ว หลิวหงชิงก็เรียกทุกคนในครอบครัวหลิวไปหลังบ้าน ใบหน้าเขาบึ้งตึงเขามองไปที่ครอบครัวของหลิวรูหยาน ในตอนนี้ทุกคนจ้องมองไปที่ครอบครัวหลิวรูหยาน ครอบครัวเขากลายเป็นของแสลงที่ทุกคนรังเกียจ

"คุณปู่ เยว่เฟิงมันทำเกินไปแล้ว เขาทำให้ปู่เสียหน้าต่อแขกผู้มีเกียรติมากมายของเมืองชูโจ"

ในเวลานี้ หลิวจือเฉินไม่ลืมที่จะเหยียบเยว่เฟิงซ้ำไปอีกที แล้วมองไปที่ครอบครัวของหลิวรูหยานและพูดขึ้นว่า:"น้องครับ ลุงสี่ ป้าสี่ พวกคุณสั่งสอนเยว่เฟิงอย่างไง วันนี้เขาเหมือนหมาบ้า ดุด่าทุกคนไปหมด จริงๆเลย!”

ครอบครัวของหลิวรูหยานรู้สึกอับอายถึงขีดสุด เพราะเยว่เฟิงระเบิดอารมณ์ หลิวรูหยานยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนน้ำตาไหลออกมา

"ฉันขอโทษ พรุ่งนี้ฉันจะไปหย่ากับเขา ไอ้คนเนรคุณลืมบุญคุณ”หลิวรูหยานก้มหัวขอโทษที่คน

หยูเสี่ยวฮุ่ยเจ็บแทนลูกสาว เธอก็ก้มหัวขอโทษทุกคนด้วยเช่นกัน:"ฉันขอโทษทุกคน เราไม่ควรให้เยว่เฟิงเข้าบ้านตั้งแต่แรก ก็ไม่รู้ทำไหมเม่ถึงขอให้เยว่เฟิงเข้าร่วมตระกูลหลิวของเรา พ่อ รูหยานก็รู้สึกผิดมาก อย่าโทษเธอเลย"

หลิวเฟิงเป็นคนปอดแหก ในตอนนี้ เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา

หลิวหงชิงถอนหายใจไปทีหนึ่ง แล้วพูดกับหลิวรูหยานว่า:"ช่างเถอะ ความผิดของเยว่เฟิงในวันนี้ ไม่ใช่ความผิดของพวกเธอซ่ะหน่อย คนน่าละอายแบบนั้น จะไปก็ไปเลย อยู่บ้านตระกูลหลิวก็เลี้ยงเสียข้าวสุก ไม่มีประโยชน์เลย รูยาน ไม่ต้องเสียใจไปเลย พรุ่งนี้ไปหย่ากับเขา ฉันจำได้ว่าเธอไม่เคยนอนห้องเดียวกับมัน เธอยังสาวยังแซ่ จะหาสามีที่ดียังไงก็ได้"

ครอบครัวของหลิวรูหยานเห็นว่าคุณปู่ไม่โกรธพวกเขา เลยโล่งอกไปที

ในความเป็นจริง ไม่ใช่ว่าหลิงหงชิงไม่โกรธ แต่ในตระกูลหลิวทั้งหมดดูเหมือนว่ามีแต่หลิวรูหยานคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเจรจากับกลุ่มเฟิงซิงได้ ถ้าเป็นคนอื่นหรือแม้กระทั้งหลิงหงชิง แม้แต่อาคารของกลุ่มบริษัทเฟิงซิงก็ไม่สามารถเข้าไปได้

ดังนั้นหลิวหงชิงจึงไม่กล้าตำหนิหลิวรูหยานมากเกินไป เพราะความสัมพันธ์กับกลุ่มเฟิงซิงยังต้องพึ่งพาหลิวรูหยานเป็นคนรักษาไว้

......

เยว่เฟิงออกมาจากห้องจัดเลี้ยง และตรงไปที่กลุ่มบริษัทเฟิงซิ

กลุ่มเฟิงซิงตั้งอยู่ในย่านการค้าที่คึกคักและหรูหราที่สุดของเมืองชู่โจว อาจกล่าวได้ว่ากลุ่มเฟิงซิงเป็นสัญลักษณ์ของเมืองชู่โจวเลยทีเดียว อาคารทั้งสามเป็นรูปสามเหลี่ยมและงดงาม แม้ในเมืองรอบ ๆ ก็ไม่มีบริษัทไหนจะเทียบได้มีแต่น้อย

"ลูกพี่ เป็นอะไรไปหรือเปล่า? เกิดอะไรขึ้น?”

ดวนเที่ยนซิงประธานในนามของกลุ่มเฟิงซิงถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นเยว่เฟิงกลับมาพร้อมกับดื่มเหล้าขาวที่ถืออยู่ในมือ

"พรุ่งนี้ฉันจะไปจดทะเบียนหย่ากับหลิวรูหยาน ฉันไม่ใช่สามีของเขาอีกต่อไป ต่อจากนี้ฉันกับตระกูลหลิวไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป”

เยว่เฟิงดื่มเหล้าไปด้วยและยิ้มด้วยความขมขื่น

ในตอนนี้เพราะคำว่ารัก เพราะหลิวรูหยานเลยเข้าไปเป็นเขยตระกูลหลิว ตอนมัธยมเฝ้าคิดถึงความฝันที่จะกลายเป็นความจริง เยว่เฟิงเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก เขายังขอบคุณพ่อเยส่เทียนเซียงที่ส่งเขาไปที่ชู่โจว มิฉะนั้นเขาคงไม่ได้พบกับหลิวรูหยาน

แต่หลังจากแต่งเข้าไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปไม่รู้ว่าเป็นเพราะของตระกูลหลิวทั้งหมดหรือเพราะพ่อแม่ของหลิวรูหยาน หลิวรูหยานเป็นพวกขออย่างเดียว ไม่เคยมองเขาเป็นสามี สองปีมานี้ไม่เคยแม้แต่จะนอนห้องเดียวกับเขา

ตอนนี้จินตนาการที่สวยงามและความสุขมันสลายไปหมดลแล้ว

เยว่เฟิงเกลียดตัวเอง และเสียเวลาสองปี เพื่อรับความอัปยศ

"ตระกูลหลิวอีกแล้ว!” ดวนเทียนซิงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชายที่รัก มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าเยว่เฟิงต้องเจอกับวิบาบกรรมอะไรในสองปีนี้ เขากัดฟันแล้วพูดว่า"เอาแบบนี้ เขาไม่มีมองพี่เป็นคนเลย ฉันเคยพูดแล้ว ถ้าหากลุงเยว่และคุณป้ารู้ว่าพี่ต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ในตระกูลหลิว พวกเขาคงไม่ปล่อยตระกูลหลิวไว้แน่ !ฉันจะไปจัดการตระกูลหลิวเดี๋ยวนี้ ช่วยพี่ระบายอารมณ์!”

ดวนเทียนซิงยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ ราวกับว่าเขาต้องการล้างแค้นเยว่เฟิงจริงๆ

"ช่างมันเถอะ" เยว่เฟิงโบกมือ สีหน้าที่เรียบเฉย: "ไม่จำเป็นหรอก ตั้งแต่วันนี้ บริษัทเฟิงซิงขอยุติสัญญาและความร่วมมือทุกอย่างกับตระกูลหลิว"

พูดจบ เยว่เฟิงหยุดไปชั่วคณะแล้วพูดขึ้นว่า :"บริษัทซิงหรูของหลิวรูหยาน ยังไม่ต้องยุติความร่วมมือในขณะนี้ ทำโปรเจกที่มีอยู่ให้เรียบร้อยก่อน นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะช่วยเธอ”

ดวนเทียนซิงได้ยินดังนั้นก็ไม่พอใจและพูดว่า:"เธอทำกับคุณขนาดนี้คุณยังจะช่วยเธออีกทำไม”

เยว่เฟิงส่ายหัวขอบตาแดงก่ำ:"เธอไม่สนใจฉัน แต่ฉันไม่สามารถใจร้ายกับเธอได้ ฉันเคยสัญญากับคุณย่าหลิวว่าจะดูแลเธออย่างดี พรุ่งนี้เราจะไปหย่าง ฉันไม่อาจดูแลเธอได้อีกต่อไป นี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมช่วยเธอ ต่อไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว ทางใครทางมัน"

เมื่อเห็นเยว่เฟิงยืนยันแบบนี้ ดวนเทียนซิงก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว เขาหยิบไวน์แดงมูลค่ามากกว่าหนึ่งหมื่นกว่าออกมาจากลิ้นชักแล้วเท่ใส่แก้วให้เยว่เฟิง

"ดื่มนี่ พี่ดื่มอันนั้นจะทำให้พี่ตายได้"

"แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน พี่เป็นลูกชายและหลานคนโตของตระกูลเยว่ ตระกูลหลิวเป็นใครกัน พี่ช่วยพวกเขามาสองปีแล้ว อย่าให้พวกเขามาฉุดรั้งพี่ออีกเลย หลังจากพรุ่งนี้ มังกรเยว่เฟิงจะผงาดอีกครั้ง ตระกูลหลิวจะทำได้เพียงเงยหน้ามองพี่ "

หลังจากดวนเทียนซิงปลอบใจเยว่เฟิงแล้ว ก็โทรหาฮันเสี่ยวชีให้เข้ามา

ฮันเสี่ยวชีเป็นลูกรักของตระกูลเล็กๆในเมืองจิงตู และเป็นเลขานุการของกลุ่มเฟิงซิง ในเมืองจิงตู แม้จะเป็นครอบครัวเล็ก ๆ แต่ก็มีร่ำรวยมาก ฮันเสี่ยวชีสาวในฝันของลูกเศรษฐีหลายคนที่มาจีบ เขาได้ยินมาว่าเยว่เฟิงมาอยู่เมืองชู่โจว เขาก็เลยตามมาอยู่ได้สองปีแล้ว

"เสี่ยวชี คุณ......"

ดวนเทียนซิงกระซิบคำสองสามคำที่หูของฮันเสี่ยวชี ขอให้เธอปลอบใจเยว่เฟิง

เมื่อได้ยินว่าเยว่เฟิงจะหย่าร้าง ฮันเสี่ยวชีรู้สึกดีใจมาก

หลังจากที่ดวนเทียนซิงออกจากที่ทำงาน ฮันเสี่ยวชิก็เดินเข้าไปหาเยว่เฟิงพร้อมเสียงรองเท้าส้นสูง และพิงไปที่ไหล่ของเขา ขายาวขาวราวกับหิมะทั้งสองข้างได้โชว์ให้เยว่เฟิงเห็นอย่างชัดเจอ กลิ่นแห่งความหลงไหล ราวกับว่าหยุดไม่อยู่แล้ว

เธอรอวันนี้มารอสองปีแล้ว!

"แบบนี้ก็ดีแล้ว หลิวรูหยานเธอเป็นใครกันคุณดูแลเขาและรักเขาขนาดนี้ เยว่เฟิง ลืมเธอซ่ะ ฉันฮันเสี่ยวชี มีอะไรบ้างที่สู้เธอไม่ได้ หุ่น หน้าตา เธอเทียบกับฉันไม่ได้เลย เธอมีตาหามีแวว ฉันจะดูแลคุณอย่างดีเลย"

นางฟ้าในใจของลูกเศรษฐีในเมืองจิงตู ในต้องนี้กำลังอยู่ในอ้อมกอดของเยว่เฟิง ราวกับแมวที่ว่านอนสอนง่าย

แต่เยว่เฟิงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะสนใจฮันเสี่ยวชีในตอนนี้ เขาพูดแบบไม่เกรงใจว่า:"ออกไป!"

ศักดาของท่านเยว่เฟิงถูกซ่อนไว้เป็นเวลาสองปีแล้ว เขาจะไม่ปิดบังอะไรอีก คำสั้นๆแค่สองคำทำให้ฮันเสี่ยวชีรู้สึกกลัวขึ้นมา

"เยว่เฟิง ในสายตาคุณ ฉันเทียบกับหลิวรูหยานไม่ได้เลยใช่ไหม?”

ฮันเซียวชิมแสดงหน้าตาที่น่าสงสาร พร้อมน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา

"ผมเหนื่อยเหลือเกิน ให้ผมพักผ่อนเถอะ " เยว่เฟิงถอนหายใจ สักพักแล้ว พูดกับฮันเซียวชิว่า: "คุณไปแจ้งกับทุกคน บอกพวกเขาว่า ต่อไปถ้าเป็นคนตระกูลหลิวห้ามเหยียบเข้ามาที่กลุ่มเฟิงซิงเป็นอันขาด ไม่ว่าเขาจะร้องไห้ขอร้องยังไง ต่อให้เป็นเจ้าคนแก่ตระกูลหลิวก็ไม่อนุญาตให้เหยียบเข้าใกล้ประตูของกลุ่มเฟิงซิงของผมเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลิวจื่อเฉิน ... "

เยว่เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเมื่อนึกถึงหลิวจือเฉินคนเจ้าเลห์ต่ำช้า เขากัดฟันพูด:"เมื่อใดที่มันกล้าเข้ามางกล้าเข้ามา ก็กระทืบมันเลย กระทืบจนออกจากกรุ๊ปเฟิงซิง.!"

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

545