บทที่ 11 ทําไมคุณตํ่าช้าแบบนี้

"คุณเป็นอะไร?"

ตวนเทียนซิงขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความผิดปกติของหลิวรูหยาน

ใบหน้าของหลิวรูหยานแดงก่ำ ในใจเธอไม่อยากทำเช่นนั้น เธอไม่ยอมเหยียบย่ำร่างกายและศักดิ์ศรีของเธอ  แต่ถ้าหากเธอไม่ทำเช่นนี้เรื่องที่เธอต้องเผชิญคือความกดดันของตระกูลหลิว และเสียงด่าทอของทุกคน

รวมถึงพ่อแม่ของเธออาจจะไม่มีให้หน้าตาที่ดีกับเธอในอนาคต

เธอเป็นแค่ผู้หญิงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่อ่อนแอ เธอไม่สามารถแบกรับความกดดันมากขนาดนี้  เมื่อนึกถึงสิ่งที่ต้องเผชิญกับตระกูลหลิวในอนาคต เธอรู้สึกกลัวลึก ๆ ในใจ

"ฉัน......ฉัน......”

หลิวรูหยาน อ้างปากอยากจะพูด แต่เธอไม่สามารถพูดอะไรเพื่อเกลี้ยกล่อมตวนเทียนซิงได้

ตวนเทียนซิง ไม่ใช่คนโง่ เขาถือว่ามีประสบการณ์ในด้านความรักพอ  เมื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำของหลิวรูหยาน ไม่กล้าที่จะพูดแล้ว เขาก็พอเข้าใจแล้วบ้าง

"ไอ้!" เขาขว้างถ้วยน้ำชาลงกับพื้นอย่างแรง ชี้ไปที่หลิวรูหยานและด่าว่า: "คุณกล้ามีความคิดแบบนี้ได้ยังไง!"

"ทำไมคนของตระกูลหลิวถึงไม่มีขอบสนามแบบนี้  คุณรู้สึกผิดต่อพี่ชายของผม... คุณ ... คุณรู้สึกผิดต่อตัวเองไหม!”

"หลิวรูหยาน ผมผิดหวังในตัวคุณมาก ตอนนี้ผมจะไม่เพียงจะยุติความสัมพันธ์กับตระกูลหลิว รวมถึงบริษัทของคุณด้วย! บ้า แม่งบ้าจริงๆ! "

ตวนเทียนซิง โกรธมาก แทบควบคุมไม่ได้ เขารู้สึกหลิวรูหยานมีความคิดแบบนี้ เป็นการดูถูกเยว่เฟิงและดูถูกเขาด้วย.

เธอเพิ่งหย่ากับเยว่เฟิงได้ไม่กี่วัน เธอไม่มีความรู้สึกใด ๆ กับเยว่เฟิงเลยหรือ?

หลังจาก ตวนเทียนซิง ด่าเสร็จ เขาก็ออกจากห้องส่วนตัวโดยไม่หันกลับไปมอง และปิดประตูจากไปพร้อมกับเสียงด่า 'ปัง'

หลิวรูหยานอึ้งไปสักพัก พยายามกลั้นร้องไห้ น้ำตาไหลริน

"หลิวรูหยาน แกมีความคิดแบบนี้ได้ยังไง ทำไมแกถึงดูถูกตัวเองอย่างนี้!"

"เพื่อตระกูลหลิว แกทำแบบนี้มันคุ้มเหรอ!"

ตอนนี้เธอเกลียดตัวเอง ทำไมเธอถึงอ่อนแอทำไมเธอถึงมีความคิดแบบนั้น

เธอยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองอย่างแรง

 ...

"ไอ้บ้า หลิวรูหยานบ้าไปแล้วจริงๆ!"

หลังจากออกร้านอาหาร ตวนเทียนซิง ยังคงโกรธไม่หาย และหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อโทรหาเยว่เฟิง

แต่เขายังไม่ถึงกับเสียสติ เขารีบวางสายทันที

"ไม่ได้ ถ้าพี่ชายรู้ว่าหลิวรูหยานเป็นคนแบบนี้ต้องโกรธมากแน่ ๆ "

"แม่งเอ้ย ทำไมผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลย”

ตวนเทียนซิงหายใจเข้าลึก ๆ และเก็บโทรศัพท์

เยว่เฟิงมีความรู้ลึกซึ้งต่อหลิวรูหยานมาก หากโทรหาเยว่เฟิง และบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ เยว่เฟิงจะต้องเสียใจมากแน่ ๆ

ช่วงนี้อารมณ์เขาไม่ค่อยดีอยู่ด้วย 

ท้ายที่สุดแล้วตวนเทียนซิงก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเยว่เฟิง และขับรถกลับบ้านคนเดียว

หลังจากมาถึงบริษัทในวันรุ่งขึ้น ฮันเสี่ยวชือได้ส่งเอกสารหลายฉบับให้ตวนเทียนซิงเพื่อเซ็น

ตวนเทียนซิงกำลังเซ็นชื่ออยู่ฮันเสี่ยวชือ ก็ถามว่า:

"พี่เทียน ฉันได้ยินมาว่าเมื่อวานพี่ตอบตกลงจะไปพบหลิวรูหยานส่วนตัว เมื่อวานเธอพูดอะไรกับพี่?”

ตวนเทียนซิงและฮันเสี่ยวชือก็ถือเป็นเพื่อนสนิทกันมากและพวกเขาก็ไม่มีอะไรปิดบัง เขาจึงกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า:

"ยังจะพูดอะไรได้ล่ะ ก็มาขออ้อนวอนเพื่อตระกูลหลิวน่ะสิ”

"ผมไม่คิดเลยว่าเพื่อที่จะทำให้ผมเปลี่ยนใจ เธอจะทำแบบนั้น... ”

ตวนเทียนซิงไม่อยากพูดต่อแล้วถอนหายใจ:

"ช่างมัน ไม่อยากพูดแล้ว"

แต่ฮันเสี่ยวชือสงสัยเธอจึงถามตวนเทียนซิงต่อว่า:

"พี่เทียน พี่บอกหน่อย เธอทำอะไรลงไป เธอคุกเข่าลงให้พี่หรอ?”

ตวนเทียนซิงส่ายหัว:

"เป็นไปได้ยังไง เธอก็เป็นอดีตภรรยาของพี่เฟิงนะ ผมจะให้เธอคุกเข่าได้ไง”

"เธออาจจะคาดเดาไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นอ่อยผมเพื่อที่จะให้ผมเปลี่ยนใจ ผมจึงด่าเธอทันทีตอนนั้นเลย”

เมื่อฮันเสี่ยวชือได้ยินอย่างนี้ สีหน้าเธอเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว :

"คุณ ... คุณพูดความจริงหรือ?”

ตวนเทียนซิงถอนหายใจ กล่าว:

"ผมจะหลอกคุณทำไมล่ะ แต่ผมก็ดูออกว่าตอนนั้นเธอลังเลไปสักพัก ผมเดาว่าน่าจะเป็นคนในตระกูลหลิวที่บังคับให้เธอทำแบบนี้ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดเธอทั้งหมดหรอก อย่างไรก็ตามผมยอมตระกูลหลิวจริง ๆ ไม่มีขอบสนามเลย "

ฮันเสี่ยวชือไม่อยากจะเชื่อเลย แม้ว่าเธอจะเกลียดหลิวรูหยา แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลิวรูหยานจะเป็นแบบนี้

"ผู้หญิงคนนี้ทําเกินไป! เธอไม่รู้สึกผิดกับเยว่เฟิงหรืออย่างไง เธอเหยียบย่ำความรักที่เยว่เฟิงให้ไป !"

ฮันเสี่ยวชือพูดอย่างโกรธ และกระทืบเท้าของเธอด้วยความโกรธ

"พี่เทียน คุณห้ามบอกเยว่เฟิงเรื่องนี้นะ มิฉะนั้นเขาต้อง ... ”

ฮันเสี่ยวชือกำลังจะเตือนตวนเทียนซิง ในขณะนี้ประตูของออฟฟิศถูกถีบเข้ามาและเปิดอย่างรุนแรง

ทั้งสองคนในห้องทำงานผงะและมองไปที่ประตูด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

แค่เห็นเยว่เฟิงยืนอยู่จรงนั้นด้วยสีหน้าที่เย็นชา

"ผมผมผม ... " ตวนเทียนซิง กลัวมากจนเขากระเด็นออกจากเก้าอี้และรีบอธิบายให้เยว่เฟิง: "พี่ชาย อย่าพึ่งหัวร้อน ผมไม่ตอบตกลงจริง ๆ ผมดุเธอตอนนั้นทันทีเลย!"

"ถ้าพี่ไม่เชื่อผม พี่สามารถไปดูกล้องวงจรปิดที่ร้านอาหารได้ ผมพูดเสร็จก็เดินออกไปเลย "

ตวนเทียนซิงเหงื่อไหลเต็มเพราะกลัวว่าเยว่เฟิงจะเข้าใจผิด

"ผมไม่ได้ไม่เชื่อคุณ" เยว่เฟิงกล่าว: "ผมรู้ว่าคุณเป็นคนแบบไหน"

"ตระกูลหลิวบังคับให้เธอทำแบบนี้แน่นนอน ถ้าเธออยากทำจริงๆเธอจะไม่ลังเลหรอก"

"ผู้หญิงโง่คนนี้ไม่มีจุดยืนในตระกูลหลิว และพ่อแม่ของเธอก็เป็นคนที่ไม่มีความคิดตัวเอง แค่ตระกูลหลิวพูดคำสองสามคำและกดดันเธอและเธอก็ทนไม่ไหวแล้ว!"

ขณะที่เยว่เฟิงกําลังพูดดวงตาของเขาแดงก่ำและเห็นเส้นเลือดอย่างชัดเจนบนหน้าผากของเขา

ฮันเสี่ยวชือรีบเข้ามาปลอบ:

"เยว่เฟิง เธอไม่ใช่ภรรยาของคุณแล้ว มันจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเธอ”

เยว่เฟิงทนไม่ได้หรอก เขาถูกตระกูลหลิวปั่นทอนให้จากไป แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักหลิวรูหยาน  เขาเชื่อฟังหลิวรูหยาน ดูแลหลิวรูหยานเป็นอย่างดีในทุกด้าน

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงที่เขาตาใใจทุก ๆ เรื่อง ถึงจะโดนคนอื่นทำร้าย และต้องมาเจ็บปวดมากขนาดนี้

"หลิวหงชิง!" เยว่เฟิงยิ่งคิดยิ่งโกรธมากขึ้น และมีความคิดไม่ดีขึ้นมา : "ผมจะฆ่าคนไอ้เลวนี้!"

เมื่อฮันเสี่ยวชือได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของเธอก็ซีดด้วยความตกใจและขาของเธออ่อนแรง  ตวนเทียนซิงรีบวิ่งไปดึงเยว่เฟิงเข้าไปในห้องทำงานและนั่งลงเพื่อปลอบ :

"พี่ มันบ้าไปแล้ว”

"คนในตระกูลหลิวเยอะขนาดนี้ หากพี่ไปฆ่าใครในนั้น แม้แต่ลุงเยว่ก็ไม่สามารถช่วยพี่ได้”

"ฟังผมนะ ปล่อยวาง ไม่ต้องสนใจตระกูลหลิว และลืมหลิวรูหยานไป หลิวรูหยานจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่"

เยว่เฟิงอึ้งไปตอนนั้น ตาของเขาเบิกกว้างและพูดไม่ออกสักคำ

 ...

ในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาล หลิวหงชิง และสมาชิกในตระกูลหลิวคนอื่น ๆ รอคอยข่าวดีจากหลิวรูหยานตลอดทั้งคืน

เมื่อเห็นหลิวรูหยานไม่ได้กลับมาเลยทั้งคืนใบหน้าที่ซีดของหลิวหงชิง ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาและเขาก็หัวเราะออกมา

"รูหยานไม่กลับมาทั้งคืนแปลเรื่องนี้สำเร็จแน่ ๆ  ตวนเทียนซิงนอนกับผู้หญิงของตระกูลหลิว เขาก็ไม่ถึงกับไม่รับผิดชอบหรอก!” หลิวหงชิง กล่าวอย่างร่าเริง

คนอื่นๆ ในตระกูลหลิวถอนหายใจที่หลิวรูหยานไม่กลับมาทั้งคืน นอนกับตวนเทียนซิงแล้วแน่ๆ อย่างน้อยตวนเทียนซิงก็เป็นประธานกลุ่มเฟิงซิง ตวนเทียนซิงต้องรับผิดชอบ

"ผู้หญิงคนนี้ช่างต่ำจริงๆ ... "

หลิวจื่อเฉินที่นอนอยู่บนเตียงอีกฝั่ง แอบพูดในใจและดูหมิ่นหลิวรูหยานในใจ

หยูเสี่ยวฮุ่ยไม่สามารถปิดบังสีหน้าที่ยิ้มแย้มได้ในเวลานี้ได้ แม้ว่า หลิวรูหยาน จะทำสิ่งที่น่าอับอายแต่ด้วยเหตุนี้เธอจึงได้บริษั จากพ่อและตระกูลของพวกเขาเองก็ได้กำไร

หลิวเฟิง ห้อยหัว ตาของเขาแดงเล็กน้อย

ในความเป็นจริง เขาไม่อยากให้หลิวรูหยานทำแบบนั้น แต่เขาไม่สามารถพูดไม่ได้และไม่สามารถช่วยเหลือหลิวรูหยานได้เลย

"รูหยาน พ่อขอโทษนะลูก ... " หลิวเฟิง หายใจเข้าลึก ๆ รู้สึกเสียใจต่อหลิวรูหยาน

ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาหลิวรูหยา ก็ปรากฏตัวที่ประตูวอร์ดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

เมื่อคืนเธอใช้เวลาหนึ่งคืนในสวนสาธารณะ ดวงตาของเธอแดงก่ำจากการร้องไห้และเธอไม่สามารถให้อภัยเธอที่มีความคิดสกปรก ๆ นั้นได้

"รูหยานกลับมาสักทีนะ ตวนเทียนซิงตอบตกลงที่จะร่วมมือกับเราต่อไปใช่ไหม?"

สมาชิกในตระกูลหลิวทั้งหมดลุกขึ้นพร้อมกันและมองไปที่หลิวรูหยาน ด้วยสายตาที่คาดหวัง

เมื่อต้องเผชิญกับดวงตาเหล่านี้หลิวรูหยานยังคงดูเหนื่อยล้าและพูดด้วยเสียงสั่น:

"ฉัน ... ฉันทำไม่สำเร็จ”

"ฉันไม่ได้ช่วยตระกูลหลิว ฉัน ... ฉันเสียบริษัทของตัวเองเข้าไปด้วย”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ตระกูลหลิวทั้งหมดก็แข็งตัวทันทีและ หลิ หงชิง ก็ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความตกใจและร้องออกมาอย่างแปลกประหลาด:

"คุณพูดอะไรนะ!"

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

545