บทที่ 11 ทําไมคุณตํ่าช้าแบบนี้
by ต้าเต่าสามพัน
14:47,Dec 07,2020
"คุณเป็นอะไร?"
ตวนเทียนซิงขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความผิดปกติของหลิวรูหยาน
ใบหน้าของหลิวรูหยานแดงก่ำ ในใจเธอไม่อยากทำเช่นนั้น เธอไม่ยอมเหยียบย่ำร่างกายและศักดิ์ศรีของเธอ แต่ถ้าหากเธอไม่ทำเช่นนี้เรื่องที่เธอต้องเผชิญคือความกดดันของตระกูลหลิว และเสียงด่าทอของทุกคน
รวมถึงพ่อแม่ของเธออาจจะไม่มีให้หน้าตาที่ดีกับเธอในอนาคต
เธอเป็นแค่ผู้หญิงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่อ่อนแอ เธอไม่สามารถแบกรับความกดดันมากขนาดนี้ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ต้องเผชิญกับตระกูลหลิวในอนาคต เธอรู้สึกกลัวลึก ๆ ในใจ
"ฉัน......ฉัน......”
หลิวรูหยาน อ้างปากอยากจะพูด แต่เธอไม่สามารถพูดอะไรเพื่อเกลี้ยกล่อมตวนเทียนซิงได้
ตวนเทียนซิง ไม่ใช่คนโง่ เขาถือว่ามีประสบการณ์ในด้านความรักพอ เมื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำของหลิวรูหยาน ไม่กล้าที่จะพูดแล้ว เขาก็พอเข้าใจแล้วบ้าง
"ไอ้!" เขาขว้างถ้วยน้ำชาลงกับพื้นอย่างแรง ชี้ไปที่หลิวรูหยานและด่าว่า: "คุณกล้ามีความคิดแบบนี้ได้ยังไง!"
"ทำไมคนของตระกูลหลิวถึงไม่มีขอบสนามแบบนี้ คุณรู้สึกผิดต่อพี่ชายของผม... คุณ ... คุณรู้สึกผิดต่อตัวเองไหม!”
"หลิวรูหยาน ผมผิดหวังในตัวคุณมาก ตอนนี้ผมจะไม่เพียงจะยุติความสัมพันธ์กับตระกูลหลิว รวมถึงบริษัทของคุณด้วย! บ้า แม่งบ้าจริงๆ! "
ตวนเทียนซิง โกรธมาก แทบควบคุมไม่ได้ เขารู้สึกหลิวรูหยานมีความคิดแบบนี้ เป็นการดูถูกเยว่เฟิงและดูถูกเขาด้วย.
เธอเพิ่งหย่ากับเยว่เฟิงได้ไม่กี่วัน เธอไม่มีความรู้สึกใด ๆ กับเยว่เฟิงเลยหรือ?
หลังจาก ตวนเทียนซิง ด่าเสร็จ เขาก็ออกจากห้องส่วนตัวโดยไม่หันกลับไปมอง และปิดประตูจากไปพร้อมกับเสียงด่า 'ปัง'
หลิวรูหยานอึ้งไปสักพัก พยายามกลั้นร้องไห้ น้ำตาไหลริน
"หลิวรูหยาน แกมีความคิดแบบนี้ได้ยังไง ทำไมแกถึงดูถูกตัวเองอย่างนี้!"
"เพื่อตระกูลหลิว แกทำแบบนี้มันคุ้มเหรอ!"
ตอนนี้เธอเกลียดตัวเอง ทำไมเธอถึงอ่อนแอทำไมเธอถึงมีความคิดแบบนั้น
เธอยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองอย่างแรง
...
"ไอ้บ้า หลิวรูหยานบ้าไปแล้วจริงๆ!"
หลังจากออกร้านอาหาร ตวนเทียนซิง ยังคงโกรธไม่หาย และหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อโทรหาเยว่เฟิง
แต่เขายังไม่ถึงกับเสียสติ เขารีบวางสายทันที
"ไม่ได้ ถ้าพี่ชายรู้ว่าหลิวรูหยานเป็นคนแบบนี้ต้องโกรธมากแน่ ๆ "
"แม่งเอ้ย ทำไมผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลย”
ตวนเทียนซิงหายใจเข้าลึก ๆ และเก็บโทรศัพท์
เยว่เฟิงมีความรู้ลึกซึ้งต่อหลิวรูหยานมาก หากโทรหาเยว่เฟิง และบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ เยว่เฟิงจะต้องเสียใจมากแน่ ๆ
ช่วงนี้อารมณ์เขาไม่ค่อยดีอยู่ด้วย
ท้ายที่สุดแล้วตวนเทียนซิงก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเยว่เฟิง และขับรถกลับบ้านคนเดียว
หลังจากมาถึงบริษัทในวันรุ่งขึ้น ฮันเสี่ยวชือได้ส่งเอกสารหลายฉบับให้ตวนเทียนซิงเพื่อเซ็น
ตวนเทียนซิงกำลังเซ็นชื่ออยู่ฮันเสี่ยวชือ ก็ถามว่า:
"พี่เทียน ฉันได้ยินมาว่าเมื่อวานพี่ตอบตกลงจะไปพบหลิวรูหยานส่วนตัว เมื่อวานเธอพูดอะไรกับพี่?”
ตวนเทียนซิงและฮันเสี่ยวชือก็ถือเป็นเพื่อนสนิทกันมากและพวกเขาก็ไม่มีอะไรปิดบัง เขาจึงกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า:
"ยังจะพูดอะไรได้ล่ะ ก็มาขออ้อนวอนเพื่อตระกูลหลิวน่ะสิ”
"ผมไม่คิดเลยว่าเพื่อที่จะทำให้ผมเปลี่ยนใจ เธอจะทำแบบนั้น... ”
ตวนเทียนซิงไม่อยากพูดต่อแล้วถอนหายใจ:
"ช่างมัน ไม่อยากพูดแล้ว"
แต่ฮันเสี่ยวชือสงสัยเธอจึงถามตวนเทียนซิงต่อว่า:
"พี่เทียน พี่บอกหน่อย เธอทำอะไรลงไป เธอคุกเข่าลงให้พี่หรอ?”
ตวนเทียนซิงส่ายหัว:
"เป็นไปได้ยังไง เธอก็เป็นอดีตภรรยาของพี่เฟิงนะ ผมจะให้เธอคุกเข่าได้ไง”
"เธออาจจะคาดเดาไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นอ่อยผมเพื่อที่จะให้ผมเปลี่ยนใจ ผมจึงด่าเธอทันทีตอนนั้นเลย”
เมื่อฮันเสี่ยวชือได้ยินอย่างนี้ สีหน้าเธอเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว :
"คุณ ... คุณพูดความจริงหรือ?”
ตวนเทียนซิงถอนหายใจ กล่าว:
"ผมจะหลอกคุณทำไมล่ะ แต่ผมก็ดูออกว่าตอนนั้นเธอลังเลไปสักพัก ผมเดาว่าน่าจะเป็นคนในตระกูลหลิวที่บังคับให้เธอทำแบบนี้ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดเธอทั้งหมดหรอก อย่างไรก็ตามผมยอมตระกูลหลิวจริง ๆ ไม่มีขอบสนามเลย "
ฮันเสี่ยวชือไม่อยากจะเชื่อเลย แม้ว่าเธอจะเกลียดหลิวรูหยา แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลิวรูหยานจะเป็นแบบนี้
"ผู้หญิงคนนี้ทําเกินไป! เธอไม่รู้สึกผิดกับเยว่เฟิงหรืออย่างไง เธอเหยียบย่ำความรักที่เยว่เฟิงให้ไป !"
ฮันเสี่ยวชือพูดอย่างโกรธ และกระทืบเท้าของเธอด้วยความโกรธ
"พี่เทียน คุณห้ามบอกเยว่เฟิงเรื่องนี้นะ มิฉะนั้นเขาต้อง ... ”
ฮันเสี่ยวชือกำลังจะเตือนตวนเทียนซิง ในขณะนี้ประตูของออฟฟิศถูกถีบเข้ามาและเปิดอย่างรุนแรง
ทั้งสองคนในห้องทำงานผงะและมองไปที่ประตูด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
แค่เห็นเยว่เฟิงยืนอยู่จรงนั้นด้วยสีหน้าที่เย็นชา
"ผมผมผม ... " ตวนเทียนซิง กลัวมากจนเขากระเด็นออกจากเก้าอี้และรีบอธิบายให้เยว่เฟิง: "พี่ชาย อย่าพึ่งหัวร้อน ผมไม่ตอบตกลงจริง ๆ ผมดุเธอตอนนั้นทันทีเลย!"
"ถ้าพี่ไม่เชื่อผม พี่สามารถไปดูกล้องวงจรปิดที่ร้านอาหารได้ ผมพูดเสร็จก็เดินออกไปเลย "
ตวนเทียนซิงเหงื่อไหลเต็มเพราะกลัวว่าเยว่เฟิงจะเข้าใจผิด
"ผมไม่ได้ไม่เชื่อคุณ" เยว่เฟิงกล่าว: "ผมรู้ว่าคุณเป็นคนแบบไหน"
"ตระกูลหลิวบังคับให้เธอทำแบบนี้แน่นนอน ถ้าเธออยากทำจริงๆเธอจะไม่ลังเลหรอก"
"ผู้หญิงโง่คนนี้ไม่มีจุดยืนในตระกูลหลิว และพ่อแม่ของเธอก็เป็นคนที่ไม่มีความคิดตัวเอง แค่ตระกูลหลิวพูดคำสองสามคำและกดดันเธอและเธอก็ทนไม่ไหวแล้ว!"
ขณะที่เยว่เฟิงกําลังพูดดวงตาของเขาแดงก่ำและเห็นเส้นเลือดอย่างชัดเจนบนหน้าผากของเขา
ฮันเสี่ยวชือรีบเข้ามาปลอบ:
"เยว่เฟิง เธอไม่ใช่ภรรยาของคุณแล้ว มันจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเธอ”
เยว่เฟิงทนไม่ได้หรอก เขาถูกตระกูลหลิวปั่นทอนให้จากไป แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักหลิวรูหยาน เขาเชื่อฟังหลิวรูหยาน ดูแลหลิวรูหยานเป็นอย่างดีในทุกด้าน
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงที่เขาตาใใจทุก ๆ เรื่อง ถึงจะโดนคนอื่นทำร้าย และต้องมาเจ็บปวดมากขนาดนี้
"หลิวหงชิง!" เยว่เฟิงยิ่งคิดยิ่งโกรธมากขึ้น และมีความคิดไม่ดีขึ้นมา : "ผมจะฆ่าคนไอ้เลวนี้!"
เมื่อฮันเสี่ยวชือได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของเธอก็ซีดด้วยความตกใจและขาของเธออ่อนแรง ตวนเทียนซิงรีบวิ่งไปดึงเยว่เฟิงเข้าไปในห้องทำงานและนั่งลงเพื่อปลอบ :
"พี่ มันบ้าไปแล้ว”
"คนในตระกูลหลิวเยอะขนาดนี้ หากพี่ไปฆ่าใครในนั้น แม้แต่ลุงเยว่ก็ไม่สามารถช่วยพี่ได้”
"ฟังผมนะ ปล่อยวาง ไม่ต้องสนใจตระกูลหลิว และลืมหลิวรูหยานไป หลิวรูหยานจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่"
เยว่เฟิงอึ้งไปตอนนั้น ตาของเขาเบิกกว้างและพูดไม่ออกสักคำ
...
ในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาล หลิวหงชิง และสมาชิกในตระกูลหลิวคนอื่น ๆ รอคอยข่าวดีจากหลิวรูหยานตลอดทั้งคืน
เมื่อเห็นหลิวรูหยานไม่ได้กลับมาเลยทั้งคืนใบหน้าที่ซีดของหลิวหงชิง ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาและเขาก็หัวเราะออกมา
"รูหยานไม่กลับมาทั้งคืนแปลเรื่องนี้สำเร็จแน่ ๆ ตวนเทียนซิงนอนกับผู้หญิงของตระกูลหลิว เขาก็ไม่ถึงกับไม่รับผิดชอบหรอก!” หลิวหงชิง กล่าวอย่างร่าเริง
คนอื่นๆ ในตระกูลหลิวถอนหายใจที่หลิวรูหยานไม่กลับมาทั้งคืน นอนกับตวนเทียนซิงแล้วแน่ๆ อย่างน้อยตวนเทียนซิงก็เป็นประธานกลุ่มเฟิงซิง ตวนเทียนซิงต้องรับผิดชอบ
"ผู้หญิงคนนี้ช่างต่ำจริงๆ ... "
หลิวจื่อเฉินที่นอนอยู่บนเตียงอีกฝั่ง แอบพูดในใจและดูหมิ่นหลิวรูหยานในใจ
หยูเสี่ยวฮุ่ยไม่สามารถปิดบังสีหน้าที่ยิ้มแย้มได้ในเวลานี้ได้ แม้ว่า หลิวรูหยาน จะทำสิ่งที่น่าอับอายแต่ด้วยเหตุนี้เธอจึงได้บริษั จากพ่อและตระกูลของพวกเขาเองก็ได้กำไร
หลิวเฟิง ห้อยหัว ตาของเขาแดงเล็กน้อย
ในความเป็นจริง เขาไม่อยากให้หลิวรูหยานทำแบบนั้น แต่เขาไม่สามารถพูดไม่ได้และไม่สามารถช่วยเหลือหลิวรูหยานได้เลย
"รูหยาน พ่อขอโทษนะลูก ... " หลิวเฟิง หายใจเข้าลึก ๆ รู้สึกเสียใจต่อหลิวรูหยาน
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาหลิวรูหยา ก็ปรากฏตัวที่ประตูวอร์ดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
เมื่อคืนเธอใช้เวลาหนึ่งคืนในสวนสาธารณะ ดวงตาของเธอแดงก่ำจากการร้องไห้และเธอไม่สามารถให้อภัยเธอที่มีความคิดสกปรก ๆ นั้นได้
"รูหยานกลับมาสักทีนะ ตวนเทียนซิงตอบตกลงที่จะร่วมมือกับเราต่อไปใช่ไหม?"
สมาชิกในตระกูลหลิวทั้งหมดลุกขึ้นพร้อมกันและมองไปที่หลิวรูหยาน ด้วยสายตาที่คาดหวัง
เมื่อต้องเผชิญกับดวงตาเหล่านี้หลิวรูหยานยังคงดูเหนื่อยล้าและพูดด้วยเสียงสั่น:
"ฉัน ... ฉันทำไม่สำเร็จ”
"ฉันไม่ได้ช่วยตระกูลหลิว ฉัน ... ฉันเสียบริษัทของตัวเองเข้าไปด้วย”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ตระกูลหลิวทั้งหมดก็แข็งตัวทันทีและ หลิ หงชิง ก็ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความตกใจและร้องออกมาอย่างแปลกประหลาด:
"คุณพูดอะไรนะ!"
ตวนเทียนซิงขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความผิดปกติของหลิวรูหยาน
ใบหน้าของหลิวรูหยานแดงก่ำ ในใจเธอไม่อยากทำเช่นนั้น เธอไม่ยอมเหยียบย่ำร่างกายและศักดิ์ศรีของเธอ แต่ถ้าหากเธอไม่ทำเช่นนี้เรื่องที่เธอต้องเผชิญคือความกดดันของตระกูลหลิว และเสียงด่าทอของทุกคน
รวมถึงพ่อแม่ของเธออาจจะไม่มีให้หน้าตาที่ดีกับเธอในอนาคต
เธอเป็นแค่ผู้หญิงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่อ่อนแอ เธอไม่สามารถแบกรับความกดดันมากขนาดนี้ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ต้องเผชิญกับตระกูลหลิวในอนาคต เธอรู้สึกกลัวลึก ๆ ในใจ
"ฉัน......ฉัน......”
หลิวรูหยาน อ้างปากอยากจะพูด แต่เธอไม่สามารถพูดอะไรเพื่อเกลี้ยกล่อมตวนเทียนซิงได้
ตวนเทียนซิง ไม่ใช่คนโง่ เขาถือว่ามีประสบการณ์ในด้านความรักพอ เมื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำของหลิวรูหยาน ไม่กล้าที่จะพูดแล้ว เขาก็พอเข้าใจแล้วบ้าง
"ไอ้!" เขาขว้างถ้วยน้ำชาลงกับพื้นอย่างแรง ชี้ไปที่หลิวรูหยานและด่าว่า: "คุณกล้ามีความคิดแบบนี้ได้ยังไง!"
"ทำไมคนของตระกูลหลิวถึงไม่มีขอบสนามแบบนี้ คุณรู้สึกผิดต่อพี่ชายของผม... คุณ ... คุณรู้สึกผิดต่อตัวเองไหม!”
"หลิวรูหยาน ผมผิดหวังในตัวคุณมาก ตอนนี้ผมจะไม่เพียงจะยุติความสัมพันธ์กับตระกูลหลิว รวมถึงบริษัทของคุณด้วย! บ้า แม่งบ้าจริงๆ! "
ตวนเทียนซิง โกรธมาก แทบควบคุมไม่ได้ เขารู้สึกหลิวรูหยานมีความคิดแบบนี้ เป็นการดูถูกเยว่เฟิงและดูถูกเขาด้วย.
เธอเพิ่งหย่ากับเยว่เฟิงได้ไม่กี่วัน เธอไม่มีความรู้สึกใด ๆ กับเยว่เฟิงเลยหรือ?
หลังจาก ตวนเทียนซิง ด่าเสร็จ เขาก็ออกจากห้องส่วนตัวโดยไม่หันกลับไปมอง และปิดประตูจากไปพร้อมกับเสียงด่า 'ปัง'
หลิวรูหยานอึ้งไปสักพัก พยายามกลั้นร้องไห้ น้ำตาไหลริน
"หลิวรูหยาน แกมีความคิดแบบนี้ได้ยังไง ทำไมแกถึงดูถูกตัวเองอย่างนี้!"
"เพื่อตระกูลหลิว แกทำแบบนี้มันคุ้มเหรอ!"
ตอนนี้เธอเกลียดตัวเอง ทำไมเธอถึงอ่อนแอทำไมเธอถึงมีความคิดแบบนั้น
เธอยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองอย่างแรง
...
"ไอ้บ้า หลิวรูหยานบ้าไปแล้วจริงๆ!"
หลังจากออกร้านอาหาร ตวนเทียนซิง ยังคงโกรธไม่หาย และหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อโทรหาเยว่เฟิง
แต่เขายังไม่ถึงกับเสียสติ เขารีบวางสายทันที
"ไม่ได้ ถ้าพี่ชายรู้ว่าหลิวรูหยานเป็นคนแบบนี้ต้องโกรธมากแน่ ๆ "
"แม่งเอ้ย ทำไมผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลย”
ตวนเทียนซิงหายใจเข้าลึก ๆ และเก็บโทรศัพท์
เยว่เฟิงมีความรู้ลึกซึ้งต่อหลิวรูหยานมาก หากโทรหาเยว่เฟิง และบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ เยว่เฟิงจะต้องเสียใจมากแน่ ๆ
ช่วงนี้อารมณ์เขาไม่ค่อยดีอยู่ด้วย
ท้ายที่สุดแล้วตวนเทียนซิงก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเยว่เฟิง และขับรถกลับบ้านคนเดียว
หลังจากมาถึงบริษัทในวันรุ่งขึ้น ฮันเสี่ยวชือได้ส่งเอกสารหลายฉบับให้ตวนเทียนซิงเพื่อเซ็น
ตวนเทียนซิงกำลังเซ็นชื่ออยู่ฮันเสี่ยวชือ ก็ถามว่า:
"พี่เทียน ฉันได้ยินมาว่าเมื่อวานพี่ตอบตกลงจะไปพบหลิวรูหยานส่วนตัว เมื่อวานเธอพูดอะไรกับพี่?”
ตวนเทียนซิงและฮันเสี่ยวชือก็ถือเป็นเพื่อนสนิทกันมากและพวกเขาก็ไม่มีอะไรปิดบัง เขาจึงกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า:
"ยังจะพูดอะไรได้ล่ะ ก็มาขออ้อนวอนเพื่อตระกูลหลิวน่ะสิ”
"ผมไม่คิดเลยว่าเพื่อที่จะทำให้ผมเปลี่ยนใจ เธอจะทำแบบนั้น... ”
ตวนเทียนซิงไม่อยากพูดต่อแล้วถอนหายใจ:
"ช่างมัน ไม่อยากพูดแล้ว"
แต่ฮันเสี่ยวชือสงสัยเธอจึงถามตวนเทียนซิงต่อว่า:
"พี่เทียน พี่บอกหน่อย เธอทำอะไรลงไป เธอคุกเข่าลงให้พี่หรอ?”
ตวนเทียนซิงส่ายหัว:
"เป็นไปได้ยังไง เธอก็เป็นอดีตภรรยาของพี่เฟิงนะ ผมจะให้เธอคุกเข่าได้ไง”
"เธออาจจะคาดเดาไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นอ่อยผมเพื่อที่จะให้ผมเปลี่ยนใจ ผมจึงด่าเธอทันทีตอนนั้นเลย”
เมื่อฮันเสี่ยวชือได้ยินอย่างนี้ สีหน้าเธอเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว :
"คุณ ... คุณพูดความจริงหรือ?”
ตวนเทียนซิงถอนหายใจ กล่าว:
"ผมจะหลอกคุณทำไมล่ะ แต่ผมก็ดูออกว่าตอนนั้นเธอลังเลไปสักพัก ผมเดาว่าน่าจะเป็นคนในตระกูลหลิวที่บังคับให้เธอทำแบบนี้ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดเธอทั้งหมดหรอก อย่างไรก็ตามผมยอมตระกูลหลิวจริง ๆ ไม่มีขอบสนามเลย "
ฮันเสี่ยวชือไม่อยากจะเชื่อเลย แม้ว่าเธอจะเกลียดหลิวรูหยา แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลิวรูหยานจะเป็นแบบนี้
"ผู้หญิงคนนี้ทําเกินไป! เธอไม่รู้สึกผิดกับเยว่เฟิงหรืออย่างไง เธอเหยียบย่ำความรักที่เยว่เฟิงให้ไป !"
ฮันเสี่ยวชือพูดอย่างโกรธ และกระทืบเท้าของเธอด้วยความโกรธ
"พี่เทียน คุณห้ามบอกเยว่เฟิงเรื่องนี้นะ มิฉะนั้นเขาต้อง ... ”
ฮันเสี่ยวชือกำลังจะเตือนตวนเทียนซิง ในขณะนี้ประตูของออฟฟิศถูกถีบเข้ามาและเปิดอย่างรุนแรง
ทั้งสองคนในห้องทำงานผงะและมองไปที่ประตูด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
แค่เห็นเยว่เฟิงยืนอยู่จรงนั้นด้วยสีหน้าที่เย็นชา
"ผมผมผม ... " ตวนเทียนซิง กลัวมากจนเขากระเด็นออกจากเก้าอี้และรีบอธิบายให้เยว่เฟิง: "พี่ชาย อย่าพึ่งหัวร้อน ผมไม่ตอบตกลงจริง ๆ ผมดุเธอตอนนั้นทันทีเลย!"
"ถ้าพี่ไม่เชื่อผม พี่สามารถไปดูกล้องวงจรปิดที่ร้านอาหารได้ ผมพูดเสร็จก็เดินออกไปเลย "
ตวนเทียนซิงเหงื่อไหลเต็มเพราะกลัวว่าเยว่เฟิงจะเข้าใจผิด
"ผมไม่ได้ไม่เชื่อคุณ" เยว่เฟิงกล่าว: "ผมรู้ว่าคุณเป็นคนแบบไหน"
"ตระกูลหลิวบังคับให้เธอทำแบบนี้แน่นนอน ถ้าเธออยากทำจริงๆเธอจะไม่ลังเลหรอก"
"ผู้หญิงโง่คนนี้ไม่มีจุดยืนในตระกูลหลิว และพ่อแม่ของเธอก็เป็นคนที่ไม่มีความคิดตัวเอง แค่ตระกูลหลิวพูดคำสองสามคำและกดดันเธอและเธอก็ทนไม่ไหวแล้ว!"
ขณะที่เยว่เฟิงกําลังพูดดวงตาของเขาแดงก่ำและเห็นเส้นเลือดอย่างชัดเจนบนหน้าผากของเขา
ฮันเสี่ยวชือรีบเข้ามาปลอบ:
"เยว่เฟิง เธอไม่ใช่ภรรยาของคุณแล้ว มันจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเธอ”
เยว่เฟิงทนไม่ได้หรอก เขาถูกตระกูลหลิวปั่นทอนให้จากไป แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักหลิวรูหยาน เขาเชื่อฟังหลิวรูหยาน ดูแลหลิวรูหยานเป็นอย่างดีในทุกด้าน
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงที่เขาตาใใจทุก ๆ เรื่อง ถึงจะโดนคนอื่นทำร้าย และต้องมาเจ็บปวดมากขนาดนี้
"หลิวหงชิง!" เยว่เฟิงยิ่งคิดยิ่งโกรธมากขึ้น และมีความคิดไม่ดีขึ้นมา : "ผมจะฆ่าคนไอ้เลวนี้!"
เมื่อฮันเสี่ยวชือได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของเธอก็ซีดด้วยความตกใจและขาของเธออ่อนแรง ตวนเทียนซิงรีบวิ่งไปดึงเยว่เฟิงเข้าไปในห้องทำงานและนั่งลงเพื่อปลอบ :
"พี่ มันบ้าไปแล้ว”
"คนในตระกูลหลิวเยอะขนาดนี้ หากพี่ไปฆ่าใครในนั้น แม้แต่ลุงเยว่ก็ไม่สามารถช่วยพี่ได้”
"ฟังผมนะ ปล่อยวาง ไม่ต้องสนใจตระกูลหลิว และลืมหลิวรูหยานไป หลิวรูหยานจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่"
เยว่เฟิงอึ้งไปตอนนั้น ตาของเขาเบิกกว้างและพูดไม่ออกสักคำ
...
ในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาล หลิวหงชิง และสมาชิกในตระกูลหลิวคนอื่น ๆ รอคอยข่าวดีจากหลิวรูหยานตลอดทั้งคืน
เมื่อเห็นหลิวรูหยานไม่ได้กลับมาเลยทั้งคืนใบหน้าที่ซีดของหลิวหงชิง ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาและเขาก็หัวเราะออกมา
"รูหยานไม่กลับมาทั้งคืนแปลเรื่องนี้สำเร็จแน่ ๆ ตวนเทียนซิงนอนกับผู้หญิงของตระกูลหลิว เขาก็ไม่ถึงกับไม่รับผิดชอบหรอก!” หลิวหงชิง กล่าวอย่างร่าเริง
คนอื่นๆ ในตระกูลหลิวถอนหายใจที่หลิวรูหยานไม่กลับมาทั้งคืน นอนกับตวนเทียนซิงแล้วแน่ๆ อย่างน้อยตวนเทียนซิงก็เป็นประธานกลุ่มเฟิงซิง ตวนเทียนซิงต้องรับผิดชอบ
"ผู้หญิงคนนี้ช่างต่ำจริงๆ ... "
หลิวจื่อเฉินที่นอนอยู่บนเตียงอีกฝั่ง แอบพูดในใจและดูหมิ่นหลิวรูหยานในใจ
หยูเสี่ยวฮุ่ยไม่สามารถปิดบังสีหน้าที่ยิ้มแย้มได้ในเวลานี้ได้ แม้ว่า หลิวรูหยาน จะทำสิ่งที่น่าอับอายแต่ด้วยเหตุนี้เธอจึงได้บริษั จากพ่อและตระกูลของพวกเขาเองก็ได้กำไร
หลิวเฟิง ห้อยหัว ตาของเขาแดงเล็กน้อย
ในความเป็นจริง เขาไม่อยากให้หลิวรูหยานทำแบบนั้น แต่เขาไม่สามารถพูดไม่ได้และไม่สามารถช่วยเหลือหลิวรูหยานได้เลย
"รูหยาน พ่อขอโทษนะลูก ... " หลิวเฟิง หายใจเข้าลึก ๆ รู้สึกเสียใจต่อหลิวรูหยาน
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาหลิวรูหยา ก็ปรากฏตัวที่ประตูวอร์ดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
เมื่อคืนเธอใช้เวลาหนึ่งคืนในสวนสาธารณะ ดวงตาของเธอแดงก่ำจากการร้องไห้และเธอไม่สามารถให้อภัยเธอที่มีความคิดสกปรก ๆ นั้นได้
"รูหยานกลับมาสักทีนะ ตวนเทียนซิงตอบตกลงที่จะร่วมมือกับเราต่อไปใช่ไหม?"
สมาชิกในตระกูลหลิวทั้งหมดลุกขึ้นพร้อมกันและมองไปที่หลิวรูหยาน ด้วยสายตาที่คาดหวัง
เมื่อต้องเผชิญกับดวงตาเหล่านี้หลิวรูหยานยังคงดูเหนื่อยล้าและพูดด้วยเสียงสั่น:
"ฉัน ... ฉันทำไม่สำเร็จ”
"ฉันไม่ได้ช่วยตระกูลหลิว ฉัน ... ฉันเสียบริษัทของตัวเองเข้าไปด้วย”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ตระกูลหลิวทั้งหมดก็แข็งตัวทันทีและ หลิ หงชิง ก็ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความตกใจและร้องออกมาอย่างแปลกประหลาด:
"คุณพูดอะไรนะ!"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved