บทที่ 3 การชุมนุมล่าสัตว์

ในชั่วพริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว และเหลิ่งเทียนหมิงก็ได้รับรู้ความเป็นจริงที่น่าจนใจอย่างหนึ่ง นั่นก็คือความน่าเบื่อหน่าย ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน…

ไม่มีใครมารบกวน ไม่มีการเรียกเข้าพบใดๆ แล้วก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำได้ บางครั้งก็คิดว่าชีวิตที่อยู่ไปวันๆ เช่นนี้ อันที่จริงมันก็ดีนะ แต่ทุกครั้งที่ได้ยินบรรดานางกำนัลและขันทีเหล่านั้นพูดคุยกัน ก็รู้สึกจี๊ดๆ อยู่ในใจตนเอง…

"องค์ชายรองทรงเสด็จออกจากพระตำหนักไปอีกแล้ว ได้ยินมาว่าทรงนำทหารไปปราบปรามพวกจิ้งจอกนั่น"

"หลิ่วกุ้ยเฟยก็ทรงพระครรภ์อีกแล้ว คราวนี้ท่านอ๋องจักต้องให้รางวัลตอบแทนอย่างงามแน่นอน"

"เคยได้ยินหรือไม่? ที่ข้ารับใช้ในพระตำหนักขององค์ชายสาม เหมือนว่าจะมีความสัมพันธ์กับทหารรักษาพระองค์คนหนึ่ง…”

"ให้ตายสิ ฉันไม่สามารถอยู่ที่นี่จนอึดอัดตายได้นะ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีทีวี ฉันยังต้องพกโทรศัพท์มือถือ นี่วันๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย แม้แต่คิดจะช่วยตัวเอง ก็ยังรู้สึกไม่มีเป้าหมาย นี่ไม่ยุติธรรมกับสมองที่จากศตวรรษที่ 21ของฉันเลย"

กำลังคิดเพ้อเจ้ออยู่ เสี่ยวหลันก็เดินเข้ามา

"องค์ชายเจ็ดเพคะ พระองค์ทรงได้ยินแล้วใช่หรือไม่ ว่าท่านอ๋องทรงปรารถนาให้มีการเตรียมพร้อมที่จะการล่าสัตว์ในช่วงเหมันตฤดูนี้?"

"การล่าสัตว์ในเหมันตฤดูคืออะไรรึ?"

เหลิ่งเทียนหมิงเอ่ยถามเสี่ยวหลันด้วยใบหน้าที่งุนงง

"เป็นการชุมนุมล่าสัตว์ที่คนในราชวงศ์จักต้องเข้าร่วม มิใช่ว่าพระองค์ก็ทรงเสด็จไปทุกๆ ปีหรอกหรือเพคะ?"

"ข้าไปทุกปีรึ? ไม่ใช่ว่ามีอะไรผิดปกติกับข้าใช่หรือไม่?"

เสี่ยวหลันมองเหลิ่งเทียนหมิงด้วยใบหน้าประหลาดใจ

"นี่สมองของพระองค์นั้น ทรงเลอะเลือนไปหมดแล้วจริงๆ หรือเพคะ? การชุมนุมล่าสัตว์มีไว้สำหรับรัชทายาททุกพระองค์ ทุกๆ ปีจักต้องเข้าร่วม พระองค์จักต้องไปอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าทุกๆ ครั้งส่วนใหญ่แล้วพระองค์ก็จะทรงยืนอยู่ด้านนอก แต่อย่างไรเสียพระองค์ก็เป็นพระราชโอรสของท่านอ๋องนะเพคะ"

เหลิ่งเทียนหมิงทำท่าทางครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า : "อืม เสี่ยวหลัน อย่างนั้นเจ้าเล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ เกี่ยวกับการชุมนุมล่าสัตว์ว่าท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวมันเป็นอย่างไร? หลังจากที่ข้าได้รับบาดเจ็บจากความหนาวเย็นในคราวที่แล้ว ก็ทำให้ข้านึกอะไรไม่ออกในหลายๆ เรื่อง"

เสี่ยวหลันหัวเราะ แล้วก็เริ่มอธิบายให้กับเหลิ่งเทียนหมิงฟัง ไม่นานเหลิ่งเทียนหมิงก็เข้าใจได้โดยคร่าวๆ

การชุมนุมล่าสัตว์นี้ ก็คือเหลิ่งเลี่ยอ๋องทำเพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งเป็นกิจกรรมการล่าสัตว์ของวงศ์ตระกูลที่จัดขึ้นในช่วงเหมันตฤดูของทุกๆ ปี

เวลานั้นบรรดาเหล่าราชวงศ์ก็จะรวมตัวกัน ล่าสัตว์ดื่มเหล้ากินเนื้อ ตามความเคารพนับถือวัฒนธรรมทางตอนใต้ที่เพิ่มมากขึ้น แล้วก็เริ่มเข้าร่วมประลองฝีมือบทกลอนบทกวีต่างๆ

"ออกไปคราวนี้ ต้องหาทางทำอะไรสักอย่างแล้ว หากยังอยู่เฉยๆ ไปวันๆ อย่างนี้อีก รอต่อไปอาจจะถูกขับไล่ออกจากพระราชวัง ก็จะไม่มีแม้แต่ยศถาบรรดาศักดิ์ นั่นไม่ใช่ทางตันหรอกหรือ"

ด้วยเหตุนี้เหลิ่งเทียนหมิงจึงเริ่มคิดและไตร่ตรองเรื่องการชุมนุมล่าสัตว์ทั้งหมด และอาศัยช่วงเวลาก่อนการชุมนุมนี้ เพื่อระลึกถึงความทรงจำในชาติที่แล้ว เพื่อดูว่ามีอะไรที่สามารถนำมาใช้ได้หรือไม่…

"การล่าสัตว์ ฉันทำไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ว่าการแต่งบทกวี ฉันสามารถลอกเลียนแบบได้ ถึงอย่างไรตนก็เคยค้นตำราในยุคสมัยนี้มาดูแล้ว แม้ว่าตนเองจะข้ามทะลุมิติมาจากโลกก่อนหน้า ต่อให้สภาพภูมิศาสตร์เหมือนกัน แต่ประวัติตัวละครนั้นทว่าแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง นี่ถือว่าเป็นโอกาสของตนแล้ว"

วันรุ่งขึ้น เหลิ่งเทียนหมิงก็ทำเหมือนเดิมตามปกติ วิ่งเสร็จแล้วก็เริ่มออกกำลังกาย เมื่อผ่านช่วงเวลาที่มุ่งมั่นนี้ไป ร่างกายของตนเองก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในที่สุดก็ดูไม่เหมือนชายหนุ่มที่ขาดสารอาหารแล้ว

แม้แต่พวกขันทีและนางกำนัลที่มาทำความสะอาดทุกวัน ก็มองเหลิ่งเทียนหมิงด้วยสายตาที่ไม่เหมือนเดิม ไม่สามารถบอกได้ว่ามันดีหรือไม่ดี แต่เหลิ่งเทียนหมิงก็ไม่ได้สนใจ เพราะว่าเขาเข้าใจดีว่า คนเหล่านี้สำหรับเขาแล้ว ล้วนไม่มีประโยชน์อยู่เลยแม้แต่น้อย…

ตอนกลางวัน ขันทีชราคนหนึ่งในชุดผ้าแพรต่วนสีน้ำเงินก็มายังพระตำหนักข้างของเหลิ่งเทียนหมิง

"ทรงมีพระบรมราชโองการมาถึง"

บรรดาขันทีและสาวใช้โดยรอบ ก็ต่างคุกเข่าลงเป็นอันดับแรก เหลิ่งเทียนหมิงเดินออกมาจากในห้องโถงใหญ่ เมื่อเห็นขันทีชราคนนี้ ชั่วขณะก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ

"เจ้าคือ?"

"บังอาจ ทรงมีพระบรมราชโองการมาถึง ยังไม่คุกเข่ารับพระบรมราชโองการอีก"

เหลิ่งเทียนหมิงจึงได้สติกลับมาทันที แล้วรีบคุกเข่าลงกับพื้น

"ขันทีแก่ ค่อนข้างเจ้าอารมณ์"

"ตามด้วยพระบรมราชโองการ ในวันแรกของเดือนถัดไป การชุมนุมล่าสัตว์นั้นจะจัดขึ้นทางตอนเหนือของภูเขาเสวี่ยหลง ทุกคนในราชวงศ์จักต้องมายังสถานที่จัดงาน การชุมนุมล่าสัตว์ครั้งนี้ยังแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มเหมือนเช่นเคย โดยแบ่งออกเป็นองค์ชายรองเหลิ่งเทียนเอ้าและองค์ชายสามเหลิ่งเทียนซิงต่างนำกลุ่มคนมาทำการประลองฝีมือกัน ส่วนองค์ชายพระองค์อื่นองค์ชายรองกับองค์ชายสามจะจัดสรรงานให้ด้วยตนเอง จบการรับสั่ง"

หลังจากอ่านจบ ขันทีชราก็หันกลับเดินออกไป

"โอ๊ย จบเห่แล้ว…พระบรมราชโองการนี้ไม่เหมือนที่ตนเองจินตนาการไว้เลย แม้แต่ชื่อของตนก็ไม่ได้เอ่ยถึง นี่เป็นพระบรมราชโองการสำหรับตนใช่ไหม? รู้สึกได้ว่าแม้โอกาสที่จะเสนอชื่อตนเองลงแข่งขันก็ไม่มี ยังต้องให้คนอื่นมาเลือกอีกหรือ? เวรเอ๊ย…อะไรวะเนี่ย?"

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

528