บทที่ 6 เสี่ยวหลันถูกจับ
by ปู้เซี่ยงฉือฮั่วกัวเลอะ
22:28,Mar 24,2022
องค์ชายสองครุ่นคิดอยู่เป็นนานก่อนจะกล่าวขึ้น
“การประชุมงานล่าสัตว์ในครานี้ ข้ามั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถเอาชนะเสด็จพี่สามได้ แต่ในการแข่งขันกวีนิพนธ์การต่อบทต่อกลอน โอกาสในการได้ชัยชนะของพวกเรานั้นเป็นไปได้น้อยมาก เขาดึงเอาผู้มีความรู้จำนวนมาก อีกทั้งยังได้แสวงหาอาจารย์จากต้าเหลียงมาอบรมสั่งสอนเป็นพิเศษ แบบนี้ควรทำเช่นไร ”
“เสด็จพี่รอง ถ้าหากว่าพระองค์เชื่อกระหม่อม การแข่งขันในครานี้ น้องเจ็ดผู้นี้เต็มใจที่จะลองดูพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้า? จ...เจ้าจะ ไหวหรือ ? ”
“เสด็จพี่รองโปรดวางพระทัย แม้ว่าน้องเจ็ดจะไม่ค่อยเข้าสังคม แต่เพราะกระหม่อมอยู่ในตำหนักตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อมีเวลาว่างกระหม่อมจึงได้ศึกษาหนังสือและอ่านบทกวีเกี่ยวกับราชวงศ์ในสมัยต่างๆอยู่ไม่น้อย และความสามารถนั้นก็มิได้ด้อยไปกว่าพวกเขาแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายรองมองเหลิ่งเทียนหมิงด้วยความสงสัย
“เรื่องนี้เป็นความจริงหรือ? เจ้าก็รู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถ้าหากว่าเจ้าทำให้ข้าอับอายขายหน้าในงานประชุมการล่าสัตว์ ผลที่จะได้รับเจ้าก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ ?”
“เสด็จพี่รอง แม้ว่ากระหม่อมจะเป็นคนพูดจาไม่เก่ง แต่ก็ไม่ใช่คนโง่เขลา ไม่เคยกล้าเอาชีวิตมาล้อเล่นกับเรื่องนี้หรอกพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นกระหม่อมจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
“เอาล่ะ กลับไปเตรียมตัวเถอะ งานประชุมการล่าสัตว์ในครานี้ เจ้าติดตามข้าไปด้วยก็แล้วกัน หากว่าเจ้าสามารถเอาชนะองค์ชายสามแทนข้าในการแข่งขันแต่งบทกวีแต่งกลอน ข้าจะกราบทูลเสด็จพ่อ ให้สถาปนาเจ้าเป็นอ๋องและสร้างจวนให้กับเจ้า”
เหลิ่งเทียนหมิงรีบกล่าวขอบพระทัย "ขอบพระทัยเสด็จพี่รอง"
เหลิ่งเทียนเอ้ามองไปที่เหลิ่งเทียนหมิงและหัวเราะเสียงดัง "ฮ่าฮ่า...เจ้ากับข้าสองพี่น้องไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้"
หลังจากพูดจบก็เดินออกไป
“เหอะๆ...พี่น้อง? ท่านเคยเห็นว่าข้าเป็นพี่น้องกับท่านด้วยหรือ?เพียงแต่ท่านต้องการใช้ข้าเป็นเครื่องมือก็เท่านั้น”
หลังจากกลับมาถึงตำหนัก เหลิ่งเทียนหมิงเริ่มวางแผนเกี่ยวกับการแข่งขันบทกวีแต่งกลอน จนกระทั่งถึงช่วงเย็น แต่ทว่าเขาไม่เห็นเสี่ยวหลันมาส่งพระกระยาหารเลย
จะกล่าวไปแล้ว เพลานี้เสี่ยวหลันควรจะมาถึงที่นี่แล้ว ตอนกลางวันนางบอกว่า จะเตรียมของอร่อยๆมากมายมาให้กับเขา แล้วทำไมนางยังไม่มาล่ะ?
เพลานี้ ยังไม่เห็นนางกำนัลสักคนเดินเข้ามาเลย
“องค์ชายเจ็ด พระกระยาหารของพระองค์มาถึงแล้วเพคะ ”
“ทำไมคนมาส่งอาหารถึงเป็นเจ้า? แล้วทำไมเสี่ยวหลันจึงไม่มา”
นางกำนัลสีหน้าดูกังวล พูดอย่างติดๆขัดๆ
"เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?"
“องค์ชายเจ็ด พี่เสี่ยวหลันถูกจับไปแล้วเพคะ”
“อะไรนะ? โดนจับ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? รีบบอกข้ามาที”
“เพราะพี่เสี่ยวหลันขโมยพระกระยาหาร นางบอกว่าจะเอามาให้องค์ชายเจ็ด ที่กำลังจะออกไปประพาสลาดตระเวนในวันพรุ่งนี้ แต่น่าเสียดายที่นางถูกหลี่กงกงพบเสียก่อน จากนั้นก็ถูกจับไปสอบสวน ข้าน้อยได้ยินมาว่านางจะถูกโบยด้วย”
นางกำนัลผู้นั้นพูดขึ้นราวกับจะร้องไห้
“บัดซบ ขันทีพวกนี้สมควรตายเสียจริง อีกทั้งไม่เห็นข้าองค์ชายเจ็ดอยู่ในสายตาเลย เจ้าช่วยไปหาองค์ชายสอง และบอกพระองค์ว่า ข้ามีธุระกับพระองค์ ...”
หลังจากที่เหลิ่งเทียนหมิงออกคำสั่งกับนางกำนัลเสร็จสองประโยค นางกำนัลผู้นั้นก็วิ่งออกจากตำหนักไป
ในห้องชุมนุมขันที เสี่ยวหลันถูกมัดไว้กับโต๊ะ เสื้อตัวนอกของนางถูกถอดออกจนหมด ปรากฏให้เห็นเพียงเสื้อชั้นใน เหล่าขันทีต่างมองเสี่ยวหลันอย่างตะกละตะกลาม
ขันทีวัยกลางผู้หนึ่งนั่งลงบนโต๊ะพร้อมกับจิบชา จากนั้นก็พูดขึ้นว่า "นังแพศยา เจ้ากล้าขโมยของขององค์ชาย หรือเจ้ารู้สึกเบื่อหน่ายกับการมีชีวิตอยู่แล้ว ใครสั่งให้เจ้าทำเช่นนี้ ? "
“หลี่กงกง ข้าน้อยไม่ได้ขโมยนะเจ้าค่ะ เดิมทีของพวกนี้เป็นเครื่องไหว้บูชาขององค์ชายเจ็ด ข้าน้อยเพียงแต่ช่วยพระองค์นำกลับไปเท่านั้น กะว่าจะเตรียมให้พระองค์พกติดตัวไปในการออกประพาสวันพรุ่งนี้”
“องค์ชายเจ็ด? ฮ่าๆ องค์ชายที่แม้แต่พูดก็ยังทำไม่ได้ ยังอยากจะเสวยอาหารบูชาอีกอย่างนั้นหรือ คิดว่าเจ้าคงจะแอบเอาไปกินเองเสียมากกว่า ”
“หลี่กงกง ข้าน้อยนำไปให้องค์ชายเจ็ดจริงๆ ไม่ว่าจะอย่างไร พระองค์ก็คือองค์ชาย ราชสำนักมีกฎว่าองค์ชายสามารถเพลิดเพลินกับเครื่องบูชาได้”
หลี่กงกงพูดขึ้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“เอาล่ะๆ ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าไม่ได้สนใจองค์ชายเจ็ดผู้นี้หรอก ในเมื่อเจ้าแอบขโมยของบูชา อย่างนั้นเจ้าก็จะต้องถูกลงโทษตามระเบียบ โบยห้าสิบไม้”
เมื่อเสี่ยวหลันได้ยินเช่นนั้น นางจึงร้องไห้ออกมาเสียงดัง
“หลี่กงกง ได้โปรดปล่อยข้าน้อยเถอะโบยห้าสิบไม้ ข้าน้อยจะต้องตายอย่างแน่นอน ได้โปรด...”
“ปล่อยเจ้า ฮ่าๆๆ”
หลี่กงกงใบหน้าเคร่งขรึมขึ้นทันที
“ปล่อยเจ้าไปก็ได้ แต่หนึ่งตำลึงต่อหนึ่งไม้ มีห้าสิบตำลึง ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป”
“หลี่กงกง ข้าน้อยจะมีห้าสิบตำลึงได้อย่างไร นำตัวข้าไปขายยังมีค่าไม่ถึงห้าสิบตำลึงเลย ”
หลี่กงกงหัวเราะขึ้น "ฮ่าๆ ได้สิ งั้นข้าก็จะเอาเจ้าไปขาย ให้กับลูกน้องของข้าได้เล่นสนุก เมื่อเล่นสนุกพอแล้ว และหากว่าเจ้ายังไม่ตาย ข้าจะขายเจ้าออกจากวัง ขายให้กับหอนางโลม อย่างน้อยก็ได้สักสองสามตำลึง”
“ไม่นะ... ไม่นะ ได้โปรดหลี่กงกง องค์ชายเจ็ด องค์ชายยังรอข้าน้อยอยู่”
“เจ้าเป็นเพียงแค่นางกำนัลสาวใช้ผู้น้อย เจ้าจะเป็นหรือตายองค์ชายเจ็ดก็คงไม่สนใจหรอก แล้วพระองค์จะรอเจ้าได้อย่างไร ข้าคิดว่าเจ้าคงจะกลัวจนเสียสติไปแล้ว ฮ่าๆ...”
ขันทีที่ยืนอยู่ทางด้านข้าง ต่างหัวเราะเยาะเมื่อเห็นสีหน้าอันซีดขาวราวกับหิมะของเสี่ยวหลัน...
“การประชุมงานล่าสัตว์ในครานี้ ข้ามั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถเอาชนะเสด็จพี่สามได้ แต่ในการแข่งขันกวีนิพนธ์การต่อบทต่อกลอน โอกาสในการได้ชัยชนะของพวกเรานั้นเป็นไปได้น้อยมาก เขาดึงเอาผู้มีความรู้จำนวนมาก อีกทั้งยังได้แสวงหาอาจารย์จากต้าเหลียงมาอบรมสั่งสอนเป็นพิเศษ แบบนี้ควรทำเช่นไร ”
“เสด็จพี่รอง ถ้าหากว่าพระองค์เชื่อกระหม่อม การแข่งขันในครานี้ น้องเจ็ดผู้นี้เต็มใจที่จะลองดูพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้า? จ...เจ้าจะ ไหวหรือ ? ”
“เสด็จพี่รองโปรดวางพระทัย แม้ว่าน้องเจ็ดจะไม่ค่อยเข้าสังคม แต่เพราะกระหม่อมอยู่ในตำหนักตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อมีเวลาว่างกระหม่อมจึงได้ศึกษาหนังสือและอ่านบทกวีเกี่ยวกับราชวงศ์ในสมัยต่างๆอยู่ไม่น้อย และความสามารถนั้นก็มิได้ด้อยไปกว่าพวกเขาแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายรองมองเหลิ่งเทียนหมิงด้วยความสงสัย
“เรื่องนี้เป็นความจริงหรือ? เจ้าก็รู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถ้าหากว่าเจ้าทำให้ข้าอับอายขายหน้าในงานประชุมการล่าสัตว์ ผลที่จะได้รับเจ้าก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ ?”
“เสด็จพี่รอง แม้ว่ากระหม่อมจะเป็นคนพูดจาไม่เก่ง แต่ก็ไม่ใช่คนโง่เขลา ไม่เคยกล้าเอาชีวิตมาล้อเล่นกับเรื่องนี้หรอกพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นกระหม่อมจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
“เอาล่ะ กลับไปเตรียมตัวเถอะ งานประชุมการล่าสัตว์ในครานี้ เจ้าติดตามข้าไปด้วยก็แล้วกัน หากว่าเจ้าสามารถเอาชนะองค์ชายสามแทนข้าในการแข่งขันแต่งบทกวีแต่งกลอน ข้าจะกราบทูลเสด็จพ่อ ให้สถาปนาเจ้าเป็นอ๋องและสร้างจวนให้กับเจ้า”
เหลิ่งเทียนหมิงรีบกล่าวขอบพระทัย "ขอบพระทัยเสด็จพี่รอง"
เหลิ่งเทียนเอ้ามองไปที่เหลิ่งเทียนหมิงและหัวเราะเสียงดัง "ฮ่าฮ่า...เจ้ากับข้าสองพี่น้องไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้"
หลังจากพูดจบก็เดินออกไป
“เหอะๆ...พี่น้อง? ท่านเคยเห็นว่าข้าเป็นพี่น้องกับท่านด้วยหรือ?เพียงแต่ท่านต้องการใช้ข้าเป็นเครื่องมือก็เท่านั้น”
หลังจากกลับมาถึงตำหนัก เหลิ่งเทียนหมิงเริ่มวางแผนเกี่ยวกับการแข่งขันบทกวีแต่งกลอน จนกระทั่งถึงช่วงเย็น แต่ทว่าเขาไม่เห็นเสี่ยวหลันมาส่งพระกระยาหารเลย
จะกล่าวไปแล้ว เพลานี้เสี่ยวหลันควรจะมาถึงที่นี่แล้ว ตอนกลางวันนางบอกว่า จะเตรียมของอร่อยๆมากมายมาให้กับเขา แล้วทำไมนางยังไม่มาล่ะ?
เพลานี้ ยังไม่เห็นนางกำนัลสักคนเดินเข้ามาเลย
“องค์ชายเจ็ด พระกระยาหารของพระองค์มาถึงแล้วเพคะ ”
“ทำไมคนมาส่งอาหารถึงเป็นเจ้า? แล้วทำไมเสี่ยวหลันจึงไม่มา”
นางกำนัลสีหน้าดูกังวล พูดอย่างติดๆขัดๆ
"เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?"
“องค์ชายเจ็ด พี่เสี่ยวหลันถูกจับไปแล้วเพคะ”
“อะไรนะ? โดนจับ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? รีบบอกข้ามาที”
“เพราะพี่เสี่ยวหลันขโมยพระกระยาหาร นางบอกว่าจะเอามาให้องค์ชายเจ็ด ที่กำลังจะออกไปประพาสลาดตระเวนในวันพรุ่งนี้ แต่น่าเสียดายที่นางถูกหลี่กงกงพบเสียก่อน จากนั้นก็ถูกจับไปสอบสวน ข้าน้อยได้ยินมาว่านางจะถูกโบยด้วย”
นางกำนัลผู้นั้นพูดขึ้นราวกับจะร้องไห้
“บัดซบ ขันทีพวกนี้สมควรตายเสียจริง อีกทั้งไม่เห็นข้าองค์ชายเจ็ดอยู่ในสายตาเลย เจ้าช่วยไปหาองค์ชายสอง และบอกพระองค์ว่า ข้ามีธุระกับพระองค์ ...”
หลังจากที่เหลิ่งเทียนหมิงออกคำสั่งกับนางกำนัลเสร็จสองประโยค นางกำนัลผู้นั้นก็วิ่งออกจากตำหนักไป
ในห้องชุมนุมขันที เสี่ยวหลันถูกมัดไว้กับโต๊ะ เสื้อตัวนอกของนางถูกถอดออกจนหมด ปรากฏให้เห็นเพียงเสื้อชั้นใน เหล่าขันทีต่างมองเสี่ยวหลันอย่างตะกละตะกลาม
ขันทีวัยกลางผู้หนึ่งนั่งลงบนโต๊ะพร้อมกับจิบชา จากนั้นก็พูดขึ้นว่า "นังแพศยา เจ้ากล้าขโมยของขององค์ชาย หรือเจ้ารู้สึกเบื่อหน่ายกับการมีชีวิตอยู่แล้ว ใครสั่งให้เจ้าทำเช่นนี้ ? "
“หลี่กงกง ข้าน้อยไม่ได้ขโมยนะเจ้าค่ะ เดิมทีของพวกนี้เป็นเครื่องไหว้บูชาขององค์ชายเจ็ด ข้าน้อยเพียงแต่ช่วยพระองค์นำกลับไปเท่านั้น กะว่าจะเตรียมให้พระองค์พกติดตัวไปในการออกประพาสวันพรุ่งนี้”
“องค์ชายเจ็ด? ฮ่าๆ องค์ชายที่แม้แต่พูดก็ยังทำไม่ได้ ยังอยากจะเสวยอาหารบูชาอีกอย่างนั้นหรือ คิดว่าเจ้าคงจะแอบเอาไปกินเองเสียมากกว่า ”
“หลี่กงกง ข้าน้อยนำไปให้องค์ชายเจ็ดจริงๆ ไม่ว่าจะอย่างไร พระองค์ก็คือองค์ชาย ราชสำนักมีกฎว่าองค์ชายสามารถเพลิดเพลินกับเครื่องบูชาได้”
หลี่กงกงพูดขึ้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“เอาล่ะๆ ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าไม่ได้สนใจองค์ชายเจ็ดผู้นี้หรอก ในเมื่อเจ้าแอบขโมยของบูชา อย่างนั้นเจ้าก็จะต้องถูกลงโทษตามระเบียบ โบยห้าสิบไม้”
เมื่อเสี่ยวหลันได้ยินเช่นนั้น นางจึงร้องไห้ออกมาเสียงดัง
“หลี่กงกง ได้โปรดปล่อยข้าน้อยเถอะโบยห้าสิบไม้ ข้าน้อยจะต้องตายอย่างแน่นอน ได้โปรด...”
“ปล่อยเจ้า ฮ่าๆๆ”
หลี่กงกงใบหน้าเคร่งขรึมขึ้นทันที
“ปล่อยเจ้าไปก็ได้ แต่หนึ่งตำลึงต่อหนึ่งไม้ มีห้าสิบตำลึง ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป”
“หลี่กงกง ข้าน้อยจะมีห้าสิบตำลึงได้อย่างไร นำตัวข้าไปขายยังมีค่าไม่ถึงห้าสิบตำลึงเลย ”
หลี่กงกงหัวเราะขึ้น "ฮ่าๆ ได้สิ งั้นข้าก็จะเอาเจ้าไปขาย ให้กับลูกน้องของข้าได้เล่นสนุก เมื่อเล่นสนุกพอแล้ว และหากว่าเจ้ายังไม่ตาย ข้าจะขายเจ้าออกจากวัง ขายให้กับหอนางโลม อย่างน้อยก็ได้สักสองสามตำลึง”
“ไม่นะ... ไม่นะ ได้โปรดหลี่กงกง องค์ชายเจ็ด องค์ชายยังรอข้าน้อยอยู่”
“เจ้าเป็นเพียงแค่นางกำนัลสาวใช้ผู้น้อย เจ้าจะเป็นหรือตายองค์ชายเจ็ดก็คงไม่สนใจหรอก แล้วพระองค์จะรอเจ้าได้อย่างไร ข้าคิดว่าเจ้าคงจะกลัวจนเสียสติไปแล้ว ฮ่าๆ...”
ขันทีที่ยืนอยู่ทางด้านข้าง ต่างหัวเราะเยาะเมื่อเห็นสีหน้าอันซีดขาวราวกับหิมะของเสี่ยวหลัน...
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved