บทที่8 ชีวิตที่ไม่ต่างอะไรกับมดตัวหนึ่ง
by ปู้เซี่ยงฉือฮั่วกัวเลอะ
22:28,Mar 24,2022
สีหน้าของหลี่กงกงมืดมิดลงพร้อมกับสายตาที่ค่อย ๆ เย็นชาขึ้นตามลำดับ
“องค์ชายเจ็ด นี่องค์ชายกำลังล่วงเกินองค์ชายสามกับอวี้กุ้ยเฟยอยู่นะพะยะค่ะ เพราะการที่องค์ชายเจ็ดเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ ก็เท่ากับเหยียดหยามองค์ชายสามที่ใคร ๆ ต่างก็ให้ความเคารพยำเกรง องค์ชายเจ็ดลองไตร่ตรองดูอีกทีเถิดพะยะค่ะ มิเช่นนั้นอย่าหาว่ากระหม่อมไม่เตือน”
หน็อยแน่ เจ้าขันทีชั่ว กล้ากักขังหน่วงเหนี่ยวและกระทำอนาจารต่อเด็กสาว แถมยังทำท่าทางดูถูกฉันอีก นี่ใจคอมันจะไม่เคารพความเป็นองค์ชายของฉันบ้างเลยหรือยังไงกัน?
“ฮึ่ม กล้ายกพี่ชายสามขึ้นมาขู่ข้าถึงเพียงนี้เลยรึหลี่กงกง? นี่เจ้าคงจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วสินะ ถึงได้กล้าข่มขู่องค์รัชทายาทอย่างข้า?” เหลิ่งเทียนหมิงเอ่ยถามด้วยความสุดทน
และถึงแม้ว่าเหล่าขันทีน้อยใหญ่จะไม่เคยแยแสองค์ชายเจ็ดมาก่อน แต่ ณ เวลานี้ต่างก็ไม่มีใครกล้าประจันหน้ากับเขาเลยแม้แต่คนเดียว เพราะถึงอย่างไร เขาก็เป็นรัชทายาทของฮ่องเต้แห่งเป่ยเหลียงอยู่ดี
เจ้าองค์ชายเพี้ยนนี่ กินยาผิดเข้าไปหรือยังไงวะ ถึงได้ทำตัวผิดแปลกไปเช่นนี้? หลี่กงกงแอบด่าในใจด้วยความโมโห ก่อนจะตอบกลับเหลิ่งเทียนหมิงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ไปกันใหญ่แล้วพะยะค่ะองค์ชายเจ็ด ทาสรับใช้อย่างกระหม่อมมิบังอาจข่มขู่องค์ชายเจ็ด และมิบังอาจขัดขืนต่อเจตจำนงขององค์ชายสามกับอวี้กุ้ยเฟยได้เลยพะยะค่ะ ส่วนแม่นางเสี่ยวหลันผู้นี้ เป็นเพียงสาวใช้ต่ำช้านางหนึ่ง ขอองค์ชายทรงอย่าได้ใส่พระทัยอะไรเลยพะยะค่ะ”
ไอ้ขันทีเฒ่า ทำเป็นพูดดี แต่เนื้อแท้ก็ไม่ต่างอะไรกับโจรชั่ว แล้วนี่ฉันควรจะต้องทำยังไงล่ะเนี่ย? มาบุกเดี่ยวแบบนี้ ขืนสู้กันไปก็แพ้อยู่ดี
ร่างกายของฉันในตอนนี้ยิ่งสู้กับใครเขาไม่ค่อยได้ด้วยสิ ป่านนี้ไม่รู้ว่าพี่ชายรองจะได้รับสารที่ฉันฝากเด็กน้อยไปให้รึยัง ฉันต่อรองกับไอ้ขันทีชั่วจนคอจะแตกแล้วเนี่ย…
ไม่นานนัก เหลิ่งเทียนหมิงก็ตัดสินใจก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วสวนกลับอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า
“ข้า เหลิ่งเทียนหมิง องค์ชายเจ็ดแห่งเป่ยเหลียง มีความประสงค์จะนำตัวเสี่ยวหลันกลับพระตำหนักบัดเดี๋ยวนี้ หากใครกล้าเข้ามาขัดข้า ก็ต้องข้ามศพของข้าไปก่อน”
แล้วความคิดหนึ่งในหัวของเหลิ่งเทียนหมิงก็แทรกขึ้นมาว่า
“ไม่สิ จริง ๆ แล้วคนพวกนี้ต้องเกรงกลัวฉันสิวะ ถึงจะถูก”
แต่แล้วจู่ ๆ เสียงของขันทีหน้าประตูก็ดังแทรกขึ้นมาอย่างกะทันหัน “คำนับหัวหน้าหลิว”
ทันทีที่ขันทีร่างท้วมเดินเข้ามาในห้องชุมนุม หลี่กงกงกับพวกก็รีบก้มคำนับพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย “คำนับหัวหน้าหลิว”
ผู้มาเยือนท่านนี้ คือหลิวกงกง คนสนิทขององค์ชายรอง มีอำนาจรองจาก เฉินกงกง ผู้ซึ่งเป็นขันทีคู่ใจของเหลิ่งเลี่ยอ๋อง
เมื่อหลิวกงกงได้เห็นฉากอารมณ์ของบุคคลสองฝ่าย หลิวกงกงก็กระจ่างแจ้งแก่ใจทันทีโดยมิต้องฟังความจากผู้ใด
“ถวายบังคมองค์ชายเจ็ด” หลิวกงกงโค้งคำนับ
เหลิ่งเทียนหมิงเองก็แสดงความเคารพต่อหลิวกงกงอย่างนอบน้อม
“เจ้าหลี่ ข้าได้ยินมาว่า เจ้ากักขังหน่วงเหนี่ยวคนขององค์ชายเจ็ด องค์ชายรองจึงมีรับสั่งให้ข้ามาตรวจดู อีกทั้งยังทรงมีรับสั่งให้ข้ามาบอกพวกเจ้าว่า องค์ชายเจ็ดคือน้องชายแท้ ๆ ขององค์ชายรอง หากผู้ใดกระทำตัวเย่อหยิ่ง ไม่เคารพยำเกรงต่อองค์ชายเจ็ด ก็เท่ากับตั้งตนเป็นศัตรูขององค์ชายรองด้วย”
หลี่กงกงเริ่มวิตกจนเหงื่ออาบแก้ม พลางคิดในใจว่า เจ้าองค์ชายน้อยนี่ไปสนิทสนมกับองค์ชายรองตั้งแต่เมื่อใดกัน?
“หัวหน้าหลิวพูดอะไรหนะขอรับ จะมีใครหน้าไหนกล้ากระทำการเช่นนั้นกับองค์ชายเจ็ดได้เล่า คงจะมีการเข้าใจผิดกันแล้วล่ะขอรับ”
หลี่กงกงพูดพลางหันไปสบตากับเหลิ่งเทียนหมิง
“องค์ชายเจ็ดทรงเป็นพยานได้ ว่าแม่นางผู้นี้ไม่มีความผิด และตัวข้าเองก็กำลังจะปล่อยตัวนางไปนี่แหละหัวหน้าหลิว”
พูดจบ หลี่กงกงก็หันไปตะคอกใส่ลูกสมุนของตนทันทีว่า “ยังไม่รีบปล่อยตัวคนขององค์ชายอีกรึ!”
พวกขันทีน้อยใหญ่จึงรีบคลานขึ้นไปแก้มัดให้เสี่ยวหลันทันทีด้วยความหวาดกลัว ทางด้านเสี่ยวหลันเองก็รีบลุกขึ้น และวิ่งออกมาทั้งน้ำตา
เมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายไปได้ด้วยดี หลิวกงกงจึงหันกลับมาพูดกับเหลิ่งเทียนหมิงว่า “หากไม่มีเหตุอันใดแล้ว กระหม่อมขอเชิญองค์ชายเสด็จมากับกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ”
เหลิ่งเทียนหมิงพยักหน้า และรีบเดินออกไปพร้อมกับหลิวกงกงทันที
“องค์ชายรองทรงมีรับสั่งถึงองค์ชายเจ็ดว่า หากองค์ชายรองและองค์ชายเจ็ดสามารถชนะการแข่งขันล่าสัตว์บนภูเขาเสวี่ยหลงมาด้วยกันได้ คนชั่วอย่างหลี่กงกงก็จะเปรียบเสมือนมดตัวหนึ่ง แต่ถ้าหากองค์ชายทรงพ่ายแพ้ต่อการแข่งขัน ตัวองค์ชายเจ็ดเองก็จะไม่ต่างอะไรกับมดตัวหนึ่งเช่นกันพะยะค่ะ”
พูดจบ หลิวกงกงก็เดินจากไปด้วยรอยยิ้ม
เหลิ่งเทียนหมิงยืนมองหลิวกงกงเดินจากไปด้วยความคิดที่ดังอยู่ข้างในใจว่า ในยุคราชวงศ์เป่ยเหลียงนี้ ชีวิตคนก็ไม่ต่างอะไรกับมดตัวหนึ่งสินะ…..
“องค์ชายเจ็ด นี่องค์ชายกำลังล่วงเกินองค์ชายสามกับอวี้กุ้ยเฟยอยู่นะพะยะค่ะ เพราะการที่องค์ชายเจ็ดเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ ก็เท่ากับเหยียดหยามองค์ชายสามที่ใคร ๆ ต่างก็ให้ความเคารพยำเกรง องค์ชายเจ็ดลองไตร่ตรองดูอีกทีเถิดพะยะค่ะ มิเช่นนั้นอย่าหาว่ากระหม่อมไม่เตือน”
หน็อยแน่ เจ้าขันทีชั่ว กล้ากักขังหน่วงเหนี่ยวและกระทำอนาจารต่อเด็กสาว แถมยังทำท่าทางดูถูกฉันอีก นี่ใจคอมันจะไม่เคารพความเป็นองค์ชายของฉันบ้างเลยหรือยังไงกัน?
“ฮึ่ม กล้ายกพี่ชายสามขึ้นมาขู่ข้าถึงเพียงนี้เลยรึหลี่กงกง? นี่เจ้าคงจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วสินะ ถึงได้กล้าข่มขู่องค์รัชทายาทอย่างข้า?” เหลิ่งเทียนหมิงเอ่ยถามด้วยความสุดทน
และถึงแม้ว่าเหล่าขันทีน้อยใหญ่จะไม่เคยแยแสองค์ชายเจ็ดมาก่อน แต่ ณ เวลานี้ต่างก็ไม่มีใครกล้าประจันหน้ากับเขาเลยแม้แต่คนเดียว เพราะถึงอย่างไร เขาก็เป็นรัชทายาทของฮ่องเต้แห่งเป่ยเหลียงอยู่ดี
เจ้าองค์ชายเพี้ยนนี่ กินยาผิดเข้าไปหรือยังไงวะ ถึงได้ทำตัวผิดแปลกไปเช่นนี้? หลี่กงกงแอบด่าในใจด้วยความโมโห ก่อนจะตอบกลับเหลิ่งเทียนหมิงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ไปกันใหญ่แล้วพะยะค่ะองค์ชายเจ็ด ทาสรับใช้อย่างกระหม่อมมิบังอาจข่มขู่องค์ชายเจ็ด และมิบังอาจขัดขืนต่อเจตจำนงขององค์ชายสามกับอวี้กุ้ยเฟยได้เลยพะยะค่ะ ส่วนแม่นางเสี่ยวหลันผู้นี้ เป็นเพียงสาวใช้ต่ำช้านางหนึ่ง ขอองค์ชายทรงอย่าได้ใส่พระทัยอะไรเลยพะยะค่ะ”
ไอ้ขันทีเฒ่า ทำเป็นพูดดี แต่เนื้อแท้ก็ไม่ต่างอะไรกับโจรชั่ว แล้วนี่ฉันควรจะต้องทำยังไงล่ะเนี่ย? มาบุกเดี่ยวแบบนี้ ขืนสู้กันไปก็แพ้อยู่ดี
ร่างกายของฉันในตอนนี้ยิ่งสู้กับใครเขาไม่ค่อยได้ด้วยสิ ป่านนี้ไม่รู้ว่าพี่ชายรองจะได้รับสารที่ฉันฝากเด็กน้อยไปให้รึยัง ฉันต่อรองกับไอ้ขันทีชั่วจนคอจะแตกแล้วเนี่ย…
ไม่นานนัก เหลิ่งเทียนหมิงก็ตัดสินใจก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วสวนกลับอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า
“ข้า เหลิ่งเทียนหมิง องค์ชายเจ็ดแห่งเป่ยเหลียง มีความประสงค์จะนำตัวเสี่ยวหลันกลับพระตำหนักบัดเดี๋ยวนี้ หากใครกล้าเข้ามาขัดข้า ก็ต้องข้ามศพของข้าไปก่อน”
แล้วความคิดหนึ่งในหัวของเหลิ่งเทียนหมิงก็แทรกขึ้นมาว่า
“ไม่สิ จริง ๆ แล้วคนพวกนี้ต้องเกรงกลัวฉันสิวะ ถึงจะถูก”
แต่แล้วจู่ ๆ เสียงของขันทีหน้าประตูก็ดังแทรกขึ้นมาอย่างกะทันหัน “คำนับหัวหน้าหลิว”
ทันทีที่ขันทีร่างท้วมเดินเข้ามาในห้องชุมนุม หลี่กงกงกับพวกก็รีบก้มคำนับพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย “คำนับหัวหน้าหลิว”
ผู้มาเยือนท่านนี้ คือหลิวกงกง คนสนิทขององค์ชายรอง มีอำนาจรองจาก เฉินกงกง ผู้ซึ่งเป็นขันทีคู่ใจของเหลิ่งเลี่ยอ๋อง
เมื่อหลิวกงกงได้เห็นฉากอารมณ์ของบุคคลสองฝ่าย หลิวกงกงก็กระจ่างแจ้งแก่ใจทันทีโดยมิต้องฟังความจากผู้ใด
“ถวายบังคมองค์ชายเจ็ด” หลิวกงกงโค้งคำนับ
เหลิ่งเทียนหมิงเองก็แสดงความเคารพต่อหลิวกงกงอย่างนอบน้อม
“เจ้าหลี่ ข้าได้ยินมาว่า เจ้ากักขังหน่วงเหนี่ยวคนขององค์ชายเจ็ด องค์ชายรองจึงมีรับสั่งให้ข้ามาตรวจดู อีกทั้งยังทรงมีรับสั่งให้ข้ามาบอกพวกเจ้าว่า องค์ชายเจ็ดคือน้องชายแท้ ๆ ขององค์ชายรอง หากผู้ใดกระทำตัวเย่อหยิ่ง ไม่เคารพยำเกรงต่อองค์ชายเจ็ด ก็เท่ากับตั้งตนเป็นศัตรูขององค์ชายรองด้วย”
หลี่กงกงเริ่มวิตกจนเหงื่ออาบแก้ม พลางคิดในใจว่า เจ้าองค์ชายน้อยนี่ไปสนิทสนมกับองค์ชายรองตั้งแต่เมื่อใดกัน?
“หัวหน้าหลิวพูดอะไรหนะขอรับ จะมีใครหน้าไหนกล้ากระทำการเช่นนั้นกับองค์ชายเจ็ดได้เล่า คงจะมีการเข้าใจผิดกันแล้วล่ะขอรับ”
หลี่กงกงพูดพลางหันไปสบตากับเหลิ่งเทียนหมิง
“องค์ชายเจ็ดทรงเป็นพยานได้ ว่าแม่นางผู้นี้ไม่มีความผิด และตัวข้าเองก็กำลังจะปล่อยตัวนางไปนี่แหละหัวหน้าหลิว”
พูดจบ หลี่กงกงก็หันไปตะคอกใส่ลูกสมุนของตนทันทีว่า “ยังไม่รีบปล่อยตัวคนขององค์ชายอีกรึ!”
พวกขันทีน้อยใหญ่จึงรีบคลานขึ้นไปแก้มัดให้เสี่ยวหลันทันทีด้วยความหวาดกลัว ทางด้านเสี่ยวหลันเองก็รีบลุกขึ้น และวิ่งออกมาทั้งน้ำตา
เมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายไปได้ด้วยดี หลิวกงกงจึงหันกลับมาพูดกับเหลิ่งเทียนหมิงว่า “หากไม่มีเหตุอันใดแล้ว กระหม่อมขอเชิญองค์ชายเสด็จมากับกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ”
เหลิ่งเทียนหมิงพยักหน้า และรีบเดินออกไปพร้อมกับหลิวกงกงทันที
“องค์ชายรองทรงมีรับสั่งถึงองค์ชายเจ็ดว่า หากองค์ชายรองและองค์ชายเจ็ดสามารถชนะการแข่งขันล่าสัตว์บนภูเขาเสวี่ยหลงมาด้วยกันได้ คนชั่วอย่างหลี่กงกงก็จะเปรียบเสมือนมดตัวหนึ่ง แต่ถ้าหากองค์ชายทรงพ่ายแพ้ต่อการแข่งขัน ตัวองค์ชายเจ็ดเองก็จะไม่ต่างอะไรกับมดตัวหนึ่งเช่นกันพะยะค่ะ”
พูดจบ หลิวกงกงก็เดินจากไปด้วยรอยยิ้ม
เหลิ่งเทียนหมิงยืนมองหลิวกงกงเดินจากไปด้วยความคิดที่ดังอยู่ข้างในใจว่า ในยุคราชวงศ์เป่ยเหลียงนี้ ชีวิตคนก็ไม่ต่างอะไรกับมดตัวหนึ่งสินะ…..
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved