บทที่ 9 นอนไม่หลับทั้งคืน

ที่พระตำหนักข้างในยามราตรี เหลิ่งเทียนหมิงกำลังปลอบโยนเสี่ยวหลันที่ร่ำไห้ตาแดงก่ำอยู่

"เสี่ยวหลัน อย่ากลัวไปเลย มันผ่านไปแล้ว คนกลุ่มนั้นคงมิกล้ามาแตะต้องเจ้าอีกแล้ว ให้เวลาข้าสักหน่อย ข้าจักต้องคิดหาวิธี มิให้ใครกล้ามารังแกเจ้าได้อีกอย่างแน่นอน"

เสี่ยวหลันชำเลืองมองเหลิ่งเทียนหมิง แล้วกล่าวอย่างรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่า : "องค์ชายเจ็ดเพคะ วันนี้หม่อมฉันตกใจกลัวแทบแย่ โชคยังดีที่หัวหน้าหลิวกลับมาแล้ว มิเช่นนั้นไม่รู้เลยว่าจักต้องทำอย่างไรดี ขันทีอาวุโสกลุ่มนั้นสามารถทำอะไรก็ได้ หม่อมฉันได้ยินคนในพระตำหนักกล่าวถึงพวกเขามากมาย นางกำนัลที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ล้วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา เพียงแต่องค์ชายเจ็ดพระองค์ไปผูกสัมพันธ์กับองค์ชายรองตั้งแต่เมื่อไหร่ ครั้งนี้จึงโชคดีที่ได้เขาช่วยไว้…”

เหลิ่งเทียนหมิงลูบหัวเสี่ยวหลันยิ้มแล้วพูดว่า : "เจ้าเด็กโง่ เรื่องนี้เจ้ามิต้องกังวลใจไปหรอก อย่างไรเสียเจ้าจงจำไว้ ว่าบนโลกใบนี้ ข้าก็มีแค่เจ้าเป็นญาติพี่น้องเพียงผู้เดียว ข้าจักไม่ให้เจ้าได้รับอันตรายอีกเป็นอันขาด"

ในใจของเหลิ่งเทียนหมิงก็รู้สึกดีใจ ยังโชคดีที่ตนเองยั้งมือไว้ ให้นางกำนัลไปส่งข้าวแทนเสี่ยวหลัน และไปแจ้งให้องค์ชายรองทรงรับทราบ มิเช่นนั้นครั้งนี้ อันที่จริงก็ยังไม่รู้ว่าตนเองลงเอยอย่างไร…

เมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านี้ เสี่ยวหลันก็ตกตะลึง หลังจากนั้นน้ำตาที่ห้ามไว้ได้เมื่อครู่นี้ ก็อดไม่ได้ที่จะไหลรินออกมา

"องค์ชายเจ็ดเพคะ พระองค์ไม่ต้องทำดีกับหม่อมฉันขนาดนี้หรอกเพคะ หม่อมฉันเป็นแค่ข้ารับใช้ชั้นต่ำ พระองค์มิต้องทำเรื่องโง่ๆ เพื่อหม่อมฉันหรอกเพคะ สิ่งที่พระองค์ต้องทำคือดูแลตนเองให้ดี อย่าไปโต้เถียงกับคนเหล่านั้น เบื้องหลังของพวกเขา ล้วนเป็นบุคคลชั้นสูงที่พระองค์ไม่สามารถไปยุ่มย่ามได้"

เหลิ่งเทียนหมิงลูบหัวเสี่ยวหลัน ยิ้มแล้วกล่าวว่า

"เจ้าห้ามพูดเช่นนี้อีกนะ เจ้าจงจำไว้ว่า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราคือครอบครัวเดียวกัน ถ้าต่อไปมีใครกล้ามาทำร้ายเจ้าอีก ข้าจักทำเขาคืนเป็นสิบเท่าร้อยเท่าอย่างแน่นอน"

เสี่ยวหลันมองเหลิ่งเทียนหมิงอย่าตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก

"องค์ชายเจ็ดเพคะ…มิมีผู้ใดสนใจหรอกเพคะ ข้ารับใช้คนหนึ่งจะเป็นหรือตาย พระองค์ก็ห้ามทำเรื่องที่โง่เขลาเช่นนี้เป็นอันขาด…”

"เสี่ยวหลัน ข้าไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรกับเจ้าดี บางทีข้าพูดไปเจ้าก็คงไม่เข้าใจ แต่ในเมื่อสวรรค์ให้โอกาสข้าได้เกิดใหม่อีกครั้ง ข้าจักต้องทะนุถนอมมันไว้"

"เดิมทีข้าก็คิดเพียงแต่ว่า เป็นเจ้าชายก็ดีไม่ต้องทำอะไร กินดื่มไปตลอดชีวิต แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า องค์ชายที่ไร้ประโยชน์คนนี้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ ที่จะได้เป็น อีกทั้งยังมีความสามารถในการปกป้องคนรอบข้างได้ ข้าจักต้องคิดหาหนทาง เพื่อใช้สิทธิ์ที่ตนเองมี"

"องค์ชายเจ็ดเพคะ พระองค์จักมายุ่งวุ่นวายมิได้…สถานะของพระองค์แต่งต่างกันกับผู้อื่น หลายๆ คนไม่ใช่ผู้ที่พระองค์จะต่อต้านได้ สิ่งที่พระองค์ต้องทำคือมีชีวิตที่ดี ไม่สร้างปัญหา และพยายามต่อสู้ช่วงชิงเพื่อตำแหน่งบรรดาศักดิ์ เมื่อใดที่พระองค์ทรงบรรลุนิติภาวะแล้ว และสามารถออกจากพระตำหนักไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคงปลอดภัย ข้าน้อยก็พึงพอใจเป็นอย่างยิ่งแล้วเพคะ"

เหลิ่งเทียนหมิงมองดูสาวน้อยที่โง่เขลา และเป็นครั้งแรกที่ตกอยู่ในห้วงความคิดอันลึกซึ้ง จึงแทบจะนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน…

ท้ายที่สุดแล้วนี่มันโลกแบบไหนกันนะ? ชีวิตหลายๆ คนจึงได้ไร้ค่าราวกับมด ทว่าอีกหลายๆ คนกลับสูงส่งเหนือผู้อื่น จนสามารถเหยียบย่ำชีวิตของผู้อื่นได้

บางทีในสมัยโบราณอาจจะเป็นอย่างนี้มาทุกราชวงศ์ แต่เมื่ออยู่ตนเองได้อยู่ในนั้น ในใจจะต้องทุกข์ทรมานเพียงใด ถึงแม้ตนเองจะมีจิตวิญญาณที่มาจากอนาคต ถึงแม้จะรู้ว่าในท้ายที่สุดแล้วการกดขี่ทั้งหมดนี้จะต้องถูกต่อต้าน แต่สิ่งเหล่านี้มันพูดง่ายกว่าการลงมือทำนะ?

ความปรารถนาหลายสิบปี หลายร้อยปี หรือมากจนกระทั่งหลายพันปี? ตนเพียงแค่อยากจะเป็นองค์ชายที่ไร้ประโยชน์นอนกินและรอความตายไปเท่านั้น แต่ผลปรากฏว่าแม้แต่ขันทีกลับยังบังอาจที่จะดูหมิ่นตน นี่หรือคือชีวิตที่ตนต้องการ? แล้วจะเอาอะไรมาเพื่อปกป้องตนเองและคนรอบข้างได้ล่ะ?

หึ…คนเราล้วนเกิดและตายเพียงครั้งเดียว ข้าจะต้องกลัวพวกเจ้าหรือ ในเมื่อไม่อยากให้ข้าปลอดภัย ข้าก็จะก่อกวนให้พวกเจ้าพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเลย…

พระจันทร์เสี้ยวเปรียบเสมือนมีด อัมพรเปื้อนโลหิต ไม่มีผู้ใดทอดถอนใจในคืนฤดูใบไม้ร่วงอันแสนโศกา บทเพลงไร้น้ำตา ค่ำคืนของเป่ยเหลียง ทวยเทพร่ำไห้ ความฝันหวนคืนสู่ผู้คน กองทัพธงดำกำลังมาถึง เสียงกระทบกันของกีบม้าเหล็กทำให้วิญญาณเร่ร่อนหวาดกลัว กระดูกผู้จงรักภักดีถูกฝังอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งในเนินเขาเขียวขจี

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

528