บทที่ 13 หนึ่งร้อยปีเสือร้ายจากภูเขาหิมะ

เวลาใกล้พลบค่ำ ทีมล่าสัตว์เริ่มเลือกสถานที่มั่นสำหรับการพำนักค้างแรมและพักผ่อน

ในเวลานี้ เยื่อถูกล่ามาเป็นจำนวนไม่น้อย ทางด้านนอกล้วนแต่เป็นสัตว์ที่นำมาใช้ประกอบอาหาร แต่ไม่พบสัตว์ร้ายใด ๆ องค์ชายรองมีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะนี้ สองคนที่นำทางออกไปเมื่อตอนเที่ยงวันได้เดินทางกลับมาแล้ว

“องค์ชายรอง กระหม่อมพบเศษซากกระดูกสัตว์และมูลเสือใหม่ๆกองอยู่ใต้หุบเขาทางด้านหน้าของพระองค์ ถ้ากระหม่อมคาดไม่ผิด เสือน่าจะอยู่ในถ้ำใต้หุบเขาลูกนั้น ”

เหลิ่งเทียนอ้าว รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“ดี ฮ่าๆ… สวรรค์ก็ช่วยเหลือข้า เทือกเขาเสวี่ยวหลง มิได้มีเสือปรากฏตัวขึ้นมาหลายปีแล้ว หากว่าวันนี้ข้าสามารถล่าเสือได้สักตัว เสด็จพ่อจะต้องประทานรางวัลให้ข้าอย่างแน่นอน รีบเก็บของซะ เราจะไปกันเดี๋ยวนี้ "

ผู้นำทางทั้งสองต่างมองหน้ากัน

“องค์ชายรอง เรารอกำลังองค์ชายห้ามาสมทบก่อนดีไหมพ่ะย่ะค่ะ? เสือโคร่งที่เติบโตบนเขาหิมะโดยทั่วไปจะมีขนาดใหญ่มาก พลังโจมตีและความเร็วของมันนั้นน่าเกรงขามมาก หากมีคนน้อยเกินไป หรือหากผิดพลาดไปแม้แต่น้อย มันอาจทำร้ายพระองค์ได้ ”

เหลิ่งเทียนอ้าวสีหน้าดูไม่มีความสุข

“จะกลัวอะไร พวกเรามีคนมากมาย ยังจะเกรงกลัวเสือแค่ตัวเดียวอย่างนั้นหรือ ?จะพูดไปแล้วด้วยวรยุทธของข้า พวกเจ้ายังไม่วางใจอีกหรือ?”

การแสดงออกของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน พวกเขาดูประหม่า

“ไม่...ไม่พ่ะย่ะค่ะ วรยุทธขององค์ชายรอง มีชื่อเสียงไม่เป็นรองใครในเป่ยเหลียง พวกกระหม่อมจะกังวลได้อย่างไร แต่เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น ในเมื่อองค์ชายรองเห็นว่าไม่มีความจำเป็น เช่นนั้นกระหม่อมจะพาพระองค์ไปที่นั่น แต่เราต้องแจ้งกลุ่มทหารองครักษ์ก่อนไหมพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ต้อง พวกมันมาขวางมือขวางเท้าเสียเปล่า มาก็ช่วยไม่ได้ เมื่อพานพบกับอันตราย ก็บังคับให้พวกเขาหยุดล่า ไม่ต้องไปยุ่งกับพวกมัน ไปเถอะ ...”

บัดนี้ ทหารองครักษ์ที่มาด้วยต่างตั้งค่ายกันเรียบร้อยแล้ว และทั้งสองกลุ่มก็ตั้งค่ายอยู่ห่างกันมาก องค์ชายรองเคลื่อนที่ออกไปอย่างกะทันหัน แต่ทว่าทหารองครักษ์กลับไม่สามารถสังเกตการณ์เ คลื่อนไหวของเขาได้เลยแม้แต่น้อย เหลิ่งเทียนหมิงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเดินทางติดตามกลุ่มล่าสัตว์ไป

ไม่นานหลังจากนั้น กลุ่มล่าสัตว์ก็มาถึงใต้หุบเขาลูกหนึ่ง หากเดินต่อไปข้างหน้า ทางด้านหน้าเป็นป่าหิน และส่งกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บางครั้งก็พบกับซากสัตว์ที่เน่าเปื่อย

“องค์ชายรอง พระองค์ลองดูกระดูกที่อยู่บนพื้นนี่สิพ่ะย่ะค่ะ สัตว์ป่าที่อยู่บริเวณใกล้ ๆ ยังไม่กล้าเข้ามาเก็บกินเศษอาหารพวกนี้ นั่นแสดงว่าเสือคงจะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่พ่ะย่ะค่ะ ”

เหลิ่งเทียนอ้าว ตะโกนขึ้นด้วยใบหน้าที่จริงจัง

“ดี ทุกคนฟังคำสั่ง พลโล่ทั้งสี่ด้านยกโล่เพื่อป้องกัน พลธนูกระจายตัวออกไปหาที่มั่นมุมสูง พลหอกหกนายตามหลังข้ามา คนอื่นๆ รักษาระยะห่าง”

เหลิ่งเทียนหมิงฟังการบัญชาการจัดเตรียมทหาร เขาแอบคิดในใจว่าเหลิ่งเทียนอ้าวช่างดูน่าสนใจเสียจริง การบุกจู่โจม การป้องกัน เดิมทีคิดว่าเขาเป็นคนประมาทเลินเล่อ

อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมที่นี่ ช่างดูไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย ดังนั้นเขาควรจะอยู่ห่าง ๆ เอาไว้ดีกว่า เหลิ่งเทียนหมิงพร้อมบริวารสองสามคน ซ่อนตัวถอยโดยถอยห่างออกไปทางด้านหลังในระยะที่ไกลพอสมควร ไม่กล้าเข้าใกล้ ความอยากรู้อยากเห็นเช่นนี้ อาจจะทำให้แมวตกใจกลัวได้ .. .

ทันทีที่เห็นองค์ชายรองและพรรคพวกเคลื่อนกำลังคน และกำลังค้นหาอย่างระมัดระวัง บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบสงบราวกับก้าวเข้าสู่แดนความตาย ประมาณสิบห้านาทีต่อมา เหลิ่งเทียนหมิง เห็นเหลิ่งเทียนอ้าวและคนอื่น ๆ ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับ

หรือว่าจะพบเสือแล้ว ?

"โฮก..."

เสียงคำรามของเสือดังขึ้น แม่เจ้า! น่ากลัวขนาดนี้เชียวหรือ? จากนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากด้านหน้า

“อ๊า...ช่วยด้วย...”

“เสือตัวนี้... ขนาดใหญ่เกินไป?”

“องค์ชายรองระวังพระองค์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ นี่มันไม่ใช่เสือธรรมดา ดูเหมือนว่าจะเป็น… เสือภูเขาหิมะในตำนาน”

"โอ้สวรรค์ ...เสือภูเขาหิมะมีตัวตนอยู่จริงๆ..."

เหลิ่งเทียนหมิงก็งงงวยเช่นกัน เกิดเรื่องอะไรขึ้น ตอนกลางวัน คนพวกนี้ดูเก่งกาจไม่มีใครเป็นรองใคร แต่พอมาถึงบัดนี้ คงจะไม่ขี้ขลาดกันหรอกใช่ไหม?

ในขณะที่เหลิ่งเทียนหมิงกำลังนึกย้อนถึงความทรงจำในชาติที่แล้วของตน ความทรงจำเกี่ยวกับเสือ เงาสีขาวก็เคลื่อนที่ข้ามผ่านสายตา และเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วมาหยุดบนหน้าผาสูงทางด้านข้าง เหลิ่งเทียนหมิงอึ้งไปในชั่วขณะ ...

"สวรรค์...เสือตัวนี้มีความพิเศษขนาดนี้เชียวหรือ? บ้าไปแล้ว ..."

เมื่อมองดูหัวที่อยู่ตรงหน้า อย่างน้อยมันก็ใหญ่กว่าที่เขาคิดไว้เท่าตัว ร่างกายของเสือตัวนั้นถูกปกคลุมด้วยขนสีขาวทอง เหลิ่งเทียนหมิงรู้สึกขาอ่อนไร้เรี่ยวแรง แม้ว่าเขาจะทะลุมิติเข้ามา แต่เมื่อเขาต้องเผชิญกับเรื่องราวเช่นนี้ทีไร อะไรคืออยู่ยงคงกระพัน เก่งกาจไร้คู่ต่อสู้ ไม่ใช่คำพูดพล่ามอย่างนั้นหรือ ? สำหรับคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง เมื่อต้องเจอเข้ากับเหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรก ฉะไหนจะอดใจไม่ให้ฉี่รดกางเกงไหว ?

“เสร็จกัน อดทนไว้ จะฉี่ราดไม่ได้ นี่คือความดื้อดึงครั้งสุดท้ายของข้า...”

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

528