บทที่ 6 คุณไม่คู่ควร
by โชวหวู่เจียง
09:17,Jun 27,2024
เวลากลางคืน
ลมโชยเย็น ๆ พระจันทร์ที่สวยงาม
หลังจากออกจากบ้านตระกูลเย่
ความคับข้องใจที่เย่เฟิงสะสมอยู่ในอกของเขาเป็นเวลาหลายปี ก็ถูกปลดปล่อยออกมาในที่สุด
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
เพียงแต่การกลับบ้านในครั้งนี้ ไม่ได้เจอผู้เป็นพ่อ
แต่เมื่อนึกถึงผู้เป็นพ่อหลังจากที่แต่งงานกับผู้หญิงมารยาคนนั้น เขาก็ยิ่งห่างเหินและเย็นชาต่อลูกชายคนนี้ของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ แม้กระทั่งปล่อยให้เธอควบคุมและส่งตนเข้าคุก
เย่เฟิงไม่เชื่อว่าพ่อของเขาจะไม่รู้เรื่องราวภายในนี้?
พ่อที่ใจร้ายขนาดนี้ ไม่ต้องเจอก็ได้
แต่ตนในตอนนี้ หนึ่งไม่มีเงิน สองไม่มีอำนาจ และสามไม่มีอิทธิพล
การเผชิญหน้ากับตระกูลเย่เพียงลำพังก็เหมือนกับหนอนที่เขย่าต้นไม้ใหญ่
แต่สิ่งเหล่านี้จะมีในอีกไม่นาน
"งั้นไปพบคนของอาจารย์สามก่อนแล้วกันฎ
อาจารย์สามของเย่เฟิงเคยเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
แม้ว่าตอนนี้ครอบครัวจะตกอับ แต่ก็ยังมีทรัพย์สินที่ไม่ปรากฎชัดเจน ที่สามารถช่วยให้ตนประสบความสําเร็จได้
ในตอนนี้ จู่ ๆ โทรศัพท์ก็สั่น
จ้าวว่านถิงโทรมา
"คุณเย่ คืนนี้ว่างไหม? ฉันอยากชวนนายมากินข้าวด้วยกันสักมื้อ และจะได้เอาเงินรางวัลหนึ่งล้านที่เหลือให้กับนายด้วย"
"ได้!"
เมื่อเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว เย่เฟิงรู้สึกค่อนข้างหิว ก็เลยตอบตกลง
มาถึงภัตรคารเจ็ดดาวแห่งหนึ่ง
เย่เฟิงเดินเข้าไปในห้องโถง
ภายในตกแต่งอย่างหรูหราด้วยแสงไฟ
เมื่อมองไปรอบๆ ท่ามกลางผู้คนที่กำลังรับประทานอาหารเย่เฟิงไม่เห็น แต่กลับเห็นร่างที่คุ้นเคยอีกคน
เธอมีรูปร่างที่สง่างาม มีผมสีดำเหมือนเมฆ ใบหน้าของเธอสวย และผิวของเธอก็ขาวราวกับหยก
เธอนั่งอยู่ที่นั่นคนเดียว ราวกับว่าเธอมีความงามสง่าและมีเสน่ห์ดึงดูดเป็นของตัวเอง
"ซูซาน!"
เย่เฟิงเดินเข้าไป ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวทักทาย
เมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อของตัวเอง ซูซานหน้าขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ
แต่ทันทีที่เห็นเย่เฟิง ดวงตาของเธอก็แสดงความประหลาดใจออกมา และสีหน้าก็ประหลาดใจ
"เย่เฟิง! ?"
ซูซานยืนขึ้นด้วยความตื่นเต้น เธอมองอีกฝ่ายเพื่อให้แน่ใจว่าจำคนไม่ผิด ก่อนที่จะเอ่ยถาม
"นายออกมาแล้ว?"
"อืม!"
เย่เฟิงพยักหน้า : "เพิ่งออกมาวันนี้"
"ดีมากเลย!"
ซูซานรู้สึกดีใจแทนเย่เฟิงด้วยใจจริง
ทั้งสองเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลาย และยังเคยเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะหนึ่งภาคเรียนอีกด้วย
หลังจากเรียนจบ เย่เฟิงเข้าคุก ซูซานเป็นเพียงคนเดียวที่ไปเยี่ยมเขาในคุก
ความมีน้ำใจนี้ ทำให้เย่เฟิงจดจำไว้ในใจตลอด
เพราะสำหรับเย่เฟิงที่กำลังเจ็บปวดและสิ้นหวังในเวลานั้น นี่ไม่ด้อยไปกว่าลําแสงที่ทําให้เขามีความกล้าที่จะยืนหยัดต่อไป
ตอนนั้นเย่เฟิงสาบานในใจว่า ถ้าวันหนึ่งตนสามารถมีชีวิตรอดออกจากคุกไปได้ จะต้องตอบแทนพระคุณนี้อย่างแน่นอน
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า วันนี้ออกจากคุกวันแรก ก็ได้เจอเธอ
ซูซานเชิญเย่เฟิงให้นั่งลง และทั้งสองก็คุยกันอย่างมีความสุข
"เธอมากินข้าวที่นี่คนเดียวเหรอ? ทำไมถึงยังไม่สั่งอาหาร?"
เย่เฟิงเห็นบนโต๊ะว่างเปล่า กำลังจะเรียกพนักงานสั่งอาหาร
"คุณหนูซู นี่มันเกิดอะไรขึ้น? คุณไม่ได้มานัดดูตัวกับผมเหรอ? ทำไมถึงได้มีผู้ชายคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ?"
ในตอนนี้เอง จู่ ๆ ก็มีผู้ชายพุงใหญ่ ๆ มายืนอยู่ข้างโต๊ะ
เขาจ้องเย่เฟิงตาเขม็ง ราวกับว่าสามีจับได้ว่าภรรยานอกใจ
เย่เฟิงเงยหน้าขึ้น และเห็นชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบปี ร่างสูงใหญ่ สวมแบรนเนมด์ทั้งตัว ร่ำรวยมาก
เพียงแต่ว่าเขาอายุยังน้อย มีหัวล้านเล็กน้อย ฝีเท้าอ่อนแรง ดวงตาดำคล้ำ เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์และกาม
ซูซานจะมาดูตัวกับผู้ชายคนนี้?
เย่เฟิงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่คู่ควรที่ดีอย่างแน่นอน
"ขอโทษค่ะ คุฯชายเซี่ย" ซูซานยืนขึ้นด้วยความอาย และรีบอธิบายว่า "นี่เพื่อนของฉัน..........."
"ผมไม่สนว่าเขาเป็นใคร?" คุณชายเซี่ยชี้ไปที่เย่เฟิง และออกคำสั่งว่า "รีบไสหัวออกไปซะ!"
เย่เฟิงรู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก แถมยังเห็นเขาพูดจาหยาบคาย ทั้งยังไม่เคารพตนและซูซาน
ถ้าไม่ใช่เพราะมีซูซานอยู่ตรงนี้ด้วย เย่เฟิงคงตบเขาลอยไปนานแล้ว
"ซูซาน เราไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว วันนี้ฉันเลี้ยงเธอเอง เธอไม่ได้ต้องดูตัวอะไรนี่แล้ว"
"อีกอย่าง คนแบบนี้ไม่คู่ควรกับเธอ!"
เมื่อคำพูดนี้ดังออกไป คุณชายเซี่ยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ระเบิดทันที
"ฉันไม่คู่ควร?"
"หรือว่าคนจน ๆ อย่างนายคู่ควรงั้นเหรอ?"
คุณชายเซี่ยมองเย่เฟิงหัวจรดเท้า เมื่อเห็นว่าเขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าข้างถนน มูลค่ารวมทั้งตัวไม่เกินห้าสิบหยวน ตัดสินว่าเขาเป็นคนยากจน แล้วจะมาเทียบกับคนที่แบรนด์เนมทั้งตัวแบบตนได้อย่างไร?
"นายจะมาทําหน้าใหญ่ใจโตเลี้ยงข้าว? เห่อ ๆ นายไม่ดูเมนูหน่อยเหรอ ว่าอาหารในนั้นนายจ่ายไหวไหม?"
ซูซานเองก็รู้ว่าภัตรคารแห่งนี้ระดับสูง ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำหลายพัน
เธอเกรงว่าเย่เฟิงเพิ่งออกจากคุก เขาคงมีเงินไม่เท่าไหร่
ก็เลยพูดขึ้นมาว่า : "มื้อนี้ ฉันเลี้ยงเอง"
"คุณเลี้ยง?"
คุณชายเซี่ยรู้สึกไม่พอใจที่เห็นซูซานออกโรงปกป้องไอ้คนจนนั้น และยังต่อต้านตน
"พนักงาน!"
คุณชายเซี่ยเรียกพนักงานทันทีและตําหนิว่า : "พวกนายทำงานกันยังไง? ตาสีตาสาหน้าไหนก็ปล่อยให้เข้ามาได้? ขอทานเหม็น ๆแบบนี้สมควรมากินข้าวที่เดียวกับเรามั้ย? ค่าสมาชิกของเราจ่ายไปเปล่าประโยชน์หรือเปล่า?"
พนักงานถูกด่าใส่หัวและใส่หน้าโครม ๆ แต่ทำได้แค่กล่าวขอโทษไม่หยุด
เนื่องจากคุณชายเซี่ยเป็นลูกค้าชั้นสูงของภัตรคาร ใช้จ่ายที่นี่ปีละหลายแสน ทำให้ขุ่นเคืองไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อหันไปมองเย่เฟิงที่นั่งอยู่ เห็นว่าเขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเรียบง่าย พนักงานจึงจำเป็นต้องตัดสินคนจากเสื้อผ้า เตรียมจะเชิญให้เขาออกไป
"ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายกำลังจะสั่งอาหารใช่ไหม?"
"เรากำลังจะสั่ง!" ซูซานแย่งพูดขึ้นมาก่อน "เอาเมนูมา!"
พนักงานไม่ขยับ ยิ้มเจื่อนแล้วพูดว่า : "เนื่องจากเราได้รับการร้องเรียนจากลูกค้า ดังนั้นก่อนจะสั่งอาหาร เราจึงจำเป็นต้องตรวจสอบยอดเงินของคุณทั้งสอง เพื่อดูว่ามีคุณสมบัติสามารถใช้จ่ายที่นี่ได้หรือไม่"
เมื่อได้ยินว่าต้องตรวจสอบยอดเงิน ซูซานก็โมโหขึ้นทันที
"ทำไม? กลัวว่าฉันจะไม่มีเงินจ่ายค่าข้าวหรือไง? ดูถูกคนอื่นจริง ๆ!"
ซูซานหันไปพูดกับเย่เฟิงว่า : "ไป เราเปลี่ยนร้านกัน"
เย่เฟิงส่ายหน้าด้วยความสงบนิ่ง ส่งสัญญาณให้ซูซานสงบสติอารมณ์ เขาไม่ใช่คนที่ยอมถอยง่าย ๆ
"ไม่ใช่แค่ตรวจสอบยอดเงินหรอกเหรอ? งั้นก็ปล่อยให้เขาตรวจสอบไป"
ในระหว่างที่พูด เย่เฟิงหยิบบัตรธนาคารที่จ้าวว่านถิงให้ออกมา ให้พนักงานเอาไปตรวจสอบให้พอใจ
"หึ่ย ทำท่าทางดัดจริต!" คุณชายเซียคาดไม่ถึงว่าเย่เฟิงจะกล้าให้ตรวจสอบจริง ๆ อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะซ้ำแล้วซ้ำอีก "ฉันล่ะอยากจะดูจริง ๆ ว่าในบัตรของนายจะมีสักเท่าไหร่กันเชียว! ถึงได้กล้ามาเสแสร้งต่อหน้าฉัน!"
เสียงที่ดังจากตรงนี้ ดึงดูดความสนใจของแขกโดยรอบ
มีหลายคนที่รู้จักคุณชายเซี่ย ต่างพากันส่งเสียงเชียร์
"คุัณชายเซี่ย เกิดอะไรขึ้น ถึงได้โกรธจัดขนาดนี้?"
"จะให้ผมช่วยเรียกคนให้ไหม?"
คุณชายเซี่ยตอบกลับไปว่า : "เรื่องเล็กน้อย ทุกคนไม่ต้องกังวล"
"ไอ้หมอนี่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ฉันสั่งให้พนักงานไปตรวจสอบเงินของเขาแล้ว จะไล่เขาออกไปในไม่ช้า!"
เมื่อทุกคนได้ยินคำว่าตรวจสอบยอดเงิน ก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที
"มองก็รู้แล้วว่าจน ในบัตรจะมีเงินเท่าไหร่กันเชียว?"
"ประหยัดอดออมเพื่อกินข้าวที่นี่หนึ่งมื้อ กลับไปคงต้องกินมาม่าอีกเป็นเดือนเลยมั้ง?"
"ถ้าเกินหนึ่งแสน ฉันจะกินโต๊ะตัวนี้ทันที!"
ลมโชยเย็น ๆ พระจันทร์ที่สวยงาม
หลังจากออกจากบ้านตระกูลเย่
ความคับข้องใจที่เย่เฟิงสะสมอยู่ในอกของเขาเป็นเวลาหลายปี ก็ถูกปลดปล่อยออกมาในที่สุด
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
เพียงแต่การกลับบ้านในครั้งนี้ ไม่ได้เจอผู้เป็นพ่อ
แต่เมื่อนึกถึงผู้เป็นพ่อหลังจากที่แต่งงานกับผู้หญิงมารยาคนนั้น เขาก็ยิ่งห่างเหินและเย็นชาต่อลูกชายคนนี้ของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ แม้กระทั่งปล่อยให้เธอควบคุมและส่งตนเข้าคุก
เย่เฟิงไม่เชื่อว่าพ่อของเขาจะไม่รู้เรื่องราวภายในนี้?
พ่อที่ใจร้ายขนาดนี้ ไม่ต้องเจอก็ได้
แต่ตนในตอนนี้ หนึ่งไม่มีเงิน สองไม่มีอำนาจ และสามไม่มีอิทธิพล
การเผชิญหน้ากับตระกูลเย่เพียงลำพังก็เหมือนกับหนอนที่เขย่าต้นไม้ใหญ่
แต่สิ่งเหล่านี้จะมีในอีกไม่นาน
"งั้นไปพบคนของอาจารย์สามก่อนแล้วกันฎ
อาจารย์สามของเย่เฟิงเคยเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
แม้ว่าตอนนี้ครอบครัวจะตกอับ แต่ก็ยังมีทรัพย์สินที่ไม่ปรากฎชัดเจน ที่สามารถช่วยให้ตนประสบความสําเร็จได้
ในตอนนี้ จู่ ๆ โทรศัพท์ก็สั่น
จ้าวว่านถิงโทรมา
"คุณเย่ คืนนี้ว่างไหม? ฉันอยากชวนนายมากินข้าวด้วยกันสักมื้อ และจะได้เอาเงินรางวัลหนึ่งล้านที่เหลือให้กับนายด้วย"
"ได้!"
เมื่อเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว เย่เฟิงรู้สึกค่อนข้างหิว ก็เลยตอบตกลง
มาถึงภัตรคารเจ็ดดาวแห่งหนึ่ง
เย่เฟิงเดินเข้าไปในห้องโถง
ภายในตกแต่งอย่างหรูหราด้วยแสงไฟ
เมื่อมองไปรอบๆ ท่ามกลางผู้คนที่กำลังรับประทานอาหารเย่เฟิงไม่เห็น แต่กลับเห็นร่างที่คุ้นเคยอีกคน
เธอมีรูปร่างที่สง่างาม มีผมสีดำเหมือนเมฆ ใบหน้าของเธอสวย และผิวของเธอก็ขาวราวกับหยก
เธอนั่งอยู่ที่นั่นคนเดียว ราวกับว่าเธอมีความงามสง่าและมีเสน่ห์ดึงดูดเป็นของตัวเอง
"ซูซาน!"
เย่เฟิงเดินเข้าไป ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวทักทาย
เมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อของตัวเอง ซูซานหน้าขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ
แต่ทันทีที่เห็นเย่เฟิง ดวงตาของเธอก็แสดงความประหลาดใจออกมา และสีหน้าก็ประหลาดใจ
"เย่เฟิง! ?"
ซูซานยืนขึ้นด้วยความตื่นเต้น เธอมองอีกฝ่ายเพื่อให้แน่ใจว่าจำคนไม่ผิด ก่อนที่จะเอ่ยถาม
"นายออกมาแล้ว?"
"อืม!"
เย่เฟิงพยักหน้า : "เพิ่งออกมาวันนี้"
"ดีมากเลย!"
ซูซานรู้สึกดีใจแทนเย่เฟิงด้วยใจจริง
ทั้งสองเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลาย และยังเคยเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะหนึ่งภาคเรียนอีกด้วย
หลังจากเรียนจบ เย่เฟิงเข้าคุก ซูซานเป็นเพียงคนเดียวที่ไปเยี่ยมเขาในคุก
ความมีน้ำใจนี้ ทำให้เย่เฟิงจดจำไว้ในใจตลอด
เพราะสำหรับเย่เฟิงที่กำลังเจ็บปวดและสิ้นหวังในเวลานั้น นี่ไม่ด้อยไปกว่าลําแสงที่ทําให้เขามีความกล้าที่จะยืนหยัดต่อไป
ตอนนั้นเย่เฟิงสาบานในใจว่า ถ้าวันหนึ่งตนสามารถมีชีวิตรอดออกจากคุกไปได้ จะต้องตอบแทนพระคุณนี้อย่างแน่นอน
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า วันนี้ออกจากคุกวันแรก ก็ได้เจอเธอ
ซูซานเชิญเย่เฟิงให้นั่งลง และทั้งสองก็คุยกันอย่างมีความสุข
"เธอมากินข้าวที่นี่คนเดียวเหรอ? ทำไมถึงยังไม่สั่งอาหาร?"
เย่เฟิงเห็นบนโต๊ะว่างเปล่า กำลังจะเรียกพนักงานสั่งอาหาร
"คุณหนูซู นี่มันเกิดอะไรขึ้น? คุณไม่ได้มานัดดูตัวกับผมเหรอ? ทำไมถึงได้มีผู้ชายคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ?"
ในตอนนี้เอง จู่ ๆ ก็มีผู้ชายพุงใหญ่ ๆ มายืนอยู่ข้างโต๊ะ
เขาจ้องเย่เฟิงตาเขม็ง ราวกับว่าสามีจับได้ว่าภรรยานอกใจ
เย่เฟิงเงยหน้าขึ้น และเห็นชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบปี ร่างสูงใหญ่ สวมแบรนเนมด์ทั้งตัว ร่ำรวยมาก
เพียงแต่ว่าเขาอายุยังน้อย มีหัวล้านเล็กน้อย ฝีเท้าอ่อนแรง ดวงตาดำคล้ำ เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์และกาม
ซูซานจะมาดูตัวกับผู้ชายคนนี้?
เย่เฟิงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่คู่ควรที่ดีอย่างแน่นอน
"ขอโทษค่ะ คุฯชายเซี่ย" ซูซานยืนขึ้นด้วยความอาย และรีบอธิบายว่า "นี่เพื่อนของฉัน..........."
"ผมไม่สนว่าเขาเป็นใคร?" คุณชายเซี่ยชี้ไปที่เย่เฟิง และออกคำสั่งว่า "รีบไสหัวออกไปซะ!"
เย่เฟิงรู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก แถมยังเห็นเขาพูดจาหยาบคาย ทั้งยังไม่เคารพตนและซูซาน
ถ้าไม่ใช่เพราะมีซูซานอยู่ตรงนี้ด้วย เย่เฟิงคงตบเขาลอยไปนานแล้ว
"ซูซาน เราไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว วันนี้ฉันเลี้ยงเธอเอง เธอไม่ได้ต้องดูตัวอะไรนี่แล้ว"
"อีกอย่าง คนแบบนี้ไม่คู่ควรกับเธอ!"
เมื่อคำพูดนี้ดังออกไป คุณชายเซี่ยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ระเบิดทันที
"ฉันไม่คู่ควร?"
"หรือว่าคนจน ๆ อย่างนายคู่ควรงั้นเหรอ?"
คุณชายเซี่ยมองเย่เฟิงหัวจรดเท้า เมื่อเห็นว่าเขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าข้างถนน มูลค่ารวมทั้งตัวไม่เกินห้าสิบหยวน ตัดสินว่าเขาเป็นคนยากจน แล้วจะมาเทียบกับคนที่แบรนด์เนมทั้งตัวแบบตนได้อย่างไร?
"นายจะมาทําหน้าใหญ่ใจโตเลี้ยงข้าว? เห่อ ๆ นายไม่ดูเมนูหน่อยเหรอ ว่าอาหารในนั้นนายจ่ายไหวไหม?"
ซูซานเองก็รู้ว่าภัตรคารแห่งนี้ระดับสูง ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำหลายพัน
เธอเกรงว่าเย่เฟิงเพิ่งออกจากคุก เขาคงมีเงินไม่เท่าไหร่
ก็เลยพูดขึ้นมาว่า : "มื้อนี้ ฉันเลี้ยงเอง"
"คุณเลี้ยง?"
คุณชายเซี่ยรู้สึกไม่พอใจที่เห็นซูซานออกโรงปกป้องไอ้คนจนนั้น และยังต่อต้านตน
"พนักงาน!"
คุณชายเซี่ยเรียกพนักงานทันทีและตําหนิว่า : "พวกนายทำงานกันยังไง? ตาสีตาสาหน้าไหนก็ปล่อยให้เข้ามาได้? ขอทานเหม็น ๆแบบนี้สมควรมากินข้าวที่เดียวกับเรามั้ย? ค่าสมาชิกของเราจ่ายไปเปล่าประโยชน์หรือเปล่า?"
พนักงานถูกด่าใส่หัวและใส่หน้าโครม ๆ แต่ทำได้แค่กล่าวขอโทษไม่หยุด
เนื่องจากคุณชายเซี่ยเป็นลูกค้าชั้นสูงของภัตรคาร ใช้จ่ายที่นี่ปีละหลายแสน ทำให้ขุ่นเคืองไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อหันไปมองเย่เฟิงที่นั่งอยู่ เห็นว่าเขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเรียบง่าย พนักงานจึงจำเป็นต้องตัดสินคนจากเสื้อผ้า เตรียมจะเชิญให้เขาออกไป
"ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายกำลังจะสั่งอาหารใช่ไหม?"
"เรากำลังจะสั่ง!" ซูซานแย่งพูดขึ้นมาก่อน "เอาเมนูมา!"
พนักงานไม่ขยับ ยิ้มเจื่อนแล้วพูดว่า : "เนื่องจากเราได้รับการร้องเรียนจากลูกค้า ดังนั้นก่อนจะสั่งอาหาร เราจึงจำเป็นต้องตรวจสอบยอดเงินของคุณทั้งสอง เพื่อดูว่ามีคุณสมบัติสามารถใช้จ่ายที่นี่ได้หรือไม่"
เมื่อได้ยินว่าต้องตรวจสอบยอดเงิน ซูซานก็โมโหขึ้นทันที
"ทำไม? กลัวว่าฉันจะไม่มีเงินจ่ายค่าข้าวหรือไง? ดูถูกคนอื่นจริง ๆ!"
ซูซานหันไปพูดกับเย่เฟิงว่า : "ไป เราเปลี่ยนร้านกัน"
เย่เฟิงส่ายหน้าด้วยความสงบนิ่ง ส่งสัญญาณให้ซูซานสงบสติอารมณ์ เขาไม่ใช่คนที่ยอมถอยง่าย ๆ
"ไม่ใช่แค่ตรวจสอบยอดเงินหรอกเหรอ? งั้นก็ปล่อยให้เขาตรวจสอบไป"
ในระหว่างที่พูด เย่เฟิงหยิบบัตรธนาคารที่จ้าวว่านถิงให้ออกมา ให้พนักงานเอาไปตรวจสอบให้พอใจ
"หึ่ย ทำท่าทางดัดจริต!" คุณชายเซียคาดไม่ถึงว่าเย่เฟิงจะกล้าให้ตรวจสอบจริง ๆ อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะซ้ำแล้วซ้ำอีก "ฉันล่ะอยากจะดูจริง ๆ ว่าในบัตรของนายจะมีสักเท่าไหร่กันเชียว! ถึงได้กล้ามาเสแสร้งต่อหน้าฉัน!"
เสียงที่ดังจากตรงนี้ ดึงดูดความสนใจของแขกโดยรอบ
มีหลายคนที่รู้จักคุณชายเซี่ย ต่างพากันส่งเสียงเชียร์
"คุัณชายเซี่ย เกิดอะไรขึ้น ถึงได้โกรธจัดขนาดนี้?"
"จะให้ผมช่วยเรียกคนให้ไหม?"
คุณชายเซี่ยตอบกลับไปว่า : "เรื่องเล็กน้อย ทุกคนไม่ต้องกังวล"
"ไอ้หมอนี่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ฉันสั่งให้พนักงานไปตรวจสอบเงินของเขาแล้ว จะไล่เขาออกไปในไม่ช้า!"
เมื่อทุกคนได้ยินคำว่าตรวจสอบยอดเงิน ก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที
"มองก็รู้แล้วว่าจน ในบัตรจะมีเงินเท่าไหร่กันเชียว?"
"ประหยัดอดออมเพื่อกินข้าวที่นี่หนึ่งมื้อ กลับไปคงต้องกินมาม่าอีกเป็นเดือนเลยมั้ง?"
"ถ้าเกินหนึ่งแสน ฉันจะกินโต๊ะตัวนี้ทันที!"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved