บทที่ 13 ได้รับเข้าทำงานแล้ว
by โชวหวู่เจียง
09:17,Jun 27,2024
อีกด้านหนึ่ง
ที่บ้านซูซาน ก็เกิดการโต้เถียงเช่นกัน
"พ่อคะ พ่อช่วยโทรถามให้หนูหน่อยนะ ว่าเพื่อนของหนูคนนั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว!"
ซูซานขอร้องให้พ่อของเธอใช้เส้นสายเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์
"ไม่ได้!"
หลังจากทราบว่าคนที่ถูกจับคือเย่เฟิง ไม่ว่าจะพูดอย่างไรพ่อของซูซานก็ไม่ยอมช่วย อีกทั้งสั่งให้ลูกสาวตัดขาดคามสัมพันธ์กับเขา
อุบัติเหตุทางรถยนต์ในตอนนั้น ซูซานเคยขอให้พ่อของเธอช่วยสืบหาความจริง ด้วยเหตุนี้พ่อของจึงยังคงมีความทรงจำต่อเย่เฟิง
"เขามันก็เป็นแค่ไอ้สวะที่เคยติดคุก แกจะไม่ติดต่อเขาทำไม? เขาถูกจับก็สมควรแล้ว!"
"สันดานหมาชอบกลับไปกินขี้ เพิ่งปล่อยตัวออกมาก็มีเรื่องแล้ว! และยังไปต่อยลูกชายของรองผู้ว่าเซี่ยอีก? ใจกล้าจริง ๆ ! เขาคิดว่าตัวเองยังคงเป็นคุณชายตระกูลเย่ที่ไม่สนกฎหมายอยู่อีกเหรอ!"
แม่ของซูซานที่อยู่ข้าง ๆ ก็ช่วยพูดด้วย : "ซานซาน ไม่ใช่แม่จะว่าแกหรอกนะ วันนี้แกไม่ยอมไปดูตัวดี ๆ แถมยังไปช่วยเพื่อนแกทำร้ายลูกชายของรองผู้ว่าเซี่ยอีก นี่มันสมเหตุสมผลไหม?"
"พ่อของแกยังทำงานเป็นลูกน้องรองผู้ช่วยเซี่ยอยู่ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ต่อไปจะเจอหน้ากันได้ยังไง? ไม่กลายเป็นศัตรูกันเหรอ? ถ้าทำไม่ดีอาจจะโดนพุ่งเป้าก็ได้!"
พ่อของซูซาน เป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่ตัวเล็ก ๆ จะว่าไปแล้วก็เป็นเพียงแค่"เจ้าหน้าที่" แต่รองผู้ว่าเซี่ยเป็นถึงข้าราชการขั้น 9
แม้จะเป็นข้าราชการขนาดเท่าเมล็ดงา แต่ก็ยังอยู่สูงกว่าเจ้าหน้าที่
"เห้อ ฉันโดนพุงเป้า อันที่จริงก็ไม่มีอะไร" พ่อของซูซานถอนหายใจแรง "แต่เกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ ซูซานงานของแกเลิกคิดไปได้เลย!"
"ลูกชายของรองผู้ว่าเซี่ยเป็นถึงผู้จัดการฝ่ายบุคคลสํานักงานใหญ่ของจ้าวซื่อกรุ๊ปเลยนะ เดิมทีคิดว่าจะใช้การดูตัวครั้งนี้ให้พวกแกสองคนได้รู้จักกัน ต่อให้ไม่ได้คบหากัน แต่ก็สามารถอาศัยความสัมพันธ์ของเขา ได้เข้าไปทํางานในบริษัทใหญ่อย่างจ้าวซื่อกรุ๊ปได้อย่างราบรื่น"
"ตอนนี้แกไปทำให้เขาบาดหมาง อย่าว่าแต่จ้าวซื่อกรุ๊ปเลย แค่เขายกสายโทรศัพท์กริ๊งเดียว เกรงว่าบริษัทใหญ่ ๆ ในเยี่ยนจิงคงไม่เอาแกแล้ว"
เมื่อพูดถึงงาน ซูซานอดไม่ได้ที่จะโต้แย้ง
"เรื่องงาน เย่เฟิงจัดการให้หนูแล้ว"
"บังเอิญเขารู้จักจ้าวว่านถิงคุณหนูของตระกูลจ้าว คุณหนูจ้าวพูดด้วยตัวเองว่าให้หนูไปรายงานตัวที่บริษัทพรุ่งนี้..........."
เพียงแต่หลังจากนั้นเย่เฟิงได้พูดจาทำให้ตระกูลจ้าวขุ่นเคือง เลยไม่รู้ว่าคำรับปากนี้ยังเป็นจริงอยู่ไหม
ด้วยเหตุนี้ ขณะที่ซูซานพูด เสียงของเธอก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนขาดความมั่นใจเล็กน้อย
ในสายตาของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ นั่นมันคำโกหก
"เห่อ แกอยากจะปกป้องไอ้หมอนั่น ก็ควรหาข้ออ้างที่ดีกว่านี้หน่อย เขาเองยังเอาตัวไม่รอด ยังจะมาจัดการเรื่องงานให้แกอีกเหรอ?" พ่อของซูซานยิ้มเจื่อนแล้วพูดขึ้น
"นั่นน่ะสิ รู้จักคุณหนูตระกูลจ้าวงั้นเหรอ? ทำไมแกไม่บอกมาเลยล่ะว่าเขารู้จักนายท่านตระกูลจ้าว? จะได้พูดคำเดียวให้แกไปเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลแทนคุณชายเซี่ยซะเลย!" ผู้เป็นแม่เองก็ส่ายหน้ายิ้มเจื่อน ๆ
เมื่อได้ยินดังนั้น ซูซานคิดในใจว่า : รู้จักนายท่านจ้าวจริง ๆ คืนนี้เขายังชนแก้วกับเย่เฟิงอยู่เลย
เพียงแต่ว่าความจริงแบบนี้ พูดแล้วกลับไม่มีใครเชื่อ
ซูซานรีบเปลี่ยนเรื่องและขอร้องพ่อต่อไป : "พ่อคะ พ่อช่วยโทรถามให้หน่อยสิ ไม่แน่อาจจะใกล้ถึงเวลาลงโทษแล้ว พ่อก็ช่วยขอร้องให้หน่อยนะ!"
"เลิกคิดได้เลย!" พ่อของซูซานพูดด้วยความรังเกียจว่า : "คนอย่างเขา เลิกยุ่งให้เร็วที่สุดจะดีกว่า ฉันจะไปขอร้องแทนเขาได้ยังไง?"
"ถ้าพ่อไม่โทร งั้นเดี๋ยวหนูจะไปดูด้วยตัวเอง!" ซูซานประชดประชัน
"แกกล้า!" พ่อของซูซานพูดด้วยความโกรธว่า "ถ้าแกกล้าเดินออกจากประตูบ้าน ฉันจะทุบให้ขาขาด!"
ในตอนนี้เอง กริ่งประตูบ้านก็ดังขึ้น
แม่ของซูซานเปิดประตู เจอพัสดุด่วน
"แปลกจัง ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว ใครส่งพัสดุมานะ?"
เมื่อเปิดพัสดุออก ทั้งสามคนก็ตกตะลึง
ปรากฎว่าเป็นหนังสือตอบรับเข้าทำงาน พร้อมกับส่งชุดเครื่องแบบและบัตรทํางานมาด้วย
เมื่อพ่อของซูซานหยิบหนังสือตอบรับเข้าทำงานมาเปิดดู ก็ต้องตกใจในทันที
"หนังสือตอบรับเข้าทำงานของสำนักงานใหญ่บริษัทจ้าวซื่อกรุ๊ป?"
"ตําแหน่งคือ... ผู้จัดการฝ่ายบุคคล!!!"
"เป็นไปได้ยังไง?" แม่ของซูซานไม่อยากจะเชื่อ "ตำแหน่งนี้ ไม่ใช่ของคุณชายเซี่ยหรอกเหรอ? นี่แกล้งหรือเปล่า?"
พ่อของซูซานส่ายหน้าแล้วพูดว่า : "มีตราประทับของจ้าวซื่อกรุ๊ปอยู่ข้างบน จะปลอมได้ยังไง! ใครจะกล้าปลอมตราราชการตามอําเภอใจล่ะ นี่มันผิดกฎหมายนะ"
หลังจากนั้น สองสามีภรรยาก็หันมองลูกสาวพร้อมกัน แม้ไม่อยากจะเชื่อ แต่การกระทำสำคัญกว่าคำพูด
"ซานซาน แก....ได้เข้าทำงานที่จ้าวซื่อกรุ๊ปจริง ๆ เหรอ?"
ซูซานมองหนังสือตอบรับเข้าทำงานฉบับนั้น และเผยรอยยิ้มอย่างรู้ทัน
"หนูบอกแล้ว ว่าใช้เส้นสายของเย่เฟิง หนูถึงได้รับเข้าทำงานที่จ้าวซื่อกรุ๊ปเป็นกรณีพิเศษ พ่อกับแม่ไม่เชื่อ!"
สองสามีภรรยาพูดไม่ออก
"ถ้าเป็นความช่วยเหลือของไอ้หมอนั่นจริง ๆ.........." พ่อของซูซานพูดอย่างผ่อนคลายว่า "เช่นนั้นฉันจะลองโทรศัพท์ถามถึงสถานการณ์ตอนนี้ของเขาดูแล้วกัน"
ต่อมา พ่อของซูซานโทรศัพท์ทำให้ทราบว่าเย่เฟิงถูกรับตัวไปแล้ว
ทำให้ซูซานโล่งใจ
ที่ตีนเขาเฟิงหัว
จินหลี่ว์อีไม่สามารถจับกุมเย่เฟิงได้ เธอจึงกลับไปบริเวณบ้านพัก เพื่อพบกับพ่อบุญธรรม
"เอ๋? นั่นมัน! ?"
จินหลี่ว์อีบังเอิญเห็นร่างที่คุ้นเคยเดินผ่านแวบเข้าไปในในวิลล่าบนไหล่เขา
"เย่เฟิง? เป็นเขาได้ยังไง! ?"
"ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่เฟิงหัวซานวิลล่า?"
จินหลี่ว์อีตั้งสติ หลังจากนั้นก็ส่ายหัวยิ้มเจื่อน ๆ แล้วพูดว่า : "ในหัวของฉันตอนนี้เต็มไปด้วยความคิดที่จะจับตัวเขา เห็นใครก็เหมือนเขาไปหมด ฉันคงคิดมากไปแน่ ๆ !"
ต่อมา จินหลี่ว์อีก็เดินเข้าไปในวิลล่าตีนเขา
"คุณพ่อ!"
จินหลี่ว์อีพบพ่อบุญธรรมของเธอที่กำลังชกมวยอยู่ในสวนหลังบ้าน
"ดึกขนาดนี้แล้วยังฝึกซ้อมมวยอยู่อีกเหรอคะ"
พบเพียงชายชราที่มีหนวดเครา อายุหกสิบกว่า เตะต่อยมีพลังดั่งเสือ ราวกับว่าตั้งแต่ต้นคอของเขาลงมามีอายุเพียงสามสิบปี
เขาผู้นี้ก็คือเทพแห่งสงครามโยวโจวซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าทวีปของต้าเซี่ย
"วู้ว...อายุเยอะแล้ว มือไม้ไม่มีแรง ถ้าไม่พยายาม ก็จะถูกคนรุ่นหลังอย่างพวกแกแซงหน้าแล้ว...." ชายชราก็บหมัดแล้วหัวเราะ
อุบัติเหตุในวันนั้น ทำให้จินหลี่ว์อีกลายเป็นเด็กกำพร้า ถูกชายชราผู้นี้รับเป็นบุตรบุญธรรม ถ่ายทอดความสามารถทั้งหมดให้แก่เธอ และเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของเธอไปอย่างสิ้นเชิง
"ดึกขนาดนี้แล้ว ยังมาหาฉันอีก มีเรื่องอะไรรึเปล่า?"
หลังจากที่ทั้งสองคนมานั่งในห้องรับแขกแล้ว ชายชราก็ถามขึ้นมาตรง ๆ
"พ่อบุญธรรมคะ ลองดูนี่สิ!"
จินหลี่ว์อีหยิบของสิ่งหนึ่งออกมา
มันเป็นเพชรสีชมพูขนาดเท่าเมล็ดองุ่น
"พ่อได้ดูข่าววันนี้ไหม? มีรถตกหน้าผา หนูบังเอิญผ่านไปพอดีแล้วเจอสิ่งนี้อยู่ในรถ และในรถคันที่ชนแม่ของหนูตายคันนั้น ก็เคยมีสิ่งนี้เช่นกัน!"
ที่บ้านซูซาน ก็เกิดการโต้เถียงเช่นกัน
"พ่อคะ พ่อช่วยโทรถามให้หนูหน่อยนะ ว่าเพื่อนของหนูคนนั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว!"
ซูซานขอร้องให้พ่อของเธอใช้เส้นสายเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์
"ไม่ได้!"
หลังจากทราบว่าคนที่ถูกจับคือเย่เฟิง ไม่ว่าจะพูดอย่างไรพ่อของซูซานก็ไม่ยอมช่วย อีกทั้งสั่งให้ลูกสาวตัดขาดคามสัมพันธ์กับเขา
อุบัติเหตุทางรถยนต์ในตอนนั้น ซูซานเคยขอให้พ่อของเธอช่วยสืบหาความจริง ด้วยเหตุนี้พ่อของจึงยังคงมีความทรงจำต่อเย่เฟิง
"เขามันก็เป็นแค่ไอ้สวะที่เคยติดคุก แกจะไม่ติดต่อเขาทำไม? เขาถูกจับก็สมควรแล้ว!"
"สันดานหมาชอบกลับไปกินขี้ เพิ่งปล่อยตัวออกมาก็มีเรื่องแล้ว! และยังไปต่อยลูกชายของรองผู้ว่าเซี่ยอีก? ใจกล้าจริง ๆ ! เขาคิดว่าตัวเองยังคงเป็นคุณชายตระกูลเย่ที่ไม่สนกฎหมายอยู่อีกเหรอ!"
แม่ของซูซานที่อยู่ข้าง ๆ ก็ช่วยพูดด้วย : "ซานซาน ไม่ใช่แม่จะว่าแกหรอกนะ วันนี้แกไม่ยอมไปดูตัวดี ๆ แถมยังไปช่วยเพื่อนแกทำร้ายลูกชายของรองผู้ว่าเซี่ยอีก นี่มันสมเหตุสมผลไหม?"
"พ่อของแกยังทำงานเป็นลูกน้องรองผู้ช่วยเซี่ยอยู่ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ต่อไปจะเจอหน้ากันได้ยังไง? ไม่กลายเป็นศัตรูกันเหรอ? ถ้าทำไม่ดีอาจจะโดนพุ่งเป้าก็ได้!"
พ่อของซูซาน เป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่ตัวเล็ก ๆ จะว่าไปแล้วก็เป็นเพียงแค่"เจ้าหน้าที่" แต่รองผู้ว่าเซี่ยเป็นถึงข้าราชการขั้น 9
แม้จะเป็นข้าราชการขนาดเท่าเมล็ดงา แต่ก็ยังอยู่สูงกว่าเจ้าหน้าที่
"เห้อ ฉันโดนพุงเป้า อันที่จริงก็ไม่มีอะไร" พ่อของซูซานถอนหายใจแรง "แต่เกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ ซูซานงานของแกเลิกคิดไปได้เลย!"
"ลูกชายของรองผู้ว่าเซี่ยเป็นถึงผู้จัดการฝ่ายบุคคลสํานักงานใหญ่ของจ้าวซื่อกรุ๊ปเลยนะ เดิมทีคิดว่าจะใช้การดูตัวครั้งนี้ให้พวกแกสองคนได้รู้จักกัน ต่อให้ไม่ได้คบหากัน แต่ก็สามารถอาศัยความสัมพันธ์ของเขา ได้เข้าไปทํางานในบริษัทใหญ่อย่างจ้าวซื่อกรุ๊ปได้อย่างราบรื่น"
"ตอนนี้แกไปทำให้เขาบาดหมาง อย่าว่าแต่จ้าวซื่อกรุ๊ปเลย แค่เขายกสายโทรศัพท์กริ๊งเดียว เกรงว่าบริษัทใหญ่ ๆ ในเยี่ยนจิงคงไม่เอาแกแล้ว"
เมื่อพูดถึงงาน ซูซานอดไม่ได้ที่จะโต้แย้ง
"เรื่องงาน เย่เฟิงจัดการให้หนูแล้ว"
"บังเอิญเขารู้จักจ้าวว่านถิงคุณหนูของตระกูลจ้าว คุณหนูจ้าวพูดด้วยตัวเองว่าให้หนูไปรายงานตัวที่บริษัทพรุ่งนี้..........."
เพียงแต่หลังจากนั้นเย่เฟิงได้พูดจาทำให้ตระกูลจ้าวขุ่นเคือง เลยไม่รู้ว่าคำรับปากนี้ยังเป็นจริงอยู่ไหม
ด้วยเหตุนี้ ขณะที่ซูซานพูด เสียงของเธอก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนขาดความมั่นใจเล็กน้อย
ในสายตาของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ นั่นมันคำโกหก
"เห่อ แกอยากจะปกป้องไอ้หมอนั่น ก็ควรหาข้ออ้างที่ดีกว่านี้หน่อย เขาเองยังเอาตัวไม่รอด ยังจะมาจัดการเรื่องงานให้แกอีกเหรอ?" พ่อของซูซานยิ้มเจื่อนแล้วพูดขึ้น
"นั่นน่ะสิ รู้จักคุณหนูตระกูลจ้าวงั้นเหรอ? ทำไมแกไม่บอกมาเลยล่ะว่าเขารู้จักนายท่านตระกูลจ้าว? จะได้พูดคำเดียวให้แกไปเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลแทนคุณชายเซี่ยซะเลย!" ผู้เป็นแม่เองก็ส่ายหน้ายิ้มเจื่อน ๆ
เมื่อได้ยินดังนั้น ซูซานคิดในใจว่า : รู้จักนายท่านจ้าวจริง ๆ คืนนี้เขายังชนแก้วกับเย่เฟิงอยู่เลย
เพียงแต่ว่าความจริงแบบนี้ พูดแล้วกลับไม่มีใครเชื่อ
ซูซานรีบเปลี่ยนเรื่องและขอร้องพ่อต่อไป : "พ่อคะ พ่อช่วยโทรถามให้หน่อยสิ ไม่แน่อาจจะใกล้ถึงเวลาลงโทษแล้ว พ่อก็ช่วยขอร้องให้หน่อยนะ!"
"เลิกคิดได้เลย!" พ่อของซูซานพูดด้วยความรังเกียจว่า : "คนอย่างเขา เลิกยุ่งให้เร็วที่สุดจะดีกว่า ฉันจะไปขอร้องแทนเขาได้ยังไง?"
"ถ้าพ่อไม่โทร งั้นเดี๋ยวหนูจะไปดูด้วยตัวเอง!" ซูซานประชดประชัน
"แกกล้า!" พ่อของซูซานพูดด้วยความโกรธว่า "ถ้าแกกล้าเดินออกจากประตูบ้าน ฉันจะทุบให้ขาขาด!"
ในตอนนี้เอง กริ่งประตูบ้านก็ดังขึ้น
แม่ของซูซานเปิดประตู เจอพัสดุด่วน
"แปลกจัง ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว ใครส่งพัสดุมานะ?"
เมื่อเปิดพัสดุออก ทั้งสามคนก็ตกตะลึง
ปรากฎว่าเป็นหนังสือตอบรับเข้าทำงาน พร้อมกับส่งชุดเครื่องแบบและบัตรทํางานมาด้วย
เมื่อพ่อของซูซานหยิบหนังสือตอบรับเข้าทำงานมาเปิดดู ก็ต้องตกใจในทันที
"หนังสือตอบรับเข้าทำงานของสำนักงานใหญ่บริษัทจ้าวซื่อกรุ๊ป?"
"ตําแหน่งคือ... ผู้จัดการฝ่ายบุคคล!!!"
"เป็นไปได้ยังไง?" แม่ของซูซานไม่อยากจะเชื่อ "ตำแหน่งนี้ ไม่ใช่ของคุณชายเซี่ยหรอกเหรอ? นี่แกล้งหรือเปล่า?"
พ่อของซูซานส่ายหน้าแล้วพูดว่า : "มีตราประทับของจ้าวซื่อกรุ๊ปอยู่ข้างบน จะปลอมได้ยังไง! ใครจะกล้าปลอมตราราชการตามอําเภอใจล่ะ นี่มันผิดกฎหมายนะ"
หลังจากนั้น สองสามีภรรยาก็หันมองลูกสาวพร้อมกัน แม้ไม่อยากจะเชื่อ แต่การกระทำสำคัญกว่าคำพูด
"ซานซาน แก....ได้เข้าทำงานที่จ้าวซื่อกรุ๊ปจริง ๆ เหรอ?"
ซูซานมองหนังสือตอบรับเข้าทำงานฉบับนั้น และเผยรอยยิ้มอย่างรู้ทัน
"หนูบอกแล้ว ว่าใช้เส้นสายของเย่เฟิง หนูถึงได้รับเข้าทำงานที่จ้าวซื่อกรุ๊ปเป็นกรณีพิเศษ พ่อกับแม่ไม่เชื่อ!"
สองสามีภรรยาพูดไม่ออก
"ถ้าเป็นความช่วยเหลือของไอ้หมอนั่นจริง ๆ.........." พ่อของซูซานพูดอย่างผ่อนคลายว่า "เช่นนั้นฉันจะลองโทรศัพท์ถามถึงสถานการณ์ตอนนี้ของเขาดูแล้วกัน"
ต่อมา พ่อของซูซานโทรศัพท์ทำให้ทราบว่าเย่เฟิงถูกรับตัวไปแล้ว
ทำให้ซูซานโล่งใจ
ที่ตีนเขาเฟิงหัว
จินหลี่ว์อีไม่สามารถจับกุมเย่เฟิงได้ เธอจึงกลับไปบริเวณบ้านพัก เพื่อพบกับพ่อบุญธรรม
"เอ๋? นั่นมัน! ?"
จินหลี่ว์อีบังเอิญเห็นร่างที่คุ้นเคยเดินผ่านแวบเข้าไปในในวิลล่าบนไหล่เขา
"เย่เฟิง? เป็นเขาได้ยังไง! ?"
"ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่เฟิงหัวซานวิลล่า?"
จินหลี่ว์อีตั้งสติ หลังจากนั้นก็ส่ายหัวยิ้มเจื่อน ๆ แล้วพูดว่า : "ในหัวของฉันตอนนี้เต็มไปด้วยความคิดที่จะจับตัวเขา เห็นใครก็เหมือนเขาไปหมด ฉันคงคิดมากไปแน่ ๆ !"
ต่อมา จินหลี่ว์อีก็เดินเข้าไปในวิลล่าตีนเขา
"คุณพ่อ!"
จินหลี่ว์อีพบพ่อบุญธรรมของเธอที่กำลังชกมวยอยู่ในสวนหลังบ้าน
"ดึกขนาดนี้แล้วยังฝึกซ้อมมวยอยู่อีกเหรอคะ"
พบเพียงชายชราที่มีหนวดเครา อายุหกสิบกว่า เตะต่อยมีพลังดั่งเสือ ราวกับว่าตั้งแต่ต้นคอของเขาลงมามีอายุเพียงสามสิบปี
เขาผู้นี้ก็คือเทพแห่งสงครามโยวโจวซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าทวีปของต้าเซี่ย
"วู้ว...อายุเยอะแล้ว มือไม้ไม่มีแรง ถ้าไม่พยายาม ก็จะถูกคนรุ่นหลังอย่างพวกแกแซงหน้าแล้ว...." ชายชราก็บหมัดแล้วหัวเราะ
อุบัติเหตุในวันนั้น ทำให้จินหลี่ว์อีกลายเป็นเด็กกำพร้า ถูกชายชราผู้นี้รับเป็นบุตรบุญธรรม ถ่ายทอดความสามารถทั้งหมดให้แก่เธอ และเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของเธอไปอย่างสิ้นเชิง
"ดึกขนาดนี้แล้ว ยังมาหาฉันอีก มีเรื่องอะไรรึเปล่า?"
หลังจากที่ทั้งสองคนมานั่งในห้องรับแขกแล้ว ชายชราก็ถามขึ้นมาตรง ๆ
"พ่อบุญธรรมคะ ลองดูนี่สิ!"
จินหลี่ว์อีหยิบของสิ่งหนึ่งออกมา
มันเป็นเพชรสีชมพูขนาดเท่าเมล็ดองุ่น
"พ่อได้ดูข่าววันนี้ไหม? มีรถตกหน้าผา หนูบังเอิญผ่านไปพอดีแล้วเจอสิ่งนี้อยู่ในรถ และในรถคันที่ชนแม่ของหนูตายคันนั้น ก็เคยมีสิ่งนี้เช่นกัน!"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved