บทที่ 3 การศิโรราบของผู้แข็งแกร่ง

ตอนนี้เธอไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำกับเขาที่นี่ ก่อนที่เธอจะรีบลุกขึ้นมาจากเก้าอี้เตรียมพร้อมที่จะลงไปด้านล่าง

แต่ในจังหวะที่ประตูลิฟท์กำลังจะปิดนั้น ก็มีมือข้างนึงของใครบางคนยื่นเข้ามา ทำให้ประตูลิฟท์เด้งเปิดออกอีกครั้ง

"คุณภรรยา รอผมด้วยสิครับ มีปัญหาอะไรเดี๋ยวผมช่วยคุณจัดการเอง ขอแค่คุณเรียกผมว่าสามีคำเดียว แม้จะเป็นดาวที่อยู่บนฟ้าผมก็จะดึงมันลงมาให้คุณครับ!!" โม่ฝานยิ้มร้ายๆพลางพูด

แต่เวลานี้สีหน้าของมู่ชิงเอ๋อร์กลับดูเยือกเย็นมาก "ถ้าเกิดแกประเมินสถานการณ์เป็นก็รีบจากไปซะ ฉันพบเจอกับปัญหานิดหน่อย สักพักถ้าเกิดแกกล้าพูดจาอะไรมั่วซั่ว ถึงตอนนั้นฉันเองก็ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยให้แกได้!"

"โอ๊ะ?! มีใครบังอาจมาทำให้ภรรยาผมอารมณ์เสีย!!"

"ห้ามเรียกฉันว่าภรรยา!!"

"ได้เลยครับ แม่ของลูก!!"

"....."

ติ๊งง!

ประตูลิฟท์ค่อยๆเปิดออก ทุกคนได้นำสายตาจับจ้องมาทางประตูลิฟท์

สายตาของทุกคนนอกจากจะได้รับการดึงดูดจากความงดงามของมู่ชิงเอ๋อร์แล้ว ยังมีเงาร่างของผู้ชายคนนึงที่อยู่ข้างกายเธอก็ได้ดึงดูดความสนใจจากพวกเขาไปเช่นกัน

รวมไปถึงหมาพิทบูลที่หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวตัวนั้นด้วย

มีผู้ชายแปลกหน้าคนนึงกำลังยืนอยู่ข้างกายสาวสวยอันดับ 1 แห่งเมืองเจียงโจวอย่างนั้นเหรอ!!

แถมยังอยู่ใกล้กันมากขนาดนั้น แค่ดูก็รู้แล้วว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

"พวกแกมาทำอะไรอีก?! ครั้งก่อนเงินที่ควรชดใช้ฉันก็ชดใช้ให้ไปแล้วไม่ใช่หรอ!" มู่ชิงเอ๋อร์มองดูคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ตรงกลางห้องโถงใหญ่พลางตวาดเสียงต่ำ

"อีก?"! โม่ฝานยักคิ้วเบาๆ ดูท่าคนกลุ่มนี้น่าจะไม่ได้มาก่อความวุ่นวายแค่ครั้งสองครั้งแล้ว

เห็นได้ชัดเจนเลยว่านี่เป็นการก่อความวุ่นวายที่ได้ผ่านการวางแผนมาก่อนแล้ว

ผู้หญิงของเขา มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถรังแกได้ คนอื่นที่เหลือไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าแตะต้องตัวเธอ ล้วนต้องตาย!

ชายหัวล้านคนนึงที่ใส่สร้อยขึ้นสนิมอยู่บนคอพูดว่า "พวกเรามาทวงคืนความยุติธรรม! บอสมู่ครับ ใช่ว่าปัญหาทุกอย่างจะสามารถใช้เงินจัดการได้เสมอไปนะครับ วันนี้คุณต้องคืนความความยุติธรรมทำให้ทุกคนให้ได้"

หลังจากที่พูดจบก็มีเสียงโวยวายดังมาจากด้านนอก แถมยังมีคนจำนวนมากกำลังถือป้ายประท้วงอะไรบางอย่างอยู่ในมืออีกด้วย

"เครื่องสำอางของจินซือหย่ามีสารพิษ พวกคุณดูใบหน้าของพวกเราสิ พังเสียหายหมดแล้ว!!"

"ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ค้าใจดำพวกนี้ใส่สารอันตรายอะไรลงไปในเครื่องสำอางบ้าง ดูใบหน้าของฉันสิได้รับสารไปเต็มๆเลย!!"

"คืนเงิน คืนเงิน!"

"....."

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้แล้วทำให้ร่างกายอันเรียวบางของมู่ชิงเอ๋อร์สั่นคลอนขึ้นมาเล็กน้อย ขืนปล่อยให้ประท้วงแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ต่อไปธุรกิจของเธอต้องได้เผชิญหน้ากับขาลงแน่นอน!

โม่ฝานมองเห็นกลุ่มคนที่กำลังประท้วงกลุ่มนั้นแล้ว ทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนที่เขาจะมองผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูมีอายุประมาณ 60 กว่าแล้วพูดว่า "คุณยายครับ อายุคุณสูงปานนี้แล้วคุณยังใช้เครื่องสำอางอยู่อีกหรอครับ?!"

"แกเรียกใครคุณยาย?! ฉันเพิ่งจะ 50 กว่าเอง ใช้เครื่องสำอางแล้วทำไม?! มันผิดกฎหมายหรอ?"

"ใช้เครื่องสำอางมันไม่ผิดกฎหมายหรอกครับ แต่ว่าการที่พวกคุณสุมหัวกันมาก่อความวุ่นวายแบบนี้ มันผิดกฎหมายนะครับ!!"

"....."

ชายวัยกลางคนที่ใส่สร้อยขึ้นสนิมคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ว่า "ไอ้หนูแกคือใครวะ เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับแก รีบไสหัวไปซะ ไม่งั้นสักพักเดี๋ยวฉันจะเก็บแกด้วยคน!!"

"พวกแกรังแกภรรยาฉัน แต่แกกลับบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับฉันงั้นหรอ?!" โม่ฝานแบมือทั้งสองข้างออกมาพลางหัวเราะอย่างเยือกเย็นพลางพูด

"ภรรยาแก?! คนนี้คือผู้หญิงของเฮียเลี่ยงของเรา แต่จะว่าไปมันก็จริงอยู่เหมือนกัน ผู้หญิงที่สวยงามแบบนี้ คาดว่าผู้ชายทุกคนก็คงอยากได้เป็นเจ้าของกันทั้งนั้นแหละ เอางี้ไหมครับบอสมู่มาสนุกกับบอสเราหน่อยเป็นไง?! ถ้าบอสมู่ตอบตกลงละก็ เดี๋ยวผมจะพาไปคนของผมออกไปตอนนี้เลย!!" ชายวัยกลางคนที่ใส่สร้อยขึ้นสนิมคนนั้นยักคิ้วอย่างมีเลศนัยพลางพูด

แม้วิธีนี้จะดูไม่ค่อยดี แต่มันกลับได้ประสิทธิผลดีจริงๆ!

จากการประท้วงของกลุ่มคนกลุ่มนี้ และการประชาสัมพันธ์ของสื่อมวลชน ถึงตอนนั้นบริษัทคอสเมติกส์จินซือหย่าก็จะได้เผชิญหน้ากับขาลงของธุรกิจทันทีแน่นอน ถึงตอนนั้นค่อยให้เฮียเลี่ยงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ และผู้หญิงคนนี้ก็จะตกเป็นเหยื่อของเฮียเลี่ยงเอง!

การที่คนบางคนสามารถเป็นลูกพี่ใหญ่ได้นั้นมันก็มีเหตุผลของมันอยู่ ซึ่งชายวัยกลางคนที่ใส่สร้อยขึ้นสนิมคนนี้ก็รู้สึกพึงพอใจมากๆเหมือนกัน!!

มู่ชิงเอ๋อร์ในตอนนี้กำลังกำหมัดแน่น หายใจเข้าออกถี่จนหน้าอกขยายขึ้นลงรัวๆ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเธอในตอนนี้รู้สึกโกรธเกรี้ยวมากกว่าตอนที่ถูกโม่ฝานปั่นหัวซะอีก

บริษัทนี้เป็นบริษัทเพียงหนึ่งเดียวที่แม่เธอทิ้งไว้ให้เธอก่อนที่แม่จะเสีย ถ้าเกิดแม้แต่ของสิ่งนี้เธอยังไม่มีปัญญารักษาไว้ได้ งั้นต่อไปเธอจะมีหน้าไปเผชิญหน้ากับพ่อแม่ที่เสียชีวิตไปแล้วได้อย่างไร!!

"คนละ 200 รับไปแล้วไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!!" ตอนนี้โม่ฝานได้สาดธนบัตรปึกหนึ่งที่อยู่ในมือตัวเองออกไปด้านหน้า

เมื่อได้ยินแบบนี้แล้วทำให้มู่ชิงเอ๋อร์รีบคลำหากระเป๋าตังค์ตัวเองทันที "ไอ้แซ่โม่ แกขโมยกระเป๋าตังค์ฉัน!"

"เป็นสามีภรรยากัน ไม่มีคำว่าขโมยหรือไม่ขโมยหรอกนะ ของคุณก็เท่ากับของผมไม่ใช่หรอครับ?!"

"......"

ณ ตอนนี้ คุณป้ากลุ่มนั้นก็หยุดประท้วงแล้วเหมือนกัน ทุกคนต่างหันกลับมาสบตากันรอบนึง

"ให้ตายเถอะ!! 200 หยวน!"

"คนกลุ่มนี้ให้เราแค่ 80 หยวนเอง เงินนี่มันหาง่ายเกินไปหรือเปล่า!!"

"รีบเก็บเงินสิ พูดมากขนาดนั้นทำไม!!"

"....."

ณ ตอนนี้ คนกลุ่มนั้นกำลังตกอยู่ในศึกแย่งชิงเงินอยู่ พื้นถูกสาดเต็มไปด้วยธนบัตรสีแดง ตอนนี้พวกเขาจะยังมีอารมณ์ไปใส่ร้ายป้ายสีจินซือหย่ากรุ๊ปอยู่อีกหรือ

เมื่อมู่ชิงเอ๋อร์เห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้วทำให้เธอหยุดชะงักไปชั่วขณะ

มันไม่มีความซื่อสัตย์อะไรจริงๆด้วย มีแค่ผลตอบแทนของการทรยศเท่านั้นแหละที่ยังไม่มากพอ!!

ขอแค่มีเงินไม่ว่าจะเป็นคำสาบานใดๆก็สามารถเป็นโมฆะได้ ซึ่งนี่ก็เป็นบทเรียนแรกที่มู่ชิงเอ๋อร์ได้รับหลังจากที่เรียนจบจากมหาลัยเช่นกัน

มู่ชิงเอ๋อร์ในตอนนี้รู้สึกละอายใจอยู่เล็กน้อย ในขณะที่ตัวเองเป็นซีอีโอ แต่เหตุการณ์ในเมื่อกี้นี้กลับทำให้เธอลนจนทำอะไรไม่ถูก คิดไม่ถึงเลยว่าแค่กระบวนท่าเดียวของไอ้หมอนี่จะทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้นอย่างทันตาเห็น

เขา เป็นคนแบบไหนกันแน่?!

มากไปกว่านั้นคือตอนนี้มู่ชิงเอ๋อร์เริ่มรู้สึกสงสัยเล็กน้อยแล้วว่าไอ้หมอนี่จะใช้วิธีการอะไรทำให้ตัวเองตกหลุมรักเขาได้ภายในระยะเวลา 1 เดือน!!

"ไอ้หนู แกจะเข้ามายุ่งเรื่องชาวบ้านจริงดิ?!" ชายวัยกลางคนที่ใส่สร้อยขึ้นสนิมคนนั้นใช้นิ้วชี้หน้าโม่ฝานพลางพูดด้วยอารมณ์ที่โกรธเกรี้ยว

เขาใช้นิ้วแคะๆหูแล้วตอบกลับไปอย่างปลงว่า "ฉันบอกไปแล้วว่าคนนี้คือภรรยาฉัน จะเรียกว่าเป็นการเข้ามายุ่งเรื่องชาวบ้านได้ยังไงล่ะ?!"

คิดไม่ถึงเลยว่าวินาทีนี้มู่ชิงเอ๋อร์จะไม่ได้โต้แย้งอะไร เธอแค่ถอนหายใจอย่างเงียบๆเท่านั้น

"ทุบ!! พังของทุกอย่างที่อยู่ในนี้ให้แหลกสลาย มีเฮียเลี่ยงคอยหนุนหลังเราอยู่ ทุกคนไม่ต้องกลัว!" ชายวัยกลางคนที่ใส่สร้อยขึ้นสนิมคนนั้นคำรามเสียงดัง

เฮียเลี่ยง?!

โม่ฝานอดไม่ได้ที่จะถูกกำปั้นตัวเองไปมา ดูท่าคนที่คิดจะทำอะไรไม่ดีไม่ร้ายภรรยาตัวเองนี่ก็มีเยอะอยู่เหมือนกันนะเนี่ย!!

เขาขยับร่างกายเล็กน้อย ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว เขาก็ได้ไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าชายวัยกลางคนคนนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"ไม่เอาฉันไปไว้ในสายตาจริงๆหรือ?!" ใบหน้าของโม่ฝานหม่นหมองลงไป ภายในแววตามีรังสีแห่งความเยือกเย็นที่ทำให้คนมองแทบจะหยุดหายใจเป็นประกาย

มู่ชิงเอ๋อร์ถึงกับถอยหลังกลับไปโดยสัญชาตญาณ ผู้ชายคนนี้แตกต่างกับผู้ชายปากร้ายในเมื่อกี้นี้โดยสิ้นเชิงเลย ราวกับว่าพวกเขาเป็นคนละคนยังไงอย่างนั้น

เขาในตอนนี้น่าสยดสยองมาก!!

เหมือนปีศาจมารที่คลานขึ้นมาจากนรกยังไงอย่างนั้น ทำให้คนมองรู้สึกขนหัวลุกซู่อย่างควบคุมไม่ได้

มันคือปราณอาฆาต!!

มีเพียงคนที่ได้เดินเฉียดไหล่กับเทพแห่งความตายอยู่บ่อยๆเท่านั้น บนตัวถึงจะมีกลิ่นอายแบบนี้ปรากฏ!!

"แก…..แกคิดที่จะทำอะไร!!" ความมั่นใจของชายวัยกลางคนคนนั้นหายวับไปภายในพริบตา ก่อนที่เขาจะพูดอีกว่า "รู้หรือเปล่าว่าเฮียเลี่ยงเป็นใคร? ลูกชายของประธานกรรมการตงหัวกรุ๊ป แก…..!"

"คุกเข่าลง!!" เสียงนี้ดังกระหึ่มเหมือนสายฟ้าที่ได้ผ่าลงมาจากเมฆครึ้ม

แม้แต่หัวใจของมู่ชิงเอ๋อร์เองก็เต้นเร็วขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่เธอจะรีบใช้มือจับขอบประตูเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองล้มลงไป

ตึกก!!

ชายวัยกลางคนที่ใส่สร้อยขึ้นสนิมคนนั้นเข่าทรุดคุกเข่าลงไปกับพื้นทันที

นี่คือความหวาดผวา เป็นการศิโรราบต่อผู้แข็งแกร่ง!!

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

311