บทที่ 12 พรหมลิขิตเป็นเรื่องมหัศจรรย์

“ชงชาให้เสร็จ แล้วรอฉันกลับมา!!” โม่ฝานลุกขึ้นมาจากโซฟาแล้วตบๆฝุ่นที่เกาะอยู่บนตัวพลางพูด

และในตอนนี้เองชายร่างใหญ่คนนั้นก็ได้ยิ้มอย่างเคารพ “แน่นอนอยู่แล้วครับๆ เดี๋ยวผมจะไปชงชาตอนนี้เลยครับ!!”

“ไปขอเบิกชาต้าหงเผาที่แผนกบริหารหน่อยเถอะ แผนกรปภของเราก็ต้องให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์หน้าตาเช่นกัน เดี๋ยวฉันจะไปเสนอเรื่องนี้กับเบื้องบนเอง!!”

“.....”

หลังจากที่พูดจบเขาก็หันหลังแล้วเดินออกไปทันที แต่ทุกคนที่เหลือกลับรู้สึกมึนงงเป็นอย่างมาก ชาต้าหงเผา?! เป็นรปภยังต้องให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์หน้าตาด้วยหรือ?

ถ้าคำพูดนี้เกิดขึ้นเมื่อวาน ทุกคนต้องคิดว่าไอ้หมอนี่เป็นคนสติไม่สมประกอบแน่นอน

“หัวหน้าครับ คุณว่าไอ้หมอนั่นไม่ได้มีปัญหาเรื่องปัญญาใช่ไหม?! เขามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับท่านซีอีโอของเราจริงๆหรอครับ?” ชายหนุ่มผอมแห้งคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย

หวังเปียวหันหน้ากลับไปถลึงตาใส่เขาแล้วพูดว่า “นายสามารถทำให้ท่านซีอีโอโทรหานายได้หรือเปล่าล่ะ?!”

“......”

ณ ชั้นบนสุดของจินซือหย่ากรุ๊ป

“ซีอีโอคะ ผู้อำนวยการซูมาแล้วค่ะ!!” และในตอนนี้เองผู้ช่วยก็ได้เปิดประตูเดินเข้ามาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

“ให้เขาเข้ามาเลย…..”

“ได้เลยค่ะ!”

หลังจากที่พูดจบผู้ช่วยก็ได้เดินออกไป ผ่านไปไม่นานนักก็มีสาวสวยคนหนึ่งที่เอวเล็กเหมือนงูเดินเข้ามาในออฟฟิศ

“คุณหนูมู่ เช้าขนาดนี้แกตามหาฉันทำไมหรอ?!”

ถ้าเกิดโม่ฝานอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยแล้วก็ คาดว่าเขาคงทำได้แค่ส่ายหน้าอย่างเดียวแน่นอน โลกใบนี้ช่างเล็กเหลือเกิน ผู้หญิงคนนี้คือซูเยว่ที่เพิ่งทำอะไรบ้าคลั่งๆกับเขาไปเมื่อคืนนี้ไม่ใช่หรอ?!

เธอในตอนนี้ดูง่วงมากๆ หนังตาใกล้จะปิดแล้ว

นี่จึงทำให้มู่ชิงเอ๋อร์รู้สึกตะลึงเป็นอย่างมาก ปกติแล้วซูเยว่เป็นคนที่แต่งตัวเก่งมากๆ แถมเธอยังเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์หน้าตาตัวเองมากๆอีกด้วย แต่ตอนนี้ขอบตาของเธอกลับดำหมองทั้งสองข้างเลยอย่างนั้นหรอ

“เมื่อวานแกไปทำอะไรมาน่ะ?! กลิ่นเหล้าเหม็นฟุ้งไปทั้งตัวเลย แกดื่มเหล้าอีกแล้วหรอ?” มู่ชิงเอ๋อร์ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วรีบประคองตัวเธอไปบนโซฟาพลางพูดอย่างเป็นห่วง “ทำไมขาแกเหมือนได้รับบาดเจ็บหนักมาเลยล่ะ?!”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซูเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเก้อเขิน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ อย่าพูดออกมาจะดีกว่า ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจทีหลังอยู่เล็กน้อย ทำไมตัวเองในตอนนั้นถึงวู่วามขนาดนั้นล่ะ!!

การดื่มเหล้าทำให้เกิดเรื่องเสียหายขึ้นได้จริงๆ ต่อไปดื่มให้น้อยๆหน่อยดีกว่า

“ไม่เป็นไร เมื่อวานดื่มเยอะเกินเลยล้มน่ะ!! แกตามหาฉันตั้งแต่เช้าแบบนี้ทำไมเนี่ย เดิมทีฉันก็คิดว่าฉันจะนอนต่อได้อีกสักพักซะอีก” ในระหว่างที่พูดอยู่นั้นซูเยว่ก็ได้หาวไปทีนึง

มู่ชิงเอ๋อร์ตบไหล่เธอไปทีนึงแล้วถอนหายใจ “แกยังโกรธเพราะไอ้หมอนั่นอยู่อีกหรอ?! ผู้หญิงคนหนึ่งไปดื่มเหล้าคนเดียวมันอันตรายเกินไป ต่อไปถ้าอยากจะดื่มเดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อนแกเอง!!”

“แกเนี่ยนะ?! คนที่ให้ดื่มน้ำเปล่ายังเมาได้ ยังคิดที่จะไปดื่มเป็นเพื่อนฉันอีก?!” ซูเยว่หลุดหัวเราะ “พอเถอะ แค่มีเพื่อนสนิทอย่างแกฉันก็พอใจมากแล้ว ต่อไปถ้าเกิดฉันหาแฟนไม่ได้ งั้นเราสองคนก็คบกันเถอะ หญิงหญิงก็ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็ไม่รังเกียจอยู่แล้ว!!”

“ยัยกะล่อน ทำไมถึงเหมือนกับไอ้หมอนั่นเลย?! ฉันตามหาแกเพราะมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ แกรู้ใช่ไหมว่าวันนี้จะมีคนมาสมัครเป็นรปภในบริษัทเรา?!” มู่ชิงเอ๋อร์กลอกตามองบนอย่างเอือมระอาพลางพูด

เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ซูเยว่ก็ได้พยักหน้าอย่างมึนๆ “ต้องรู้อยู่แล้วสิ อีกอย่างตอนนั้นฉันยังเอารูปแกไปโฆษณาอีกด้วย คาดว่าวันนี้น่าจะมีคนมาสมัครเยอะเลย!!”

“ว่าไงนะ?! แกเอารูปฉันไปทำโฆษณา?!”

“ก็ใช่ไง ได้รับผลตอบรับดีมากๆ ต่างบอกว่ายอมเสียสละที่จะไม่เป็นเจ้านายคน แต่ก็จะมาเป็นรปภของที่นี่ให้ได้ คาดว่าวันนี้อย่างน้อยต้องมาซักเกือบพันคนได้ละมั้ง!!”

“.....”

เมื่อมู่ชิงเอ๋อร์ได้ยินแบบนี้แล้ว เธอก็เหงื่อแตกออกมาทันที

“โอ๊ย ล้อเล่นหนา ฉันช่วยแกคัดกรองเสร็จตั้งนานแล้ว แถมยังมีแต่คนมากความสามารถล้วนๆ มีทั้งคนที่เพิ่งปลดประจำการออกมาจากกองทัพ แต่ว่ามีอยู่จุดหนึ่งที่ฉันไม่ได้บอก นั่นก็คือทุกคนต่างมาสมัครเพราะแกจริงๆ!! แกสวยขนาดนี้ และยังถูกคนอื่นขนานนามว่าเป็นสาวสวยอันดับ 1 ของเจียงโจวอีก พวกผู้ชายที่อยู่ด้านนอกจะไม่หิวกระหายกันหรอกหรอ?!” ซูเยว่หัวเราะฮิๆพลางพูด เมื่อถอดหน้ากากอันเย็นชานั่นออกไป อันที่จริงเธอก็เป็นผู้หญิงที่จิตใจร่าเริงคนนึงอยู่เหมือนกัน

“เดี๋ยวสักพักจะมีสาระเลวคนนึงมาสัมภาษณ์เหมือนกัน เธอช่วยหาโอกาสไล่มันออกไปหน่อยนะ หรือไม่ก็จัดแจงคู่ต่อสู้ที่เก่งๆให้มันสองคน กระทืบมันให้ล้ม!! ใช่สิไอ้หมอนั่นชื่อโม่ฝาน ถ้าแกเห็นชื่อนี้เมื่อไหร่ แกต้องช่วยฉันอบรมสั่งสอนไอ้หื่นนั่นดีๆสักตั้งด้วยนะ!!” มู่ชิงเอ๋อร์ใช้เท้าย่ำกับพื้นอย่างหงุดหงิดพลางพูด

ซูเยว่กลอกตาไปมาอยู่สักพัก หลังจากที่เงียบไปนานเธอถึงจะเอ่ยปากพูดว่า “แก….คงไม่ได้เสียตัวแล้วใช่ไหม?! งั้นฉันคงต้องทักทายไอ้หมอนั่นดีๆแล้วล่ะ ถึงกับกล้ามาจีบท่านซีอีโอของเรา มันคือเทพเจ้าองค์ไหนกันแน่!!”

“อย่าพูดไร้สาระ ยังไงก็ตามเดี๋ยวสักพักแกต้องช่วยฉันอบรมสั่งสอนมันดีๆด้วยนะ หรือว่าแกจะกระทืบมันด้วยก็ได้เหมือนกัน!!”

เธอก็พอจะรู้ภูมิหลังครอบครัวซูเยว่อยู่ ซูเยว่ฝึกฝนวิชาการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ก่อนหน้านี้ผู้ชายหลายๆคนที่ตามจีบเธอ ต่างถูกหามเข้าโรงพยาบาลในวันต่อมา เพราะฉะนั้นเธอที่อยู่ในบริษัทยังมีฉายาว่า‘กุหลาบเปลวไฟ’อีกด้วย!!

“แกยิ่งทำแบบนี้ ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าแกเสียตัวแล้ว!!” ซูเยว่หลุดหัวเราะออกมาแล้วพูด

“......”

ตอนเช้า 10:00 น

มีคนเจ็ดแปดคนได้นั่งอยู่ในห้องประชุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างมาจากสายงานอาชีพที่แตกต่างกันไป

เทรนเนอร์ฟิตเนส เทรนเนอร์ด้านความงาม นักกีฬาบาสเก็ตบอล และยังมีคนที่เพิ่งปลดประจำการออกมาจากกองทัพกินด้วย

ทุกคนต่างมีจุดเด่นที่เหมือนๆกัน นั่นก็คือแข็งแกร่ง!!

แขนของพวกเขาใหญ่เหมือนขาของคนธรรมดาทั่วไป มากกว่านั้นคือมีคนจำนวนไม่น้อยเริ่มโชว์กล้ามเนื้อของตัวเองแล้ว

เอี๊ยดด ประตูถูกผลักออก

“ไม่ทราบว่าสัมภาษณ์รปภใช่ห้องนี้หรือเปล่าครับ?!” โม่ฝานค่อยๆเปิดประตูออก กวาดตามองดูด้านในแล้วถาม

สายตาของทุกคนได้จับจ้องมาทางตัวเขาคนเดียว คนพวกนั้นกำลังกวาดตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

หลังจากนั้น

เสียงหัวเราะก็ได้ดังลั่นไปทั่วทั้งห้องประชุม

“ลูกพี่ นายมาสัมภาษณ์รปภหรอ?!” ชายร่างใหญ่ที่ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อมองหน้าโม่ฝานพลางถาม

เขารีบพยักหน้าและยืดตัวบิดขี้เกียจอีกด้วย “ใช่แล้ว โชคดีที่คนไม่ค่อยเยอะ”

ทุกคนต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน ก่อนจะหัวเราะดังลั่นออกมาอีกครั้ง

“ไอ้หนู อย่างนายเนี่ยนะ กลับบ้านไปะล่นขี้ไก่เถอะ!!”

“แขนขาเล็กแบบนี้ เดี๋ยวสักพักฉันจะใช้หมัดเดียวเอาให้กระดูกหักหมดเลย ทำอะไรไม่ว่า แต่ดันมาเป็นรปภที่นี่?! ซีอีโอเป็นคนที่นักเลงกระจอกอย่างนายสามารถตามจีบๆด้งั้นหรอ?”

“คนอย่างมันน่ะ แค่หมัดเดียวฉันก็สามารถฆ่าให้ตายสามคนได้ละ ถ้าเกิดให้มันไปอยู่ในกองทัพของเรา แค่สามนาทีมันยังอดทนไม่ไหวเลย!!”

“.....”

กองทัพ?!

โม่ฝานกระตุกยิ้มมุมปากอย่างดูหมิ่น เขากวาดตามองไปทางคนที่เพิ่งพูดเมื่อกี้นี้ ดูจากสภาพน่าจะเป็นแค่ทหารชั้นต่ำที่เป็นทาสรับใช้ให้ทหารยศใหญ่ได้แค่ปีสองปี และน่าจะเป็นคนที่เข้าไปในกองทัพได้ด้วยอำนาจเส้นสาย ฝึกฝนมาสองปีแล้วแต่กลับไม่สามารถทำให้สันดานดูถูกคนอื่นของเขาหายไปได้งั้นหรอ นี่มันไปเพื่อทำให้คนอื่นเสียโอกาสชัดๆ

อีกอย่างลักษณะท่าทางในการนั่งและการยืนก็ไม่ได้มาตรฐานด้วย คาดว่าทหารที่มีหน้าที่ตัดฟืนในกองทัพยังแข็งแกร่งกว่าเขาเลย

“จะทำอะไรได้ล่ะ มาเพื่อเอาชีวิตรอด ตำแหน่งว่างอยู่แค่ตำแหน่งเดียวเท่านั้น แต่ด้านในนี้มีหกคน สุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ที่ถูกเลือก ฉันว่าเราอย่าเพิ่งด่วนตัดสินเลย!!” โม่ฝานยักไหล่พลางแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น

เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้จริงๆด้วย หลังจากที่โดนเขาพูดแขวะแบบนี้แล้ว สายตาของทุกคนก็เริ่มระแวดระวังขึ้นมา วินาทีนี้ความน่าเกลียดน่าชังของสันดานมนุษย์ถูกเปิดเผยออกมาอย่างถึงอกถึงใจ!!

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

1