บทที่ 16 รปภก็ต้องรักษาภาพลักษณ์หน้าตา

เมื่อได้ยินแบบนี้แล้วทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนเงียบหายไปภายในพริบตา เห็นว่าโม่ฝานกำลังเดินตรงเข้ามา ทุกคนจึงรีบแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง มีทั้งยกชามาเสิร์ฟ และเดินเข้าไปนวดไหล่

“เฮียโม่เฮียกลับมาแล้วหรอครับ ได้ยินมาว่าวันนี้เฮียกล้าแต๊ะอั๋งผู้อำนวยการซูด้วยอย่างนั้นหรอครับ?!” หวังเปียวหัวหน้ารปภคนนั้นแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัยพลางถาม

เขาไม่ค่อยอยากจะเชื่อ เพราะอารมณ์ของซูเยว่ร้อนแรงแค่ไหน ทุกคนในบริษัทไม่มีใครไม่รู้

ต่างว่ากันว่าเรื่องเผือกๆนี่แพร่งพรายไปได้เร็วยิ่งกว่าไวรัสซะอีก โม่ฝานยังไม่ทันได้เดินออกมาจากห้องประชุม ข่าวลือเรื่องก็แพร่งพรายไปทั่วทั้งบริษัทเรียบร้อยแล้ว

รปภเล็กๆคนนึงที่เพิ่งเข้ามาใหม่ถึงกับกล้าหยามผู้อำนวยการซูต่อหน้าท่านซีอีโอ!

นี่ถือว่าเป็นข่าวหน้า 1 ประจำวันได้เลยนะ!

แต่โม่ฝานแค่ยักไหล่อย่างชิลล์สบายแล้วตอบกลับไปว่า “ใช่แล้ว มีอะไรหรือเปล่า?!”

“ท่านโม่ คุณอาจจะยังไม่รู้ ผู้อำนวยการซูนั่นเป็นผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลเชียวนะครับ การจะโยกย้ายพนักงานนั้นสามารถทำได้ด้วยคำสั่งเดียวของเธอ แม้คุณจะมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับท่านซีอีโอ แต่มันก็ไม่สามารถรับประกันได้นะครับว่าท่านจะไม่แอบเล่นงานคุณลับหลัง!” หวังเปียวดึงแขนเขาพลางย้ำเตือนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

และนี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทุกคนต่างเกรงกลัวซูเยว่เช่นกัน ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคล นั่นเป็นบุคคลที่กุมการมีอยู่ของทุกคนในบริษัทไว้เลยนะ

เศรษฐกิจในตอนนี้ย่ำแย่ขนาดนี้ การที่มีงานประจำที่มั่นคงนั้นถือเป็นอะไรที่ดีมากๆ

โดยเฉพาะแผนกรปภของจินซือหย่ากรุ๊ป โดยส่วนใหญ่แล้วแทบจะบอกว่าเป็นหน้าที่งานที่สบายที่สุดเลยก็ว่าได้ ประเด็นคือสวัสดิการและรายได้ก็ถือว่าไม่แย่ เงินเดือนของการได้เป็นรปภที่นี่ไม่ค่อยต่างอะไรจากพนักงานทั่วไปของบริษัทอื่นเลย

เมื่อโม่ฝานได้ยินเขาพูดแบบนี้ โม่ฝานก็เริ่มครุ่นคิดแล้วเหมือนกัน ที่หวังเปียวพูดมาก็มีเหตุผลอยู่ ศัตรูจากที่สว่างหลบง่าย แต่ศัตรูจากที่ลับหลบยาก!!

ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นมากๆ แล้วถ้าเกิดเธอเล่นตลบหลังเขา เขาจะรับมือยังไงเนี่ย?!

ถ้าเกิดรู้ตั้งแต่แรกว่าเธอจะได้กลายเป็นเบื้องบนของตัวเอง เมื่อคืนให้ตายยังไงโม่ฝานก็ไม่มีทางปล่อยให้มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่นอน

“เธอมีวิธีการของเธอ ฉันก็มีกระบองปราบมารของฉันอยู่เหมือนกัน กระบองไม่ได้ยาวมาก แต่มันกลับแข็งมากๆ ฉันไม่กลัวเธอหรอกนะ!” โม่ฝานยิ้มอย่างทะเล้นพลางพูด

แววตาของรปภทุกคนที่อยู่ในห้องเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม และมีรปภบางคนเริ่มปรบมืออย่างไม่รู้ตัว

“เชี้ยย พูดได้ลึกซึ้งมาก เฮียโม่ก็คือเฮียโม่!”

“แม้จะฟังไม่รู้เรื่อง แต่รู้สึกว่ามันต้องเป็นวิธีการที่เยี่ยมยอดมากๆแน่นอน!”

“......”

รู้สึกอัปยศอดสูมาก

เขากลอกตามองบนรัวๆ ไอ้คนพวกนี้กำลังเคารพนับถือเขามั่วซั่วอะไรอยู่เนี่ย?!

“แค็กๆ ชาชงเสร็จหรือยัง?! กระหายน้ำเป็นบ้าละ!” โม่ฝานกระแอมเบาๆก่อนที่เขาจะฝืนยิ้มแล้วพูด

หวังเปียวรีบวิ่งไปยกแก้วน้ำของตัวเองแล้วเดินตรงเข้ามาอย่างระมัดระวัง “เฮียโม่ ดื่มๆของผมไปก่อนเถอะครับ ชาไม่ได้แพงมาก คุณอย่ารังเกียจเลยนะครับ”

เปิดฝาแก้วชาออก ใบชาที่อยู่ในแก้วอืดจนสีเปลี่ยนไปหมดแล้ว มีแต่สวรรค์เท่านั้นแหละที่รู้ว่าใบชานี้ผ่านการชงมากี่ครั้งแล้ว

สำหรับโม่ฝานที่เชี่ยวชาญด้านชา แค่ใช้จมูกดมเขาก็รู้แล้วว่านี่ต้องเป็นใบชาเกรดต่ำที่หาซื้อได้ตามข้างถนนแน่นอน ดื่มเยอะเกินมีแต่จะทำให้เสียสุขภาพเปล่าๆ

“นายไปหาแม่นางซูเยว่นั่นที่ฝ่ายบุคคล คิดวิธีเอาชาต้าหงเผามาหน่อย!” โม่ฝานใช้นิ้วชี้ไปทางหวังเปียวพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง

ทุกคนผงะไปภายในชั่วพริบตาเดียวอีกครั้ง

ไปหาซูเยว่ที่ฝ่ายบุคคล?!

คนเขาเป็นผู้อำนวยการเชียวนะ พูดอย่างกับเป็นแม่บ้านทำความสะอาดห้องน้ำที่คิดอยากจะเจอเมื่อไหร่ก็เจอได้ยังไงอย่างงั้น!

หวังเปียวยิ้มอย่างขมขื่นแล้วมองหน้าเขา “ท่านบรรพบุรุษครับ ตอนนี้ท่านกำลังทำให้ผมรู้สึกลำบากใจอยู่นะครับ คนเขาเป็นถึงผู้อำนวยการเลยนะครับ พวกเราที่อยู่แผนกรปภไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นได้เลยด้วยซ้ำครับ แม้จะสามารถไปเที่ยวเล่นในแผนกบุคคลได้ แต่พวกเขาก็แค่ให้พวกเราไปยืนประจำการหน้าประตูทางเข้าเท่านั้นเองครับ จะมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้อำนวยการซูได้อย่างไรล่ะครับ!”

ในบริษัทแห่งนี้ นอกจากท่านซีอีโอที่กล้าเรียกชื่อซูเยว่ตรงๆแล้ว คาดว่าคงมีแค่โม่ฝานเท่านั้นแหละที่กล้า คนที่มีอำนาจเส้นสายนี่แตกต่างกับพวกเขามากจริงๆ!!

โม่ฝานก็พยักหน้าเบาๆเช่นกัน จะว่าไปมันก็ถูกอยู่ ถ้าเกิดทุกคนสามารถเจอหน้าผู้อำนวยการได้ง่ายๆละก็ งั้นบริษัทจะไม่วุ่นวายเละเทะเป็นโจ๊กเลยหรือ?!

“ก็ได้ งั้นเดี๋ยวฉันไปเองดีกว่า!”

………

ณ แผนกบุคคลบนชั้นที่ 12 ของจินซือหย่ากรุ๊ป

ซูเยว่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานของตัวเองด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความหดหู่ใจ

เมื่อคืนมีผู้ชายเฮงซวยคนนึงทำให้เธอรู้สึกขยะแขยง และวันนี้เธอก็โดนไอ้หมอนั่นปั่นหัวจนอารมณ์หงุดหงิดแบบนี้อีก

หรือว่าตัวเองมีเสน่ห์ดึงดูดแต่พวกผู้ชายเฮงซวยเข้ามาในชีวิต?!

“ไอ้สาระเลว มีฉันอยู่ด้วย ภายใน 1 เดือนนี้ถ้าเกิดฉันไม่สามารถไล่แกออกไปจากบริษัทได้ งั้นฉันก็จะไม่แซ่ซู!”

ก๊อกก๊อกก๊อก!

และในตอนนี้เองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“เข้ามา!” ซูเยว่พูดกดเสียงต่ำด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเคือง

พนักงานสาวคนนึงค่อยๆเปิดประตูออกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “ผู้อำนวยการซูคะ มีลูกค้าคนนึงที่แซ่โม่ต้องการพบท่านค่ะ!”

“หื้ม?! ลูกค้าคนไหนที่แซ่โม่?! วันนี้ไม่ได้นัดหมายล่วงหน้าไว้หนิ!”

ในขณะที่ใบหน้าเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัยอยู่นั้น โม่ฝานก็ได้ชะโงกหน้าเข้ามา “ฉันเอง!”

“......”

เธอลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ โกรธมากจนเบิกตากว้างแล้วหันไปมองเลขาที่อยู่ข้างๆพลางตวาดเสียงต่ำ “คุณออกไปก่อน ปิดประตูให้ฉันด้วย!”

“ค่ะ ท่านผู้อำนวยการ!” เลขาสาวยิ้มอ่อนก่อนที่เธอจะเดินออกไปแล้วรวดปิดประตูด้วย

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจินซือหย่ากรุ๊ปนี่ล้วนเต็มไปด้วยสาวสวยจริงๆ มิน่าล่ะพวกผู้ชายถึงอยากเข้ามาทำงานในบริษัท แม้จะเป็นตำแหน่งได้อย่างรปภ ก็มีคนแย่งกันเข้าอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง

แม้แต่เลขาผู้ช่วยคนนึงยังงดงามเย้ายวนเช่นนี้ งั้นสาวงามทั้ง 6 คนแห่งจินซือหย่ากรุ๊ปจะไม่สวยจนบินขึ้นสวรรค์ได้เลยหรอ?!!

มู่ชิงเอ๋อร์ที่ทำงานนิ่งและมั่นคง ซ่งซือหย่าที่อกอึ๋ม กุหลาบเปลวไฟซูเยว่…..

แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว!!

“แกขึ้นมาได้ยังไง?!” ซูเยว่ขมวดคิ้วแน่นพลางถาม

ไม่ได้รับการอนุญาตจากฝ่ายบุคคล ไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า ทุกอย่างต้องมีบัตรผ่านเท่านั้นถึงจะสามารถเข้ามาที่ทำงานของผู้บริหารระดับสูงได้

โม่ฝานแบมือทั้งสองข้างออกมา หัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า “ทำไม คิดถึงฉันหรอ?! ไม่ต้องเป็นห่วงต่อไปฉันจะมาเยี่ยมเธอบ่อยๆ!”

“ไสหัวไป!” ซูเยว่สบถด่าอย่างไม่เกรงใจ เธอเป็นคนที่มีมารยาทมาโดยตลอด แต่วินาทีนี้เธอกลับควบคุมตัวเองไม่ได้ถึงขั้นต้องขึ้นเสียงแบบนี้ เธอไม่สามารถให้อภัยเขาได้จริงๆ

เธอก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยเหมือนกันว่าไอ้หมอนี่ขึ้นมาบนแผนกบุคคลได้อย่างราบรื่นแบบนี้ได้ยังไง ก่อนที่เธอจะพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “แกมาทำอะไรกันแน่?!”

“เห้ออ ไม่ว่ายังไงแผนกรปภของเราก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทอยู่เหมือนกัน แต่กลับไม่มีชาดีๆให้ดื่มเลย ฉันเลยอยากจะมาขอกับเธอนิดหน่อยน่ะ!”

“.....”

ซูเยว่พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง ให้ตัวเองใจเย็นลง “เรื่องแค่นี้เองหรอ?!”

“ไม่ใช่อยู่แล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากๆ ฉันเห็นว่าดวงตาของเธอเว้าลึกลงไปเยอะมากๆ สีหน้าเหลือง ช่วงนี้อารมณ์แปรปรวนและหงุดหงิดง่ายมากเลยใช่ไหม?! ตอนกลางคืนมือและเท้าชอบมีเหงื่อออกเยอะและชอบตื่นขึ้นมากลางดึก?!” โม่ฝานพูดด้วยใบหน้าที่ดูจริงจังมาก

ทันใดนั้นเองทำให้ใบหน้าของซูเยว่ดูตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย ทำไมไอ้หมอนี่ถึงรู้อาการของตัวเธอได้ “แกรู้ได้ยังไง?! แกมีวิธีรักษาหรอ?!”

“แน่นอนอยู่แล้วสิ ฉันน่ะอยู่ในวงการแพทย์มานานมากๆแล้ว ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บไหนที่ฉันไม่สามารถรักษาได้ เธอมานี่สิ เดี๋ยวฉันจะบอกวิธีรักษาให้เธอ!” โม่ฝานยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พลางมองหน้าเธอพลางพูด

แต่ซูเยว่มักจะรู้สึกว่ารอยยิ้มของไอ้หมอนี่มันดูหื่นมากเกินไป ทำไมถึงดูเชื่อใจไม่ได้เลย!

สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจที่จะลองเชื่อเขาดูสักตั้ง ขยับหูไปใกล้เขา ก่อนที่โม่ฝานจะกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูเธอ

ภายในระยะเวลาสั้นๆ

ก่อนหน้านี้ด้านนอกออฟฟิศยังคงเงียบสงบมากๆ ทุกคนต่างกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับหน้าที่การงานของตัวเอง

แต่ทันใดนั้นเอง

เพล็งง!

เสียงแก้วชาแตกก็ดังขึ้น

“ไสหัวออกไป!” ซูเยว่ด่ากราดเสียงดัง

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

311