บทที่ 14 ซื้อของมือเติบ

by เป่ยชวน 10:57,Sep 27,2024
เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนออกล่าเสือ และป้องกันเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบีบบังคับให้ทำการซื้อขาย ราชสำนักกำหนดให้ที่ว่าการอำเภอจ่ายค่าหัวสำหรับการล่าเสือ แต่ไม่สามารถรับซื้อซากเสือได้

ตัดลิ้นของเสือ เพื่อป้องกันไม่ให้คนซื้อซากเสือกลับมารับเงินรางวัลอีกครั้ง

พวกเขารับเงินค่าหัว และยังต้องหาผู้ซื้อด้วยตัวเอง

เมื่อลากรถเข็นออกจากที่ว่าการอำเภอแล้ว ก็ถูกรุมล้อมด้วยพ่อค้าเครื่องหนังที่มาตามข่าวลือ

“ตาเฉิน ไม่ธรรมดาเลยนะ ฆ่าเสือได้ตั้งหนึ่งตัว! ว่ามาเลย จะเอาเท่าไร!”

นายพรานจะมาขายหนังสัตว์ที่เทศมณฑลทุกปี เขาจำคนได้อย่างรวดเร็ว จึงเปิดปากถามราคา

การฆ่าเสือหนึ่งตัวในซีเหอวานถือเป็นข่าวใหญ่ แต่สิบหกหัวเมืองและกว่าร้อยหมู่บ้านภายใต้การปกครองของเทศมณฑลจินชวน ล้วนเป็นเขตภูเขา ซึ่งมีเสือจำนวนมาก โดยเฉลี่ยจะล่าได้สามตัวต่อปี นายพรานเคยเห็นการประมูลเสือมาหลายครั้ง จึงพอรู้ราคาโดยประมาณ

โดยปกติเสือหนึ่งตัวสามารถซื้อในราคาประมาณยี่สิบห้าพวงเงิน

แต่ว่านายพรานกลับชูสี่นิ้ว และปริปากพูดว่า “สี่สิบพวงเงิน!”

“ตาเฉิน เจ้าเมาน้ำมันหมูรึ เจ้าไม่รู้หรือว่าเสือตัวหนึ่งราคาเท่าไร?”

มีพ่อค้าเครื่องหนังก่นด่า

“เหล่าโจว เสือของพวกเราเหมือนกับที่หมู่บ้านอื่นส่งมาหรือไม่?”

นายพรานก็ไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย “เสือที่พวกเขาส่งมา มีตัวไหนที่ไม่ถูกรุมแทงจนตายบ้าง ถูกแทงจนเป็นรูพรุนหมดแล้ว เจ้าดูเสือของพวกเราสิ ทั่วร่างกายมีเพียงไม่กี่รูเล็กๆ ตัวใหญ่ ขนสวย พวกเขาเทียบได้หรือไม่?”

“แต่ราคาไม่ถึงสี่สิบพวงเงินหรอกนะ!”

“เสือดีขนาดนี้ หลายปีใช่ว่าจะเจอสักครั้ง ไม่คุ้มค่าตรงไหนกัน? น้อยกว่าสี่สิบพวงเงินก็ไม่ขาย!”

...

การเจรจาต่อรองราคาผ่านไปครึ่งชั่วยาม สุดท้ายเสือถูกขายให้เหล่าโจวในราคาสามสิบสองพวงเงิน

รวมกับเงินค่าหัวของฝ่ายราชการสามพวงเงิน เสือตัวนี้ราคารวมอยู่ที่สามสิบห้าพวงเงิน

หนึ่งพวงเงินเท่ากับหนึ่งพันเหรียญกษาปณ์ เงินเหรียญกษาปณ์สามสิบห้าพวง ถูกบรรจุครึ่งค่อนถุงผ้า

เหรียญกษาปณ์ของต้าคังนับว่ามีราคามากทีเดียว เหรียญกษาปณ์หนึ่งเหรียญสามารถซื้อซาลาเปาเนื้อได้หนึ่งลูก

เมื่อมีเงินก้อนนี้ ต่อจากนี้จินเฟิงก็ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษีที่นาและค่ากินอยู่อีกหลายปี

“ไป ไปกินข้าวกัน!”

เมื่อมีเงินอยู่ในมือก็รู้สึกมั่นใจ จินเฟิงเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว จึงโบกมือด้วยท่าทางอาจหาญ พาพวกเขาหลายคนไปหาร้านอาหาร

ตั้งแต่เช้าพวกเขาเดินทางบนภูเขาหลายสิบลี้และยังไม่ได้กินอะไรเลย จางเหลียงและคนอื่นๆ ต่างก็หิวไส้กิ่ว หัวเราะแหะๆ และตามเขาไป

ต้าคังไม่มีอาหารประเภทผัด อาหารส่วนใหญ่จะใช้วิธีการนึ่งหรือต้มเป็นหลัก เมื่อหาโรงเตี๊ยมข้างทางที่ค่อนข้างสะอาดพบแล้ว ทุกคนก็สั่งแกงเนื้อหนึ่งชาม แป้งหมั่นโถวอีกหนึ่งถาด

อาหารเหล่านี้เป็นของที่ดีที่สุดในโรงเตี๊ยมแล้ว

ค่าอาหารรวมที่พัก ราคาทั้งหมดเจ็ดสิบเหรียญกษาปณ์ จางเหลียงนอนเสียดายเงินแทนจินเฟิงตลอดคืน เขารู้สึกว่าจินเฟิงล้างผลาญเงินมากเกินไป

หากให้เงินเจ็ดสิบเหรียญกษาปณ์ซื้ออาหารแห้ง และซื้อผักป่าอีกหน่อย มันมากพอที่จะใช้เลี้ยงดูครอบครัวพวกเขาตลอดหนึ่งเดือน

แต่ช่วงเช้าของวันที่สอง จางเหลียงถึงได้รู้ว่าการผลาญเงินที่แท้จริงเป็นอย่างไร

เวลาเช้าตรู่ จินเฟิงมอบซองแดงให้พวกหัวหน้าหมู่บ้านหลายคน เมื่อจางเหลียงเปิดออกดู เต็มไปด้วยเหรียญกษาปณ์สองร้อยเหรียญ

“จินเฟิง เยอะเกินไป ข้ารับไว้ไม่ได้”

เงินในซองแดงมีจำนวนมากเกินไป แม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านยังไม่กล้ารับไว้

“ไม่มากๆ พวกท่านทิ้งงานเพื่อมากับข้าตั้งไกล ข้าไม่ควรให้พวกท่านเหนื่อยเปล่าหรอกใช่ไหม?”

จินเฟิงพูดว่า “บัณฑิตความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด หากไม่มีพวกท่าน ข้าคงไปไม่ถึงที่ว่าการอำเภอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงราคาขายเสือที่สูงขนาดนี้”

จินเฟิงไม่ได้พูดถ่อมตัวแต่อย่างใด หากไม่ใช่เพราะนายพรานและหัวหน้าหมู่บ้านที่เจรจาซื้อขายกับพ่อค้า เสือร้ายตัวนี้คงขายถูกลงหลายเงินพวง

ซึ่งนับเป็นเงินหลายพันเหรียญกษาปณ์

“คนหมู่บ้านเดียวกันทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

หัวหน้าหมู่บ้านพูดว่า “เมื่อวานเจ้าได้เลี้ยงอาหารที่ดีแก่พวกเรา และใช้เงินไปมากแล้ว วันนี้ให้เหรียญกษาปณ์เล็กน้อยแก่พวกเราก็พอ”

“คนโบราณสัตย์ซื่อทีเดียว”

จินเฟิงอุทานอยู่ในใจ เขาจงใจทำหน้าบึ้งตึงแล้วพูดว่า “ข้าจินเฟิงเป็นผู้รู้หนังสือ สิ่งใดที่พูดออกไปแล้วมักไม่คืนคำ หากพวกท่านไม่รับไว้ ข้าจะโยนทิ้งเสีย”

“นี่ๆ!”

หัวหน้าหมู่บ้านเห็นอารมณ์ดื้อรั้นของจินเฟิง จึงต้องเอาเงินยัดใส่กระเป๋าเสื้อ

“ต้องแบบนี้สิ”

จินเฟิงพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็เริ่มซื้อของมือเติบ

ตลอดเวลาช่วงเช้า จินเฟิงใช้เงินทั้งหมดแปดพวงเงินเต็มๆ ไม่เพียงแต่ซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเสบียงอาหารหรือเกลือ แต่ยังซื้อสิ่งของที่จางเหลียงไม่รู้จักอีกมากมาย รวมทั้งของที่ไร้ประโยชน์ ถูกบรรจุเต็มรถเข็น

ตอนแรกคิดจะซื้อเสื้อผ้าให้กวนเสี่ยวโหรว แต่หาจนทั่วเทศมณฑลก็ไม่มีเสื้อผ้าสำเร็จรูป จึงต้องซื้อผ้าสองผืนเพื่อนำกลับไปตัดเอง

เมื่อซื้อของเสร็จเรียบร้อย ยังเหลือเงินอีกยี่สิบกว่าพวง ซึ่งถูกบรรจุครึ่งค่อนถุง จินเฟิงไม่ชอบความยุ่งยาก จึงนำเงินยี่สิบพวงไปแลกเป็นเงินแท่งที่พกพาได้สะดวกกว่าที่ร้านแลกเงิน

จากนั้นก็เลี้ยงอาหารทุกคนอีกครั้ง และเริ่มเดินทางกลับ

ทันทีที่จินเฟิงและคนอื่นๆ ออกจากประตูเมือง เจ้าหน้าที่ก็พาชายหนุ่มที่สวมหมวกเหล็กและเสื้อเกราะเข้ามาในโรงเตี๊ยมที่จินเฟิงเข้าพักเมื่อคืน

“นายท่านทั้งหลาย รับประทานอาหารหรือเข้าพักขอรับ!”

ลูกจ้างรีบเข้าไปต้อนรับลูกค้า

“ไม่รับอาหารและไม่เข้าพัก ข้ามาตามหาคน”

เจ้าหน้าที่ถามว่า “เมื่อวานกลุ่มคนขายเสือมาพักที่นี่ใช่หรือไม่?”

“ขายเสือหรือขอรับ?”

ลูกจ้างงุนงง

เมื่อวานเขายุ่งมาก จึงไม่มีเวลาไปร่วมดูความสนุกคึกคัก ได้ยินแค่ว่ามีคนมาขายเสือ แต่เขาไม่เห็นหน้า

“พวกเขามีทั้งหมดห้าคน ผู้นำดูเหมือนเป็นชายชรา และมีบัณฑิตหนึ่งคนที่ท่าทางสุภาพเรียบร้อยมีมารยาท และบุรุษแขนข้างเดียวอีกหนึ่งคน”

เมื่อได้ยินที่เจ้าหน้าที่พูด ลูกจ้างก็นึกออกในทันที “ใช่ขอรับ เมื่อวานพวกเขามาพักที่นี่ แต่ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วขอรับ”

“รู้หรือไม่ว่าไปที่ใด?”

“ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ”

ลูกจ้างถามด้วยความสงสัยว่า “นายท่าน ท่านตามหาพวกเขาทำไมหรือขอรับ หรือว่าพวกเขาทำความผิดขอรับ?”

“อย่าถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม”

เจ้าหน้าที่ตำหนิเสียงขรึม ลูกจ้างตกใจจนหดลำคอ และไม่กล้าถามอีก

“พวกเขาไม่ได้ทำผิด เมื่อคืนข้าได้เห็นเสือ พบว่าผู้ที่ฆ่าเสือมีทักษะการยิงธนูที่ยอดเยี่ยมมาก ข้าจึงอยากทำความรู้จัก ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรหรอก”

ชายหนุ่มที่สวมหมวกเหล็กและเสื้อเกราะยิ้มพูดว่า “หากว่าเจ้าพบพวกเขาอีกครั้ง ช่วยมารายงานยังคฤหาสน์ชิ่งเฟิงที่หนานเฉิงด้วย ข้าจะตกรางวัลเจ้าด้วย”

“ขอรับ!”

ทันทีที่ลูกจ้างได้ยินคำว่าคฤหาสน์ชิ่งเฟิง เขาก็ยิ่งแสดงความเคารพมากขึ้น

เขาเคยได้ยินผู้อื่นเล่าว่า ที่นั่นคือทำเนียบของแม่ทัพใหญ่ท่านหนึ่ง

เมื่อออกจากโรงเตี๊ยม เจ้าหน้าที่พบว่าชายหนุ่มมีสีหน้าผิดหวัง จึงพูดปลอบใจว่า “คุณชาย เทศมณฑลของเรามีการล่าเสือหลายตัวต่อปี หากท่านชื่นชอบวีรบุรุษผู้ล่าเสือ พรุ่งนี้ข้าจะไปตามหาให้ท่านสักสองสามคน”

“ไม่เหมือนกันหรอก”

ชายหนุ่มที่สวมหมวกเหล็กและเสื้อเกราะพูดว่า “เสือถูกธนูยิงเข้าที่ขาสองข้าง และลูกธนูบนหน้าผากก็มีความลึกราวครึ่งฟุต ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ฆ่าเสือเป็นยอดฝีมือด้านการยิงธนู และยิงธนูด้วยพลังมหาศาล สงครามทางตอนเหนือนั้นตึงเครียด เราต้องการผู้มีฝีมือแบบนี้อย่างมาก!”

“สายตรวจจาง ท่านช่วยจับตาดูให้ข้าด้วย หากมีข่าวเกี่ยวกับคนคนนี้ รบกวนแจ้งให้ข้าทราบด้วย”

“คุณชายชิ่งเกรงใจแล้ว เรื่องเล็กน้อยขอรับ”

เจ้าหน้าที่โค้งคำนับตอบรับ

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

1300