บทที่ 19 ข้าซื้อแล้ว

by เป่ยชวน 11:26,Sep 29,2024
ในช่วงตอนพลบค่ำ เสี่ยวเอ๋อได้ทานข้าวที่ตนเองอยากทานอีกครั้ง

คนตัวเล็กแต่กลับกินข้าวจานใหญ่ในอึดใจเดียว นี่ยังไม่รวมน้ำน้ำซุป หากไม่ใช่เพราะกลัวจินเฟิง เกรงว่านางคงทานได้มากกว่านี้อีกครึ่งชาม

“หัวหน้าครอบครัว รบกวนท่านแล้ว......”

กวนเสี่ยวโหรวพาจินเฟิงไปส่งที่หน้าประตูโรงงาน กล่าวออกมาด้วยใบหน้าละอายใจ “ข้าแต่งงานเข้ามายังไม่พอ แต่ยังเอาปัญหาที่บ้านของท่านแม่มาด้วยอีก......”

ในบ้านมีอยู่เตียงเดียว แน่นอนว่าไม่สามารถนอนด้วยกันสามคนได้

แม้ว่าปีกตะวันออกจะได้รับการจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเตียง ให้เสี่ยวเอ๋อนอนบนแผ่นบานประตูคงไม่เหมาะสม ดังนั้นสองสามวันนี้จินเฟิงคงทำได้เพียงต้องนอนในโรงงาน

“เด็กโง่ เจ้าพูดอะไรของเจ้า พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน มันเป็นปัญหาที่ไหนกัน”

จินเฟิงลูบศีรษะของกวนเสี่ยวโหรวด้วยความอ่อนโยน “อีกอย่างเสี่ยวเอ๋อเองก็รู้เรื่องรู้ราวเสียขนาดนี้”

บนโลกนี้มีผู้น่าสงสารอยู่มากมาย จินเฟิงไม่ได้สนใจทุกคน แต่กวนเสี่ยวโหรวเป็นภรรยาของเขา เช่นนั้นแล้วจะปล่อยให้น้องสาวของภรรยาอดตายโดยไม่ให้ความช่วยเหลือได้อย่างไร

ส่วนการนอนในโรงงานก็ช่วยไม่ได้ ซีเหอวานไม่มีช่างไม้ จินเฟิงจึงทำได้เพียงเรียกจางเหลียงและหม่านชางเข้าไปซื้อกระดานไม้ในเมืองด้วยกัน จากนั้นก็ซื้ออุปกรณ์ตกแต่งและลงมือสร้างมันด้วยตัวเอง

ด้วยทักษะและความสามารถของจินเฟิง ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวันก็สามารถสร้างเตียงเล็ก ๆ ขึ้นมาได้สำเร็จ

หลังจากนั้นเขาก็เริ่มสร้างไนปั่นด้ายให้กับกวนเสี่ยวโหรว

นี่เป็นงานที่ละเอียดอ่อน เนื่องจากเครื่องมือต่าง ๆ นั้นล้าหลัง ดังนั้นจึงดำเนินการได้ช้ามาก

“จินเฟิงไม่ได้ออกล่าสัตว์มาหลายวันแล้วใช่ไหม?”

“ใช่ ข้าเห็นเขาเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับไม้พวกนั้นอยู่ในบ้านทั้งวัน”

“หลายวันก่อนข้าคิดว่านิสัยของเขาเปลี่ยนไปแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเมื่อมีเงินอยู่ในมือเล็กน้อย เขาจะเริ่มกลับมาขี้เกียจอีกแล้ว”

“เงินของเขาถูกเซี่ยกวงขโมยไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?”

“ขโมยไปแค่ครึ่งเดียว เขายังมีเงินติดตัวอยู่อีกหลายพวง”

“นั่นก็ไม่น้อยนะ”

“เงินจำนวนสองสามพวงสามารถใช้ชีวิตได้นานแค่ไหนกันเชียว หลังจากใช้หมดแล้ว ข้าจะดูว่าเขาจะเอาอะไรกิน?”

......

เหล่าหญิงสาวยังคงคิดว่า จินเฟิงให้พวกนางไปหลังภูเขาก็เพราะต้องการสร้างความกล้าหาญให้กับพวกนาง สุดท้ายรออยู่หลายวันจินเฟิงก็ไม่ปรากฏตัวออกมา เมื่อวิ่งออกมาดูก็พบว่าเขากำลังหลบอยู่ในบ้านเพื่อทำงานเป็นช่างไม้ จึงทำให้ไม่อาจหลีกเลี่ยงการนินทาได้

แม้แต่หลินอวิ๋นฟางเองก็ทนไม่ได้ หลังจากที่มาดูติดต่อกันสองสามวัน นางก็พบว่าจินเฟิงไม่มีวี่แววว่าจะออกจากบ้าน นางจึงอดไม่ได้ที่จะเข้ามาแนะนำกวนเสี่ยวโหรว

“เสี่ยวโหรว ในหมู่บ้านเริ่มนินทาเกี่ยวกับหัวหน้าครอบครัวของเจ้า อย่าให้เขาเอาแต่อยู่บ้านเฉย ๆ......”

“ท่านพี่ หัวหน้าครอบครัวไม่ได้อยู่บ้านเฉย ๆ เขาทำไนปั่นด้ายให้กับข้า มันใช้งานได้ดีเป็นอย่างมาก วันหนึ่งสามารถทำงานได้มากกว่า 5 เท่าของเมื่อก่อนเลยนะ”

กวนเสี่ยวโหรวกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น

เวลานี้ไม่มีโรงงาน นอกจากการทำนาแล้ว แหล่งรายได้เพียงอย่างเดียวของผู้หญิงยุคนี้ก็คือการทอผ้า

เมื่อได้ยินกวนเสี่ยวโหรวบอกว่าจินเฟิงสร้างไนปั่นด้ายที่สามารถทำให้ทอผ้าได้มากกว่าเดิมวันละ 5 เท่า หลินอวิ๋นฟางก็รีบตามกวนเสี่ยวโหรวไปยังห้องปีกตะวันออกทันที

ไนปั่นด้ายของต้าคังแต่โบราณนั้นเป็นประเภทที่ต้องใช้มือในการหมุน แกนของเครื่องปั่นด้ายที่ปั่นด้วยมืออยู่ด้วย เวลาทำงานก็ต้องใช้มือข้างหนึ่งในการหมุน มือข้างหนึ่งในการต้านเอาไว้ ซึ่งไม่เพียงแค่ทำให้ลำบากเท่านั้น แต่ยังทำให้ช้ามากอีกด้วย

ไนปั่นด้ายที่จินเฟิงทำขึ้นมานั้นสามารถใช้เท้าเหยียบได้ ไม่เพียงแค่ปล่อยมือทั้งสองข้างเท่านั้น แต่ยังมีแกนหมุนเพิ่มอีกสี่อัน ความเร็วในการปั่นด้ายรวดเร็วขึ้นไม่น้อย ทำให้ผู้ใช้งานสบายกว่าก่อนด้วย

แววตาของหลินอวิ๋นฟางที่เห็นแกนไนเครื่องปั่นด้ายขนาดใหญ่หมุนไปหลายรอบด้วยระยะเวลาอันสั้นก็เปล่งประกายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

นางลืมจุดประสงค์ที่ตนเองมาเสียสนิท กล่าวชื่นชมออกมาด้วยความตกใจ “เสี่ยวโหรว ไนปั่นด้ายนี้รวดเร็วเป็นอย่างมาก หัวหน้าครอบครัวของเจ้าฉลาดยิ่งนัก เขาคิดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?”

หากนางมีไนปั่นด้ายเช่นนี้อยู่ นางก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปเก็บผักในป่า แค่ผู้หญิงในบ้านสลับกันมาใช้ไนปั่นด้าย เงินที่ได้มาจากการทอผ้าก็เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิต

ตั้งแต่วันนี้ บ้านของจินเฟิงได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ผู้หญิงจำนวนมากแห่มาดูไนปั่นด้ายใหม่ของกวนเสี่ยวโหรว

หลังจากพบว่าไนปั่นด้ายตัวใหม่นั้นดีกว่าตัวเก่าหลายเท่า ผู้หญิงเหล่านั้นก็แทบบ้า แต่ละคนต่างขอร้องให้จินเฟิงช่วยทำให้พวกนางสักตัว

แต่น่าเสียดายที่จินเฟิงไม่ได้รับปากผู้ใดทั้งนั้น

ล้อเล่นอะไรกัน ไนปั่นด้ายหนึ่งตัวใช้เวลาทำตั้งหลายวัน ตั้งใช้ความพยายามและความละเอียดอ่อนเป็นอย่างมากกว่าจะได้สักหนึ่งตัว เช่นนั้นแล้วเขาจะเอาเวลาที่ไหนไปสร้างมันให้กับผู้หญิงทั้งหมู่บ้าน?

จินเฟิงไม่เต็มใจ ผู้หญิงเหล่านั้นก็จนปัญญา ทำได้เพียงกลับไปก่อนแล้วค่อยกลับมาขอร้องใหม่อีกครั้ง ฉวยโอกาสตอนที่กวนเสี่ยวโหรวไม่ได้ใช้งาน เอาด้ายของตนเองมาถักทอที่นี่

ซึ่งนั่นทำให้กวนเสี่ยวโหรวกลายเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่บ้าน

แม้แต่เสี่ยวเอ๋อเองก็ได้ประโยชน์ไปด้วย ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนเห็นนางก็ต่างชื่นชมในความงดงามของนาง

เจ้านำผักป่ามาจำนวนหนึ่ง นางนำผลไม้ป่ามาจำนวนหนึ่ง

เสี่ยวเอ๋อดีใจจนแทบคลั่ง

ข่าวแพร่กระจายไปยังกวนเจียวานอย่างรวดเร็ว ทำให้เพื่อนสนิทของกวนเสี่ยวโหรวอย่างถังตงตงเดินทางมาด้วยตัวเอง

หลังจากที่ได้เห็นการสาธิตของกวนเสี่ยวโหรว ถังตงตงก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก “เสี่ยวโหรว สิ่งนี้ถือเป็นสมบัติล้ำค่าเลยนะ จะให้คนอื่นเข้ามาดูตามใจชอบได้อย่างไร?”

“ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนบ้าน ให้ดูแล้วมันทำไมอย่างนั้นหรือ?”

“ยังจะถามว่าทำไม นี่ถือเป็นสมบัติล้ำค่าของวงศ์ตระกูลเลยรู้บ้างไหม?”

ถังตงตงไม่สนใจอะไรอีกต่อไป ตบขาของตนเองและถามออกมาว่า “หัวหน้าครอบครัวของเจ้าอยู่ที่ไหน?”

“เขากำลังยุ่งอยู่ทางด้านโน้น”

กวนเสี่ยวโหรวชี้ไปที่โรงตีเหล็ก

ถังตงตงจูงมือกวนเสี่ยวโหรวเดินไปทางด้านนั้นโดยไม่พูดอะไร

“ไนปั่นด้ายตัวนั้น......เจ้าเป็นคนคิดมันออกมาอย่างนั้นหรือ?”

ตอนแรกถังตงตงอยากจะเรียกจินเฟิงว่าพี่เขย แต่คิดไปคิดมาแล้วจึงไม่เรียกออกมา

“ใช่ เจ้ามีอะไรงั้นหรือ?”

จินเฟิงวางแท่งเหล็กในมือและตอบกลับมา

“เจ้าเคยเล่าให้ผู้อื่นฟังหรือไม่?”

ถังตงตงถามกลับไปอีกครั้ง

“ไม่นะ ทำไมงั้นหรือ?”

“งั้นก็แสดงว่า ไนปั่นด้ายตัวนี้มีเพียงตัวเดียวในโลก?”

“น่าจะเป็นอย่างนั้น” จินเฟิงถามกลับไป “เจ้าคิดจะพูดอะไรกันแน่?”

“ข้าอยากจะพูดว่า เจ้าสามารถขายไนปั่นด้ายตัวนี้ให้กับข้าได้หรือไม่?”

ถังตงตงกล่าวออกมา “ข้าจะจ่ายให้เจ้า 10 ตำลึง ไม่ 50 ตำลึง! แต่ขอบอกเจ้าไว้ก่อนว่า หลังจากนี้เจ้าห้ามทำไนปั่นด้ายแบบนี้ให้กับคนอื่นอีกเป็นอันขาด”

“เจ้ามีเงินมากขนาดนั้นเลยงั้นหรือ?”

จินเฟิงถามออกมาด้วยความสงสัย

เงินจำนวน 50 ตำลึงไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ กวนเสี่ยวโหรวบอกเองไม่ใช่หรือว่าแม่นางผู้นี้กำลังจะถูกลดระดับและแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์?

“เวลานี้ข้าไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น แต่หากเจ้ามอบไนปั่นด้ายตัวนี้ให้ข้ายืมก่อน หลังจากนี้หนึ่งเดือน ข้าจะต้องมีเงินจำนวนนั้นมามอบให้เจ้าเป็นแน่”

ถังตงตงกล่าวอย่างมั่นใจ “ข้าจะสร้างสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรไว้ให้กับเจ้า”

“เจ้าอยากจะนำไนปั่นด้ายตัวนี้ไปในเมืองเพื่อขอยืมเงินผู้อื่น หรือว่าจะนำไปเพื่อหาผู้ร่วมธุรกิจในการทอผ้า?”

ถังตงตงกล่าวออกมาเช่นนี้ จินเฟิงก็เข้าใจในทันที

นี่ไม่ใช่วิธีการหาเงินทุนของคนในอนาคตงั้นหรือ?

ก่อนอื่นต้องสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาก่อน จากนั้นก็นำผลิตภัณฑ์ไปขาย หรือไม่ก็โปรโมตเพื่อหาเงินมาลงทุนต่อไป

ความคิดนี้หากเกิดขึ้นในอนาคตคงเป็นเรื่องปกติ แต่ถังตงตงสามารถคิดเช่นนี้ออกมาได้ มันเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของจินเฟิง และทำให้เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ดูเหมือนว่าแม่นางผู้นี้จะไม่ใช่เด็กสาวในเมืองเหมือนคนทั่วไป

ที่จริงในตอนที่เขาสร้างไนปั่นด้ายตัวนี้ขึ้นมา เขาก็คิดที่จะสร้างโรงงานทอผ้า แต่การทำเช่นนี้นั้นอาจจะส่งผลกระทบกับงานในสายอาชีพเดียวกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบทางด้านอาชีพมากเกินไป ดังนั้นเมื่อลองไตร่ตรองให้ดีแล้ว จินเฟิงจึงรู้สึกว่าเวลานั้นยังมาไม่ถึง เขาจึงหยุดความคิดไว้ชั่วคราว

“เจ้าเองก็คิดเช่นนั้นงั้นหรือ?”

ถังตงตงรู้แล้วว่าจินเฟิงเข้าใจความคิดของนาง นางเองก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ในเมื่อเจ้ารู้แล้วว่าไนปั่นด้ายตัวนี้สามารถทำเงินได้มหาศาลหากนำไปขายในเมือง เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงยอมปล่อยให้ผู้คนเข้ามาใช้งาน หรือเข้ามาดูตามใจชอบ หากถูกคนอื่นนำไปสร้างของเลียนแบบขึ้นมามันจะไม่คุ้มค่าเอาเสีย”

“จะเลียนแบบก็เลียนแบบไป ข้าก็แค่เปลี่ยนรู้แบบมันใหม่ก็พอแล้ว”

จินเฟิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

ไนปั่นด้ายที่อยู่ตรงหน้าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบรรเทาความเบื่อหน่ายให้กับกวนเสี่ยวโหรวเท่านั้น สร้างขึ้นมาจากพื้นฐานที่สุด เมื่อเทียบกับเครื่องทอผ้าในสมัยปัจจุบัน ความเร็วของมันยังช้าราวกับหอยทาก

หากจินเฟิงเต็มใจที่จะทำการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงมันขึ้นมาจริง ๆ ประสิทธิภาพของมันก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า

“ไนปั่นด้ายเช่นนี้ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้อีกอย่างนั้นหรือ?”

ถังตงตงตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง 

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

1300