บทที่ 16 ไสหัวออกไป

by เป่ยชวน 10:57,Sep 27,2024
“ไม่ใช่แค่ข้าวสวยนะ แต่ยังมีเนื้ออีกด้วย”

กวนเสี่ยวโหรวลูบผมของสาวน้อย

“ท่านพี่ ข้าก็อยากกินข้าวสวย!”

สาวน้อยเช็ดน้ำลาย “ข้าไม่กินจนอิ่มหรอก ท่านพี่ให้ข้ากินสักคำก็พอ”

“พี่เอาข้าวมาด้วยนะ ตอนเที่ยงจะหุงให้เจ้ากิน แช่ในแกงเนื้อด้วยนะ เจ้ากินตามสบายเลย”

กวนเสี่ยวโหรวรับถุงผ้ามาจากมือของจินเฟิง “ไป เข้าบ้านกันเถอะ พี่มีของอร่อยให้เจ้ากินด้วย”

กลัวจนลืมไปหมด เมื่อคืนนางเอาถังหูหลูใส่ไว้ในถุง ตอนนี้ถูกเบียดอยู่ก้นถุง

“ของอร่อยอะไรงั้นหรือ?”

สาวน้อยยิ่งเช็ด น้ำลายก็ยิ่งไหล

“เข้ามาเดี๋ยวก็รู้”

สองพี่น้องพูดพึมพำและเข้าไปในบ้าน

จินเฟิงเคยเห็นรูปประกอบไนปั่นด้ายในหนังสือเรียน แต่เขาเพิ่งเคยเห็นของจริงเป็นครั้งแรก เมื่อเขากำลังจะเข้าไปศึกษา กลับได้ยินเสียงคนตะโกนด่าเดินเข้ามาในบ้าน

สองคนที่เดินเข้ามาก็คือ กวนจู้จื่อพี่ใหญ่ของกวนเสี่ยวโหรว และพี่สะใภ้เถียนซานยา

กวนเสี่ยวโหรวที่อยู่ในบ้านเพิ่งเปิดปากถุงออก เมื่อได้ยินเสียงพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ก็รีบวิ่งออกมาดู

“ตัวดูดเงิน เจ้ากลับมาได้อย่างไร?”

ทันทีที่เถียนซานยาเห็นกวนเสี่ยวโหรว นางก็ทำหน้าดำทะมึนราวกับก้นหม้อ

“พี่สะใภ้ ข้ากลับมาเยี่ยมท่านแม่...”

“นังแก่ไม่ยอมตายมีอะไรให้ดูงั้นหรือ?”

เถียนซานยาพูดว่า “ข้าว่าเจ้ามาขอข้าวกินใช่หรือไม่?”

ตอนนี้ตระกูลกวนได้กินข้าวเพียงวันละหนึ่งมื้อ โดยปกติจะกินเวลาประมาณสิบเอ็ดโมง จากนั้นก็อดทนรอไปถึงสิบเอ็ดโมงของอีกวันถึงจะได้กินข้าว

เมื่อครู่นางทำงานอยู่ในไร่ ทันทีที่ได้ยินว่ากวนเสี่ยวโหรวกลับมาแล้ว ความคิดแรกในหัวของนางก็คือ ตัวดูดเงินกลับมาขอข้าวกินแล้ว

ใช้ได้ที่ไหนกัน?

นางไม่มัวพูดพร่ำก็ลากสามีกลับบ้านอย่างรวดเร็ว

“ซานยา เสี่ยวโหรวและลูกเขยมาเยี่ยมพวกเราจริงๆ ไม่ได้มาขอข้าวกิน”

หญิงสกุลกวนหลิวถือกาน้ำชา และเดินเข้ามาในตัวบ้าน “พวกเขายังเอาของฝากมาให้ด้วยนะ”

“ทุกคนในหมู่บ้านรู้ดีว่า ตัวดูดเงินแต่งงานกับหนอนหนังสือที่ไร้ประโยชน์ที่สุดในซีเหอวาน พวกเขาจะเอาของฝากที่ไหนมาให้? อย่างมากก็แค่ผักป่าหนึ่งกำ!”

เถียนซานยายิ่งพูดก็ยิ่งใจร้าย “คนเรียนหนังสือจิตใจไม่ซื่อมีเยอะแยะไป พวกเขาคิดจะเอาผักป่า และให้พวกเราตอบแทนด้วยอาหารแห้งแน่นอน!”

“พี่สะใภ้ ท่านด่าข้าตีข้าได้ แต่ท่านพูดเช่นนี้กับหัวหน้าครอบครัวข้าไม่ได้นะ!”

กวนเสี่ยวโหรวถูกพี่สะใภ้รังแกมาสองปี นางมีความเจ็บปวดในใจ แต่เมื่อได้ยินนางพูดว่าร้ายจินเฟิง จึงลุกขึ้นมาพูดแย้งด้วยความกล้าหาญ

“ข้าด่าเขาแล้วจะทำไม? ไม่อยากฟังก็ไสหัวออกไป!”

เถียนซานยาก็เห็นจินเฟิงแล้วเช่นกัน “เจ้าก็คือหนอนหนังสือคนนั้นสินะ? ในเมื่อเลือกตัวดูดเงินไปแล้ว ก็อย่าได้คิดเสียใจภายหลัง และอย่าได้คิดมาเอาเปรียบครอบครัวของพวกเรา รู้สำนึกแล้วก็รีบพานางกลับซีเหอวานไปซะ อย่าต้องให้พี่น้องของข้ามาไล่ เช่นนั้นจะมองหน้ากันไม่ติด!”

“ซานยา หุบปากเลยนะ!”

หญิงสกุลกวนหลิวเห็นว่าจินเฟิงขมวดคิ้วแน่น จึงรีบส่งสายตาเป็นสัญญาณให้ลูกชาย “จู้จื่อ อบรมเมียเจ้าบ้างนะ!”

เสียดายที่ลูกชายของนางก็คิดเหมือนกับเถียนซานยา เขาเพิกเฉยต่อคำเตือนของแม่โดยสิ้นเชิง

“ท่านแม่สติเลอะเลือนหรืออย่างไร ตัวดูดเงินนี่ไม่ใช่คนในตระกูลกวนอีกแล้ว แม่ยังปกป้องนางอีกหรือ!”

เถียนซานยาโมโหจนเอามือเท้าเอว เริ่มปริปากก่นด่า “ข้าช่างซวยฉิบหายวายวอดจริงๆ ที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลกวนของพวกเจ้า ไม่มีใครได้เรื่องสักคนเดียว อีกคนก็ดาวหายนะ อีกคนก็เป็นเด็กขี้โรค... เด็กขี้โรค เจ้ามองอะไร ข้ากำลังด่าเจ้าอยู่นะ!”

หญิงบ้าน้ำลายด่าคนโดยไม่มีเหตุผลแม้แต่นิดเดียว กวนเสี่ยวเอ๋อตกใจกลัวจนหดตัวอยู่ที่มุมกำแพง นางยังไม่ทันหนีแม้แต่นิดเดียว ก็ถูกเถียนซานยาก่นด่าจนไม่กล้าเงยหน้า และตกใจกลัวจนตัวสั่นเทา

ตอนเริ่มต้นนางสั่นเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็สั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ มือเท้าเริ่มชักเกร็งขึ้นมา!

“เสี่ยวเอ๋อ!”

กวนเสี่ยวโหรวรีบเข้ามากอดน้องสาว มือเท้าพันกันยุ่งเหยิงจนทำอะไรไม่ถูก และไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

“บอกว่าเจ้าเป็นดาวหายนะ เจ้าก็ไม่เชื่อ แค่เดินเข้าบ้านเด็กขี้โรคก็กำเริบอีกแล้ว!”

เถียนซานยายิ่งด่าก็ยิ่งได้ใจ

ชาวบ้านที่เข้ามามุงดูต่างชี้ไปที่กวนเสี่ยวโหรว และพูดตำหนิ

“หัวหน้าครอบครัว!”

กวนเสี่ยวโหรวไม่สนใจคำตำหนิของผู้อื่น นางเงยหน้าขอความช่วยเหลือจากจินเฟิง

จินเฟิงเดินเข้ามาไม่กี่ก้าว และก้มหน้ามองสาวน้อย

ตาสองข้างปิดสนิท สีหน้าขาวซีด ชักเกร็งไปทั้งตัว ฟันไม่สบกันแน่น และไม่มีฟองไหลออกมา ไม่ใช่โรคลมบ้าหมู...

และเมื่อนึกได้ว่ากวนเสี่ยวเอ๋ออยู่ในสภาวะหิวโหยเป็นเวลานาน จินเฟิงก็เดาได้ทันทีว่านางมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

เขาพุ่งตัวเข้าบ้าน และหยิบกล่องน้ำตาลออกมาจากถุงผ้า ละลายกับน้ำ และป้อนใส่ปากของสาวน้อยด้วยความระมัดระวัง

ทุกคนไม่รู้ว่าจินเฟิงกำลังทำอะไรอยู่ แม้แต่เถียนซานยาก็หยุดพ่นน้ำลาย และมองด้วยความประหลาดใจ

เมื่อป้อนน้ำตาลได้ไม่นาน สาวน้อยก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้น

“ไอ้หยา ฟื้นแล้วๆ!”

“ไหนบอกว่ากวนเสี่ยวโหรวแต่งงานกับหนอนหนังสือไงเล่า ทำไมกลายเป็นหมอจีนไปได้?”

“ข้าจะรู้ได้อย่างไร?”

เหล่าเพื่อนบ้านต่างพากันพูดวิพากษ์วิจารณ์

“ลูกเขยไม่เพียงแต่เป็นหมอจีนเท่านั้น เขายังเป็นวีรบุรุษผู้ล่าเสืออีกด้วย!”

เมื่อเห็นว่าลูกสาวคนเล็กอาการดีขึ้นแล้ว หญิงสกุลกวนหลิวก็เงยหน้าขึ้น และพูดด้วยความภูมิใจว่า “เสือหลังเขาที่ทำให้พวกเจ้าตกใจกลัวจนฉี่ราด เป็นตัวที่ลูกเขยของข้าฆ่าตาย!”

“ซ้อสาม จะคุยโวก็ให้น้อยๆ หน่อยนะ เสือตัวนั้นมีความยาวราวหนึ่งฟุต ผู้ชายสามสิบกว่าคนในหมู่บ้านของพวกเรายังจับมันไม่ได้ ลูกเขยของเจ้าตัวแค่นี้ ยังเทียบไม่ได้กับอุ้งมือข้างเดียวของเสือเลยนะ!”

จู่ๆ ชาวบ้านที่เคยเห็นเสือก็พูดค้านหญิงสกุลกวนหลิว

“ซ้อสามไม่ได้คุยโว...”

หัวหน้าหมู่บ้านของกวนเจียวานเดินฝ่ากลุ่มคนเข้ามา “เมื่อเช้าข้าไปดูการเพาะปลูกในไร่ของทางซีเหอ และได้พบกับหลิวชิ่งหยวนแห่งซีเหอวาน เขาเล่าให้ข้าฟังว่า เสือถูกสามีของเสี่ยวโหรวฆ่าตายด้วยตัวเองจริงๆ”

“หัวหน้าหมู่บ้าน เขาตัวแค่นี้ จะฆ่าเสือตายด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไรกัน?”

พวกชาวบ้านยังคงไม่กล้าเชื่อ

“หลิวชิ่งหยวนบอกว่า สามีของเสี่ยวโหรวเป็นยอดนักยิ่งธนู เขาใช้ธนูเพียงสามดอกก็ยิงเสือร้ายจนตาย คนครึ่งค่อนซีเหอวานต่างก็เห็นกับตาตัวเอง!”

หัวหน้าหมู่บ้านพูดว่า “พวกเจ้าควรขอบคุณเขานะ หากเขาไม่ฆ่าเสือตัวนั้นจนตาย พวกเจ้าจะกล้าไปขุดฝักป่าที่หลังเขาหรือไม่ ปีนี้ต้องมีคนหิวตายอีกกี่คน!”

พูดจบ เขาก็โค้งคำนับและทำความเคารพต่อจินเฟิง “ขอบคุณท่านผู้กล้า”

“ขอบคุณท่านผู้กล้า!”

หัวหน้าหมู่บ้านนำหน้า พวกชาวบ้านก็แสดงความเคารพตามไปด้วย

นี่คือการแสดงความเคารพต่อวีรบุรุษผู้ล่าเสือ

“ไม่เป็นไรหรอก พวกท่านอย่าไล่ข้ากับเสี่ยวโหรวก็พอแล้ว”

จินเฟิงยังคงโมโหกับเรื่องเมื่อครู่ เขารื้อถุงผ้าเพื่อหาถังหูหลูให้กวนเสี่ยวเอ๋อ และยังไม่เงยหน้าขึ้น

“อ๊ะ เมื่อครู่ตัวดูด… เสี่ยวโหรวแบกของขวัญมาจริงๆ ด้วย!”

“ครอบครัวเหล่าซานมีโชคแล้ว ได้วีรบุรุษผู้ล่าเสือเป็นลูกเขย!”

“ซานยานี่นะ ลูกเขยที่ดีแบบนี้ เมื่อครู่ยังไล่เขาไป!”

“คนตระกูลเถียนชอบดูถูกคนอื่นอยู่แล้ว ตอนนี้คงอึ้งไปเลยสินะ!”

ชาวบ้านต่างพากันมองของฝากที่ถูกหยิบออกมาจากถุงทีละชิ้น ท่าทีเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่มากทีเดียว

เถียนซานยาที่เท้าเอวสาดน้ำลายเมื่อครู่ก็ทำสีหน้างุนงง

จินเฟิงหาถังหูหลูเจอ ก็ยื่นให้สาวน้อยทั้งถุง “เสี่ยวเอ๋อ โรคที่เจ้าป่วยอยู่ต้องกินน้ำตาลเยอะๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้น ท่านพี่ของเจ้าบอกว่าเจ้าชอบกินถังหูหลูมากที่สุด นี่ไง ชิมดูสิ”

“ขอบคุณท่านพี่เขย!”

กวนเสี่ยวเอ๋อรับถังหูหลูมาก และกอดเอาไว้ในอ้อมอก

“จู้จื่อ รีบให้เมียของเจ้าขอโทษลูกเขยเดี๋ยวนี้!”

หญิงสกุลกวนหลิวรู้สึกเสียใจกับลูกชาย จึงแอบดึงมุมเสื้อของลูกชายอย่างเงียบๆ

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

1300