บทที่ 17 ถังตงตง
by เป่ยชวน
10:57,Sep 27,2024
กวนจู้จื่อยังไม่ทันได้พูด เถียนซานยาที่เพิ่งได้สติกลับมาก็พุ่งตัวมาด้านหน้าจินเฟิง พร้อมกับพูดใบหน้าระรื่นว่า
“เมื่อครู่ข้าหน้ามืดตามัว ไม่ทันรู้ว่าลูกเขยเป็นวีรบุรุษผู้ล่าเสือ ท่านอย่าได้ถือสาข้าเลยนะ”
พูดจบ นางก็ตบหน้าของตัวเอง “ข้าขอชดใช้ให้ท่านด้วยฝ่ามือนี้แล้วกัน!”
นางตบหน้าโดยไม่เบามือเลยสักนิด ใบหน้าของนางมีรอยนิ้วมือทั้งห้าผุดขึ้นมาในทันที
แต่ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ กลับไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะเถียนซานยา
พวกเขาทั้งหิวและกลัว หากครอบครัวของพวกเขามีลูกเขยอย่างวีรบุรุษผู้ล่าเสือ ให้พวกเขาโค้งคำนับก็ยอม
“ไม่ต้องชดใช้ให้ข้า เมื่อครู่คนที่เจ้าด่าก็คือเสี่ยวโหรว!”
จินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“เสี่ยวโหรว ข้าผิดไปแล้ว”
เถียนซานยาหันหน้ามามองกวนเสี่ยวโหรว และตบหน้าของตัวเองอีกหนึ่งที “เสี่ยวโหรว เมื่อก่อนพี่สะใภ้ผิดไปแล้ว ข้าไม่ใช่คน ไม่ควรรังแกเจ้า แต่เจ้าก็รู้ว่าครอบครัวของพวกเราเป็นอย่างไร...”
กวนเสี่ยวโหรวใจอ่อนในที่สุด และรู้สถานการณ์ครอบครัวในเมื่อก่อนเป็นอย่างดี เถียนซานยาพูดจาอ่อนหวานเพียงไม่กี่คำก็เกลี้ยกล่อมนางได้
อย่างไรกวนเสี่ยวโหรวก็เป็นคนในครอบครัวที่แต่งเข้ามา นางจึงอยากอภัยให้ และมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่างมากก็แค่ไม่ต้องไปมาหาสู่กันบ่อยๆ
จินเฟิงขี้เกียจฟังเถียนซานยาระบายความในใจ และขี้เกียจสนใจพี่ชายของภรรยาที่จะเข้าสนทนาด้วย จึงนั่งลงข้างไนปั่นด้ายเพื่อทำการศึกษา
เมื่อชาวบ้านเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ต่างก็แยกย้ายไปทำงาน
“หัวหน้าครอบครัว ข้าบอกพี่สะใภ้แล้ว ตอนที่พวกเรากลับ เราจะเอาไนปั่นด้ายไปด้วย”
ในที่สุดกวนเสี่ยวโหรวเลี่ยงออกมาจากเถียนซานยาได้ และย่อตัวลงข้างๆ จินเฟิง
“เจ้าคิดจะปั่นด้ายส่งข้าเรียนจริงๆ งั้นหรือ?”
จินเฟิงยิ้มหยอกเย้า
ผิวทั่วร่างกายของกวนเสี่ยวโหรวนุ่มนวลไปหมด มีเพียงมือที่มีความด้านและหนา เป็นเพราะร่องรอยจากการปั่นด้าย
“ข้ารู้ว่าหัวหน้าครอบครัวมีความสามารถ ไม่ต้องการให้ข้าหาเงินเข้าบ้าน แต่นอกจากการปั่นด้าย ข้าก็ไม่รู้จะทำอะไรอีก ข้าคงนั่งอยู่เฉยๆ ตลอดทั้งวันไม่ได้หรอกใช่ไหม?”
กวนเสี่ยวโหรวก้มหน้าพูด
“ไม่มีอะไรทำก็ปั่นด้ายไปเถอะ แต่ว่าไนปั่นด้ายตัวนี้จะพังแล้ว ไม่ต้องเอากลับบ้านหรอก กลับบ้านข้าทำเครื่องใหม่ให้เจ้าดีกว่า”
ปริญญาเอกสาขาวิศวกรรมศาสตร์ไม่ได้เรียนมาง่ายๆ ไนปั่นด้ายในสมัยโบราณมีโครงสร้างและกลไกที่เรียบง่าย จินเฟิงแค่มองก็เข้าใจแล้ว กลับไปแก้ไขตามสะดวกนิดหน่อย จะต้องดีกว่าที่มีอยู่หลายเท่าแน่นอน
“หัวหน้าครอบครัวทำไนปั่นด้ายเป็นด้วยหรือ?”
กวนเสี่ยวโหรวพูดด้วยความประหลาดใจ
“ข้าทำอะไรได้อีกเลยล่ะ”
จินเฟิงพูดอวด
“หัวหน้าครอบครัว พวกเราออกไปเดินเล่นกัน ข้าจะพาเจ้าไปพบใครบางคน”
กวนเสี่ยวโหรวดึงจินเฟิงลุกขึ้น
“ไปพบใครงั้นหรือ?”
“เพื่อนที่ดีที่สุดของข้า” กวนเสี่ยวโหรวพูดว่า “เมื่อก่อนทุกคนต่างพูดว่าข้าคือดาวหายนะ ดังนั้นทุกคนจึงเอาแต่หลบข้า มีเพียงตงตงที่ไม่รังเกียจข้า และช่วยข้าทำงานอยู่ตลอด”
“เช่นนั้นต้องไปพบหน่อยแล้ว”
ทั้งสองเดินออกจากลานเล็กๆ เลี้ยวที่ผืนป่าไผ่ จึงได้พบกับหญิงสาวอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีกำลังขุดดินอยู่
หญิงสาวสูงกว่ากวนเสี่ยวโหรวเล็กน้อย มีหน้าตาที่สวยงาม เพียงแต่ผอมไปนิดหน่อย
จินเฟิงรู้สึกว่าหญิงสาวผู้นี้ดูท่าทางแปลกๆ จึงเหลือบมองอยู่หลายครั้ง
“หัวหน้าครอบครัว ตงตงหน้าตาดีเลยใช่ไหม?”
กวนเสี่ยวโหรวยิ้มและถามว่า
“นางหน้าตาสะสวยทีเดียว แต่สวยน้อยกว่าเสี่ยวโหรวนิดหน่อย”
“เช่นนั้นเจ้าแต่งงานตงตง และรับนางกลับไปเป็นเมียน้อยได้หรือไม่?”
“เจ้าเอาอีกแล้วหรือเนี่ย?”
แม้ว่าเขาจะเป็นนักเรียนสายวิทย์ แต่เขาก็รู้จักพูดเพื่อจะมีชีวิตรอดต่อไปได้ “ในโลกนี้มีผู้หญิงสวยๆ มากมาย ต่อไปหากข้าเห็นคนสวยก็ต้องแต่งงานและพากลับบ้านเลยไหม บ้านของพวกเราจะพออยู่หรือไม่? ข้าแต่งงานกับเจ้าเพียงคนเดียวก็พอแล้ว”
“สามี ตงตงไม่เพียงแต่หน้าตาสวยงาม นางยังรู้หนังสือและคิดเลขได้ด้วย”
“รู้หนังสือและคิดเลขได้ด้วยงั้นหรือ?”
จินเฟิงตกใจในทันที
ในยุคสมัยนี้ผู้ชายรู้หนังสือมีไม่มาก ไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงเลย หนึ่งในพันคนแทบไม่มี
“เมื่อก่อนตงตงเป็นคุณหนูใหญ่ในเมือง ต่อมาครอบครัวประสบปัญหา จึงมาพึ่งใบบุญคุณย่าห้าที่กวนเจียวาน”
กวนเสี่ยวโหรวพูดว่า “เมื่อก่อนคุณย่าห้าไม่ให้นางทำงานอะไรเลย อย่างมากก็แค่เรียนปั่นด้ายกับข้า ทำไมตอนนี้ถึงเริ่มทำงานแล้วล่ะ?”
“มิน่าเล่า”
ในที่สุดจินเฟิงก็รู้แล้วว่าความรู้สึกแปลกๆ เมื่อครู่คืออะไร
ท่าทางการทำงานของหญิงสาวคนนั้นแปลกตามากทีเดียว แค่มองก็รู้ว่าเป็นพวกเจ้านายที่ไม่เคยทำงานไร่งานสวนมาก่อน
ถังตงตงเป็นคนต่างถิ่น นางไม่มีเพื่อนในกวนเจียวาน ดังนั้น เมื่อเห็นกวนเสี่ยวโหรวก็ดีใจอย่างมาก
ทั้งสองแนบชิดสนิทสนมกันและวิ่งไปคุยกันอีกด้าน จินเฟิงจึงไม่อยากเข้าไปรบกวน จึงเดินมาอีกด้านเพื่อวิเคราะห์ว่าจะพัฒนาไนปั่นด้ายอย่างไรดี
“ตงตง ทำไมคุณย่าห้าจึงให้เจ้าทำงานในไร่ล่ะ?”
“ข้าขายเครื่องประดับที่นำมาจากบ้านหมดแล้ว ตอนนี้ไม่มีเงินพอจะจ่ายภาษีครั้งต่อไป จึงอยากบุกเบิกพื้นที่รกร้างเสียหน่อย ดูว่าจะพอหาเงินได้บ้างหรือไม่ จะได้ไม่โดนจับไปใส่ขบวนส่งตัวเจ้าสาว”
ถังตงตงพูดด้วยความเบื่อหน่าย
“ตงตง เจ้าไม่ต้องเข้าร่วมขบวนส่งตัวเจ้าสาวหรอกนะ ผู้ชายในกวนเจียวานอยากแต่งงานกับเจ้าตั้งมากมาย”
“ผู้ชายที่กวนเจียวานมีแต่พวกไร้ปัญญา และพวกที่ชอบตบตีเมียตัวเอง ให้ตายข้าก็ไม่ยอมแต่งงานกับพวกเขาหรอก”
“เช่นนั้นเจ้าแต่งงานกับหัวหน้าครอบครัวของข้าสิ เขาไม่เคยทำร้ายใคร และปฏิบัติต่อข้าอย่างดี...”
กวนเสี่ยวโหรวพูดชื่นชมจินเฟิงอีกครั้ง
“เสี่ยวโหรว เจ้าซื่อบื้อจริงนะ ต่อให้เขาดีต่อเจ้ามากแค่ไหน เจ้าก็ไม่ควรหาเมียน้อยให้เขาง่ายๆ เช่นนี้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะเสียเปรียบเอาได้”
การมีเมียน้อยเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปในต้าคัง ถังตงตงไม่อยากรุกล้ำพื้นที่ของนาง จึงจิ้มไปที่หน้าผากของกวนเสี่ยวโหรว
“ข้าไม่ยอมให้คนอื่นหรอกนะ แต่ถ้าเจ้าแต่งเข้ามาคงดีไม่น้อย พวกเราแทบเป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว หากเจ้ายินยอม ข้าจะไปขอร้องหัวหน้าครอบครัวให้”
“เสี่ยวโหรว ข้ารู้ว่าเจ้าอยากทำเพื่อข้า กลัวว่าข้าจะคิดสั้น แต่เจ้าวางใจเถอะนะ ข้าไม่ทำเรื่องไม่ดีหรอก”
ถังตงตงกุมมือของกวนเสี่ยวโหรว “ข้าอยากหาวิธีด้วยตัวเอง หากข้าเอาตัวไม่รอดจริงๆ ข้าจะรีบเผ่นไปหาเจ้าเลยนะ”
“เช่นนั้นก็ว่ากันตามนี้”
“อื้ม”
...
หลังอาหารมื้อเที่ยง แม้เถียนซานยาจะรับปากซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ต่อไปนางไม่มีทางรังแกกวนเสี่ยวเอ๋ออีกเด็ดขาด กวนเสี่ยวโหรวยังคงไม่ไว้วางใจ หลังจากที่นางปรึกษากับจินเฟิงแล้ว จึงตัดสินใจพากวนเสี่ยวเอ๋อกลับไปเลี้ยงที่บ้านช่วงหนึ่งก่อน
ตอนที่กลับมา ทุกคนต่างแสดงท่าทีรังเกียจกวนเสี่ยวเอ๋อ แต่ตอนที่จะไป ทุกคนต่างเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม
นางใช้ชีวิตมาเกือบยี่สิบปี นี่เป็นวันที่กวนเสี่ยวโหรวสบายใจมากที่สุด
“ท่านพี่เขย ที่นี่คือซีเหอวานหรือเจ้าคะ?”
กวนเสี่ยวเอ๋อซบลงบนหลังของจินเฟิง “ดูเหมือนกับหมู่บ้านกวนเจียวานของเราเลยนี่น่า?”
สาวน้อยผู้น่าสงสาร โตขนาดนี้แล้ว แต่เพิ่งออกจากหมู่บ้านเป็นครั้งแรก เห็นอะไรก็ตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด
“หมู่บ้านของพวกเราห่างกันแค่ไม่กี่ลี้ มันต้องเหมือนกันอยู่แล้ว”
“ท่านพี่เขย ข้าจะได้กินข้าวสวยที่บ้านท่านใช่หรือไม่? ข้าวสวยที่ข้ากินเมื่อตอนกลางวันอร่อยมากเลยล่ะ!”
“แน่นอน ไม่ใช่แค่ข้าวสวยนะ พวกเรายังสามารถทำแป้งเปี๊ยะ หมั่นโถว เจ้าอยากกินอะไร เจ้าบอกท่านพี่ของเจ้าได้เลย”
“ว้าว ดีจังเลย ข้าอยากไปบ้านท่านพี่เขยไวๆ”
ในความคิดของกวนเสี่ยวเอ๋อ นี่เป็นชีวิตที่ดีที่สุดแล้ว
“ไม่ต้องรีบ เลี้ยวข้างหน้าก็ถึงบ้านข้าแล้ว”
จินเฟิงยิ้มและพูดว่า “เอ๊ะ ทำไมผู้คนมากมายขนาดนี้?”
ในลานบ้านเล็กๆ มีคนยืนอยู่ราวยี่สิบถึงสามสิบคน กำลังคุยกันจอแจ ซึ่งไม่รู้ว่ากำลังพูดเรื่องอะไร
“จินเฟิง,เสี่ยวโหรว พวกเจ้ากลับมาได้เสียที!”
หลินอวิ๋นฟางวิ่งเข้ามาและพูดว่า “มีโจรขึ้นบ้านพวกเจ้า รีบเข้าไปดูสิว่ามีอะไรหายไปบ้างหรือไม่?”
“เมื่อครู่ข้าหน้ามืดตามัว ไม่ทันรู้ว่าลูกเขยเป็นวีรบุรุษผู้ล่าเสือ ท่านอย่าได้ถือสาข้าเลยนะ”
พูดจบ นางก็ตบหน้าของตัวเอง “ข้าขอชดใช้ให้ท่านด้วยฝ่ามือนี้แล้วกัน!”
นางตบหน้าโดยไม่เบามือเลยสักนิด ใบหน้าของนางมีรอยนิ้วมือทั้งห้าผุดขึ้นมาในทันที
แต่ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ กลับไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะเถียนซานยา
พวกเขาทั้งหิวและกลัว หากครอบครัวของพวกเขามีลูกเขยอย่างวีรบุรุษผู้ล่าเสือ ให้พวกเขาโค้งคำนับก็ยอม
“ไม่ต้องชดใช้ให้ข้า เมื่อครู่คนที่เจ้าด่าก็คือเสี่ยวโหรว!”
จินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“เสี่ยวโหรว ข้าผิดไปแล้ว”
เถียนซานยาหันหน้ามามองกวนเสี่ยวโหรว และตบหน้าของตัวเองอีกหนึ่งที “เสี่ยวโหรว เมื่อก่อนพี่สะใภ้ผิดไปแล้ว ข้าไม่ใช่คน ไม่ควรรังแกเจ้า แต่เจ้าก็รู้ว่าครอบครัวของพวกเราเป็นอย่างไร...”
กวนเสี่ยวโหรวใจอ่อนในที่สุด และรู้สถานการณ์ครอบครัวในเมื่อก่อนเป็นอย่างดี เถียนซานยาพูดจาอ่อนหวานเพียงไม่กี่คำก็เกลี้ยกล่อมนางได้
อย่างไรกวนเสี่ยวโหรวก็เป็นคนในครอบครัวที่แต่งเข้ามา นางจึงอยากอภัยให้ และมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่างมากก็แค่ไม่ต้องไปมาหาสู่กันบ่อยๆ
จินเฟิงขี้เกียจฟังเถียนซานยาระบายความในใจ และขี้เกียจสนใจพี่ชายของภรรยาที่จะเข้าสนทนาด้วย จึงนั่งลงข้างไนปั่นด้ายเพื่อทำการศึกษา
เมื่อชาวบ้านเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ต่างก็แยกย้ายไปทำงาน
“หัวหน้าครอบครัว ข้าบอกพี่สะใภ้แล้ว ตอนที่พวกเรากลับ เราจะเอาไนปั่นด้ายไปด้วย”
ในที่สุดกวนเสี่ยวโหรวเลี่ยงออกมาจากเถียนซานยาได้ และย่อตัวลงข้างๆ จินเฟิง
“เจ้าคิดจะปั่นด้ายส่งข้าเรียนจริงๆ งั้นหรือ?”
จินเฟิงยิ้มหยอกเย้า
ผิวทั่วร่างกายของกวนเสี่ยวโหรวนุ่มนวลไปหมด มีเพียงมือที่มีความด้านและหนา เป็นเพราะร่องรอยจากการปั่นด้าย
“ข้ารู้ว่าหัวหน้าครอบครัวมีความสามารถ ไม่ต้องการให้ข้าหาเงินเข้าบ้าน แต่นอกจากการปั่นด้าย ข้าก็ไม่รู้จะทำอะไรอีก ข้าคงนั่งอยู่เฉยๆ ตลอดทั้งวันไม่ได้หรอกใช่ไหม?”
กวนเสี่ยวโหรวก้มหน้าพูด
“ไม่มีอะไรทำก็ปั่นด้ายไปเถอะ แต่ว่าไนปั่นด้ายตัวนี้จะพังแล้ว ไม่ต้องเอากลับบ้านหรอก กลับบ้านข้าทำเครื่องใหม่ให้เจ้าดีกว่า”
ปริญญาเอกสาขาวิศวกรรมศาสตร์ไม่ได้เรียนมาง่ายๆ ไนปั่นด้ายในสมัยโบราณมีโครงสร้างและกลไกที่เรียบง่าย จินเฟิงแค่มองก็เข้าใจแล้ว กลับไปแก้ไขตามสะดวกนิดหน่อย จะต้องดีกว่าที่มีอยู่หลายเท่าแน่นอน
“หัวหน้าครอบครัวทำไนปั่นด้ายเป็นด้วยหรือ?”
กวนเสี่ยวโหรวพูดด้วยความประหลาดใจ
“ข้าทำอะไรได้อีกเลยล่ะ”
จินเฟิงพูดอวด
“หัวหน้าครอบครัว พวกเราออกไปเดินเล่นกัน ข้าจะพาเจ้าไปพบใครบางคน”
กวนเสี่ยวโหรวดึงจินเฟิงลุกขึ้น
“ไปพบใครงั้นหรือ?”
“เพื่อนที่ดีที่สุดของข้า” กวนเสี่ยวโหรวพูดว่า “เมื่อก่อนทุกคนต่างพูดว่าข้าคือดาวหายนะ ดังนั้นทุกคนจึงเอาแต่หลบข้า มีเพียงตงตงที่ไม่รังเกียจข้า และช่วยข้าทำงานอยู่ตลอด”
“เช่นนั้นต้องไปพบหน่อยแล้ว”
ทั้งสองเดินออกจากลานเล็กๆ เลี้ยวที่ผืนป่าไผ่ จึงได้พบกับหญิงสาวอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีกำลังขุดดินอยู่
หญิงสาวสูงกว่ากวนเสี่ยวโหรวเล็กน้อย มีหน้าตาที่สวยงาม เพียงแต่ผอมไปนิดหน่อย
จินเฟิงรู้สึกว่าหญิงสาวผู้นี้ดูท่าทางแปลกๆ จึงเหลือบมองอยู่หลายครั้ง
“หัวหน้าครอบครัว ตงตงหน้าตาดีเลยใช่ไหม?”
กวนเสี่ยวโหรวยิ้มและถามว่า
“นางหน้าตาสะสวยทีเดียว แต่สวยน้อยกว่าเสี่ยวโหรวนิดหน่อย”
“เช่นนั้นเจ้าแต่งงานตงตง และรับนางกลับไปเป็นเมียน้อยได้หรือไม่?”
“เจ้าเอาอีกแล้วหรือเนี่ย?”
แม้ว่าเขาจะเป็นนักเรียนสายวิทย์ แต่เขาก็รู้จักพูดเพื่อจะมีชีวิตรอดต่อไปได้ “ในโลกนี้มีผู้หญิงสวยๆ มากมาย ต่อไปหากข้าเห็นคนสวยก็ต้องแต่งงานและพากลับบ้านเลยไหม บ้านของพวกเราจะพออยู่หรือไม่? ข้าแต่งงานกับเจ้าเพียงคนเดียวก็พอแล้ว”
“สามี ตงตงไม่เพียงแต่หน้าตาสวยงาม นางยังรู้หนังสือและคิดเลขได้ด้วย”
“รู้หนังสือและคิดเลขได้ด้วยงั้นหรือ?”
จินเฟิงตกใจในทันที
ในยุคสมัยนี้ผู้ชายรู้หนังสือมีไม่มาก ไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงเลย หนึ่งในพันคนแทบไม่มี
“เมื่อก่อนตงตงเป็นคุณหนูใหญ่ในเมือง ต่อมาครอบครัวประสบปัญหา จึงมาพึ่งใบบุญคุณย่าห้าที่กวนเจียวาน”
กวนเสี่ยวโหรวพูดว่า “เมื่อก่อนคุณย่าห้าไม่ให้นางทำงานอะไรเลย อย่างมากก็แค่เรียนปั่นด้ายกับข้า ทำไมตอนนี้ถึงเริ่มทำงานแล้วล่ะ?”
“มิน่าเล่า”
ในที่สุดจินเฟิงก็รู้แล้วว่าความรู้สึกแปลกๆ เมื่อครู่คืออะไร
ท่าทางการทำงานของหญิงสาวคนนั้นแปลกตามากทีเดียว แค่มองก็รู้ว่าเป็นพวกเจ้านายที่ไม่เคยทำงานไร่งานสวนมาก่อน
ถังตงตงเป็นคนต่างถิ่น นางไม่มีเพื่อนในกวนเจียวาน ดังนั้น เมื่อเห็นกวนเสี่ยวโหรวก็ดีใจอย่างมาก
ทั้งสองแนบชิดสนิทสนมกันและวิ่งไปคุยกันอีกด้าน จินเฟิงจึงไม่อยากเข้าไปรบกวน จึงเดินมาอีกด้านเพื่อวิเคราะห์ว่าจะพัฒนาไนปั่นด้ายอย่างไรดี
“ตงตง ทำไมคุณย่าห้าจึงให้เจ้าทำงานในไร่ล่ะ?”
“ข้าขายเครื่องประดับที่นำมาจากบ้านหมดแล้ว ตอนนี้ไม่มีเงินพอจะจ่ายภาษีครั้งต่อไป จึงอยากบุกเบิกพื้นที่รกร้างเสียหน่อย ดูว่าจะพอหาเงินได้บ้างหรือไม่ จะได้ไม่โดนจับไปใส่ขบวนส่งตัวเจ้าสาว”
ถังตงตงพูดด้วยความเบื่อหน่าย
“ตงตง เจ้าไม่ต้องเข้าร่วมขบวนส่งตัวเจ้าสาวหรอกนะ ผู้ชายในกวนเจียวานอยากแต่งงานกับเจ้าตั้งมากมาย”
“ผู้ชายที่กวนเจียวานมีแต่พวกไร้ปัญญา และพวกที่ชอบตบตีเมียตัวเอง ให้ตายข้าก็ไม่ยอมแต่งงานกับพวกเขาหรอก”
“เช่นนั้นเจ้าแต่งงานกับหัวหน้าครอบครัวของข้าสิ เขาไม่เคยทำร้ายใคร และปฏิบัติต่อข้าอย่างดี...”
กวนเสี่ยวโหรวพูดชื่นชมจินเฟิงอีกครั้ง
“เสี่ยวโหรว เจ้าซื่อบื้อจริงนะ ต่อให้เขาดีต่อเจ้ามากแค่ไหน เจ้าก็ไม่ควรหาเมียน้อยให้เขาง่ายๆ เช่นนี้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะเสียเปรียบเอาได้”
การมีเมียน้อยเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปในต้าคัง ถังตงตงไม่อยากรุกล้ำพื้นที่ของนาง จึงจิ้มไปที่หน้าผากของกวนเสี่ยวโหรว
“ข้าไม่ยอมให้คนอื่นหรอกนะ แต่ถ้าเจ้าแต่งเข้ามาคงดีไม่น้อย พวกเราแทบเป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว หากเจ้ายินยอม ข้าจะไปขอร้องหัวหน้าครอบครัวให้”
“เสี่ยวโหรว ข้ารู้ว่าเจ้าอยากทำเพื่อข้า กลัวว่าข้าจะคิดสั้น แต่เจ้าวางใจเถอะนะ ข้าไม่ทำเรื่องไม่ดีหรอก”
ถังตงตงกุมมือของกวนเสี่ยวโหรว “ข้าอยากหาวิธีด้วยตัวเอง หากข้าเอาตัวไม่รอดจริงๆ ข้าจะรีบเผ่นไปหาเจ้าเลยนะ”
“เช่นนั้นก็ว่ากันตามนี้”
“อื้ม”
...
หลังอาหารมื้อเที่ยง แม้เถียนซานยาจะรับปากซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ต่อไปนางไม่มีทางรังแกกวนเสี่ยวเอ๋ออีกเด็ดขาด กวนเสี่ยวโหรวยังคงไม่ไว้วางใจ หลังจากที่นางปรึกษากับจินเฟิงแล้ว จึงตัดสินใจพากวนเสี่ยวเอ๋อกลับไปเลี้ยงที่บ้านช่วงหนึ่งก่อน
ตอนที่กลับมา ทุกคนต่างแสดงท่าทีรังเกียจกวนเสี่ยวเอ๋อ แต่ตอนที่จะไป ทุกคนต่างเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม
นางใช้ชีวิตมาเกือบยี่สิบปี นี่เป็นวันที่กวนเสี่ยวโหรวสบายใจมากที่สุด
“ท่านพี่เขย ที่นี่คือซีเหอวานหรือเจ้าคะ?”
กวนเสี่ยวเอ๋อซบลงบนหลังของจินเฟิง “ดูเหมือนกับหมู่บ้านกวนเจียวานของเราเลยนี่น่า?”
สาวน้อยผู้น่าสงสาร โตขนาดนี้แล้ว แต่เพิ่งออกจากหมู่บ้านเป็นครั้งแรก เห็นอะไรก็ตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด
“หมู่บ้านของพวกเราห่างกันแค่ไม่กี่ลี้ มันต้องเหมือนกันอยู่แล้ว”
“ท่านพี่เขย ข้าจะได้กินข้าวสวยที่บ้านท่านใช่หรือไม่? ข้าวสวยที่ข้ากินเมื่อตอนกลางวันอร่อยมากเลยล่ะ!”
“แน่นอน ไม่ใช่แค่ข้าวสวยนะ พวกเรายังสามารถทำแป้งเปี๊ยะ หมั่นโถว เจ้าอยากกินอะไร เจ้าบอกท่านพี่ของเจ้าได้เลย”
“ว้าว ดีจังเลย ข้าอยากไปบ้านท่านพี่เขยไวๆ”
ในความคิดของกวนเสี่ยวเอ๋อ นี่เป็นชีวิตที่ดีที่สุดแล้ว
“ไม่ต้องรีบ เลี้ยวข้างหน้าก็ถึงบ้านข้าแล้ว”
จินเฟิงยิ้มและพูดว่า “เอ๊ะ ทำไมผู้คนมากมายขนาดนี้?”
ในลานบ้านเล็กๆ มีคนยืนอยู่ราวยี่สิบถึงสามสิบคน กำลังคุยกันจอแจ ซึ่งไม่รู้ว่ากำลังพูดเรื่องอะไร
“จินเฟิง,เสี่ยวโหรว พวกเจ้ากลับมาได้เสียที!”
หลินอวิ๋นฟางวิ่งเข้ามาและพูดว่า “มีโจรขึ้นบ้านพวกเจ้า รีบเข้าไปดูสิว่ามีอะไรหายไปบ้างหรือไม่?”
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved