บทที่ 15 กลับบ้านแม่
by เป่ยชวน
10:57,Sep 27,2024
เมื่อน้ำหนักหลายร้อยชั่งของเสือหายไป จินเฟิงและคนอื่นๆ เดินทางกลับรวดเร็วขึ้นมาก หลังจากกินอาหารกลางวันที่เทศมณฑลและออกเดินทาง ฟ้ายังไม่ทันมืดก็มาถึงซีเหอวาน
“นี่ ผลไม้เคือบน้ำตาล!”
เมื่อส่งชาวบ้านที่มามุงดูกลับหมดแล้ว จินเฟิงก็หยิบห่อถุงกระดาษน้ำมันออกมาจากถุงผ้า
“ทำไมซื้อเยอะขนาดนี้?”
กวนเสี่ยวโหรวเปิดถุงกระดาษน้ำมันออกมาดู พบว่าด้านในมีถังหูหลูอยู่สิบกว่าไม้
“นานๆ จะได้ไปที่เทศมณฑลสักที ก็ต้องซื้อมาเยอะหน่อยสิ”
จินเฟิงยิ้มและหยิบออกมาหนึ่งไม้ “ได้ยินลูกจ้างในโรงเตี๊ยมบอกว่า นี่คือถังหูหลูที่ดีที่สุดในเทศมณฑล เจ้าลองชิมดูสิ”
“หากเสี่ยวเอ๋อเห็นถังหูหลูเหล่านี้ ต้องดีใจแย่แน่ๆ”
กวนเสี่ยวโหรวแทบอยากกลับไปตอนนี้เลย
ระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน ดาวหายนะที่ผู้คนรังเกียจ กลายมาเป็นผู้มีบุญวาสนาที่ผู้คนต่างพากันอิจฉา
นางอดใจไม่ไหวที่จะบอกข่าวดีให้ท่านแม่และน้องสาวได้รับรู้
ไม่ควรไปเยี่ยมญาติแต่เช้าตรู่ แม้ว่าใจของกวนเสี่ยวโหรวอยากกลับไปจะแย่อยู่แล้ว แต่วันรุ่งขึ้นก็ยังต้องรอจนพระอาทิตย์ขึ้นก่อน แล้วค่อยออกเดินทาง
“ไอ้หยา ดาวหายนะของบ้านเหล่าซานกลับมาอีกแล้ว!”
“บอกแล้วว่าไม่มีใครเอาดาวหายนะหรอก เจ้าดูสิ แค่สามวันก็ถูกไล่กลับบ้านแล้วใช่ไหมเนี่ย?”
“ข้าว่าไม่เหมือนคนถูกไล่กลับมานะ เมื่อครู่พวกเขายังหัวเราะกันอยู่เลย”
“ถ้าไม่ได้โดนไล่มา ผู้ชายคนนั้นแบกถุงผ้ามาทำไมกัน? ด้านในต้องเป็นของชดเชยอย่างแน่นอน”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร หากว่าเป็นของขวัญที่ลูกเขยมอบให้พ่อตาเล่า”
“เจ้ามีชีวิตมาถึงป่านนี้แล้ว เคยเห็นลูกเขยที่ไหนให้ของขวัญพ่อตาบ้าง ที่สำคัญกวนเสี่ยวโหรวยังเป็นถึงดาวหายนะ”
“เมื่อวานที่หลังเขาเจอเสือด้วยนะ ต้องเพราะดาวหายนะนำพามาแน่นอน รีบไปเรียกเหล่าซานกลับมา อย่าให้ดาวหายนะกลับมาที่หมู่บ้านอีก!”
...
ทันทีที่เข้ามาในหมู่บ้าน ข่าวโคมลอยก็ทำให้กวนเสี่ยวโหรวต้องอารมณ์เสีย
สิ่งที่เข้ามาทดแทนคือความหวาดผวา
“ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่”
จินเฟิงใช้แรงเล็กน้อยบีบมือของกวนเสี่ยวโหรว “ยังจำที่ข้าพูดได้ไหม? พวกเราไม่ได้ขอข้าวพวกเขากิน อย่าไปใส่ใจคำพูดของพวกเขาเลย”
“อื้ม!”
กวนเสี่ยวโหรวรู้สึกถึงความอบอุ่นกลางฝ่ามือ และสบายใจขึ้นมา พวกเขาหยุดลงหน้าประตูบ้านที่ทรุดโทรมหลังหนึ่ง
ภายในลานบ้าน สาวน้อยอายุประมาณเจ็ดแปดขวบกำลังใช้มือดึงบางอย่างที่ผนัง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
เมื่อเห็นว่าคนที่เดินมาคือกวนเสี่ยวโหรว สาวน้อยตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าที่ดีใจ “อ๊ะ ท่านพี่ พี่กลับมาแล้วหรือ?”
“เสี่ยวเอ๋อ เจ้าทำอะไรอยู่?”
กวนเสี่ยวโหรวรีบเดินเข้าไป และดึงสาวน้อยลุกขึ้นจากพื้น
“ท่านพี่ ข้าได้ยินเสียงจิ้งหรีดตรงนี้ รังของมันต้องอยู่ในนี้แน่นอน”
สาวน้อยชี้ไปที่กำแพงและพูดว่า “ท่านพี่ ปล่อยข้าลง ข้าจะจับไปจิ้งหรีด เดี๋ยวเราย่างกินด้วยกัน”
“เสี่ยวเอ๋อ เมื่อวานพี่สะใภ้ไม่ได้ให้เจ้ากินข้าวอีกแล้วหรือ?”
กวนเสี่ยวโหรวอุ้มสาวน้อย น้ำตาไหล ดวงตาแดงก่ำ
“พี่สะใภ้บอกว่าข้าไม่มีชีวิตรอดหรอก กินข้าวไปก็สิ้นเปลืองอาหาร และบอกพี่ใหญ่ให้เอาข้าไปทิ้งที่หลังเขา...”
สาวน้อยก็ร้องไห้ตาม “ท่านพี่ พวกเขาบอกว่าท่านพี่แต่งงานแล้ว พี่เอาข้าไปด้วยได้หรือไม่ อย่าให้พี่ใหญ่เอาข้าไปทิ้งที่หลังเขาเลยนะ หลังเขามีหมาป่า ข้ากลัว... ข้าจะปั่นด้ายให้พี่ และขุดผักป่าให้ด้วย ท่านพี่พาข้าไปด้วยได้หรือไม่...”
กวนเสี่ยวโหรวกอดสาวน้อยไว้ในอ้อมอก พร้อมเงยหน้ามองจินเฟิงด้วยสายตาอ้อนวอน “หัวหน้าครอบครัว...”
จินเฟิงพยักหน้า รู้สึกจุกอกมากทีเดียว
เอี๊ยด!
ผู้หญิงวัยกลางคนผมเผ้ายุ่งเหยิงคนหนึ่งผลักประตูบ้าน
“ท่านแม่!”
กวนเสี่ยวโหรวเช็ดน้ำตา “นี่คือหัวหน้าครอบครัวของข้า...”
ผู้หญิงวัยกลางคนมองลูกสาวที่ใบหน้าเปื้อนน้ำตา สีหน้าของนางเปลี่ยนไป ไม่รอให้จินเฟิงและกวนเสี่ยวโหรวพูดอะไร นางก็กระโจนเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าจินเฟิง
“ลูกเขย ในเมื่อเจ้าส่งขบวนมายกเสี่ยวโหรวเป็นเมียของเจ้าแล้ว ก็อย่าได้ส่งนางกลับมาอีกเลย... ลูกเขย เจ้าช่วยด้วยนะ นำตัวเสี่ยวโหรวกลับไปเถอะ ไม่เช่นนั้นพี่ชายของนางกลับมาตีนางตายแน่...”
“ท่านป้า อย่าทำเช่นนี้!”
จินเฟิงรีบคว้าหญิงสกุลกวนหลิวไว้
น่าขันเสียจริง พบหน้ากันครั้งแรก แม่ยายโค้งคำนับให้ตัวเองก่อน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?
แม้ว่ายังไม่กล้าเรียกคำว่าแม่ยายออกมาจากบ้าน
“ท่านแม่ หัวหน้าครอบครัวไม่ได้ไล่ข้ากลับมา พวกเรามาเยี่ยมท่านแม่ต่างหาก”
กวนเสี่ยวโหรวรีบอธิบาย
“จริงหรือ?”
หญิงสกุลกวนหลิวไม่เชื่อสักเท่าไร
“ถูกต้องแล้วท่านแม่ หัวหน้าครอบครัวยังเอาของขวัญมาให้ท่านแม่อีกด้วย”
กวนเสี่ยวโหรวยกถุงผ้าบนไหล่ของจินเฟิงลงมา และหยิบของออกมาทีละชิ้น “กระต่ายสองตัวนี้ล่าไว้เมื่อสองวันก่อน หัวหน้าครอบครัวหมักเกลือเรียบร้อยแล้ว ท่านแม่เก็บเอาไว้กินได้นานทีเดียว ผ้าผืนนี้หัวหน้าครอบครัวซื้อมาจากเทศมณฑลเมื่อวานนี้ เก็บไว้ให้ท่านแม่ทำเสื้อผ้า...”
“ลูกเขย ให้ของเหล่านี้แก่ข้างั้นหรือ?”
หญิงสกุลกวนหลิวดวงตาเบิกกว้าง
นางใช้ชีวิตมาเกินครึ่งค่อนอายุขัยของมนุษย์แล้ว เป็นครั้งแรกที่มีคนให้ของขวัญนาง
และยังให้ของมากมายในคราเดียว
“ท่านป้า ของขวัญเหล่านี้ขัดสนข้นแค้นไปหน่อย ท่านอย่าได้รังเกียจ”
จินเฟิงลำบากใจเล็กน้อย
เขาเป็นคนสองภพสองชาติ แต่ได้พบแม่ยายเป็นครั้งแรก สิ่งของที่มีค่ามากที่สุดก็คือกระต่ายป่าสองตัว ทำให้เขารู้สึกไม่น่าดูชมเท่าไร
“ไม่รังเกียจ ไม่รังเกียจเลย! ของตั้งเยอะแยะ และมีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น...”
หญิงสกุลกวนหลิวรีบโบกมือ จากนั้นก็หันหน้าไปมองกวนเสี่ยวโหรว “ลูกเขยทำงานอะไรหรือ?”
ผู้หญิงมีมาก ผู้ชายมีน้อย สถานะของลูกเขยย่อมเหมือนเรือที่ลอยสูงขึ้นตามระดับน้ำ ปกติเวลากลับบ้านแม่ น้อยคนนักที่จะเอาของมาฝาก
คนที่นำของขวัญมาให้เป็นกองอย่างจินเฟิง แทบไม่มีเลย
“ท่านแม่ หัวหน้าครอบครัวเป็นผู้เรียนหนังสือ แต่เขาล่าสัตว์เป็น กระต่ายสองตัวนี้เขาก็เป็นคนล่ามา”
เมื่อพูดถึงจินเฟิง สีหน้าของกวนเสี่ยวโหรวเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “เขายังเป็นวีรบุรุษผู้ล่าเสือด้วยนะ คืนวานก่อนเขาใช้ธนูเพียงสามดอกในการล่าเสือตัวใหญ่ และหนักถึงห้าร้อยชั่งได้หนึ่งตัวเชียวนะ!”
“วีรบุรุษผู้ล่าเสืองั้นหรือ?”
หญิงสกุลกวนหลิวเบิกตากว้างและถามว่า “หลายวันก่อนพวกเขาบอกว่ามีเสือตัวหนึ่งมาที่หลังเขา ดุมากทีเดียว กลุ่มผู้ชายที่ล่าเสือต้องบาดเจ็บถึงห้าหกคน กว่าจะไล่มันจนหนีไป เมื่อวานได้ยินหัวหน้าหมู่บ้านบอกว่ามันถูกฆ่าตายที่ซีเหอวาน ลูกเขยเป็นคนฆ่างั้นหรือ?”
“ใช่ หัวหน้าครอบครัวเป็นคนฆ่า!”
กวนเสี่ยวโหรวพูดด้วยความภูมิใจ
“ให้ตายเถอะ!”
หญิงสกุลกวนหลิวนั่งพรวดลงบนพื้น ตบต้นขาและร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง
“ท่านแม่ ท่านแม่ร้องไห้ทำไม?”
กวนเสี่ยวโหรวตกใจจนทำอะไรไม่ถูก “ข้าพูดอะไรผิดงั้นหรือ?”
“ข้าแค่ดีใจ”
หญิงสกุลกวนหลิวเช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า “ในที่สุดสวรรค์ก็มีตา เสี่ยวโหรว เจ้าหาลูกเขยที่ดีให้แม่เชียวนะ!”
“อื้ม หัวหน้าครอบครัวปฏิบัติต่อข้าดีมาก เขาไม่มีทำร้ายข้าแม้แต่ครั้งเดียว ให้ข้านั่งกินข้าวบนโต๊ะด้วยกัน จะกินข้าวสวยมากแค่ไหนก็ได้ เมื่อยังซื้อผ้าจากเทศมณฑลมาให้ข้าตัดเสื้อผ้าด้วยนะ!”
“ดี ดี! ในที่สุดเจ้าก็ผ่านความลำบากไปได้เสียทีนะ...”
หญิงสกุลกวนหลิวลูบผมของกวนเสี่ยวโหรว สายตาเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อลูก มองจินเฟิงด้วยความชื่นชอบมากยิ่งขึ้น “ลูกเขย อย่ามัวยืนอยู่ด้านนอก เข้ามาสิ”
ที่นี่ทรุดโทรมกว่าบ้านของจินเฟิงมาก ด้านในมีโต๊ะที่ขาหักหนึ่งขาและเก้าอี้ยาวสองตัวที่ไม่รู้ว่าใช้มากี่ปีแล้ว ด้านล่างหน้าต่างมีไนปั่นด้ายเก่าๆ วางอยู่สองตัว
นอกจากสิ่งของเหล่านี้ก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว
“ลูกเขยนั่งเลยนะ ข้าจะไปตักน้ำมาให้”
หญิงสกุลกวนหลิวหยิบกาน้ำชาเก่าๆ บนโต๊ะ และวิ่งเหยาะๆ ไปตักน้ำในครัว
“ท่านพี่ ท่านได้กินข้าวสวยจริงๆ งั้นหรือ?”
ในที่สุดสาวน้อยก็มีโอกาสได้พูดคุยบ้าง
นางเกาะแขนของกวนเสี่ยวโหรว น้ำลายแทบไหลออกมา
“นี่ ผลไม้เคือบน้ำตาล!”
เมื่อส่งชาวบ้านที่มามุงดูกลับหมดแล้ว จินเฟิงก็หยิบห่อถุงกระดาษน้ำมันออกมาจากถุงผ้า
“ทำไมซื้อเยอะขนาดนี้?”
กวนเสี่ยวโหรวเปิดถุงกระดาษน้ำมันออกมาดู พบว่าด้านในมีถังหูหลูอยู่สิบกว่าไม้
“นานๆ จะได้ไปที่เทศมณฑลสักที ก็ต้องซื้อมาเยอะหน่อยสิ”
จินเฟิงยิ้มและหยิบออกมาหนึ่งไม้ “ได้ยินลูกจ้างในโรงเตี๊ยมบอกว่า นี่คือถังหูหลูที่ดีที่สุดในเทศมณฑล เจ้าลองชิมดูสิ”
“หากเสี่ยวเอ๋อเห็นถังหูหลูเหล่านี้ ต้องดีใจแย่แน่ๆ”
กวนเสี่ยวโหรวแทบอยากกลับไปตอนนี้เลย
ระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน ดาวหายนะที่ผู้คนรังเกียจ กลายมาเป็นผู้มีบุญวาสนาที่ผู้คนต่างพากันอิจฉา
นางอดใจไม่ไหวที่จะบอกข่าวดีให้ท่านแม่และน้องสาวได้รับรู้
ไม่ควรไปเยี่ยมญาติแต่เช้าตรู่ แม้ว่าใจของกวนเสี่ยวโหรวอยากกลับไปจะแย่อยู่แล้ว แต่วันรุ่งขึ้นก็ยังต้องรอจนพระอาทิตย์ขึ้นก่อน แล้วค่อยออกเดินทาง
“ไอ้หยา ดาวหายนะของบ้านเหล่าซานกลับมาอีกแล้ว!”
“บอกแล้วว่าไม่มีใครเอาดาวหายนะหรอก เจ้าดูสิ แค่สามวันก็ถูกไล่กลับบ้านแล้วใช่ไหมเนี่ย?”
“ข้าว่าไม่เหมือนคนถูกไล่กลับมานะ เมื่อครู่พวกเขายังหัวเราะกันอยู่เลย”
“ถ้าไม่ได้โดนไล่มา ผู้ชายคนนั้นแบกถุงผ้ามาทำไมกัน? ด้านในต้องเป็นของชดเชยอย่างแน่นอน”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร หากว่าเป็นของขวัญที่ลูกเขยมอบให้พ่อตาเล่า”
“เจ้ามีชีวิตมาถึงป่านนี้แล้ว เคยเห็นลูกเขยที่ไหนให้ของขวัญพ่อตาบ้าง ที่สำคัญกวนเสี่ยวโหรวยังเป็นถึงดาวหายนะ”
“เมื่อวานที่หลังเขาเจอเสือด้วยนะ ต้องเพราะดาวหายนะนำพามาแน่นอน รีบไปเรียกเหล่าซานกลับมา อย่าให้ดาวหายนะกลับมาที่หมู่บ้านอีก!”
...
ทันทีที่เข้ามาในหมู่บ้าน ข่าวโคมลอยก็ทำให้กวนเสี่ยวโหรวต้องอารมณ์เสีย
สิ่งที่เข้ามาทดแทนคือความหวาดผวา
“ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่”
จินเฟิงใช้แรงเล็กน้อยบีบมือของกวนเสี่ยวโหรว “ยังจำที่ข้าพูดได้ไหม? พวกเราไม่ได้ขอข้าวพวกเขากิน อย่าไปใส่ใจคำพูดของพวกเขาเลย”
“อื้ม!”
กวนเสี่ยวโหรวรู้สึกถึงความอบอุ่นกลางฝ่ามือ และสบายใจขึ้นมา พวกเขาหยุดลงหน้าประตูบ้านที่ทรุดโทรมหลังหนึ่ง
ภายในลานบ้าน สาวน้อยอายุประมาณเจ็ดแปดขวบกำลังใช้มือดึงบางอย่างที่ผนัง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
เมื่อเห็นว่าคนที่เดินมาคือกวนเสี่ยวโหรว สาวน้อยตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าที่ดีใจ “อ๊ะ ท่านพี่ พี่กลับมาแล้วหรือ?”
“เสี่ยวเอ๋อ เจ้าทำอะไรอยู่?”
กวนเสี่ยวโหรวรีบเดินเข้าไป และดึงสาวน้อยลุกขึ้นจากพื้น
“ท่านพี่ ข้าได้ยินเสียงจิ้งหรีดตรงนี้ รังของมันต้องอยู่ในนี้แน่นอน”
สาวน้อยชี้ไปที่กำแพงและพูดว่า “ท่านพี่ ปล่อยข้าลง ข้าจะจับไปจิ้งหรีด เดี๋ยวเราย่างกินด้วยกัน”
“เสี่ยวเอ๋อ เมื่อวานพี่สะใภ้ไม่ได้ให้เจ้ากินข้าวอีกแล้วหรือ?”
กวนเสี่ยวโหรวอุ้มสาวน้อย น้ำตาไหล ดวงตาแดงก่ำ
“พี่สะใภ้บอกว่าข้าไม่มีชีวิตรอดหรอก กินข้าวไปก็สิ้นเปลืองอาหาร และบอกพี่ใหญ่ให้เอาข้าไปทิ้งที่หลังเขา...”
สาวน้อยก็ร้องไห้ตาม “ท่านพี่ พวกเขาบอกว่าท่านพี่แต่งงานแล้ว พี่เอาข้าไปด้วยได้หรือไม่ อย่าให้พี่ใหญ่เอาข้าไปทิ้งที่หลังเขาเลยนะ หลังเขามีหมาป่า ข้ากลัว... ข้าจะปั่นด้ายให้พี่ และขุดผักป่าให้ด้วย ท่านพี่พาข้าไปด้วยได้หรือไม่...”
กวนเสี่ยวโหรวกอดสาวน้อยไว้ในอ้อมอก พร้อมเงยหน้ามองจินเฟิงด้วยสายตาอ้อนวอน “หัวหน้าครอบครัว...”
จินเฟิงพยักหน้า รู้สึกจุกอกมากทีเดียว
เอี๊ยด!
ผู้หญิงวัยกลางคนผมเผ้ายุ่งเหยิงคนหนึ่งผลักประตูบ้าน
“ท่านแม่!”
กวนเสี่ยวโหรวเช็ดน้ำตา “นี่คือหัวหน้าครอบครัวของข้า...”
ผู้หญิงวัยกลางคนมองลูกสาวที่ใบหน้าเปื้อนน้ำตา สีหน้าของนางเปลี่ยนไป ไม่รอให้จินเฟิงและกวนเสี่ยวโหรวพูดอะไร นางก็กระโจนเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าจินเฟิง
“ลูกเขย ในเมื่อเจ้าส่งขบวนมายกเสี่ยวโหรวเป็นเมียของเจ้าแล้ว ก็อย่าได้ส่งนางกลับมาอีกเลย... ลูกเขย เจ้าช่วยด้วยนะ นำตัวเสี่ยวโหรวกลับไปเถอะ ไม่เช่นนั้นพี่ชายของนางกลับมาตีนางตายแน่...”
“ท่านป้า อย่าทำเช่นนี้!”
จินเฟิงรีบคว้าหญิงสกุลกวนหลิวไว้
น่าขันเสียจริง พบหน้ากันครั้งแรก แม่ยายโค้งคำนับให้ตัวเองก่อน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?
แม้ว่ายังไม่กล้าเรียกคำว่าแม่ยายออกมาจากบ้าน
“ท่านแม่ หัวหน้าครอบครัวไม่ได้ไล่ข้ากลับมา พวกเรามาเยี่ยมท่านแม่ต่างหาก”
กวนเสี่ยวโหรวรีบอธิบาย
“จริงหรือ?”
หญิงสกุลกวนหลิวไม่เชื่อสักเท่าไร
“ถูกต้องแล้วท่านแม่ หัวหน้าครอบครัวยังเอาของขวัญมาให้ท่านแม่อีกด้วย”
กวนเสี่ยวโหรวยกถุงผ้าบนไหล่ของจินเฟิงลงมา และหยิบของออกมาทีละชิ้น “กระต่ายสองตัวนี้ล่าไว้เมื่อสองวันก่อน หัวหน้าครอบครัวหมักเกลือเรียบร้อยแล้ว ท่านแม่เก็บเอาไว้กินได้นานทีเดียว ผ้าผืนนี้หัวหน้าครอบครัวซื้อมาจากเทศมณฑลเมื่อวานนี้ เก็บไว้ให้ท่านแม่ทำเสื้อผ้า...”
“ลูกเขย ให้ของเหล่านี้แก่ข้างั้นหรือ?”
หญิงสกุลกวนหลิวดวงตาเบิกกว้าง
นางใช้ชีวิตมาเกินครึ่งค่อนอายุขัยของมนุษย์แล้ว เป็นครั้งแรกที่มีคนให้ของขวัญนาง
และยังให้ของมากมายในคราเดียว
“ท่านป้า ของขวัญเหล่านี้ขัดสนข้นแค้นไปหน่อย ท่านอย่าได้รังเกียจ”
จินเฟิงลำบากใจเล็กน้อย
เขาเป็นคนสองภพสองชาติ แต่ได้พบแม่ยายเป็นครั้งแรก สิ่งของที่มีค่ามากที่สุดก็คือกระต่ายป่าสองตัว ทำให้เขารู้สึกไม่น่าดูชมเท่าไร
“ไม่รังเกียจ ไม่รังเกียจเลย! ของตั้งเยอะแยะ และมีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น...”
หญิงสกุลกวนหลิวรีบโบกมือ จากนั้นก็หันหน้าไปมองกวนเสี่ยวโหรว “ลูกเขยทำงานอะไรหรือ?”
ผู้หญิงมีมาก ผู้ชายมีน้อย สถานะของลูกเขยย่อมเหมือนเรือที่ลอยสูงขึ้นตามระดับน้ำ ปกติเวลากลับบ้านแม่ น้อยคนนักที่จะเอาของมาฝาก
คนที่นำของขวัญมาให้เป็นกองอย่างจินเฟิง แทบไม่มีเลย
“ท่านแม่ หัวหน้าครอบครัวเป็นผู้เรียนหนังสือ แต่เขาล่าสัตว์เป็น กระต่ายสองตัวนี้เขาก็เป็นคนล่ามา”
เมื่อพูดถึงจินเฟิง สีหน้าของกวนเสี่ยวโหรวเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “เขายังเป็นวีรบุรุษผู้ล่าเสือด้วยนะ คืนวานก่อนเขาใช้ธนูเพียงสามดอกในการล่าเสือตัวใหญ่ และหนักถึงห้าร้อยชั่งได้หนึ่งตัวเชียวนะ!”
“วีรบุรุษผู้ล่าเสืองั้นหรือ?”
หญิงสกุลกวนหลิวเบิกตากว้างและถามว่า “หลายวันก่อนพวกเขาบอกว่ามีเสือตัวหนึ่งมาที่หลังเขา ดุมากทีเดียว กลุ่มผู้ชายที่ล่าเสือต้องบาดเจ็บถึงห้าหกคน กว่าจะไล่มันจนหนีไป เมื่อวานได้ยินหัวหน้าหมู่บ้านบอกว่ามันถูกฆ่าตายที่ซีเหอวาน ลูกเขยเป็นคนฆ่างั้นหรือ?”
“ใช่ หัวหน้าครอบครัวเป็นคนฆ่า!”
กวนเสี่ยวโหรวพูดด้วยความภูมิใจ
“ให้ตายเถอะ!”
หญิงสกุลกวนหลิวนั่งพรวดลงบนพื้น ตบต้นขาและร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง
“ท่านแม่ ท่านแม่ร้องไห้ทำไม?”
กวนเสี่ยวโหรวตกใจจนทำอะไรไม่ถูก “ข้าพูดอะไรผิดงั้นหรือ?”
“ข้าแค่ดีใจ”
หญิงสกุลกวนหลิวเช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า “ในที่สุดสวรรค์ก็มีตา เสี่ยวโหรว เจ้าหาลูกเขยที่ดีให้แม่เชียวนะ!”
“อื้ม หัวหน้าครอบครัวปฏิบัติต่อข้าดีมาก เขาไม่มีทำร้ายข้าแม้แต่ครั้งเดียว ให้ข้านั่งกินข้าวบนโต๊ะด้วยกัน จะกินข้าวสวยมากแค่ไหนก็ได้ เมื่อยังซื้อผ้าจากเทศมณฑลมาให้ข้าตัดเสื้อผ้าด้วยนะ!”
“ดี ดี! ในที่สุดเจ้าก็ผ่านความลำบากไปได้เสียทีนะ...”
หญิงสกุลกวนหลิวลูบผมของกวนเสี่ยวโหรว สายตาเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อลูก มองจินเฟิงด้วยความชื่นชอบมากยิ่งขึ้น “ลูกเขย อย่ามัวยืนอยู่ด้านนอก เข้ามาสิ”
ที่นี่ทรุดโทรมกว่าบ้านของจินเฟิงมาก ด้านในมีโต๊ะที่ขาหักหนึ่งขาและเก้าอี้ยาวสองตัวที่ไม่รู้ว่าใช้มากี่ปีแล้ว ด้านล่างหน้าต่างมีไนปั่นด้ายเก่าๆ วางอยู่สองตัว
นอกจากสิ่งของเหล่านี้ก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว
“ลูกเขยนั่งเลยนะ ข้าจะไปตักน้ำมาให้”
หญิงสกุลกวนหลิวหยิบกาน้ำชาเก่าๆ บนโต๊ะ และวิ่งเหยาะๆ ไปตักน้ำในครัว
“ท่านพี่ ท่านได้กินข้าวสวยจริงๆ งั้นหรือ?”
ในที่สุดสาวน้อยก็มีโอกาสได้พูดคุยบ้าง
นางเกาะแขนของกวนเสี่ยวโหรว น้ำลายแทบไหลออกมา
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved