บทที่ 3 บอสประจำด่านสุดท้าย – หลินฝาน!
by จุ้ยชิงเฟิง
19:01,Nov 16,2023
เห็นแลมโบกินี่ใกล้จะตามมาถึงด้านหลังรถของตนแล้ว!
ใบหน้าไป๋อีจึงเหยเกจนถึงขีดสุด เหงื่อเย็นไหลออกมาด้วยความร้อนใจ
“ทำไงดี? ได้ยินว่าสวีจื๋อเหิงคนนั้นมีทักษะการแข่งรถแข่งที่ยอดเยี่ยม พวกเราคงหนีไม่รอดแน่เลย!”
หลินฝานเพียงแค่มองกระจกมองหลังเท่านั้น ก็ยกยิ้มมุมปากเผยความดูถูกดูแคลนเข้มข้นออกมา
“นั่งให้ดีล่ะ!”
สามคำเรียบง่าย ทำเอาไป๋อีอึ้ง
อะไรนะ?
ในเวลาที่เธอยังไม่ทันได้เข้าใจ ก็เห็นว่าฝ่าเท้าของหลินฝานเหยียบคันเร่งจนสุด
บึ้น!!!
รถเบนซ์ทั้งคันสั่น เครื่องยนต์ส่งเสียงดังทุ้มออกมาราวกับสัตว์ป่าดุร้ายตัวหนึ่ง เพิ่มความเร็วอย่างกะทันหัน
ไม่เพียงเท่านี้
สิ่งที่ทำให้ไป๋อีตะลึงยิ่งกว่าคือ ความเร็วรถตั้งแต่ 80 ขึ้นเป็น 120 แล้วขึ้นเป็น 140 180 200……
รู้ทั้งรู้ว่านี่เป็นถนนใหญ่ใจกลางเมืองเลยนะ
รอบๆการจราจรเป็นเส้นตรง ความเร็วถึง 120 ก็อันตรายสุดๆแล้ว
แต่ขณะนี้!
รถเบนซ์ทั้งคันพุ่งทะยานไปบนท้องถนน แซงรถคันแล้วคันเล่าจนถูกสลัดหลุดไปอยู่ด้านหลัง
และที่น่าหวาดเสียวที่สุดคือหลินฝานที่กำลังขับรถเบนซ์อยู่ เดี๋ยววนซ้าย วนขวา เดี๋ยวเพิ่มความเร็ว เดี๋ยวเปลี่ยนโค้ง……
ราวกับปลาที่ว่ายน้ำเร็วตัวหนึ่ง ซิ่งฝ่ารถที่สัญจรเป็นเส้นตรงอย่างรวดเร็ว
สมองของไป๋อีมึนงงไปเลย
เธอรู้สึกแค่ร่างกายของเธอราวกับลอยขึ้นมา เสมือนภาพลวงตาที่ลอยอยู่บนเมฆ
ไม่เพียงแค่เธอเท่านั้น!
พวกสวีจื๋อเหิงที่ตามหลังก็มึนงงสุดๆเช่นกัน
เพราะพวกเขาพบว่า แลมโบกินี่ของตัวเองเพิ่มความเร็วขึ้นมาแล้วก็ยังมีระยะห่างห่างจากรถเบนซ์ไกลออกไปเรื่อยๆ
50 เมตร!
100 เมตร!
200 เมตร!
โดยเฉพาะ
รถเบนซ์คนนั้นที่อยู่ท่ามกลางการสัญจรของรถฝ่าราวกับสายฟ้า ทำเอาพวกเขาอกสั่นขวัญหาย
“พี่จื๋อเหิง เร็วเข้า! รีบตามมันไป! อย่าให้ไอ้หมอนั้นหนีไปได้!” จางเทียนใจร้อนจนเหงื่อออกเต็มหน้า
หากถูกคนไร้ค่าสลัดหลุด งั้นหน้าตาของพวกเขาสองคนในเพอร์ฟอร์แมนซ์คาร์เรซซิ่งคลับคงหายหมดสิ้น
ติ๋ง!
ติ๋ง!
เม็ดเหงื่อคล้ายเม็ดถั่วลูกใหญ่แต่ละเม็ดไหลลงมาจากหน้าผากของสวีจื๋อเหิง
เขาได้ใช้ความสามารถของตนจนถึงขีดสุดแล้ว ความเร็วรถเลี้ยงไว้ประมาณ 150 แต่ถึงเป็นอย่างนั้น รถแต่ละคันที่ขับผ่านไปมาก็ยังคงทำให้เขาตกใจจนเหงื่อเย็นเปียกชื้น
“แม่ง! ไอ้บ้านั้นขับเร็วได้ขนาดนี้ โคตรรนหาที่ตายชัดๆ!”
สวีจื๋อเหิงหนังตากระตุกและเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อรุนแรงในสีหน้า
ท่ามกลางรถที่สัญจรหลั่งไหล รถแข่งความเร็วสูงถือเป็นการทดสอบความเร็วในปฏิกิริยาตอบสนองของคนคนหนึ่งมากเกินไป
แม้ว่านักแข่งรถมืออาชีพก็ยากมากที่จะขับเกิน 180 เพราะหากประมาทอาจจะเสียหายทั้งรถทั้งถึงแก่ชีวิต
แต่ไอ้บ้าที่อยู่หน้าขับเกิน 200 ไปแล้วอย่างแน่นอน นี่มันโคตร……เป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ
และภายในใจของสวีจื๋อเหิงแทบจะเป็นตอนที่สิ้นหวัง
เขากลับพบอย่างตะลึงว่ารถเบนซ์ด้านหน้าค่อยๆชะลอความเร็วลงแล้ว
“พี่จื๋อเหิง! ไอ้คนไร้ค่านั้นไม่ไหวแล้ว! เร็ว ตามมันให้ทัน! ชนพวกมันให้ตาย!”
จางเทียนหัวเราะบ้าคลั่งสุดขีด
แม้ว่าเขาไม่เข้าใจ ทำไมหลินฝานที่อยู่ด้านหน้าชะลอความเร็วลง แต่เพื่อเก็บศักดิ์ศรีหน้าตาของพวกเขากลับคืนมา จึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการสั่งสอนไอ้คนไร้ค่าคนนั้น
“ดี!” สวีจื๋อเหิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน
ฝ่าเท้าเหยียบลงไปอีกครั้ง แลมโบกินี่ส่งเสียงคำรามน่าตกใจ แล้วพุ่งชนไปยังรถเบนซ์อย่างรวดเร็ว!
ในวินาทีนี้!
ภายในที่นั่งด้านหน้ารถเบนซ์ ไป๋อีร้อนอกร้อนใจราวกับการเผาไหม้ จึงพูดเชิงติเตียนใส่หลินฝาน
“หลินฝาน รีบขับสิ! อีกเดี๋ยวพวกเราจะถูกตามทันแล้วนะ นี่นายทำอะไรกัน!”
สมองของไป๋อีอยู่ในช่วงเครื่องค้างโดยสิ้นเชิง
เธอพบว่า รถที่หลินฝานขับช้าลงเรื่อย ๆ
ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ แรงพุ่งกระแทกอย่างบ้าคลั่งของแลมโบกินี่ที่ตามหลังมา มาเพื่อพุ่งชนรถเบนซ์ ยิ่งทำให้ตกใจกลัวจนหน้าซีดจากการตื่นตระหนก!
ตายแล้ว!
ในใจของไป๋อีสิ้นหวังสุดๆ
ดูจากแนวโน้มการพุ่งของแลมโบกินี่นี้ เกรงว่ารถเบนซ์ทั้งคันคงจะถูกชนจนกลายเป็นเศษเหล็ก ส่วนเธอกับหลินฝานคงยากที่จะหนีรอด
บึ้น!
เสียงเครื่องยนต์ด้านหลังใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แทบจะในชั่วพริบตาก็ได้ชนท้ายรถเบนซ์แล้ว
“ชนสินะ! ฮ่าฮ่าฮ่า……”
มุมปากพวกสวีจื๋อเหิงยกยิ้มลึกร้าย ราวกับได้เห็นรถเบนซ์กลายเป็นเศษเหล็กไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
แต่ในเวลานั้นเอง!
ตู้ม!
เสียงที่ดังสนั่นสั่นไหว รอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของสวีจื๋อเหิงกับจางเทียนเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อทันที
เพราะพวกเขาเห็นรถเบนซ์ที่อยู่ด้านหน้าดริฟท์ไปในมุมที่ไม่น่าเชื่อทันทีทันใดอย่างไม่คาดคิด
ตัวรถทั้งคันหมุน 90 องศาแล้ว
แลมโบกินี่ชนแต่เพียงความว่างเปล่า
และน่ากลัวยิ่งกว่าคือท้ายรถเบนซ์ที่ดริฟท์ชนเข้ากับหน้ารถแลมโบกินี่เบาๆ
แลมโบกินี่ทั้งคันราวกับถูกชะแลงฟาด จึงลอยกลางอากาศอย่างคาดไม่ถึงและไปชนกระแทกแท่นหินริมทางอย่างเร็วและแรง
ตุบ!
การชนครั้งใหญ่ดังกึกก้องและตัวถังด้านหน้าของแลมโบกินี่บุบไปในทันที
ตัวถังรถแตกกระจายและชิ้นส่วนกระเด็นว่อน
แลมโบกินี่ทั้งคันกลายเป็นแอ่งเศษเหล็ก
บนรถเบนซ์
ไป๋อีตะลึงงันไปโดยสิ้นเชิง
เธอกำลังมองแลมโบกินี่ที่กลายเป็นซาก แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย
ชั่วพริบตาเมื่อครู่นี้ เธอคิดว่าตัวเองจบเห่แน่แล้ว
แต่ไม่คิดฝันว่ารถยนต์ที่หลินฝานขับอยู่นี้เหมือนกับดริฟท์ 90 องศาจากจุดเดิม
การควบคุมรถยังยอดเยี่ยมล้ำลึกยิ่งกว่านักแข่งรถมืออาชีพอีก
โดยเฉพาะเมื่อท้ายรถชนนี้ราวกับชะแลงงัดที่ทำให้แลมโบกินี่ลอยออกไปเป็นเส้นตรง เธอก็ตกใจจนอ้าปากค้าง
แต่ว่า!
“ไม่ดีแล้ว! หลินฝาน สวีจื๋อเหิงคนนั้นเป็นคุณชายใหญ่บริษัทเทียนหลงกรุ๊ป จางเทียนเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของประธานกรรมการบริหาร! นายปฏิบัติต่อเขาแบบนี้ พวกเขาต้องล้างแค้นแน่!”
ไป๋อีคิดถึงตรงนี้ก็ปาดหน้างาม ซีดขาวราวกระดาษและปรากฏความหวาดกลัวขึ้นบนสีหน้า
แค่ได้ยินคำพูดนี้!
หลินฝานก็ไม่ใส่ใจสักนิด ทำเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากอย่างไม่สะทกสะท้านขึ้น
“วางใจได้! ไม่เป็นปัญหาหรอก!”
ไม่มีปัญหา?
ไป๋อีโมโหจนเกือบจะร้องไห้ออกมา
ครู่เดียวได้ล่วงเกินคุณชายเสเพลสองคนจะไม่เป็นไรได้ยังไง
……
และในขณะที่รถเบนซ์กำลังขับจากไป!
ประตูบุบแบนเว้าของแลมโบกินี่คันนั้นก็หลุดในทันที และเงาคนสองคนคลานออกมาจากภายในรถอย่างอเนจอนาถ
นั่นก็คือสวีจื๋อเหิงกับจางเทียน
สองพี่น้องเสเพลกำลังมองดูแลมโบกินี่ที่ถูกชนจนกลายเป็นเศษเหล็ก ก็เหงื่อไหลจากหน้าผากลงมาติ๋งติ๋งทั้งสองคน
เสี่ยงมาก!
หากอุปกรณ์ป้องกันของแลมโบกินี่ไม่ธรรมดา พวกเขาสองคนคงเละเป็นโจ๊กไปตั้งนานแล้ว
“สารเลว!!!”
สวีจื๋อเหิงหน้าดุร้าย เขาเป็นถึงคุณชายใหญ่ ดันมาพ่ายแพ้ให้กับเงื้อมมือของเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงไร้ค่าคนหนึ่ง ทำเอาเขาเป็นบ้าชัดๆ
“พี่จื๋อเหิง เดี๋ยวผมจะติดต่อพี่ชายลูกพี่ลูกน้องเดี๋ยวนี้ จะต้องหาไอ้เลวนั้นให้ได้!” จางเทียนเผยสีหน้าเคียดแค้นเช่นกัน
ขณะนั้นเองเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดหมายเลขแล้วโทรออก
จางเทียนรู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นคนใหญ่คนโตที่รับผิดชอบการจราจรหลัก
ให้เขาตรวจสอบทิศทางการไปของพวกหลินฝานง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ
เพียงแต่!
เมื่อวางสายโทรศัพท์ หน้าของจางเทียนก็เผยสีหน้าราวกับเจอผีในทันที ราวกับได้ยินเรื่องอันน่าเหลือเชื่ออะไรอย่างไรอย่างนั้น
หืม?
เหตุการณ์นี้ทำให้สวีจื๋อเหิงนิ่งอึ้ง จากนั้นก็ถามขึ้นอย่างสงสัย
“จางเทียน เป็นไงบ้าง? คนไร้ค่านั้นมันไปที่ไหนกันแน่? รีบพูดสิ พวกเราจะได้หาคนไปล้างแค้น!”
กึกๆ!
จางเทียนกลืนน้ำลายอย่างแรง จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าตกตะลึง
“พี่จื๋อเหิง ผมพูดแล้วพี่อาจไม่เชื่อ! เมื่อกี้ลูกพี่ลูกน้องผมสืบหาแล้ว พบว่ากล้องวงจรทั่วทั้งเมืองถ่ายป้ายทะเบียนรถเบนซ์คันนั้นไม่ติดเลย! รถคันนั้นที่ทางแยกข้างหน้าก็หะ……หายไปแล้ว! ไม่รู้เลยว่าไปที่ไหน……”
อะไรนะ!
ได้ยินคำพูดนี้ สวีจื๋อเหิงก็ไม่กล้าเชื่อหูตัวเองจริงๆ
ถึงยังไงอุปกรณ์กล้องวงจรปิดของจราจรในเมืองเจียงทันสมัยที่สุด รถทุกคันไม่มีทางซ่อนได้ในใจกลางเมือง
แต่ตลอดทางมานี้ ไม่มีกล้องหลักสิบตัวตัวไหนถ่ายป้ายทะเบียนรถได้เลย ยิ่งกว่านั้นรถหายไปอย่างไร้ร่องรอยจากด้านล่างกล้องวงจร นี่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน!
“สมควรตาย!”
สวีจื๋อเหิงโมโหเกรี้ยวกราด แล้วทุบกำปั้นลงบนแลมโบกินี่เศษเหล็กนั้นอย่างรุนแรง
กำปั้นของเขาจึงสั่นเทาอย่างเจ็บปวดในทันที ทำให้ความโกรธแค้นในใจของเขาท่วมทะลักจนถึงขีดสุดแล้ว
“ดีนัก! ไอ้เขยแต่งเข้าไร้ค่าคนหนึ่ง! คาดไม่ถึงว่าจะกล้าล่วงเกินข้า สวีจื๋อเหิง แกรอดู! ฉันจะโทรหาผู้เฒ่าเดี๋ยวนี้ ไม่เชื่อว่าจะหามันไม่เจอ!”
ในคำพูดของสวีจื๋อเหิงเต็มไปด้วยความเคืองแค้น
และจางเทียนที่ได้ยินคำพูดนี้ก็สดชื่นขึ้นมา
เขาย่อมรู้ดีว่าผู้เฒ่าของสวีจื๋อเหิงก็คือสวีเทียนหลงประธานบริษัทเทียนหลงกรุ๊ป เป็นบุคคลระดับผู้อาวุโสที่ย่างเท้าแต่ละก้าวก็สามารถสั่นสะเทือนเมืองเจียง
การที่บุคคลระดับนี้ออกหน้า เขยเล็กๆคนนั้นจบเห่แน่
คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของจางเทียนก็เผยสีหน้าน่ากลัว
“ดี! งั้นฉันจะโทรหาผู้เฒ่า! ผู้เฒ่ารักฉันที่สุด หากรู้ว่าฉันถูกคนทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต ย่อมต้องหัวเสียแน่!”
พูดจบ!
สองพี่น้องเสเพลก็สบตาและยิ้มให้กัน จากนั้นทยอยโทรหาผู้เฒ่าของตนเอง
ในขณะเดียวกัน!
ภายในสำนักงานประธานบริษัทเทียนหลงกรุ๊ป
ผู้เฒ่าของสวีจื๋อเหิง ประธานบริษัทเทียนหลงกรุ๊ปสวีเทียนหลงจ้องหน้าจอในคอมพิวเตอร์เขม็ง เหงื่อเขาผุดที่หน้าผากและไหลลงมาไม่หยุด
“พระเจ้า! ในเมืองเจียงของพวกเรายังซ่อนมังกรคลั่งตัวหนึ่งไว้ย่างนี้! ย่ากลัวเกินไปแล้ว! นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“บริษัทเทียนหลงกรุ๊ปของพวกเราก็เป็นเพียงเกร็ดหนึ่งชิ้นของสัตว์ที่ใหญ่มหึมาดั่งบริษัทในเครือโกลบอลกรุ๊ปเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าหัวมังกรผู้นำของบริษัทในเครือโกลบอลกรุ๊ปกลับอยู่ในถิ่นของฉันนี่เอง!”
เสียงของสวีเทียนหลงกำลังสั่น
และตรงหน้าเขา
ปรากฏรูปภาพของชายคนหนึ่งบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
ชายสวมชุดดำทั้งร่างราวกับปีศาจท่ามกลางความมืดมิด ทำให้คนมีความรู้สึกอาฆาตเย็นยะเยือก
แม้จะมองผ่านหน้าจอก็ทำให้เย็นสันหลังไปตามๆกัน
เหมือนดั่งเทพแห่งความตายที่เดินออกมาจากท่ามกลางทะเลเลือดภูเขาศพ ทำเอาคนตัวสั่น
ไม่เพียงเท่านั้น!
ยิ่งทำให้คนยากที่จะเชื่อได้ก็คือ!
หน้าตาของชายคนนี้ก็คือ……หลินฝาน!
ใบหน้าไป๋อีจึงเหยเกจนถึงขีดสุด เหงื่อเย็นไหลออกมาด้วยความร้อนใจ
“ทำไงดี? ได้ยินว่าสวีจื๋อเหิงคนนั้นมีทักษะการแข่งรถแข่งที่ยอดเยี่ยม พวกเราคงหนีไม่รอดแน่เลย!”
หลินฝานเพียงแค่มองกระจกมองหลังเท่านั้น ก็ยกยิ้มมุมปากเผยความดูถูกดูแคลนเข้มข้นออกมา
“นั่งให้ดีล่ะ!”
สามคำเรียบง่าย ทำเอาไป๋อีอึ้ง
อะไรนะ?
ในเวลาที่เธอยังไม่ทันได้เข้าใจ ก็เห็นว่าฝ่าเท้าของหลินฝานเหยียบคันเร่งจนสุด
บึ้น!!!
รถเบนซ์ทั้งคันสั่น เครื่องยนต์ส่งเสียงดังทุ้มออกมาราวกับสัตว์ป่าดุร้ายตัวหนึ่ง เพิ่มความเร็วอย่างกะทันหัน
ไม่เพียงเท่านี้
สิ่งที่ทำให้ไป๋อีตะลึงยิ่งกว่าคือ ความเร็วรถตั้งแต่ 80 ขึ้นเป็น 120 แล้วขึ้นเป็น 140 180 200……
รู้ทั้งรู้ว่านี่เป็นถนนใหญ่ใจกลางเมืองเลยนะ
รอบๆการจราจรเป็นเส้นตรง ความเร็วถึง 120 ก็อันตรายสุดๆแล้ว
แต่ขณะนี้!
รถเบนซ์ทั้งคันพุ่งทะยานไปบนท้องถนน แซงรถคันแล้วคันเล่าจนถูกสลัดหลุดไปอยู่ด้านหลัง
และที่น่าหวาดเสียวที่สุดคือหลินฝานที่กำลังขับรถเบนซ์อยู่ เดี๋ยววนซ้าย วนขวา เดี๋ยวเพิ่มความเร็ว เดี๋ยวเปลี่ยนโค้ง……
ราวกับปลาที่ว่ายน้ำเร็วตัวหนึ่ง ซิ่งฝ่ารถที่สัญจรเป็นเส้นตรงอย่างรวดเร็ว
สมองของไป๋อีมึนงงไปเลย
เธอรู้สึกแค่ร่างกายของเธอราวกับลอยขึ้นมา เสมือนภาพลวงตาที่ลอยอยู่บนเมฆ
ไม่เพียงแค่เธอเท่านั้น!
พวกสวีจื๋อเหิงที่ตามหลังก็มึนงงสุดๆเช่นกัน
เพราะพวกเขาพบว่า แลมโบกินี่ของตัวเองเพิ่มความเร็วขึ้นมาแล้วก็ยังมีระยะห่างห่างจากรถเบนซ์ไกลออกไปเรื่อยๆ
50 เมตร!
100 เมตร!
200 เมตร!
โดยเฉพาะ
รถเบนซ์คนนั้นที่อยู่ท่ามกลางการสัญจรของรถฝ่าราวกับสายฟ้า ทำเอาพวกเขาอกสั่นขวัญหาย
“พี่จื๋อเหิง เร็วเข้า! รีบตามมันไป! อย่าให้ไอ้หมอนั้นหนีไปได้!” จางเทียนใจร้อนจนเหงื่อออกเต็มหน้า
หากถูกคนไร้ค่าสลัดหลุด งั้นหน้าตาของพวกเขาสองคนในเพอร์ฟอร์แมนซ์คาร์เรซซิ่งคลับคงหายหมดสิ้น
ติ๋ง!
ติ๋ง!
เม็ดเหงื่อคล้ายเม็ดถั่วลูกใหญ่แต่ละเม็ดไหลลงมาจากหน้าผากของสวีจื๋อเหิง
เขาได้ใช้ความสามารถของตนจนถึงขีดสุดแล้ว ความเร็วรถเลี้ยงไว้ประมาณ 150 แต่ถึงเป็นอย่างนั้น รถแต่ละคันที่ขับผ่านไปมาก็ยังคงทำให้เขาตกใจจนเหงื่อเย็นเปียกชื้น
“แม่ง! ไอ้บ้านั้นขับเร็วได้ขนาดนี้ โคตรรนหาที่ตายชัดๆ!”
สวีจื๋อเหิงหนังตากระตุกและเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อรุนแรงในสีหน้า
ท่ามกลางรถที่สัญจรหลั่งไหล รถแข่งความเร็วสูงถือเป็นการทดสอบความเร็วในปฏิกิริยาตอบสนองของคนคนหนึ่งมากเกินไป
แม้ว่านักแข่งรถมืออาชีพก็ยากมากที่จะขับเกิน 180 เพราะหากประมาทอาจจะเสียหายทั้งรถทั้งถึงแก่ชีวิต
แต่ไอ้บ้าที่อยู่หน้าขับเกิน 200 ไปแล้วอย่างแน่นอน นี่มันโคตร……เป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ
และภายในใจของสวีจื๋อเหิงแทบจะเป็นตอนที่สิ้นหวัง
เขากลับพบอย่างตะลึงว่ารถเบนซ์ด้านหน้าค่อยๆชะลอความเร็วลงแล้ว
“พี่จื๋อเหิง! ไอ้คนไร้ค่านั้นไม่ไหวแล้ว! เร็ว ตามมันให้ทัน! ชนพวกมันให้ตาย!”
จางเทียนหัวเราะบ้าคลั่งสุดขีด
แม้ว่าเขาไม่เข้าใจ ทำไมหลินฝานที่อยู่ด้านหน้าชะลอความเร็วลง แต่เพื่อเก็บศักดิ์ศรีหน้าตาของพวกเขากลับคืนมา จึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการสั่งสอนไอ้คนไร้ค่าคนนั้น
“ดี!” สวีจื๋อเหิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน
ฝ่าเท้าเหยียบลงไปอีกครั้ง แลมโบกินี่ส่งเสียงคำรามน่าตกใจ แล้วพุ่งชนไปยังรถเบนซ์อย่างรวดเร็ว!
ในวินาทีนี้!
ภายในที่นั่งด้านหน้ารถเบนซ์ ไป๋อีร้อนอกร้อนใจราวกับการเผาไหม้ จึงพูดเชิงติเตียนใส่หลินฝาน
“หลินฝาน รีบขับสิ! อีกเดี๋ยวพวกเราจะถูกตามทันแล้วนะ นี่นายทำอะไรกัน!”
สมองของไป๋อีอยู่ในช่วงเครื่องค้างโดยสิ้นเชิง
เธอพบว่า รถที่หลินฝานขับช้าลงเรื่อย ๆ
ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ แรงพุ่งกระแทกอย่างบ้าคลั่งของแลมโบกินี่ที่ตามหลังมา มาเพื่อพุ่งชนรถเบนซ์ ยิ่งทำให้ตกใจกลัวจนหน้าซีดจากการตื่นตระหนก!
ตายแล้ว!
ในใจของไป๋อีสิ้นหวังสุดๆ
ดูจากแนวโน้มการพุ่งของแลมโบกินี่นี้ เกรงว่ารถเบนซ์ทั้งคันคงจะถูกชนจนกลายเป็นเศษเหล็ก ส่วนเธอกับหลินฝานคงยากที่จะหนีรอด
บึ้น!
เสียงเครื่องยนต์ด้านหลังใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แทบจะในชั่วพริบตาก็ได้ชนท้ายรถเบนซ์แล้ว
“ชนสินะ! ฮ่าฮ่าฮ่า……”
มุมปากพวกสวีจื๋อเหิงยกยิ้มลึกร้าย ราวกับได้เห็นรถเบนซ์กลายเป็นเศษเหล็กไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
แต่ในเวลานั้นเอง!
ตู้ม!
เสียงที่ดังสนั่นสั่นไหว รอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของสวีจื๋อเหิงกับจางเทียนเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อทันที
เพราะพวกเขาเห็นรถเบนซ์ที่อยู่ด้านหน้าดริฟท์ไปในมุมที่ไม่น่าเชื่อทันทีทันใดอย่างไม่คาดคิด
ตัวรถทั้งคันหมุน 90 องศาแล้ว
แลมโบกินี่ชนแต่เพียงความว่างเปล่า
และน่ากลัวยิ่งกว่าคือท้ายรถเบนซ์ที่ดริฟท์ชนเข้ากับหน้ารถแลมโบกินี่เบาๆ
แลมโบกินี่ทั้งคันราวกับถูกชะแลงฟาด จึงลอยกลางอากาศอย่างคาดไม่ถึงและไปชนกระแทกแท่นหินริมทางอย่างเร็วและแรง
ตุบ!
การชนครั้งใหญ่ดังกึกก้องและตัวถังด้านหน้าของแลมโบกินี่บุบไปในทันที
ตัวถังรถแตกกระจายและชิ้นส่วนกระเด็นว่อน
แลมโบกินี่ทั้งคันกลายเป็นแอ่งเศษเหล็ก
บนรถเบนซ์
ไป๋อีตะลึงงันไปโดยสิ้นเชิง
เธอกำลังมองแลมโบกินี่ที่กลายเป็นซาก แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย
ชั่วพริบตาเมื่อครู่นี้ เธอคิดว่าตัวเองจบเห่แน่แล้ว
แต่ไม่คิดฝันว่ารถยนต์ที่หลินฝานขับอยู่นี้เหมือนกับดริฟท์ 90 องศาจากจุดเดิม
การควบคุมรถยังยอดเยี่ยมล้ำลึกยิ่งกว่านักแข่งรถมืออาชีพอีก
โดยเฉพาะเมื่อท้ายรถชนนี้ราวกับชะแลงงัดที่ทำให้แลมโบกินี่ลอยออกไปเป็นเส้นตรง เธอก็ตกใจจนอ้าปากค้าง
แต่ว่า!
“ไม่ดีแล้ว! หลินฝาน สวีจื๋อเหิงคนนั้นเป็นคุณชายใหญ่บริษัทเทียนหลงกรุ๊ป จางเทียนเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของประธานกรรมการบริหาร! นายปฏิบัติต่อเขาแบบนี้ พวกเขาต้องล้างแค้นแน่!”
ไป๋อีคิดถึงตรงนี้ก็ปาดหน้างาม ซีดขาวราวกระดาษและปรากฏความหวาดกลัวขึ้นบนสีหน้า
แค่ได้ยินคำพูดนี้!
หลินฝานก็ไม่ใส่ใจสักนิด ทำเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากอย่างไม่สะทกสะท้านขึ้น
“วางใจได้! ไม่เป็นปัญหาหรอก!”
ไม่มีปัญหา?
ไป๋อีโมโหจนเกือบจะร้องไห้ออกมา
ครู่เดียวได้ล่วงเกินคุณชายเสเพลสองคนจะไม่เป็นไรได้ยังไง
……
และในขณะที่รถเบนซ์กำลังขับจากไป!
ประตูบุบแบนเว้าของแลมโบกินี่คันนั้นก็หลุดในทันที และเงาคนสองคนคลานออกมาจากภายในรถอย่างอเนจอนาถ
นั่นก็คือสวีจื๋อเหิงกับจางเทียน
สองพี่น้องเสเพลกำลังมองดูแลมโบกินี่ที่ถูกชนจนกลายเป็นเศษเหล็ก ก็เหงื่อไหลจากหน้าผากลงมาติ๋งติ๋งทั้งสองคน
เสี่ยงมาก!
หากอุปกรณ์ป้องกันของแลมโบกินี่ไม่ธรรมดา พวกเขาสองคนคงเละเป็นโจ๊กไปตั้งนานแล้ว
“สารเลว!!!”
สวีจื๋อเหิงหน้าดุร้าย เขาเป็นถึงคุณชายใหญ่ ดันมาพ่ายแพ้ให้กับเงื้อมมือของเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงไร้ค่าคนหนึ่ง ทำเอาเขาเป็นบ้าชัดๆ
“พี่จื๋อเหิง เดี๋ยวผมจะติดต่อพี่ชายลูกพี่ลูกน้องเดี๋ยวนี้ จะต้องหาไอ้เลวนั้นให้ได้!” จางเทียนเผยสีหน้าเคียดแค้นเช่นกัน
ขณะนั้นเองเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดหมายเลขแล้วโทรออก
จางเทียนรู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นคนใหญ่คนโตที่รับผิดชอบการจราจรหลัก
ให้เขาตรวจสอบทิศทางการไปของพวกหลินฝานง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ
เพียงแต่!
เมื่อวางสายโทรศัพท์ หน้าของจางเทียนก็เผยสีหน้าราวกับเจอผีในทันที ราวกับได้ยินเรื่องอันน่าเหลือเชื่ออะไรอย่างไรอย่างนั้น
หืม?
เหตุการณ์นี้ทำให้สวีจื๋อเหิงนิ่งอึ้ง จากนั้นก็ถามขึ้นอย่างสงสัย
“จางเทียน เป็นไงบ้าง? คนไร้ค่านั้นมันไปที่ไหนกันแน่? รีบพูดสิ พวกเราจะได้หาคนไปล้างแค้น!”
กึกๆ!
จางเทียนกลืนน้ำลายอย่างแรง จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าตกตะลึง
“พี่จื๋อเหิง ผมพูดแล้วพี่อาจไม่เชื่อ! เมื่อกี้ลูกพี่ลูกน้องผมสืบหาแล้ว พบว่ากล้องวงจรทั่วทั้งเมืองถ่ายป้ายทะเบียนรถเบนซ์คันนั้นไม่ติดเลย! รถคันนั้นที่ทางแยกข้างหน้าก็หะ……หายไปแล้ว! ไม่รู้เลยว่าไปที่ไหน……”
อะไรนะ!
ได้ยินคำพูดนี้ สวีจื๋อเหิงก็ไม่กล้าเชื่อหูตัวเองจริงๆ
ถึงยังไงอุปกรณ์กล้องวงจรปิดของจราจรในเมืองเจียงทันสมัยที่สุด รถทุกคันไม่มีทางซ่อนได้ในใจกลางเมือง
แต่ตลอดทางมานี้ ไม่มีกล้องหลักสิบตัวตัวไหนถ่ายป้ายทะเบียนรถได้เลย ยิ่งกว่านั้นรถหายไปอย่างไร้ร่องรอยจากด้านล่างกล้องวงจร นี่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน!
“สมควรตาย!”
สวีจื๋อเหิงโมโหเกรี้ยวกราด แล้วทุบกำปั้นลงบนแลมโบกินี่เศษเหล็กนั้นอย่างรุนแรง
กำปั้นของเขาจึงสั่นเทาอย่างเจ็บปวดในทันที ทำให้ความโกรธแค้นในใจของเขาท่วมทะลักจนถึงขีดสุดแล้ว
“ดีนัก! ไอ้เขยแต่งเข้าไร้ค่าคนหนึ่ง! คาดไม่ถึงว่าจะกล้าล่วงเกินข้า สวีจื๋อเหิง แกรอดู! ฉันจะโทรหาผู้เฒ่าเดี๋ยวนี้ ไม่เชื่อว่าจะหามันไม่เจอ!”
ในคำพูดของสวีจื๋อเหิงเต็มไปด้วยความเคืองแค้น
และจางเทียนที่ได้ยินคำพูดนี้ก็สดชื่นขึ้นมา
เขาย่อมรู้ดีว่าผู้เฒ่าของสวีจื๋อเหิงก็คือสวีเทียนหลงประธานบริษัทเทียนหลงกรุ๊ป เป็นบุคคลระดับผู้อาวุโสที่ย่างเท้าแต่ละก้าวก็สามารถสั่นสะเทือนเมืองเจียง
การที่บุคคลระดับนี้ออกหน้า เขยเล็กๆคนนั้นจบเห่แน่
คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของจางเทียนก็เผยสีหน้าน่ากลัว
“ดี! งั้นฉันจะโทรหาผู้เฒ่า! ผู้เฒ่ารักฉันที่สุด หากรู้ว่าฉันถูกคนทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต ย่อมต้องหัวเสียแน่!”
พูดจบ!
สองพี่น้องเสเพลก็สบตาและยิ้มให้กัน จากนั้นทยอยโทรหาผู้เฒ่าของตนเอง
ในขณะเดียวกัน!
ภายในสำนักงานประธานบริษัทเทียนหลงกรุ๊ป
ผู้เฒ่าของสวีจื๋อเหิง ประธานบริษัทเทียนหลงกรุ๊ปสวีเทียนหลงจ้องหน้าจอในคอมพิวเตอร์เขม็ง เหงื่อเขาผุดที่หน้าผากและไหลลงมาไม่หยุด
“พระเจ้า! ในเมืองเจียงของพวกเรายังซ่อนมังกรคลั่งตัวหนึ่งไว้ย่างนี้! ย่ากลัวเกินไปแล้ว! นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“บริษัทเทียนหลงกรุ๊ปของพวกเราก็เป็นเพียงเกร็ดหนึ่งชิ้นของสัตว์ที่ใหญ่มหึมาดั่งบริษัทในเครือโกลบอลกรุ๊ปเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าหัวมังกรผู้นำของบริษัทในเครือโกลบอลกรุ๊ปกลับอยู่ในถิ่นของฉันนี่เอง!”
เสียงของสวีเทียนหลงกำลังสั่น
และตรงหน้าเขา
ปรากฏรูปภาพของชายคนหนึ่งบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
ชายสวมชุดดำทั้งร่างราวกับปีศาจท่ามกลางความมืดมิด ทำให้คนมีความรู้สึกอาฆาตเย็นยะเยือก
แม้จะมองผ่านหน้าจอก็ทำให้เย็นสันหลังไปตามๆกัน
เหมือนดั่งเทพแห่งความตายที่เดินออกมาจากท่ามกลางทะเลเลือดภูเขาศพ ทำเอาคนตัวสั่น
ไม่เพียงเท่านั้น!
ยิ่งทำให้คนยากที่จะเชื่อได้ก็คือ!
หน้าตาของชายคนนี้ก็คือ……หลินฝาน!
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved