บทที่ 3 บอสประจำด่านสุดท้าย – หลินฝาน!

เห็นแลมโบกินี่ใกล้จะตามมาถึงด้านหลังรถของตนแล้ว!

ใบหน้าไป๋อีจึงเหยเกจนถึงขีดสุด เหงื่อเย็นไหลออกมาด้วยความร้อนใจ

“ทำไงดี? ได้ยินว่าสวีจื๋อเหิงคนนั้นมีทักษะการแข่งรถแข่งที่ยอดเยี่ยม พวกเราคงหนีไม่รอดแน่เลย!”

หลินฝานเพียงแค่มองกระจกมองหลังเท่านั้น ก็ยกยิ้มมุมปากเผยความดูถูกดูแคลนเข้มข้นออกมา

“นั่งให้ดีล่ะ!”

สามคำเรียบง่าย ทำเอาไป๋อีอึ้ง

อะไรนะ?

ในเวลาที่เธอยังไม่ทันได้เข้าใจ ก็เห็นว่าฝ่าเท้าของหลินฝานเหยียบคันเร่งจนสุด

บึ้น!!!

รถเบนซ์ทั้งคันสั่น เครื่องยนต์ส่งเสียงดังทุ้มออกมาราวกับสัตว์ป่าดุร้ายตัวหนึ่ง เพิ่มความเร็วอย่างกะทันหัน

ไม่เพียงเท่านี้

สิ่งที่ทำให้ไป๋อีตะลึงยิ่งกว่าคือ ความเร็วรถตั้งแต่ 80 ขึ้นเป็น 120 แล้วขึ้นเป็น 140 180 200……

รู้ทั้งรู้ว่านี่เป็นถนนใหญ่ใจกลางเมืองเลยนะ

รอบๆการจราจรเป็นเส้นตรง ความเร็วถึง 120 ก็อันตรายสุดๆแล้ว

แต่ขณะนี้!

รถเบนซ์ทั้งคันพุ่งทะยานไปบนท้องถนน แซงรถคันแล้วคันเล่าจนถูกสลัดหลุดไปอยู่ด้านหลัง

และที่น่าหวาดเสียวที่สุดคือหลินฝานที่กำลังขับรถเบนซ์อยู่ เดี๋ยววนซ้าย วนขวา เดี๋ยวเพิ่มความเร็ว เดี๋ยวเปลี่ยนโค้ง……

ราวกับปลาที่ว่ายน้ำเร็วตัวหนึ่ง ซิ่งฝ่ารถที่สัญจรเป็นเส้นตรงอย่างรวดเร็ว

สมองของไป๋อีมึนงงไปเลย

เธอรู้สึกแค่ร่างกายของเธอราวกับลอยขึ้นมา เสมือนภาพลวงตาที่ลอยอยู่บนเมฆ

ไม่เพียงแค่เธอเท่านั้น!

พวกสวีจื๋อเหิงที่ตามหลังก็มึนงงสุดๆเช่นกัน

เพราะพวกเขาพบว่า แลมโบกินี่ของตัวเองเพิ่มความเร็วขึ้นมาแล้วก็ยังมีระยะห่างห่างจากรถเบนซ์ไกลออกไปเรื่อยๆ

50 เมตร!

100 เมตร!

200 เมตร!

โดยเฉพาะ

รถเบนซ์คนนั้นที่อยู่ท่ามกลางการสัญจรของรถฝ่าราวกับสายฟ้า ทำเอาพวกเขาอกสั่นขวัญหาย

“พี่จื๋อเหิง เร็วเข้า! รีบตามมันไป! อย่าให้ไอ้หมอนั้นหนีไปได้!” จางเทียนใจร้อนจนเหงื่อออกเต็มหน้า

หากถูกคนไร้ค่าสลัดหลุด งั้นหน้าตาของพวกเขาสองคนในเพอร์ฟอร์แมนซ์คาร์เรซซิ่งคลับคงหายหมดสิ้น

ติ๋ง!

ติ๋ง!

เม็ดเหงื่อคล้ายเม็ดถั่วลูกใหญ่แต่ละเม็ดไหลลงมาจากหน้าผากของสวีจื๋อเหิง

เขาได้ใช้ความสามารถของตนจนถึงขีดสุดแล้ว ความเร็วรถเลี้ยงไว้ประมาณ 150 แต่ถึงเป็นอย่างนั้น รถแต่ละคันที่ขับผ่านไปมาก็ยังคงทำให้เขาตกใจจนเหงื่อเย็นเปียกชื้น

“แม่ง! ไอ้บ้านั้นขับเร็วได้ขนาดนี้ โคตรรนหาที่ตายชัดๆ!”

สวีจื๋อเหิงหนังตากระตุกและเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อรุนแรงในสีหน้า

ท่ามกลางรถที่สัญจรหลั่งไหล รถแข่งความเร็วสูงถือเป็นการทดสอบความเร็วในปฏิกิริยาตอบสนองของคนคนหนึ่งมากเกินไป

แม้ว่านักแข่งรถมืออาชีพก็ยากมากที่จะขับเกิน 180 เพราะหากประมาทอาจจะเสียหายทั้งรถทั้งถึงแก่ชีวิต

แต่ไอ้บ้าที่อยู่หน้าขับเกิน 200 ไปแล้วอย่างแน่นอน นี่มันโคตร……เป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ

และภายในใจของสวีจื๋อเหิงแทบจะเป็นตอนที่สิ้นหวัง

เขากลับพบอย่างตะลึงว่ารถเบนซ์ด้านหน้าค่อยๆชะลอความเร็วลงแล้ว

“พี่จื๋อเหิง! ไอ้คนไร้ค่านั้นไม่ไหวแล้ว! เร็ว ตามมันให้ทัน! ชนพวกมันให้ตาย!”

จางเทียนหัวเราะบ้าคลั่งสุดขีด

แม้ว่าเขาไม่เข้าใจ ทำไมหลินฝานที่อยู่ด้านหน้าชะลอความเร็วลง แต่เพื่อเก็บศักดิ์ศรีหน้าตาของพวกเขากลับคืนมา จึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการสั่งสอนไอ้คนไร้ค่าคนนั้น

“ดี!” สวีจื๋อเหิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน

ฝ่าเท้าเหยียบลงไปอีกครั้ง แลมโบกินี่ส่งเสียงคำรามน่าตกใจ แล้วพุ่งชนไปยังรถเบนซ์อย่างรวดเร็ว!

ในวินาทีนี้!

ภายในที่นั่งด้านหน้ารถเบนซ์ ไป๋อีร้อนอกร้อนใจราวกับการเผาไหม้ จึงพูดเชิงติเตียนใส่หลินฝาน

“หลินฝาน รีบขับสิ! อีกเดี๋ยวพวกเราจะถูกตามทันแล้วนะ นี่นายทำอะไรกัน!”

สมองของไป๋อีอยู่ในช่วงเครื่องค้างโดยสิ้นเชิง

เธอพบว่า รถที่หลินฝานขับช้าลงเรื่อย ๆ

ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ แรงพุ่งกระแทกอย่างบ้าคลั่งของแลมโบกินี่ที่ตามหลังมา มาเพื่อพุ่งชนรถเบนซ์ ยิ่งทำให้ตกใจกลัวจนหน้าซีดจากการตื่นตระหนก!

ตายแล้ว!

ในใจของไป๋อีสิ้นหวังสุดๆ

ดูจากแนวโน้มการพุ่งของแลมโบกินี่นี้ เกรงว่ารถเบนซ์ทั้งคันคงจะถูกชนจนกลายเป็นเศษเหล็ก ส่วนเธอกับหลินฝานคงยากที่จะหนีรอด

บึ้น!

เสียงเครื่องยนต์ด้านหลังใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แทบจะในชั่วพริบตาก็ได้ชนท้ายรถเบนซ์แล้ว

“ชนสินะ! ฮ่าฮ่าฮ่า……”

มุมปากพวกสวีจื๋อเหิงยกยิ้มลึกร้าย ราวกับได้เห็นรถเบนซ์กลายเป็นเศษเหล็กไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น

แต่ในเวลานั้นเอง!

ตู้ม!

เสียงที่ดังสนั่นสั่นไหว รอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของสวีจื๋อเหิงกับจางเทียนเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อทันที

เพราะพวกเขาเห็นรถเบนซ์ที่อยู่ด้านหน้าดริฟท์ไปในมุมที่ไม่น่าเชื่อทันทีทันใดอย่างไม่คาดคิด

ตัวรถทั้งคันหมุน 90 องศาแล้ว

แลมโบกินี่ชนแต่เพียงความว่างเปล่า

และน่ากลัวยิ่งกว่าคือท้ายรถเบนซ์ที่ดริฟท์ชนเข้ากับหน้ารถแลมโบกินี่เบาๆ

แลมโบกินี่ทั้งคันราวกับถูกชะแลงฟาด จึงลอยกลางอากาศอย่างคาดไม่ถึงและไปชนกระแทกแท่นหินริมทางอย่างเร็วและแรง

ตุบ!

การชนครั้งใหญ่ดังกึกก้องและตัวถังด้านหน้าของแลมโบกินี่บุบไปในทันที

ตัวถังรถแตกกระจายและชิ้นส่วนกระเด็นว่อน

แลมโบกินี่ทั้งคันกลายเป็นแอ่งเศษเหล็ก

บนรถเบนซ์

ไป๋อีตะลึงงันไปโดยสิ้นเชิง

เธอกำลังมองแลมโบกินี่ที่กลายเป็นซาก แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย

ชั่วพริบตาเมื่อครู่นี้ เธอคิดว่าตัวเองจบเห่แน่แล้ว

แต่ไม่คิดฝันว่ารถยนต์ที่หลินฝานขับอยู่นี้เหมือนกับดริฟท์ 90 องศาจากจุดเดิม

การควบคุมรถยังยอดเยี่ยมล้ำลึกยิ่งกว่านักแข่งรถมืออาชีพอีก

โดยเฉพาะเมื่อท้ายรถชนนี้ราวกับชะแลงงัดที่ทำให้แลมโบกินี่ลอยออกไปเป็นเส้นตรง เธอก็ตกใจจนอ้าปากค้าง

แต่ว่า!

“ไม่ดีแล้ว! หลินฝาน สวีจื๋อเหิงคนนั้นเป็นคุณชายใหญ่บริษัทเทียนหลงกรุ๊ป จางเทียนเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของประธานกรรมการบริหาร! นายปฏิบัติต่อเขาแบบนี้ พวกเขาต้องล้างแค้นแน่!”

ไป๋อีคิดถึงตรงนี้ก็ปาดหน้างาม ซีดขาวราวกระดาษและปรากฏความหวาดกลัวขึ้นบนสีหน้า

แค่ได้ยินคำพูดนี้!

หลินฝานก็ไม่ใส่ใจสักนิด ทำเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากอย่างไม่สะทกสะท้านขึ้น

“วางใจได้! ไม่เป็นปัญหาหรอก!”

ไม่มีปัญหา?

ไป๋อีโมโหจนเกือบจะร้องไห้ออกมา

ครู่เดียวได้ล่วงเกินคุณชายเสเพลสองคนจะไม่เป็นไรได้ยังไง

……

และในขณะที่รถเบนซ์กำลังขับจากไป!

ประตูบุบแบนเว้าของแลมโบกินี่คันนั้นก็หลุดในทันที และเงาคนสองคนคลานออกมาจากภายในรถอย่างอเนจอนาถ

นั่นก็คือสวีจื๋อเหิงกับจางเทียน

สองพี่น้องเสเพลกำลังมองดูแลมโบกินี่ที่ถูกชนจนกลายเป็นเศษเหล็ก ก็เหงื่อไหลจากหน้าผากลงมาติ๋งติ๋งทั้งสองคน

เสี่ยงมาก!

หากอุปกรณ์ป้องกันของแลมโบกินี่ไม่ธรรมดา พวกเขาสองคนคงเละเป็นโจ๊กไปตั้งนานแล้ว

“สารเลว!!!”

สวีจื๋อเหิงหน้าดุร้าย เขาเป็นถึงคุณชายใหญ่ ดันมาพ่ายแพ้ให้กับเงื้อมมือของเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงไร้ค่าคนหนึ่ง ทำเอาเขาเป็นบ้าชัดๆ

“พี่จื๋อเหิง เดี๋ยวผมจะติดต่อพี่ชายลูกพี่ลูกน้องเดี๋ยวนี้ จะต้องหาไอ้เลวนั้นให้ได้!” จางเทียนเผยสีหน้าเคียดแค้นเช่นกัน

ขณะนั้นเองเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดหมายเลขแล้วโทรออก

จางเทียนรู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นคนใหญ่คนโตที่รับผิดชอบการจราจรหลัก

ให้เขาตรวจสอบทิศทางการไปของพวกหลินฝานง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ

เพียงแต่!

เมื่อวางสายโทรศัพท์ หน้าของจางเทียนก็เผยสีหน้าราวกับเจอผีในทันที ราวกับได้ยินเรื่องอันน่าเหลือเชื่ออะไรอย่างไรอย่างนั้น

หืม?

เหตุการณ์นี้ทำให้สวีจื๋อเหิงนิ่งอึ้ง จากนั้นก็ถามขึ้นอย่างสงสัย

“จางเทียน เป็นไงบ้าง? คนไร้ค่านั้นมันไปที่ไหนกันแน่? รีบพูดสิ พวกเราจะได้หาคนไปล้างแค้น!”

กึกๆ!

จางเทียนกลืนน้ำลายอย่างแรง จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าตกตะลึง

“พี่จื๋อเหิง ผมพูดแล้วพี่อาจไม่เชื่อ! เมื่อกี้ลูกพี่ลูกน้องผมสืบหาแล้ว พบว่ากล้องวงจรทั่วทั้งเมืองถ่ายป้ายทะเบียนรถเบนซ์คันนั้นไม่ติดเลย! รถคันนั้นที่ทางแยกข้างหน้าก็หะ……หายไปแล้ว! ไม่รู้เลยว่าไปที่ไหน……”

อะไรนะ!

ได้ยินคำพูดนี้ สวีจื๋อเหิงก็ไม่กล้าเชื่อหูตัวเองจริงๆ

ถึงยังไงอุปกรณ์กล้องวงจรปิดของจราจรในเมืองเจียงทันสมัยที่สุด รถทุกคันไม่มีทางซ่อนได้ในใจกลางเมือง

แต่ตลอดทางมานี้ ไม่มีกล้องหลักสิบตัวตัวไหนถ่ายป้ายทะเบียนรถได้เลย ยิ่งกว่านั้นรถหายไปอย่างไร้ร่องรอยจากด้านล่างกล้องวงจร นี่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน!

“สมควรตาย!”

สวีจื๋อเหิงโมโหเกรี้ยวกราด แล้วทุบกำปั้นลงบนแลมโบกินี่เศษเหล็กนั้นอย่างรุนแรง

กำปั้นของเขาจึงสั่นเทาอย่างเจ็บปวดในทันที ทำให้ความโกรธแค้นในใจของเขาท่วมทะลักจนถึงขีดสุดแล้ว

“ดีนัก! ไอ้เขยแต่งเข้าไร้ค่าคนหนึ่ง! คาดไม่ถึงว่าจะกล้าล่วงเกินข้า สวีจื๋อเหิง แกรอดู! ฉันจะโทรหาผู้เฒ่าเดี๋ยวนี้ ไม่เชื่อว่าจะหามันไม่เจอ!”

ในคำพูดของสวีจื๋อเหิงเต็มไปด้วยความเคืองแค้น

และจางเทียนที่ได้ยินคำพูดนี้ก็สดชื่นขึ้นมา

เขาย่อมรู้ดีว่าผู้เฒ่าของสวีจื๋อเหิงก็คือสวีเทียนหลงประธานบริษัทเทียนหลงกรุ๊ป เป็นบุคคลระดับผู้อาวุโสที่ย่างเท้าแต่ละก้าวก็สามารถสั่นสะเทือนเมืองเจียง

การที่บุคคลระดับนี้ออกหน้า เขยเล็กๆคนนั้นจบเห่แน่

คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของจางเทียนก็เผยสีหน้าน่ากลัว

“ดี! งั้นฉันจะโทรหาผู้เฒ่า! ผู้เฒ่ารักฉันที่สุด หากรู้ว่าฉันถูกคนทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต ย่อมต้องหัวเสียแน่!”

พูดจบ!

สองพี่น้องเสเพลก็สบตาและยิ้มให้กัน จากนั้นทยอยโทรหาผู้เฒ่าของตนเอง

ในขณะเดียวกัน!

ภายในสำนักงานประธานบริษัทเทียนหลงกรุ๊ป

ผู้เฒ่าของสวีจื๋อเหิง ประธานบริษัทเทียนหลงกรุ๊ปสวีเทียนหลงจ้องหน้าจอในคอมพิวเตอร์เขม็ง เหงื่อเขาผุดที่หน้าผากและไหลลงมาไม่หยุด

“พระเจ้า! ในเมืองเจียงของพวกเรายังซ่อนมังกรคลั่งตัวหนึ่งไว้ย่างนี้! ย่ากลัวเกินไปแล้ว! นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!”

“บริษัทเทียนหลงกรุ๊ปของพวกเราก็เป็นเพียงเกร็ดหนึ่งชิ้นของสัตว์ที่ใหญ่มหึมาดั่งบริษัทในเครือโกลบอลกรุ๊ปเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าหัวมังกรผู้นำของบริษัทในเครือโกลบอลกรุ๊ปกลับอยู่ในถิ่นของฉันนี่เอง!”

เสียงของสวีเทียนหลงกำลังสั่น

และตรงหน้าเขา

ปรากฏรูปภาพของชายคนหนึ่งบนหน้าจอคอมพิวเตอร์

ชายสวมชุดดำทั้งร่างราวกับปีศาจท่ามกลางความมืดมิด ทำให้คนมีความรู้สึกอาฆาตเย็นยะเยือก

แม้จะมองผ่านหน้าจอก็ทำให้เย็นสันหลังไปตามๆกัน

เหมือนดั่งเทพแห่งความตายที่เดินออกมาจากท่ามกลางทะเลเลือดภูเขาศพ ทำเอาคนตัวสั่น

ไม่เพียงเท่านั้น!

ยิ่งทำให้คนยากที่จะเชื่อได้ก็คือ!

หน้าตาของชายคนนี้ก็คือ……หลินฝาน!

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

1258