บทที่ 4 บัลลังก์กุหลาบ——เซวี่ยนเหมยกุย
by จุ้ยชิงเฟิง
19:01,Nov 16,2023
หลินฝาน !
ประธานบริษัทคนใหม่ของบริษัทในเครือโกลบอลกรุ๊ป !
สวีเทียนหลงมองไปที่รูปถ่ายของหลินฝาน ก็รู้สึกแค่ว่าหัวใจของเขาแทบจะหลุดออกแล้ว นี่เขาเป็นถึงระดับประธานสูงสุดเลยนะ จะไม่ให้เขารู้สึกตื่นเต้นกระวนกระวายได้ยังไงกัน
กริ๊งงงงง !
ในขณะนั้นเอง เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
อืม ?
สวีเทียนหลงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เมื่อเขาเห็นว่าสายที่โทรเข้ามานั้นเป็นลูกชายของตัวเองสวีจื๋อเหิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด จากนั้นเขาก็รับสาย
“ ว่ามา !”
น้ำเสียงที่ไม่แยแสของสวีเทียนหลง
ทันใดนั้นในสายก็มีเสียงร้องไห้ที่พูดขึ้นมา :
“ พ่อ ช่วยผมด้วย ! อีกนิดผมก็เกือบตายแล้ว ! พ่อจะต้องช่วยผมเอาคืน !”
อะไรนะ !
ทันทีที่พูดมานั้น ก็ทำให้สีหน้าของสวีเทียนหลงเปลี่ยนไป
ในเมืองเจียง ทำไมจะไม่มีใครไม่รู้จักสวีเทียนหลงแห่งบริษัทเทียนหลงกรุ๊ป แล้วเป็นไปได้อย่างไรถึงมีคนกล้ามาแตะต้องลูกชายตัวเอง และยิ่งไปกว่านั้นคือเกือบจะฆ่าลูกชายตัวเองอีกด้วย
นี่……มันสมควรตายชัดๆ !
“ เกิดอะไรขึ้น ? ใครมันเป็นคนทำ ?” น้ำเสียงของสวีเทียนหลง ก็ค่อยๆเย็นลง
ซึ่งมันราวกับเสือที่ดุร้าย ที่กำลังระงับความโกรธไว้ในใจ
เมื่อได้ยินสิ่งที่ปลายสายพูด สวีจื๋อเหิงก็รู้สึกดีใจแทบบ้าขึ้นมา แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังต้องแสร้งทำน้ำเสียงที่หวาดกลัวและพูดว่า :
“ พ่อ เมื่อกี้ผมโดนรถเบนซ์คันหนึ่งชน ! เข้ากับแลมโบกินี่ของผมพังยับเยิน ! แล้วผมก็เกือบจะตายในรถอีกด้วย !”
โครม !
ทันทีที่พูดมานั้น มันก็ยิ่งทำให้ความชั่วร้ายที่อยู่ในตัวของสวีเทียนหลงนั้นก็ล้นออกมาทันที และความโกรธแค้นที่อยู่ในใจก็ยิ่งทวีคูณเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งมันไม่ใช่เพียงแค่นั้น
“ พ่อ ไอ้คนที่ชนผม มันเป็นคนของตระกูลไป๋ ! แล้วไอ้สวะที่ขับรถนั้นก็เป็นลูกเขยของตระกูลไป๋——หลินฝาน !”
“ พ่อต้องช่วยผมเอาคืน ! ส่งคนไปจับมันมาเดี๋ยวนี้เลย ผมจะจัดการมัน ให้มันรับรู้ถึงความรู้สึกถูกรถชน !”
อะไรนะ !
หลิน……หลินฝาน ?
ประโยคที่พูดมานี้ ทำให้สวีเทียนหลงรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า และทำให้เขาถึงกับวิงเวียนปวดไปทั้งหัวจนเกือบจะทำให้เขาเป็นลม
เขารีบเดินตรงไปหน้าคอมพิวเตอร์ ดูข้อมูลของหลินฝาน และตาก็กระตุกไม่หยุด จากนั้นเขาก็ถามด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มว่า :
“ จื๋อเหิง แกพูดมาให้ชัดๆสิว่า ไอ้หลิน……หลินฝานใช่สามีของไป๋อีหรือเปล่า ?”
อืม ?
สวีจื๋อเหิงรู้สึกมึนงงเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงเลยว่า พ่อของตัวเองจะเคยได้ยินชื่อของคนนี้ และทันใดนั้นเขาก็รีบพูดว่า :
“ ใช่ครับ ! พ่อ ไอ้สารเลวคนนี้แหละ ! ผมจะต้องฆ่ามัน ฆ่ามันให้ตาย !”
เงียบไปเลยนะ !
ในขณะนั้นเอง สวีจื๋อเหิงก็สังเกตเห็นว่า หลังจากที่เขาพูดประโยคนี้จบ ปลายสายด้านพ่อของเขาก็เงียบลงทันที
อีกทั้งยังมีเสียงในลำคอที่ออกมาไม่หยุด ‘ หึหึหึ ’ ราวกับเสือตัวหนึ่งที่กำลังรู้สึกโกรธ
“ พ่อ, พ่อ…..”
สวีจื๋อเหิงอยากจะถามเลยทันที
แต่ทว่าน้ำเสียงที่เขากำลังจะพูดออกมา ทันใดนั้นเองสวีเทียนหลงก็แผดเสียงที่น่ากลัวขึ้นมาจากปลายสายอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ :
“ แม่งเอ้ย ! สวีจื๋อเหิงเอ้ย ไอ้ลูกเหี้ยเอ้ย นี่แกอยากจะฆ่าฉันให้ตายหรือไง !”
“ ฉันขอสั่งแกเลยนะ แกรีบไปหาคุณหลิน แล้วก็ก้มหัวขอโทษเขาสะ ! ถ้าหากเขาไม่ยกโทษให้แกละก็ กูนี่แหละจะหาคนไปฆ่ามึงทิ้ง !”
“ ตู๊ดดดดด……”
หลังจากเสียงที่ตะโกนด่าจบลง ก็มีเพียงแต่เสียงวางสายจากปลายสายอีกด้าน
สวีจื๋อเหิง : “……”
เขาถึงกับตะลึงไปเลย
ทั้งๆที่ตัวเองเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแล้วแท้ๆ แล้วเพราะอะไรกันทำไมเขาถึงจะต้องไปก้มหัวขอโทษคุณหลินนั้นด้วย ?
นี่มัน……..สรุปแล้วใช่พ่อแท้ๆของตัวเองไหมเนี่ย? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ !
ในขณะที่สวีจื๋อเหิงเต็มไปด้วยความสับสนมึนงงนั้น เขาก็ได้ยินแว่วๆจากจางเทียนที่กำลังคุยโทรศัพท์ ซึ่งก็เป็นน้ำเสียงโกรธด่าที่ดังมาจากปลายสายอีกด้าน
“ ไอ้เหี้ยจางเทียนแกทำให้เรื่องใหญ่เข้าแล้ว ! เย็ดแม่งเอ้ย คิดไม่ถึงเลยนะว่าแกจะกล้าไปทำให้คุณหลินไม่พอใจ ! แกรีบไปขอโทษคุณหลินเลยนะ ถ้าไม่อย่างนั้นแกก็ไม่ใช่ลูกชายฉันอีกต่อไป ! ไส่หัวไปเลยนะ ต่อจากนี้ไปฉันก็จะไม่มีลูกเหี้ยแบบแกอีก ”
จางเทียน : “……”
มองดูโทรศัพท์ที่วางสายไป จางเทียนก็ถึงกับตกตะลึงเช่นเดียวกัน แล้วก็สงสัยด้วยว่าไม่น่าใช่พ่อแท้ๆของตัวเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่เห็นสีหน้ามึนงงเหมือนกันของสวีจื๋อเหิง แล้วพวกเขาสองคนก็รู้สึกในใจว่าต้องมีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้น
“ พี่……พี่จื๋อเหิง ! ดูเหมือนว่าพวกเราจะก่อเรื่องใหญ่ไว้แล้ว !”
ตอนนี้สองพี่น้องเสเพลนี้ หัวแทบจะระเบิดออกมาทันที
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่จะสามารถทำให้พ่อขอพวกเขานั้นหวาดกลัวได้ถึงขนาดนี้ สรุปแล้วหลินฝาน……เป็นคนที่น่ากลัวขนาดไหนกันแน่ !
“ เร็ว ! รีบให้คนทั้งหมดระดมหา ! ตามหาหลินฝาน เร็วเข้า ถ้ารอให้หลินฝานตามตัวพวกเราเจอละก็ พวกเราตายแน่ !”
สวีจื๋อเหิงหวาดกลัวจนตัวสั่น หลังจากนั้นก็เปล่งน้ำเสียงที่หวาดกลัวออกมา
ทันใดนั้น !
สองพี่น้องเสเพลนี้เหมือนกับมดที่อยู่บนหม้อร้อนๆ รีบโทรหาคนเส้นสายภายในอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้ออกตามหาตัวหลินฝาน
ซึ่งหลินฝานเองก็คงจะคิดไม่ถึง !
ณ ตอนนี้ วุ่นวายไปทั่วเมืองเจียงแล้ว
……
กลางคืนก็ค่อยๆย่างกรายเข้ามา
ซึ่งถือว่าเป็นคลับที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเจียง——พรอสเพอริตี้คลับ และผู้คนก็รายรอบอยู่ในแห่งความครึกครื้นเฮฮา
มีรถเบนซ์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดอยู่หน้าทางเข้าของพรอสเพอริตี้คลับ แล้วก็มีชายและหญิงที่เดินลงมาจากรถ ซึ่งนั้นก็คือหลินฝานและไป๋อี
ใบหน้าที่สวยงามของไป๋อีนั้น ก็ยังคงมีความขาวซีดเล็กน้อย ซึ่งใบหน้าของเธอมีความเคร่งขรึมและความกังวลใจอยู่ลึกๆ
ถึงอย่างไร ความขุ่นเคืองในครั้งนี้ก็มาจากสองพี่น้องเสเพลของเมืองเจียง
ไป๋อีแค่คิดว่าปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกกังวลใจ
“ ไป๋อี ทำไมเธอเพิ่งมาล่ะ ?”
ในขณะนั้นเอง
เมื่อเสียงที่ไพเราะราวกับเสียงกระดิ่งดังขึ้น ก็เห็นหญิงสาวกระโปรงยาวสวยสดงดงามกำลังรีบเดินมา
ผู้หญิงคนนี้ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนของไป๋อี——เวินชี่ยน
แต่ถึงอย่าไรก็ตาม หลังจากที่เธอเห็นหลินฝานที่ยืนอยู่ข้างๆไป๋อีนั้น เวินเชี่ยนก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที และใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงความขยะแขยงและดูถูก :
“ นี่ทำไมถึงพาเขามาด้วย ? อีกอย่างทำไมถึงแต่งตัวเหมือนยาจก ดูโทรมมากเลยนะ เพื่อนๆจะไม่หัวเราะเยาะเอาหรอ ?”
คำพูดของเวินเชี่ยนนั้นไม่มีความปรานีเลยสักนิด ทันใดนั้นก็ทำเอาไป๋อีถึงขั้นผะอืดผะอม
แต่ทว่า ไป๋อียังไม่ทันจะตอบกลับ เวินเชี่ยนก็หันไปจ้องหลินฝาน แล้วก็มองตัวจรดเท้าและพูดว่า :
“ นี่ ! คนจนๆอย่างนายมาทำอะไร ? นี่ไม่รู้หรือไงว่ามันงานเลี้ยงรุ่นของพวกเรา ? ถ้าเกิดว่าเพื่อนคนอื่นเห็นนายละก็ ไป๋อีไม่ขายขี้หน้าแย่เลยหรอ ?”
“ ไส่หัวไปซะ ! มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย ! ขยะแขยงจริง !”
คำพูดของเวินเชี่ยนนั้นเจ็บปวดแทงใจถึงขีดสุด
ทันใดนั้น หลินฝานก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย :
“ แล้วมันใช่ธุระอะไรของเธอ !”
อะไรนะ !
เวินเชี่ยนกับไป๋อีก็ถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินแบบนี้
ภาพในหัวของพวกเธอนั้น ปกติหลินฝานเป็นคนที่ขี้ขลาดอ่อนแอ และถึงแม้ว่าเขาจะโดนคนชี้หน้าด่า เขาก็จะยิ้มรับมัน ซึ่งพวกเธอก็คิดไม่ถึงเลยว่า หลินฝานจะโต้ตอบอย่างไม่ใยดี
“ นี่นาย……นาย ! ! !” เวินเชี่ยนถึงกับหน้าหงายหน้าแดง ชี้หน้าหลินฝานแต่เธอก็กลับพูดไม่ออก
จากนั้นเธอก็หายใจเข้าลึกๆและยับยั้งกับความโกรธของเธอลง แล้วยิ้มกลับไปด้วยความโกรธ
“ ได้ ! ในเมื่อนายไม่กลัวขายหน้า ก็มาเลย ! วันนี้นายจะได้เห็นโลกภายนอก จะได้รู้ว่านายมันเป็นแค่อะไร !”
“ หึ ! คนอื่นเขาใช้จ่ายเงินหมื่นหยวนถือว่าสบายๆ ส่วนนายก็เป็นแค่คนที่ไม่รู้ห่าเหวไรเลย !”
หลังจากที่พูดจบ เวินเชี่ยนก็ดึงไป๋อีเข้าไปในคลับ โดยที่ไม่แม้แต่จะมองหลินฝานเลย
ส่วนหลินฝานก็ยักไหล่เบาๆ และเดินตามหลังไป
พรอสเพอริตี้คลับ !
เป็นคลับที่หรูหราที่มีอาหารเครื่องดื่มและความบันเทิงเข้าไว้ด้วยกัน
มีบาร์อยู่ที่ชั้นหนึ่ง เมื่อเดินเข้าไปก็จะได้เสียงดังสนั่นหู พร้อมกับแสงไฟสลัวๆ ทุกคนที่อยู่ในนี้เต้นโยกไปโยกมาราวกับม้าดีด
แสงสีในยามราตรี ลุ่มหลงในความฟุ้งเฟ้อ สำมะเลเทเมา !
แต่ทันทีที่เดินเข้ามานั้น สายตาของหลินฝานก็ถูกดึงดูดด้วยที่นั่งที่อยู่บนชั้นสูงสุด
เป็นที่นั่งที่สูงที่สุดของร้านนี้ สามารถมองเห็นด้านล่างทั้งหมด
ซึ่งดูเหมือนว่าที่นั่ง นี้จะเป็นเหมือนบัลลังก์ของร้านนี้ ซึ่งมันสูงมากจนต้องแหงนหน้ามองเท่านั้น
ไม่เพียงแค่นั่น !
ซึ่งมันมีพื้นที่สำหรับนั่งได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
มีหญิงสาวเย้ายวนที่ใส่กระโปรงสีแดงยาว
เธอเป็นเหมือนกับราชินีแห่งคลับนี้ !
มือคู่ที่ขาวละมุนนั้น กำลังจับก้านไวน์แล้วค่อยๆหมุนเบาๆไปรอบๆแก้ว เพื่อค่อยๆลิ้มรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของไวน์อย่างสง่า ทำให้คนนั้นใจเต้น
และดูเหมือนว่าเวินเชี่ยนที่อยู่ข้างหน้าก็สังเกตเห็นถึงการจ้องมองของหลินฝาน ซึ่งใบหน้าของเธอก็เผยให้เห็นสีหน้าที่ดูถูกและหัวเราะเยาะ :
“ ไม่เคยเห็นสินะ นายนี่มันไม่รู้เรื่องอะไรเลยเอาสักเลย นั่นมันคือบัลลังก์กุหลาบในพรอสเพอริตี้คลับ ! อีกทั้งยังเป็นที่นั่งสำหรับเจ้าของคลับนี้——เซวี่ยเหมยกุย ! และไม่มีใครที่จะนั่งได้ นอกจากเธอ !”
เซวี่ยเหมยกุย
สำหรับหลินฝานถือว่าเป็นชื่อที่ไม่คุ้นเคยเลยสักนิด แต่สำหรับผู้คนในเมืองเจียงแล้ว ไม่มีใครที่ไม่รู้
ฆ่าคนโดยที่ไม่เปื้อนเลือด เมื่อเปื้อนเลือดแล้วก็ต้องฆ่า !
เซวี่ยเหมยกุย ถือว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตาและชื่อเสียงในเมืองเจียง ไม่ว่าจะคนดีหรือคนไม่ดี ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเธอ
เมื่อไป๋อีได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของเธอก็ค่อยๆซีดลง ไม่กล้าแม้ที่จะอยู่ต่อ ซึ่งเธอและเวินเชี่ยนก็เดินต่อไปยังชั้นสอง
แต่ถึงอย่างไรหลินฝานที่อยู่ข้างหลังพวกเธอก็ยังขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าทำไมกัน !
เขามีความรู้สึกเหมือนว่าจะเคยเห็น ‘ เซวี่ยนเหมยกุย ’ จากที่ไหนสักที่
หลินฝานส่ายหัวเบาๆและไม่ได้สนใจอะไร จากนั้นก็เดินตามเขาสองคนขึ้นไป
ในขณะเดียวกันนั้นเอง
เซวี่ยนเหมยกุยที่ค่อยๆลิ้มรสไวน์อยู่บนบัลลังก์กุหลาบนั้น ก็กำลังจ้องมองรูปถ่ายที่อยู่ในมือเธอด้วยความรู้สึกสับสน ประหลาดใจ ซาบซึ้งใจและตื่นเต้น
“ ที่แท้คุณนั้นเองที่เป็นเจ้านายฉัน !”
เซวี่ยนเหมยกุยมองดูผู้ชายที่อยู่บนรูปถ่าย และในขณะนั้นเองก็รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อสิบปีก่อน
ในตอนนั้น เธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆที่พบกับการเปลี่ยนแปลงในครอบครัวครั้งยิ่งใหญ่ พ่อแม่และญาติพี่น้องของเธอถูกฆ่าทิ้งทั้งหมดด้วยกลุ่มฆาตกรข้ามชาติที่ต้องการแก้แค้น
และเมื่อเธอคิดว่าตัวเองยังไงก็ต้องตายนั้น
ก็กลับมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น
ซึ่งในตอนนั้นเขาอายุเพียงแค่ 13-14 แต่ฝีมือที่ราวกับปีศาจมารร้ายของเขานั้นเหนือความคาดหมายของทุกคน พวกกลุ่มฆาตกรข้ามชาติทั้ง 32 คนล้วนถูกฆ่าด้วยฝีมือของเด็กผู้ชายคนนั้น
จนท้ายที่สุดแล้ว !
หัวหน้ากลุ่มฆาตกรข้ามชาติ ก็ถูกฝีมือของเด็กผู้ชายคนนั้นฆ่าตายอย่างอนาถ
เขาช่วยชีวิตเธอไว้ !
เซวี่ยนเหมยกุยไม่มีวันที่จะลืมใบหน้าที่อ่อนวัยและความหนักแน่นของเด็กผู้ชายคนนั้น และเขาก็คือคนที่มีพระบุญของเธอ
เมื่อเธอโตขึ้น เธอก็ได้เป็นเจ้าของพรอสเพอริตี้คลับ แต่ถึงอย่างไรเธอยังส่งคนไปตามหาผู้ที่มีพระคุณของเธออยู่ตลอด
จนกระทั่งวันนี้ !
เมื่อมีคนนำรูปถ่ายนี้มาให้เธอ เธอก็เพิ่งจะรู้ว่า ผู้ที่มีพระคุณของเธอในตอนนั้น เป็นบอสเองที่อยู่เบื้องหลังของเธอในตอนนี้
“ ถึงแม้จะผ่านไปแล้ว 10 ปี แต่ฉันก็ไม่มีทางที่จะลืมใบหน้าของคุณไปตลอดชีวิต !”
เซวี่ยนเหมยกุยมองดูรูปถ่ายด้วยความรู้สึกสับสนและดีใจ
ซึ่งผู้ชายที่อยู่ในรูปถ่ายนั้นก็คือ …… หลินฝาน !
และในขณะนั้นเอง
เมื่อเซวี่ยนเหมยกุยกวาดสายตามองไปยังเงาของเขาที่เพิ่งจะเดินขึ้นไปชั้นสองนั้น เธอก็ถึงกับตัวสั่นอย่างรุนแรง แล้วก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่า :
“ เขา ……เขาคือ ……”
และในขณะนั้นเอง เธอก็ค่อยๆขยับและลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอ จากนั้นก็เอารูปถ่ายที่อยู่ในมือของเธอเทียบกับใบหน้าของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ
หลังจากที่เขาแน่ใจแล้วว่าเป็นคนเดียวกัน
โครม !
สีหน้าที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นบ้านั้น ก็รีบลงมาจากที่นั่งของเธอ
ประธานบริษัทคนใหม่ของบริษัทในเครือโกลบอลกรุ๊ป !
สวีเทียนหลงมองไปที่รูปถ่ายของหลินฝาน ก็รู้สึกแค่ว่าหัวใจของเขาแทบจะหลุดออกแล้ว นี่เขาเป็นถึงระดับประธานสูงสุดเลยนะ จะไม่ให้เขารู้สึกตื่นเต้นกระวนกระวายได้ยังไงกัน
กริ๊งงงงง !
ในขณะนั้นเอง เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
อืม ?
สวีเทียนหลงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เมื่อเขาเห็นว่าสายที่โทรเข้ามานั้นเป็นลูกชายของตัวเองสวีจื๋อเหิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด จากนั้นเขาก็รับสาย
“ ว่ามา !”
น้ำเสียงที่ไม่แยแสของสวีเทียนหลง
ทันใดนั้นในสายก็มีเสียงร้องไห้ที่พูดขึ้นมา :
“ พ่อ ช่วยผมด้วย ! อีกนิดผมก็เกือบตายแล้ว ! พ่อจะต้องช่วยผมเอาคืน !”
อะไรนะ !
ทันทีที่พูดมานั้น ก็ทำให้สีหน้าของสวีเทียนหลงเปลี่ยนไป
ในเมืองเจียง ทำไมจะไม่มีใครไม่รู้จักสวีเทียนหลงแห่งบริษัทเทียนหลงกรุ๊ป แล้วเป็นไปได้อย่างไรถึงมีคนกล้ามาแตะต้องลูกชายตัวเอง และยิ่งไปกว่านั้นคือเกือบจะฆ่าลูกชายตัวเองอีกด้วย
นี่……มันสมควรตายชัดๆ !
“ เกิดอะไรขึ้น ? ใครมันเป็นคนทำ ?” น้ำเสียงของสวีเทียนหลง ก็ค่อยๆเย็นลง
ซึ่งมันราวกับเสือที่ดุร้าย ที่กำลังระงับความโกรธไว้ในใจ
เมื่อได้ยินสิ่งที่ปลายสายพูด สวีจื๋อเหิงก็รู้สึกดีใจแทบบ้าขึ้นมา แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังต้องแสร้งทำน้ำเสียงที่หวาดกลัวและพูดว่า :
“ พ่อ เมื่อกี้ผมโดนรถเบนซ์คันหนึ่งชน ! เข้ากับแลมโบกินี่ของผมพังยับเยิน ! แล้วผมก็เกือบจะตายในรถอีกด้วย !”
โครม !
ทันทีที่พูดมานั้น มันก็ยิ่งทำให้ความชั่วร้ายที่อยู่ในตัวของสวีเทียนหลงนั้นก็ล้นออกมาทันที และความโกรธแค้นที่อยู่ในใจก็ยิ่งทวีคูณเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งมันไม่ใช่เพียงแค่นั้น
“ พ่อ ไอ้คนที่ชนผม มันเป็นคนของตระกูลไป๋ ! แล้วไอ้สวะที่ขับรถนั้นก็เป็นลูกเขยของตระกูลไป๋——หลินฝาน !”
“ พ่อต้องช่วยผมเอาคืน ! ส่งคนไปจับมันมาเดี๋ยวนี้เลย ผมจะจัดการมัน ให้มันรับรู้ถึงความรู้สึกถูกรถชน !”
อะไรนะ !
หลิน……หลินฝาน ?
ประโยคที่พูดมานี้ ทำให้สวีเทียนหลงรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า และทำให้เขาถึงกับวิงเวียนปวดไปทั้งหัวจนเกือบจะทำให้เขาเป็นลม
เขารีบเดินตรงไปหน้าคอมพิวเตอร์ ดูข้อมูลของหลินฝาน และตาก็กระตุกไม่หยุด จากนั้นเขาก็ถามด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มว่า :
“ จื๋อเหิง แกพูดมาให้ชัดๆสิว่า ไอ้หลิน……หลินฝานใช่สามีของไป๋อีหรือเปล่า ?”
อืม ?
สวีจื๋อเหิงรู้สึกมึนงงเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงเลยว่า พ่อของตัวเองจะเคยได้ยินชื่อของคนนี้ และทันใดนั้นเขาก็รีบพูดว่า :
“ ใช่ครับ ! พ่อ ไอ้สารเลวคนนี้แหละ ! ผมจะต้องฆ่ามัน ฆ่ามันให้ตาย !”
เงียบไปเลยนะ !
ในขณะนั้นเอง สวีจื๋อเหิงก็สังเกตเห็นว่า หลังจากที่เขาพูดประโยคนี้จบ ปลายสายด้านพ่อของเขาก็เงียบลงทันที
อีกทั้งยังมีเสียงในลำคอที่ออกมาไม่หยุด ‘ หึหึหึ ’ ราวกับเสือตัวหนึ่งที่กำลังรู้สึกโกรธ
“ พ่อ, พ่อ…..”
สวีจื๋อเหิงอยากจะถามเลยทันที
แต่ทว่าน้ำเสียงที่เขากำลังจะพูดออกมา ทันใดนั้นเองสวีเทียนหลงก็แผดเสียงที่น่ากลัวขึ้นมาจากปลายสายอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ :
“ แม่งเอ้ย ! สวีจื๋อเหิงเอ้ย ไอ้ลูกเหี้ยเอ้ย นี่แกอยากจะฆ่าฉันให้ตายหรือไง !”
“ ฉันขอสั่งแกเลยนะ แกรีบไปหาคุณหลิน แล้วก็ก้มหัวขอโทษเขาสะ ! ถ้าหากเขาไม่ยกโทษให้แกละก็ กูนี่แหละจะหาคนไปฆ่ามึงทิ้ง !”
“ ตู๊ดดดดด……”
หลังจากเสียงที่ตะโกนด่าจบลง ก็มีเพียงแต่เสียงวางสายจากปลายสายอีกด้าน
สวีจื๋อเหิง : “……”
เขาถึงกับตะลึงไปเลย
ทั้งๆที่ตัวเองเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแล้วแท้ๆ แล้วเพราะอะไรกันทำไมเขาถึงจะต้องไปก้มหัวขอโทษคุณหลินนั้นด้วย ?
นี่มัน……..สรุปแล้วใช่พ่อแท้ๆของตัวเองไหมเนี่ย? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ !
ในขณะที่สวีจื๋อเหิงเต็มไปด้วยความสับสนมึนงงนั้น เขาก็ได้ยินแว่วๆจากจางเทียนที่กำลังคุยโทรศัพท์ ซึ่งก็เป็นน้ำเสียงโกรธด่าที่ดังมาจากปลายสายอีกด้าน
“ ไอ้เหี้ยจางเทียนแกทำให้เรื่องใหญ่เข้าแล้ว ! เย็ดแม่งเอ้ย คิดไม่ถึงเลยนะว่าแกจะกล้าไปทำให้คุณหลินไม่พอใจ ! แกรีบไปขอโทษคุณหลินเลยนะ ถ้าไม่อย่างนั้นแกก็ไม่ใช่ลูกชายฉันอีกต่อไป ! ไส่หัวไปเลยนะ ต่อจากนี้ไปฉันก็จะไม่มีลูกเหี้ยแบบแกอีก ”
จางเทียน : “……”
มองดูโทรศัพท์ที่วางสายไป จางเทียนก็ถึงกับตกตะลึงเช่นเดียวกัน แล้วก็สงสัยด้วยว่าไม่น่าใช่พ่อแท้ๆของตัวเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่เห็นสีหน้ามึนงงเหมือนกันของสวีจื๋อเหิง แล้วพวกเขาสองคนก็รู้สึกในใจว่าต้องมีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้น
“ พี่……พี่จื๋อเหิง ! ดูเหมือนว่าพวกเราจะก่อเรื่องใหญ่ไว้แล้ว !”
ตอนนี้สองพี่น้องเสเพลนี้ หัวแทบจะระเบิดออกมาทันที
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่จะสามารถทำให้พ่อขอพวกเขานั้นหวาดกลัวได้ถึงขนาดนี้ สรุปแล้วหลินฝาน……เป็นคนที่น่ากลัวขนาดไหนกันแน่ !
“ เร็ว ! รีบให้คนทั้งหมดระดมหา ! ตามหาหลินฝาน เร็วเข้า ถ้ารอให้หลินฝานตามตัวพวกเราเจอละก็ พวกเราตายแน่ !”
สวีจื๋อเหิงหวาดกลัวจนตัวสั่น หลังจากนั้นก็เปล่งน้ำเสียงที่หวาดกลัวออกมา
ทันใดนั้น !
สองพี่น้องเสเพลนี้เหมือนกับมดที่อยู่บนหม้อร้อนๆ รีบโทรหาคนเส้นสายภายในอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้ออกตามหาตัวหลินฝาน
ซึ่งหลินฝานเองก็คงจะคิดไม่ถึง !
ณ ตอนนี้ วุ่นวายไปทั่วเมืองเจียงแล้ว
……
กลางคืนก็ค่อยๆย่างกรายเข้ามา
ซึ่งถือว่าเป็นคลับที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเจียง——พรอสเพอริตี้คลับ และผู้คนก็รายรอบอยู่ในแห่งความครึกครื้นเฮฮา
มีรถเบนซ์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดอยู่หน้าทางเข้าของพรอสเพอริตี้คลับ แล้วก็มีชายและหญิงที่เดินลงมาจากรถ ซึ่งนั้นก็คือหลินฝานและไป๋อี
ใบหน้าที่สวยงามของไป๋อีนั้น ก็ยังคงมีความขาวซีดเล็กน้อย ซึ่งใบหน้าของเธอมีความเคร่งขรึมและความกังวลใจอยู่ลึกๆ
ถึงอย่างไร ความขุ่นเคืองในครั้งนี้ก็มาจากสองพี่น้องเสเพลของเมืองเจียง
ไป๋อีแค่คิดว่าปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกกังวลใจ
“ ไป๋อี ทำไมเธอเพิ่งมาล่ะ ?”
ในขณะนั้นเอง
เมื่อเสียงที่ไพเราะราวกับเสียงกระดิ่งดังขึ้น ก็เห็นหญิงสาวกระโปรงยาวสวยสดงดงามกำลังรีบเดินมา
ผู้หญิงคนนี้ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนของไป๋อี——เวินชี่ยน
แต่ถึงอย่าไรก็ตาม หลังจากที่เธอเห็นหลินฝานที่ยืนอยู่ข้างๆไป๋อีนั้น เวินเชี่ยนก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที และใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงความขยะแขยงและดูถูก :
“ นี่ทำไมถึงพาเขามาด้วย ? อีกอย่างทำไมถึงแต่งตัวเหมือนยาจก ดูโทรมมากเลยนะ เพื่อนๆจะไม่หัวเราะเยาะเอาหรอ ?”
คำพูดของเวินเชี่ยนนั้นไม่มีความปรานีเลยสักนิด ทันใดนั้นก็ทำเอาไป๋อีถึงขั้นผะอืดผะอม
แต่ทว่า ไป๋อียังไม่ทันจะตอบกลับ เวินเชี่ยนก็หันไปจ้องหลินฝาน แล้วก็มองตัวจรดเท้าและพูดว่า :
“ นี่ ! คนจนๆอย่างนายมาทำอะไร ? นี่ไม่รู้หรือไงว่ามันงานเลี้ยงรุ่นของพวกเรา ? ถ้าเกิดว่าเพื่อนคนอื่นเห็นนายละก็ ไป๋อีไม่ขายขี้หน้าแย่เลยหรอ ?”
“ ไส่หัวไปซะ ! มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย ! ขยะแขยงจริง !”
คำพูดของเวินเชี่ยนนั้นเจ็บปวดแทงใจถึงขีดสุด
ทันใดนั้น หลินฝานก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย :
“ แล้วมันใช่ธุระอะไรของเธอ !”
อะไรนะ !
เวินเชี่ยนกับไป๋อีก็ถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินแบบนี้
ภาพในหัวของพวกเธอนั้น ปกติหลินฝานเป็นคนที่ขี้ขลาดอ่อนแอ และถึงแม้ว่าเขาจะโดนคนชี้หน้าด่า เขาก็จะยิ้มรับมัน ซึ่งพวกเธอก็คิดไม่ถึงเลยว่า หลินฝานจะโต้ตอบอย่างไม่ใยดี
“ นี่นาย……นาย ! ! !” เวินเชี่ยนถึงกับหน้าหงายหน้าแดง ชี้หน้าหลินฝานแต่เธอก็กลับพูดไม่ออก
จากนั้นเธอก็หายใจเข้าลึกๆและยับยั้งกับความโกรธของเธอลง แล้วยิ้มกลับไปด้วยความโกรธ
“ ได้ ! ในเมื่อนายไม่กลัวขายหน้า ก็มาเลย ! วันนี้นายจะได้เห็นโลกภายนอก จะได้รู้ว่านายมันเป็นแค่อะไร !”
“ หึ ! คนอื่นเขาใช้จ่ายเงินหมื่นหยวนถือว่าสบายๆ ส่วนนายก็เป็นแค่คนที่ไม่รู้ห่าเหวไรเลย !”
หลังจากที่พูดจบ เวินเชี่ยนก็ดึงไป๋อีเข้าไปในคลับ โดยที่ไม่แม้แต่จะมองหลินฝานเลย
ส่วนหลินฝานก็ยักไหล่เบาๆ และเดินตามหลังไป
พรอสเพอริตี้คลับ !
เป็นคลับที่หรูหราที่มีอาหารเครื่องดื่มและความบันเทิงเข้าไว้ด้วยกัน
มีบาร์อยู่ที่ชั้นหนึ่ง เมื่อเดินเข้าไปก็จะได้เสียงดังสนั่นหู พร้อมกับแสงไฟสลัวๆ ทุกคนที่อยู่ในนี้เต้นโยกไปโยกมาราวกับม้าดีด
แสงสีในยามราตรี ลุ่มหลงในความฟุ้งเฟ้อ สำมะเลเทเมา !
แต่ทันทีที่เดินเข้ามานั้น สายตาของหลินฝานก็ถูกดึงดูดด้วยที่นั่งที่อยู่บนชั้นสูงสุด
เป็นที่นั่งที่สูงที่สุดของร้านนี้ สามารถมองเห็นด้านล่างทั้งหมด
ซึ่งดูเหมือนว่าที่นั่ง นี้จะเป็นเหมือนบัลลังก์ของร้านนี้ ซึ่งมันสูงมากจนต้องแหงนหน้ามองเท่านั้น
ไม่เพียงแค่นั่น !
ซึ่งมันมีพื้นที่สำหรับนั่งได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
มีหญิงสาวเย้ายวนที่ใส่กระโปรงสีแดงยาว
เธอเป็นเหมือนกับราชินีแห่งคลับนี้ !
มือคู่ที่ขาวละมุนนั้น กำลังจับก้านไวน์แล้วค่อยๆหมุนเบาๆไปรอบๆแก้ว เพื่อค่อยๆลิ้มรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของไวน์อย่างสง่า ทำให้คนนั้นใจเต้น
และดูเหมือนว่าเวินเชี่ยนที่อยู่ข้างหน้าก็สังเกตเห็นถึงการจ้องมองของหลินฝาน ซึ่งใบหน้าของเธอก็เผยให้เห็นสีหน้าที่ดูถูกและหัวเราะเยาะ :
“ ไม่เคยเห็นสินะ นายนี่มันไม่รู้เรื่องอะไรเลยเอาสักเลย นั่นมันคือบัลลังก์กุหลาบในพรอสเพอริตี้คลับ ! อีกทั้งยังเป็นที่นั่งสำหรับเจ้าของคลับนี้——เซวี่ยเหมยกุย ! และไม่มีใครที่จะนั่งได้ นอกจากเธอ !”
เซวี่ยเหมยกุย
สำหรับหลินฝานถือว่าเป็นชื่อที่ไม่คุ้นเคยเลยสักนิด แต่สำหรับผู้คนในเมืองเจียงแล้ว ไม่มีใครที่ไม่รู้
ฆ่าคนโดยที่ไม่เปื้อนเลือด เมื่อเปื้อนเลือดแล้วก็ต้องฆ่า !
เซวี่ยเหมยกุย ถือว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตาและชื่อเสียงในเมืองเจียง ไม่ว่าจะคนดีหรือคนไม่ดี ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเธอ
เมื่อไป๋อีได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของเธอก็ค่อยๆซีดลง ไม่กล้าแม้ที่จะอยู่ต่อ ซึ่งเธอและเวินเชี่ยนก็เดินต่อไปยังชั้นสอง
แต่ถึงอย่างไรหลินฝานที่อยู่ข้างหลังพวกเธอก็ยังขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าทำไมกัน !
เขามีความรู้สึกเหมือนว่าจะเคยเห็น ‘ เซวี่ยนเหมยกุย ’ จากที่ไหนสักที่
หลินฝานส่ายหัวเบาๆและไม่ได้สนใจอะไร จากนั้นก็เดินตามเขาสองคนขึ้นไป
ในขณะเดียวกันนั้นเอง
เซวี่ยนเหมยกุยที่ค่อยๆลิ้มรสไวน์อยู่บนบัลลังก์กุหลาบนั้น ก็กำลังจ้องมองรูปถ่ายที่อยู่ในมือเธอด้วยความรู้สึกสับสน ประหลาดใจ ซาบซึ้งใจและตื่นเต้น
“ ที่แท้คุณนั้นเองที่เป็นเจ้านายฉัน !”
เซวี่ยนเหมยกุยมองดูผู้ชายที่อยู่บนรูปถ่าย และในขณะนั้นเองก็รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อสิบปีก่อน
ในตอนนั้น เธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆที่พบกับการเปลี่ยนแปลงในครอบครัวครั้งยิ่งใหญ่ พ่อแม่และญาติพี่น้องของเธอถูกฆ่าทิ้งทั้งหมดด้วยกลุ่มฆาตกรข้ามชาติที่ต้องการแก้แค้น
และเมื่อเธอคิดว่าตัวเองยังไงก็ต้องตายนั้น
ก็กลับมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น
ซึ่งในตอนนั้นเขาอายุเพียงแค่ 13-14 แต่ฝีมือที่ราวกับปีศาจมารร้ายของเขานั้นเหนือความคาดหมายของทุกคน พวกกลุ่มฆาตกรข้ามชาติทั้ง 32 คนล้วนถูกฆ่าด้วยฝีมือของเด็กผู้ชายคนนั้น
จนท้ายที่สุดแล้ว !
หัวหน้ากลุ่มฆาตกรข้ามชาติ ก็ถูกฝีมือของเด็กผู้ชายคนนั้นฆ่าตายอย่างอนาถ
เขาช่วยชีวิตเธอไว้ !
เซวี่ยนเหมยกุยไม่มีวันที่จะลืมใบหน้าที่อ่อนวัยและความหนักแน่นของเด็กผู้ชายคนนั้น และเขาก็คือคนที่มีพระบุญของเธอ
เมื่อเธอโตขึ้น เธอก็ได้เป็นเจ้าของพรอสเพอริตี้คลับ แต่ถึงอย่างไรเธอยังส่งคนไปตามหาผู้ที่มีพระคุณของเธออยู่ตลอด
จนกระทั่งวันนี้ !
เมื่อมีคนนำรูปถ่ายนี้มาให้เธอ เธอก็เพิ่งจะรู้ว่า ผู้ที่มีพระคุณของเธอในตอนนั้น เป็นบอสเองที่อยู่เบื้องหลังของเธอในตอนนี้
“ ถึงแม้จะผ่านไปแล้ว 10 ปี แต่ฉันก็ไม่มีทางที่จะลืมใบหน้าของคุณไปตลอดชีวิต !”
เซวี่ยนเหมยกุยมองดูรูปถ่ายด้วยความรู้สึกสับสนและดีใจ
ซึ่งผู้ชายที่อยู่ในรูปถ่ายนั้นก็คือ …… หลินฝาน !
และในขณะนั้นเอง
เมื่อเซวี่ยนเหมยกุยกวาดสายตามองไปยังเงาของเขาที่เพิ่งจะเดินขึ้นไปชั้นสองนั้น เธอก็ถึงกับตัวสั่นอย่างรุนแรง แล้วก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่า :
“ เขา ……เขาคือ ……”
และในขณะนั้นเอง เธอก็ค่อยๆขยับและลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอ จากนั้นก็เอารูปถ่ายที่อยู่ในมือของเธอเทียบกับใบหน้าของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ
หลังจากที่เขาแน่ใจแล้วว่าเป็นคนเดียวกัน
โครม !
สีหน้าที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นบ้านั้น ก็รีบลงมาจากที่นั่งของเธอ
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved