บทที่ 2 ความรักของผมโดนซื้อไปแล้ว

คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้ในปีต่อมา ผมได้พบเจอกับฟางเฟยอย่างคลาดไม่ถึงอีกครั้ง!

เธอสวยกว่าเมื่อก่อนเสียอีก แบรนเนมทั้งตัวไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือการแต่งกาย เสมือนดาราสาวหลุดออกมาจากละครโทรทัศน์

เธอเดินจูงมือชายหนุ่มมาดดีลงมาจากรถ จนกระทั้งเดินมาถึงตรงหน้าของหญิงสาวที่ผมหมายปอง ทั้งสามคนคุยกันเสียงเบา ๆ

ไม่นานนัก หญิงสาวที่เดินคู่กันมากับชายวัยกลางคนท่านหนึ่ง พวกเข้าเดินเข้าที่สถานีตำรวจชุมชน แต่ฟางเฟยกับชายคนนั้นกลับยืนอยู่ด้านนอกไม่เข้ามาด้วย

เดิมทีผมอยากจะเดินเข้าไปทักทายเธอว่าสบายดีไหม แต่คิดแล้วก็ช่างมันเถอะ

ฟางเฟยเคยพูดกับผมว่า เธออยากจะใส่ชุดจากดีไซน์เนอร์แบรนดัง ถือกระเป๋าหลุยส์วิตตอง นั่งรถสปอร์ตหรูหรา

บัดนี้ เธอมีครบทุกอย่างสมดังปรารถนา และยังคบกับทายาทไฮโซ!

หึหึ อะไรคือการที่ผมใส่ใจห่วงใยเธอไม่พอหรือ นั่นมันก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้างของเธอ ความรักที่ผมเฝ้าทะนุถนอมรักษาไว้ ตอนนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นแค่เรื่องตลกตามเว็บบอร์ดปรึกษาความรักหนุ่มสาว

“ความรักบ้าบออะไรของเธอวะ!” ผมทนไม่ไหวจนต่อยเข้าที่โซฟาไปหนึ่งหมัด

“เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย! คุณทำอะไรหนะ”นายตำรวจท่านหนึ่งเดินออกมาจากประตูของห้องทำงานในโรงพัก เขากล่าวกับผมอย่างไม่พอใจนัก ใช่สิ ผมพึ่งระบายโทสะโดยการต่อยทรัพย์สินของหลวงนี่

“ขอโทษครับ ความรักของผมโดนคนอื่นขายไปแล้ว ผมก็เลยอดที่จะรู้สึกเต้นตื่นไม่ได้หนะครับ” ผมรีบอธิบาย

“ห้ะ! ความรักนี้หนะเหรอขายได้” คุณตำรวจร้องขึ้นมา “ถ้าอย่างงั้น... นายช่วยฉันขายหน่อยสิ เดี๋ยวฉันแบ่งค่านายหน้าให้นายด้วย”

“หึหึ ตลกเกินไปแล้วนะครับ” ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา นายตำรวจท่านนี้มีอารมณ์ขันเสียงจริง ๆ ไม่เพียงเท่านั้นผมรู้สึกได้ว่าใจของผมปล่อยวางได้ขึ้นมากทีเดียว

“ออกไปเถอะ คุณผู้หญิงคนนั้นมาเป็นพยานให้นายแล้ว”

“ครับผม”

ผมตามนายตำรวจท่านนั้นเข้ามาที่ห้องสอบสวนของสถานีตำรวจ แล้วผมก็ได้พบกับหญิงสาวคนนั้น เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้และอธิบายกับตำรวจว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น

เธอสวมใส่หน้ากากอนามัยบังหน้าสวย ๆ ของเธอไว้ด้วย ทว่าดวงตาที่กลมโตและใสราวกับอัญมณีนั่นมันเปรียบดังแววตาที่มีเสน่ห์ในโลกเทพนิยาย

เวลาผ่านไปไม่นาน เมื่อหญิงสาวกล่าวกับตำรวจเสร็จเรียบร้อย นายตำรวจก็หันมาหาผมแล้วพูดขึ้นมาว่า “เขาหนะหรือ”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นแล้วมองมาที่ผม เธอตอบกลับไปว่า “ใช่ค่ะ” นั่นทำให้ผมอดที่จะซาบซึ้งจนต้องพยักหน้ากล่าวขอบคุณเธอไม่ได้เบา ๆ ไม่ได้ “ขอบคุณครับ”

การได้พบเจอเธอในครั้งนี้ ช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความหนาวเหน็บเมื่อผมพบเธอในครั้งแรก น้ำเสียงของเธอทั้งหวานจับใจแล้วยังอ่อนโยนเสียเหลือเกิน ดูเหมือนว่าไม่ใช่คนเดียวกันกับที่ผมวิ่งไล่ตามติดและเผลอเอามือไปโดนหน้าอกของเธอ

เธอยิ้มบาง ๆ แล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไร”

“เซ็นชื่อตรงนี้ก็สามารถกลับได้แล้วครับ” คุณตำรวจยื่นเอกสารให้หญิงสาวแล้วหันกลับมากล่าวผมว่า “นายก็กลับได้แล้วนะ”

“ขอบคุณมาก ๆ นะครับคุณตำรวจ” ผมพูดทั้งที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นไม่เดินไปไหน

ออกมาครั้งนี้เลยจำต้องพบหน้าฟางเฟยเข้าอย่างจัง ผมไม่อยากเห็นหน้าเธอ หรืออาจจะเป็นเพราะผมรู้สึกสมเพชตัวเองก็เป็นได้

ไม่ช้าหญิงสาวที่เซ็นชื่อเสร็จแล้วก็เดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าผมและกล่าวอย่างรู้สึกผิดต่อผมว่า “ขอบคุณนายมากนะ ตอนนั้นฉันเองก็พูดแรงไป อยากจะขอโทษนายจริง ๆ คำพูดพูดไปแล้วเอากลับคืนไม่ได้ แต่ว่าถ้านายไม่ตามฉัน ฉันก็จะไม่เข้าใจผิดนายนี่”

หึหึ ผู้หญิงคนนี้นอกจากสวยแล้วยังจะมีความเข้มแข็งในตัวเองมาก หลังจากที่กล่าวขอบคุณและขอโทษกันแล้วนั้น ต่างคนก็ต่างหาเหตุผลของตัวเองให้ตัวเองสบายใจ

ผมนิ่งเงียบไปโดยปราศจากรอยยิ้ม ไว้ไหล่เล็กน้อยอย่างไม่สนใจมากนัก “ไม่เป็นไร อย่างไรเสียเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว หลังจากนี้ไปคุณอาจจะต้องระมัดระวังด้วยนะครับว่าการวิ่งของคุณจะทำให้ใครเป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะก่ออาชญากรรมหรือไม่” ผมกล่าวล้อเล่นกับเขาอย่างขบขัน

ขณะที่ผมพูดเรื่องนี้อยู่นั้น สายตาของผมก็ไปสะดุดกับหน้าอกที่เป็นธรรมชาติของเธออีกครั้ง

ถึงแม้ว่าผมเกือบจะต้องถูกดำเนินคดีโทษฐานที่ไปจับหน้าอกของเธอ แต่ทว่าได้เมื่อสัมผัสหน้าอกของเธอ ผมก็รู้สึกคุ้มและคิดว่าตัวเองมีแต่ได้กับได้

เมื่อคิดมาถึงขั้นนี้แล้ว และสะบัดหัวกับความคิดและจิตใต้สำนึกของตัวเอง ในใจก็ตำหนิตัวเองเบา ๆ ว่านับวันความคิดก็ยิ่งไร้สาระและและต่ำตมลงทุกที

หญิงสาวเมื่อเห็นว่าผมเอาแต่มองหน้าอกของเธอก็ยิ้มขำ คิดว่าผมต้องคิดเรื่องลามกต่อเธออยู่แน่ ๆ ไม่ทันไรก็ก็กรอกตามองบนต่อการกระทำของผมและกล่าวกระแทกเสียงออกมาว่า “ผู้ชายผีทะเล!”

ฉันยักไหล่ ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ถึงจะเป็นผีทะเลแต่ก็เป็นผีทะเลที่มีความสุข มันไม่ดีอย่างไรหรือ

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้โต้แย้งอะไร แล้วยังล้วงมือลงไปหยิบซองหนา ๆ ออกมาจากกระเป๋า เธอยื่นให้ผมแล้วพูดว่า “ไม่ว่าจะยังไง คืนนี้นายก็ช่วยฉันไว้ แล้วตัวฉันเองก็ไม่รู้ว่าควรจะแสดงความขอบคุณนายยังไง รับสิ่งนี้ไว้เถอะนะ ถือว่าเป็นสินน้ำใจจากฉัน”

ไม่ต้องเดาเลยมันเป็นเงินจำนวนหนึ่งอย่างแน่นอน ผมมองไปที่เงินพวกนั้น สำหรับผมมันไม่ใช่น้อย ๆ เลย

ผมไม่อาจรับเงินของเธอไว้ได้จึงดันมือที่ยื่นเงินมาให้ผมกลับไปเบา ๆ ผมยิ้มเล็กน้อย ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง “ผมก็นึกว่าคุณจะยื่นเบอร์โทรศัพท์ให้ผมเสียอีกนะครับ ไม่เป็นไรหรอก คุณไม่ต้องให้เงินผมก็ได้นี่ครับ เงินไม่ใช้สิ่งของจำเป็นสำหรับผมขนาดนั้น เพราะมันก็ซื้อความรักไม่ได้อยู่ดี”

หญิงสวยตะลึงในคำพูดของผม

ด้านหลังของเธอเป็นชายวัยกลางคน เขาก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังคำพูดของผมเช่นกัน

ที่เขาตะลึงในคำพูดนั้นของผม แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เพราะว่าผมไม่ต้องการเงิน แต่เป็นเพราะว่าคำพูดของผมที่กล่าวออกไปมากกว่า

ชั่วขณะเดียวที่ดวงตาของหญิงสาววาดขึ้นคล้ายกับกำลังยิ้ม แล้วก็เปลี่ยนกลับมาเป็นหญิงสาวที่สง่าและเย้อหยิ่งคนเดิม

“งั้นก็แปลว่าคุณอยากจีบฉันหรอ”

ผมพูดออกไปตรง ๆ ว่า “คนสวย ๆ อย่างคุณ คนโง่ ๆ อย่างผมหนะหรือจะกล้าล่ะครับ”

“งั้นนายคิดว่า เพราะว่านายช่วยฉันไว้แล้วฉันจะต้องเก็บนายไว้ข้างกายหรือไง”

ดวงตาของสาวงามมองตรงมาที่ผม มันทำให้ผมขาดความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก ความเย้อหยิ่งเข้มแข็งของเธอทำให้ผมไม่กล้าที่จะล้ำเส้นไปมากกว่านี้

“หึหึ ผมก็แค่คิดไปอย่างนั้นเอง แต่ถ้าผมได้ไปอยู่ข้าง ๆ คุณจริง ๆ นี่สิครับ...ถึงจะยิ่งแปลก”

ผมรีบพูดต่อว่า “งั้นเอาอย่างนี้แล้วกันครับ คุณช่วยตอบคำถามเพียงไม่กี่ข้อของผมได้ไหม เพียงเท่านี้ก็เหมือนได้ตอบแทนผมแล้วล่ะครับ”

“คำถามอะไรหรอ”

“ชายหญิงที่รออยู่ด้านหน้าคู่นั้น พวกเขาคือใครหรือครับ”

“นั่นหนะหรอ อ้อ ลูกพี่ลูกน้องของฉันกับแฟนสาวของเขาหนะ”

“อ่อ” ผมไม่มีเจตนาอื่นที่ถามเธอ เพียงแค่หัวใจของผมมันชาวาบแทบไม่รู้สึกอะไรแล้ว

“งั้นคุณคือทายาทมหาเศรษฐีอะไรเทือก ๆ นี้หรือครับ”

“หึหึ ทำไมคุณถึงต้องคิดว่าฉันคือทายาทมหาเศรษฐีด้วยล่ะ”

หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถามผม น้ำเสียงเธอดูไม่ค่อยพอใจกับคำว่าทายาทมหาเศรษฐี

ผมไม่อยากล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวเธอไปมากกว่านี้ ผมโบกมือและพูดว่า “โอเคครับ ผมถามเสร็จแล้ว คุณไปได้แล้วล่ะ เชิญครับ”

หญิงสาวยังไม่เดินจากไปไหน ยิ่งกว่านั้นคือการที่เธอถามผมอย่างสงสัยว่า “นายชื่ออะไรเหรอ”

“เหลยเฟิง”

ผมตอบส่ง ๆ มั่ว ๆ ออกไป

“พรืด......” เธออดไม่ได้ที่จะขำออกมา “ฉันไม่ยักกะรู้ว่านายจะเป็นคนตลกแบบนี้เลยนะ”

ผมที่ไม่ได้อารมณ์ดีเท่าไหร่เพราะความสัมพันธ์ของฟางเฟยกับไอ้หนุ่มนั่น ดังนั้นผมจึงไม่ได้สนใจที่จะล้อเล่นกับหญิงสาวตรงหน้านี้อีกต่อไป ผมพูดกับเธออย่างสบาย ๆ ว่า “มีหลายสิ่งที่คุณยังไม่รู้อีกมากมายครับ”

เมื่อหญิงสาวเห็นท่าว่าผมไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่แล้วจึงไม่ได้คิดพูดเล่นกับผมต่อ เธอถามว่าบ้านพักผมอยู่ไหนเพราะเธอจะไปส่ง

“ไม่เป็นไรครับ คุณกลับก่อนเถอะครับ”ผมพูดพร้อมส่ายหน้าไปด้วย

ผมไม่อยากเจอหน้าฟางเฟยอีก ไม่อยากต้องเผชิญหน้ากับไอ้หนุ่มไฮโซนั่น ผมกลัวว่าตัวเองจะอดไม่ได้ที่จะตั๊นหน้ามันซักหมัด!

หญิงสาวมีท่าทางนิ่งอึ้งไป เธอยิ้ม ๆ และกล่าวว่า “นายไม่อยากจีบฉันแล้วเหรอ ถึงไม่อยากให้ฉันไปส่งนายที่บ้านหนะ”

ผมยังส่ายหัวอยู่เช่นเดิม “วันนี้ผมไม่มีอารมณ์มาคิดถึงเรื่องความรักแล้วล่ะครับ ไว้วันอื่นเราค่อยว่ากันดีมั้ยล่ะ หึหึ แล้วผมจะจีบคุณใหม่อีกรอบ”

“ฮ่า ๆ !” ทีนี้หญิงสาวหัวเราะออกมาเลยทีเดียว “งั้นก็ได้ ไว้ถ้าบุพเพสันนิวาสทำให้เราได้พบกันอีก ”

“งันก็ดีครับ”ผมยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดล้อเล่นตอบเธอกลับไป

หญิงสาวยังแสดงให้เห็นรอยยิ้มของเธอที่ทำให้ผมหลงใหล จากนั้นเธอหันไปหาตำรวจเพื่อสอบถามเกี่ยวกับคนจรจัด

หลังจากที่รู้ว่าคนจรจัดเป็นมีอาการที่คล้ายกับผู้ป่วยทางจิต เธอจึงได้มอบเงินจำนวนหลายหมื่นไว้ให้กับตำรวจเพื่อตามหาสมาชิกในครอบครัวของคนจรจัด จากนั้นจึงส่งคนจรจัดไปที่โรงพยาบาลจิตเวช เงินดังกล่าวถือเป็นค่ารักษาของเขา รักษาอาการป่วยทางจิตของเขาและช่วยให้เขากลับมาเป็นคนในสังคมอีกครั้ง

ผมตกใจมาก ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงที่สูงส่งขนาดเธอจะใจดีมากขนาดนี้ด้วยซ้ำไป เธอไม่เพียงไม่ติดใจเอาความคนจรจัดคนนั้น ทั้งยังมอบเงินช่วยเหลือเขาด้วย

ผมที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด ด้วยความประหลาดใจนั่น หญิงสาวก็หันกลับมามองที่ผมและโบกมือก่อนที่จะบอกผมว่า "ลาก่อน" แล้วเดินออกไป

ชายวัยกลางคนที่เดินตามเธออยู่ตลอดและไม่พูดอะไรเลย เขายื่นนามบัตรให้ผม ก่อนจะเดินออกไปและพูดว่า “ถ้าคุณมีอะไรที่ผมพอจะทำในอนาคตเพื่อช่วยเหลือคุณ กรุณาอย่าเกรงใจนะครับ คุณโทรมาตามหมายเลขนี้ได้เลย คุณหนูของผมจะตอบแทนคุณเท่าที่จะทำได้เลยครับ”

ชายวัยกลางคนกว่างอย่างใจเย็นกับผมพร้อมทั้งหยิบนามบัตรออกมาด้วยความสุภาพ นามบัตรนั้นสะอาดมาก ไม่มีชื่อหรูหราอะไร มีเพียงชื่อและหมายเลขโทรศัพท์มือถือเพียงเท่านั้น

เมื่อพิจารณาจากสรรพนามที่ชายวัยกลางคนตั้งให้กับหญิงสาวแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขามีนิสัยเหมือนคล้ายกับพ่อบ้านที่มีนามบัตรแสดงให้เห็นว่าภูมิหลังทางครอบครัวของหญิงสาวคนนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

อันที่จริงแล้ว ผมไม่อยากจะรับนามบัตรของเขาไว้เลย เพราะผมทราบดีว่า ผมกับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อยู่บนโลกใบเดียวกันด้วยซ้ำ ผมก็เพียงแค่เผอิญช่วยชีวิตเธอไว้เพียงครั้งเดียว ไม่มีอะไรที่จะต้องยุ่งเกี่ยวกันหรอก

แต่ว่าเมื่อผมได้เห็นรอยยิ้มของชายวันกลางคนที่มองผมอยู่ตลอดนั่นแล้วนั้น ผมก็มีท่าทีอึกอักไปเล็กน้อย ผมรับนามบัตรมาเก็บไว้ที่กระเป๋าเสื้อของตัวเอง แล้วชายวัยกลางคนท่านนั้นก็เดินจากไป

ผมยังไม่ออกจากสถานีตำรวจ จนกระทั่งเครื่องยนต์ของรถคันหรูขับออกไปสุดสายตา จากนั้นผมก็นั่งแท็กซี่กลับไปที่บ้านของผม

และแล้วคืนนั้นผมเองก็นอนไม่หลับทั้งคืน

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

404