บทที่ 15 ทะเลาะวิวาท

ฉันวิ่งไปด้วยด่าหูคุน ด่าเมืองปินไห่ไปด้วย ปินไห่เมืองใหญ่ขนาดนี้ แค่รถแท็กซี่ก็ไม่มีให้ฉัน

ฉันยังด่าเซี้ยหยุนด้วย ด่าที่เขาไม่ยอมให้เบอร์โทรศัพท์กับฉัน

แล้วฉันก็คิดขึ้นได้ว่า ตอนอยู่ที่สถานีตำรวจฉันเคยได้นามบัตรเขาไว้ ฉันลองล้วงดูในกระเป๋าเพราะฉันจำไม่ได้ว่าเอาใส่ไว้ตรงไหน

แล้วฉันก็ผิดหวังอีกครั้ง นามบัตรไม่ได้อยู่ในกระเป๋า น่าจะอยู่ในชุดออกกำลังกายที่ฉันใส่ในวันนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเละไปแล้วรึยัง

ตอนนี้ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากรีบวิ่งให้เร็วที่สุด

หูคุนนะหูคุน อย่าทำอะไรโดยไม่คิดเชียว ไม่อย่างนั้นเทวดาก็ช่วยไม่ได้

เขาไม่รู้ว่าเซี้ยหยุนเป็นใคร ฉันว่าเชี่ยหยุนไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน มีคนติดตามส่วนตัวอย่างนั้น จะเป็นคนธรรมดาได้ยังไง

หูคุนเป็นแค่ประธานบริษัทเกมส์ เอาไปเทียบกับเศรษฐีพวกนั้น เทียบไม่ติดหรอก

ดีที่ฉันวิ่งออกกำลังกายบ่อย ความแข็งแรงของร่ายกายยังพอใช้ได้ แต่แปดกิโลเมตรก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ฉันเหนื่อยแทบตาย ระหว่างทางก็หยุดพักบ่อยครั้ง เสื้อฉันอาบเต็มไปด้วยเหงื่อ

ใช้เวลาเกือบชั่วโมง ในที่สุดฉันก็มาถึงสถานบันเทิงฮวังฉาว ฉันไม่คิดที่จะหยุดพัก มุ่งตรงไปที่เค้าเตอร์

“ห้องที่หูคุนเป็นคนจองเลขห้องอะไร กี่โมง” ฉันทั้งหอบทั้งถามพนักงาน

พนักงานตกใจฉันที่เต็มไปด้วยเหงื่อ อึ้งไปสักพักถึงได้เช็คข้อมูลให้ฉัน

ฉันเดาว่าห้องนั้นน่าจะเป็นห้องที่หูคุนจอง แล้วก็เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด พนักงานบอกว่า:“ห้องหมายเลข 3188 เวลาหนึ่งทุ่มค่ะ”

ฉันมองดูนาฬิกา ตอนนี้ใกล้จะหนึ่งทุ่มสิบนาทีแล้ว พอถามเสร็จว่าห้องนั้นไปทางไหน ก็รีบวิ่งไปที่ห้องนั้นทันที

และฉันก็หาห้อง3188จนเจอ หน้าประตูมีคนใส่ชุดสูทสีดำย้อมผมสี่เหลืองยืนอยู่

ดูเหมือนว่าจะเป็นคนติดตามของหูคุน แต่งตัวจะว่าเป็นบอดี้การ์ดก็ไม่ใช่ เป็นเลขาก็ไม่เชิง ยังงัยไม่รู้ฉันก็บอกไม่ถูก

“เห้ย เห้ย เห้ย ทำอะไรทำอะไร” ไอ่ผมเหลืองคนนั้นเห็นว่าฉันพยายามจะเปิดประตูเข้าไป รีบจับฉันเอาไว้ ใช้สายตามองฉันอย่างกับเห็นสัตว์ประหลาด

“ฉันมาหาประธานหู” ฉันตอบ

“คุณเป็นใคร มาหาประธานหูมีเรื่องอะไร” ไอ่หัวเหลืองถามฉันด้วยความหยิ่งผยอง

ฉันตอบกลับอย่างโมโหว่า :“เป็นใครก็เรื่องของฉัน หลีกไป”

พูดเสร็จฉันก็พลักประตูเข้าไป

เห็นสถานการณ์ในห้องปกติดีฉันก็สบายใจขึ้นมาหน่อย ในห้องนั่งกันอยู่สามคน มีเซี้ยหยุน หูคุน แล้วก็ผู้หญิงสวยคนนั้น ฉันเคยเจอเขาที่หน้าห้องทำงาน น่าจะเป็นเลขาของเซี้ยหยุน ซูลู่

แสงไฟสว่าง ฉันเห็นว่าเสื้อผ้าของเชี่ยหยุนยังปกติดี แล้วเขาเองก็ไม่ได้โดนมอมเหล้าหรือวางยาแต่อย่างใด แต่กลับมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ตกใจ

ซูลู่ที่นั่งอยู่ข้างๆเชี่ยหยุนก็ตกใจกับการมาของฉันเหมือนกัน

แต่หูคุนที่นั่งอยู่ตรงข้ามของเซี้ยหยุน หันมามองฉันด้วยสีหน้าที่ไม่คอยดี

ฉันถอนหายใจแล้วเดินเอากระเป๋าไปวางบนโต๊ะ พร้อมกับหยิบขวดเบียร์บนโต๊ะขึ้นมาดื่ม

ยังดีที่หูคุนไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีลงไป

“พี่หู ไอ่นี่...” ไอ่หัวเหลืองตามเข้ามาด้วยความโมโห

“เฉินเทา นายมาทำอะไรที่นี้” หูคุนถาม

เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้าที่ฉันจะเข้ามา เขาคงโดนเซี้ยหยุนสั่งสอนไปเเล้วไม่น้อย

ฉันไม่ได้ตอบคำถามเขา เอาแต่ดื่มเบียร์ วิ่งมาเกือบชั่วโมงเต็มๆ กระหายจะตายอยู่แล้ว

หูคุนเห็นว่าฉันไม่ตอบ “ที่นี่ไม่มีเรื่องของนาย ออกไป”

ฉันดื่นเบียร์ไปด้วยสบัดมือไม่ด้วย บอกเป็นนัยว่าฉันไม่ออกไปหรอก

ไอ่หัวเหลืองเห็นแบบนี้ ก็เลยโมโหขึ้นมา “เห้ย นายเป็นใครกันวะ พี่หูบอกให้ออกไปยังไม่ออกไปอีก”

พูดเสร็จเขาก็เข้ามาลากแขนฉัน พยายามดึงฉันออกไปข้างนอก

ฉันรีบวางขวดเบียร์พร้อมกับใช้แรงสบัดเขาออกไป

“อ้าวเห้ย นายกล้าสบัดฉันออกหรอ” เขาด่าฉันด้วยความโมโห จากนั้นก็กำมัดพุ่งมาที่หน้าฉัน

ด้วยความที่ฉันต้องปกป้องตัวเอง ฉันเลยชกสวนกับไป

“อ้าย” เซี้ยหยุนกับซูลู่กรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ

ผู้หญิงอย่างพวกเขาคงไม่เคยเห็นผู้ชายต่อยตีกัน เขาไม่รู้จะทำยังไงได้แต่ตกใจแล้วมองมาที่ฉัน

หูคุนก็แค่นั่งมอง แต่ก็ไม่ได้บอกให้ไอ่หัวเหลืองหยุดต่อย แล้วเขาก็พุ่งเข้ามาหาฉันอีกครั้ง

ฉันกับหูคุนรู้จักกันแค่วันเดียว จะพูดว่ามิตรภาพก็ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่อะไรทั้งนั้นในสายตาของเขา จะต่อยตีฉันมันจะเป็นไรไป

ฉันเอามือเเตะที่มุมปากที่แสบร้อน “เหี้ย เลือดออก”

“ไอ่เหี้ยเอ้ย” ฉันพุ่งเข้าไปหาไอ่หัวเหลืองแบบไม่สนอะไรทั้งนั้น

ถ้าพูดถึงเรื่องการต่อยตี ในสมัยเรียนฉันกับถันฉวนก็โด่งดังไม่น้อย ไม่เคยกลัวใครด้วยซ้ำ

“ฮ่าฮ่า” ไอ่หัวเหลืองยิ้มแห้งไปพักหนึ่ง จากนั้นก็กำมัดพุ่งเข้ามาหาฉันอีก

ฉันเห็นว่ามันได้จังหวะพอดี ฉันก็เลยถือโอกาสยื่นหน้าผากกระแทกสวนกลับไปที่หน้าเขาเต็มๆ

เขาคิดไม่ถึงว่าฉันจะใช้วิธีนี้ โดนหน้าผากของฉันกระแทกเข้าที่หน้า กองลงที่พื้นทันที

หน้าเขาอาบแดงไปด้วยเหลือดที่ไหลออกมาจากจมูก

หน้าผากที่แสบร้อนของฉัน คงจะกระแทกเข้าไปไม่เบา และคาดว่าจมูกของเขาน่าจะหักไปแล้ว

ฉันถอนหายใจ แล้วก็หยิบขวดเบียร์บนโต๊ะขึ้นมาดื่มอีก

หูคุนเป็นคนผ่านโลกมาเยอะ เขาไม่ได้รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาหยิบขวดเบียร์ขึ้นมาดื่มพร้อมกับมองหน้าฉันด้วยสีหน้าไร้อารรณ์

แต่เซี้ยหยุนกลับรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรศัพท์

“อย่าแจ้งตำรวจ แล้วก็อย่าโทรหาคนของคุณ” ฉันวางขวดเบียร์ลงพร้อมกับชี้หน้าสั่งเซี้ยหยุน

ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี ขี้เกรียจที่จะเกรงใจเซี้ยหยุน แล้วอีกอย่าง ถ้าเขาแจ้งตำรวจหรือเรียกคนของเขามา เอาบอดี้การ์ดมาเป็นสิบสิบ เรื่องก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก

เซี้ยหยุนขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าจะไม่พอใจกับคำพูดของฉัน เขามองหน้าฉันแล้วพูดว่า:“ฉันจะโทรหา 120”

“ไม่ต้อง เขาไม่ตายหรอก แค่จมูกหักเฉยๆ ไม่ต้องยุ่งกับมันเดี๋ยวก็หาย” ฉันส่ายหัว

เซี้ยหยุนตกใจ “จมูกหัก จะไม่เป็นไรได้ยังไง”

“คุณไม่ต้องกังวล ผมหักจมูกมาเเล้วหลายคน จมูกของผมเองก็เคยหัก สองสามวันก็หาย” พูดเสร็จ ฉันก็หันหน้าออกไปทางประตู “คุณกับซูลู่กลับไปก่อน ผมมีเรื่องจะคุยกับหูคุน”

เซี้ยหยุนหันมามองหน้าฉันกับหูคุน ส่ายหัวแล้วบอกว่า “ไม่ได้ คุณอยู่ที่นี่จะต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ๆ คุณกลับไปกับฉันดีกว่า ฉันพาคุณไปโรงพยาบาล ปากคุณเลือดออก”

“คุณไม่ต้องสนใจผม คุณรีบกลับไป คุณอยู่ก็เกะกะป่าวๆ” ผมเช็ดเลือดที่ปากพร้อมกับสบัดมือให้เขาออกไปจากที่นี่

“เฉินเทา คุณ...” ดูเหมือนว่าเซี้ยหยุนเริ่มจะโกรธ

“ผมบอกให้คุณกลับไปไง ไม่ได้ยินหรอ” ฉันตะโกนไล่เขา

สีหน้าของเซี้ยหยุนเปลี่ยนไป เขามองหน้าฉันด้วยท่าทีที่เย็นชา

เอาจริงๆ ฉันไม่ค่อยชอบที่เขาทำท่าทีแบบนี้เลย มันดูเย็นชาเกินไป

จากนั้น เซี้ยหยุนก็ไม่ได้พูดอะไร หยิบกระเป๋าแล้วก็ลากซูลู่ที่กำลังตกใจเดินออกไปทางประตู

“ไม่อนุญาตให้แจ้งตำรวจ แล้วก็โทรบอกคนของคุณ ได้ยิมมั้ย” ฉันใช้น้ำเสียงออกคำสั่งบอกเขาอีกครั้ง

“เหอะ” แล้วเซี้ยหยุนก็เดินออกไป

หูคุนไม่ได้ห้ามให้เซี้ยหยุนออกไป เขาเอาแต่มองหน้าฉันด้วยสายตาเย็นชา

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

404