บทที 6 ชีวิตที่เฮงซวย

ผมใช้เวลาทั้งวันในการทำความเข้าใจและศึกษาข้อมูล และจัดการสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบตัว การทำงานในวันที่สองของผม ผมตรงไปที่อาคารสำนักงานใหม่ของบริษัทเกมอัจฉริยะ

อาคารสำนักงานใหม่ของบริษัทเกมส์อัจฉริยะพึ่งจะสร้างเสร็จ อุปกรณ์อื่น ๆ ยังมีไม่ครบเท่าไหร่ พนักงานก็ยังไม่ได้ย้ายมาทำงานที่นี่มากนัก แต่ทว่าห้องทำงานของประธานใหญ่ตกแต่งเสร็จเรียบเรียบแล้ว แถมประธานนั่นก็ยังนั่งอยู่ที่ห้องทำงานใหม่นั่นเสียด้วย

ท่านประธานใหญ่ชื่อว่าหูคุน เป็นอย่างที่เสี่ยวเป้ยพูดไว้ว่า เขาเป็นคนอายุสี่สิบกว่าที่ดูมีอิทธิพลมากจริง ๆ เล่ากันว่าหลังจากที่เขารวยขึ้นมา ก็มีสาวสวยมาเป็นบ้านเล็กบ้านน้อยมากมาย ขนาดเลขาของเขาทั้งสามคนก็ยังเป็นเด็กที่ทั้งสาวทั้งสวย

หลังจากที่ภรรยาเก่าหย่ากับเขา เขาก็ยิ่งเดินไปจนถึงที่สุดของชีวิตเร็วยิ่งขึ้น

พอมีเงิน หูคุนก็เริ่มที่จะเรียนรู้ว่าคนชั้นสูงเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร มักจะไปสถานที่สำหรับไฮเอนด์ อย่างเช่น สนามกอล์ฟ โรงกลั่นไวน์ ติดตามงานเขียนชั้นสูง เพื่อต้องการให้ตัวเองเข้าไปอยู่เป็นบุคคลชั้นสูง

แต่ทว่าเนื้อแท้ของคนไม่อาจที่จะเปลี่ยน นอกจากเจ้าชู้หื่นกามแล้ว ตัวของหูคุนเองยังมีลักษณะหลายอย่างที่หยาบคาย

ผมรอในห้องรับรองที่อยู่บนสุดของบริษัทเกมส์อัจฉริยะทั้งเช้านี้ก็ไม่สามารถขอเข้าพบหูคุนได้

ตอนใกล้ที่จะพักเที่ยงนั้น อยู่ ๆ ก็มีผู้หญิงหน้าตาสะสวยสวยสวมกระโปรงสั้นแต่งหน้าจัดเต็มคนหนึ่งมาที่ห้องรับรอง เธอคือเลขาจางซึ่งเป็นเลขาของประธานหู

เลขาจางเหลือบมองผมหลังจากที่เธอเดินเข้าประตูมาแล้วขมวดคิ้วและพูดกับผมว่า “ทำไมนายยังไม่ไปอีก”

“สวัสดีครับคุณเลขา ผมอยากจะเจอประธานหูสักครั้ง ขอถามหน่อยนะครับว่าตอนนี้ประธานหูมีเวลาว่างหรือเปล่า” ผมอดทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงยิ้มแล้วถามไปแบบนั้น

เลขาจางทำท่าเบะปากแบบดูถูกเหยียดหยาม “ประธานหูพูดแล้วนี่ว่าเขาจะพบแค่ประธานเซี้ยคนเดียว”

“แต่ว่า....”

“ไม่ต้องพูดแล้ว นายรีบกลับไปเถอะ พวกเราเลิกงานแล้ว” เลขาจางทนไม่ไหวที่จะโบกมือไล่ผมอย่างไม่สบอารมณ์ เธอพิงประตูแล้วมองผมอย่างรังเกียจ

เห็นท่าทางที่เธอมองอย่างรังเกียจนั้นผมก็อดไม่ได้ที่จะโมโห ผมอยากที่จะเข้าไปทุบเธอสักทีจริง ๆ ตีเธอให้หน้าบวมเป็นหมู แล้วดูสิหูคุนยังจะนอนกับเธอไหม!

แต่พอนึกถึงเรื่องเดิมพัน นึกถึงภาพที่เซี้ยหยุนทำหน้าเยาะเย้ยผมแล้ว สุดท้ายก็ได้แต่ต้องอดทนอดกลั้นไว้ในใจ

ผมจะต้องตั้งสติตัวเองไว้ ย้ำกับตัวเองเสมอว่าตัวเองควรทำจะอะไร

หายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งทีแล้วผมก็หยิบกระเป๋าเอกสาร ยืนขึ้น และตอนที่เดินออกไปถึงหน้าประตูผมก็พูดกับเลขาจางว่า “ขอโทษครับ รบกวนคุณแล้ว”

เธอกลอกตามองบน เดินฮัมเพลงและไม่มีทีท่าแม้จะจะมองมาที่ผม

แม่งเอ้ย! ไม่ใช่ว่าเป็นแค่เด็กเสี่ยหรอกหรือไง มีสิทธิ์อะไรมาดูถูกคนอื่นวะเนี้ย!

หูคุนคนนี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไรหรอก มีอะไรดีนักหรือ นอกเสียจากมีเงินแล้วมีอะไรอีกงั้นสิ คนมีคุณธรรมพรรค์นั้นเหรอที่คิดอยากจะจีบเซี้ยหยุน

ผมเดินออกมาจากประตูบริษัทนั้นด้วยไฟที่สุมอยู่ในอก พอเห็นถนนกว้าง ๆ รถและผู้คนมากมาย ก็คิดขึ้นมาทันทีแล้วผมล่ะ

ผมไม่มีอะไรเลย! ช่างน่าสมเพชเวทนาถึงขนาดจะต้องพึ่งพาเพื่อนขอยืมเงินเพื่อที่จะได้ย้ายมาเมืองปินไห่

คนที่ทำมาหากินโดยการเอาอกเอาใจผู้ชาย คนที่ซื้อบริษัทเกมส์เพียงเพื่อที่จะจีบผู้หญิงสักคนที่ทำงานอยู่ในบริษัทยักษ์ใหญ่ของเมืองปินไห่แบบนี้นะหรือ เดิมทีเรื่องมันเป็นแบบนี้เองหนะหรือ!

คิดมาถึงขั้นนี้ ผมก็นั่งลงไปที่พื้นข้างถนน หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟและสูบมัน

ตอนที่ผมรู้สึกเหงาขึ้นมาผมก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงฟางเฟยไม่ได้

เมื่อก่อนตอนที่ออกไปทำงานแล้วรู้สึกอารมณ์ไม่ดีก็จะกลับมาคุยมาบ่นให้กับฟางเฟยฟัง เธอก็จะกอดผมแล้วพูดว่า “ที่รัก ฉันเชื่อว่าสักวันคุณจะประสบความสำเร็จ คุณจะสามารถทำให้คนพวกนั้นมองคุณด้วยสายที่อึ้งไปเลยค่ะ”

แต่ทว่าตอนนี้เธอก็คงอยู่ในอ้อมแขนของคนรวย มีรถหรู ๆ ยี่ห้อดัง เข้าออกสถานที่ระดับไฮเอนด์ ไปที่ไหนก็จะมีคนระดับสูงมาคอยให้เกียรติ

“ความรักบ้าบออะไรว่ะ!”

พอนึกถึงผมก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อน

‘ถันฉวน’ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม พวกเราเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนถึงตอนนี้ เห็นผมตั้งแต่ตอนจีบฟางเฟยติดจนกระทั้งถูกฟางเฟยทิ้งได้อย่างไร

เวลาที่มันเหลือแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งถ้วย และเพื่อที่จะไม่ให้ผมท้องหิวจนทนไม่ไหว ถึงขนาดที่เหลือน้ำซุปทิ้งไว้ให้ผม เงินที่ผมมีมาที่ปินไห่ก็ได้มาจากการที่ยืมมันนั้นเอง

เพื่อนของผมมันรับโทรศัพท์แล้ว ถันฉวนพูดอย่างไม่เป็นคำและบวกกับความไม่พอใจว่า “เฮ้ย ยังไม่ตายเหรอวะ”

“ยังไม่ตายเว้ย” ผมเดาว่าเขาพูดกับผมขณะที่คาบบุหรี่อยู่

“ที่ปินไห่สาวสวยเยอะไหมวะ”

ผมเอียงศีรษะเพื่อมองหญิงสาวกระโปร่งสั้นที่กำลังเดินผ่านมายิ้ม ๆ “เยอะมาก มึงจะมาไหมละ”

“ไม่ไปหรอกว่ะ ที่นั้นถ้าไม่มีเงินก็ไม่มีสาว ๆ มาคบหาด้วยหรอก” ถันฉวนปฏิเสธอย่างหนักแน่น

“กูได้งานแล้วนะ แถมหัวหน้ายังเป็นสาวสวยอีกด้วย หลายวันก่อนกูยังแอบสอนอะไรไปนิดหน่อย...”

ทุกครั้งที่ผมอารมณ์ไม่ดี ผมมักจะชอบคุยกับถันฉวน เพราะเขากับผมมีประสบการณ์ความรักที่แตกสลายเหมือนกัน พวกเรามีความหวังที่จะค้นหาความสุขกับชีวิตเฮงซวย ๆ นี้

เพราะด้วยความเฮงซวยนี้แหละที่ทำให้ผมไม่กลัวอะไรและกล้าที่จะมาปินไห่เพื่อเริ่มชีวิตใหม่

จากประสบการณ์ความรักที่ถูกหักหลังทำให้พวกเรารู้ว่าบนโลกใบนี้ นอกจากเงินก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถทำร้ายพวกเราได้อีกแล้วหนะสิ

ผมเล่าทุกอย่างให้ถันฉวนฟัง ทั้งเรื่องที่เข้าทำงานบริษัทหยู่เฟย เรื่องที่เดิมพันกับเซี้ยหยุน ทั้งสายตาที่เย็นชาจากคนในบริษัทเกมส์อัจฉริยะพวกนั้น

ถันฉวนพูดตอบกลับมาเพียงไม่กี่คำว่า “ทำไปเลย ถีบแม่เลขาหน้าสวยนั่น จัดการไอ้เสี่ยพุงพุ้ย รวมถึงลากประธานสาวสวยของผมมาขึ้นเตียงกับผมให้ได้”

ผมเปลี่ยนเรื่องแล้วพูดว่า “ถันฉวน นายทายซิ ว่าฉันเจอใครที่ปินไห่นี่”

“ฟางเฟยเหรอ” ถันฉวนเดาออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก

ผมเงียบไปสักพัก แล้วถึงจะด่ากลับมันว่า “เชี่ยเอ้ย! นายรู้อยู่แล้วหรอว่าเธอมาที่ปินไห่”

“เออ” ถันฉวนยอมรับกับผมตรง ๆ “ความจริง บอกเธอทิ้งมึงไป เธอก็โทรมาหากู ถามว่ามึงสบายดีมั้ย แต่กูไม่ได้บอกอะไรมึงเพราะกลัวว่ามันจะเสียใจจนวัน ๆ เอาแต่เมาหัวราน้ำ ไม่ยอมไปทำงานแล้วก็ไม่มีเงินมาคืนกูหนะสิ”

พอผมได้ฟังถึงตรงนี้ หัวใจผมมันก็สั่นไหว ฟางเฟยยังเป็นห่วงผมอยู่หรือ

แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ไอ้พี่ชาย ที่แท้ก็กลัวกูไม่คืนเงินที่ยืมมึงไปเหรอไง”

“มึงแค่อกหักไม่ได้ตายซะหน่อย มึงกลัวอะไรวะ ไม่มีเงินนี่สิน่ากลัวที่สุดในชีวิตแล้วโว้ย”

ผมยิ้มเล็กน้อย “เออ กูไม่พูดกับมึงแล้ว ถ้าฟางเฟยโทรมาหามึงอีก มึงบอกไปเลยว่ากูอยู่ปินไห่ ทำงานอยู่ที่บริษัทหยู่เฟย ถึงแม้ว่าจะเลิกกันแล้ว ก็ทำเหมือนกับว่าไม่รู้จักกันมาก่อน สำหรับกูไม่มีอะไรต้องทำหลบ ๆ ซ่อน ๆ ”

“งั้น อยากให้กูช่วยให้ถ่านไฟเก่ามันกลับมาร้อนอีกครั้งมั้ยล่ะ” ถันฉวนถามผมด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“พอเหอะว่ะ ให้กูกลับไปสั่งสอนแม่ประธานสาวสวยของกูยังดีซะกว่า”

“เออ งั้นก็ของให้มึงสั่งสอนอย่างมีความสุขละกัน”

“บาย” ผมว่างสาย หยิบบุหรี่อีกมวนขึ้นมาจุดสูบ สูบมันเข้าไปลึก ๆ

ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ผมไม่คิดโทษถันฉวนเพราะเขาเป็นทั้งเพื่อนและเหมือนพี่ชายของผมคนหนึ่ง ถึงแม้เขาจะบอกว่าเขากลัวผมไม่คืนเงินที่ยืมไป แต่อันที่จริงเขามักจะถามผมเสมอว่าผมมีอยู่มีกินพอมั้ย ขาดเหลืออะไรก็ให้ผมยืมเงินอยู่เสมอ

และที่เขาปิดเรื่องฟางเฟยไว้ก็เพื่อผม

ผมก็แค่คิดไม่ถึงว่าฟางเฟยยังจะโทรถามเขาเรื่องของผมอยู่ ทำเหมือนยังเป็นห่วงผมงั้นเหรอ

ดูเหมือนเธอก็ยังไม่ได้ลืมผมไปเสียทุกอย่าง บางทีที่เธอคิดถึงผมบ้างมันอาจจะดีกับเธอก็ได้ หรือบางทีอาจจะสมเพชเวทนาผม กลัวผมจะคิดฆ่าตัวตาย

พอนึกไปถึงสิ่งนี้ ผมก็อดที่จะมองย้อนกลับไปที่อาคารใหม่ของบริษัทเกมส์อัจฉริยะโดยไม่รู้ตัวไม่ได้ ความสูงของมันหลายสิบชั้น ถ้าเกิดผมกระโดดลงมาจากข้างบนนั่น ไม่รู้ว่าศพจะเละแค่ไหน

คิดแล้วก็สยอง!

“แม่ง! ใครจะโง่โดดลงมาวะสูงตั้งขนาดนี้”

ฟางเฟยก็เป็นแค่เพียงอดีตของผม หัวใจผมมันก็ยังเต้นอยู่ไม่ถึงกับตาย ผมทนรับกับความเจ็บปวดนี้จนเคยชินไปเสียแล้ว ผมควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง!

แล้วก็ยังต้องคิดหาทางทำงานนี้ให้สำเร็จด้วย ไม่ใช่เพียงเพราะว่าอยากเอาชนะเซี้ยหยุนเท่านั้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือการเรียกความมั่นใจของผมเองกลับมา

ผมต้องทำงานหาเงิน บนโลกใบนี้ น่ากลัวที่สุดก็คือไม่มีเงิน!

จัดการไอ้เสี่ยหูคุน เตะแม่เลขาที่ชอบดูถูกคนของมัน แล้วทำให้เซี้ยหยุนขึ้นเตียงกับผมให้ได้!

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

404