บทที่ 12 ความรักที่หายไป
by อีหูเหล่าเหนี่ยว
10:49,Dec 28,2020
อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้มีเรื่องให้โมโหเยอะไปหน่อย สิ่งที่ฉันทำกับเลขาจาง มันทำให้ฉันรู้สึกได้ปลดปล่อย
ต้องยอมรับว่าฉันไม่ได้เป็นคนดีอะไร โดยเฉพาะกับคนพวกนั้น ฉันไม่จำเป็นต้องใจอ่อน
พวกคนในบริษัทหยู่เฟยที่ดูถูกฉัน ฉันจะทำให้พวกเขารู้ ว่าฉันเองก็มองไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น
แต่กับเซี้ยหยุนฉันอยากจะรู้เเค่ ถ้าฉันเอาสัญญาที่ได้มาไปวางต่อหน้าเขา เขาจะเป็นยังไง
คืนนี้ ฉันเที่ยวเล่นอยู่กับหูคุนทั้งคืน
หูคุนเป็นคนกล้าคิดกล้าทำคนหนึ่ง ไม่งั้นเขาคงมีทุกวันนี้ไม่ได้ เขารู้ว่าฉันเป็นแค่พนักงานขายตัวเล็กๆคนหนึ่ง ไม่ได้มีเงินอะไร เขาเลี้ยงข้าวฉันยังไม่พอ หลังจากทานข้าวเสร็จ ยังพาฉันไปเปิดห้องหรูของKTVระดับสูงอีกด้วย
เขาพึ่งจะมาอยู่ที่ปินไห่ไม่นาน ไม่ค่อยจะมีเพื่อนมีผูงนัก เขาชวนแค่เพื่อนคนสองคนที่เขารู้จัก แล้วยังหาผู้หญิงสวยๆมาบริการอีกด้วย
หูคุนชี้ไปที่ผู้หญิงพวกนั้น บอกว่าให้ฉันเลือกก่อนเลย ฉันเลือกคนที่หน้าตาสวยงามแถมยังมีความเขินอายคนนั้น
หูคุนและเพื่อนๆสาธิตให้ฉันดูบวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป ฉันจับผู้หญิงคนนั้นเข้ามากอด
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นมือใหม่ เขาดูกลัวที่ฉันทำแบบนั้น แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เริ่มคล้อยตามฉัน
ฉันไม่ได้แตะต้องผู้หญิงมานานมาก ฉันมีความต้องการ ฉันอยากจะพาเขาไปช่วยสนองความต้องการฉันในห้องน้ำ
แต่ฉันก็เลือกที่จะไม่ทำ เพราะเมื่อยังอยู่ในเรื่องของธุรกิจ ทานข้าวได้ ดื่มเหล้าได้ แต่เรื่องผู้หญิงไม่ได้เด็ดขาด
อย่างน้อย ก่อนที่หูคุนยังไม่ได้เซ็นสัญญา จะมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาไม่ได้เลย
และถึงแม้ว่าเขาจะช่วยสนองความต้องการทางกายได้ แต่ก็ช่วยเติมเต็มความเหงาในใจของฉันไม่ได้หรอก
คืนนี้ฉันเที่ยวเล่นอย่างสุดตัว การที่ได้อยู่กับหูคุนมันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ
เขาเป็นคนตรงไปตรงมา มีอะไรไม่พอใจก็แสดงออกมาแบบไม่อ้อมค้อม ไม่แสร้งแกล้งทำ
และที่สำคัญ ฉันพบว่าหูคุนเป็นคนที่รู้สึกเดียวดายเหมือนกันกับฉัน
ตอนเขาเมาเขาเล่าให้ฉันฟังว่า สาเหตุที่เขาหย่าร้างกับภรรยาก็เพราะว่าเขาทั้งสองคนไม่มีความรักซึ่งกันและกัน
พวกเขาก็เลยเลือกที่จะแยกทางกัน แต่เขาก็ให้เงินก้อนใหญ่กับภรรยาเพื่อให้เขาได้ไปให้ชีวิตที่ดี
เขาเล่าว่าตอนวัยรุ่นเขาเป็นคนยากจน คนที่เขาชอบไม่ชอบเขา พอโตขึ้นก็ได้แต่งงานกับคนที่ทางบ้านจัดหามาให้ เขาทำงานหนักมาตลอด จนถึงทุกวันนี้ เขากลายเป็นคนมีเงินแล้ว แต่เขากลับรู้สึกว่าตัวเองผิดพลาดมากเกินไปในชีวิตนี้
เขาบอกกับฉันว่าเขาจะตามหาความรักที่หายไปเมื่อตอนที่เขาเป็นวัยรุ่น
พูดจบ เขาก็ดึงผู้หญิงที่นั่งข้างๆมาจูบ
จากนั้น เขาก็พาผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในห้องน้ำ อาจจะให้ผู้หญิงคนนั้นช่วยเติมเต็มความเหงาของเขาหรือเขากำลังตามหาความรักที่หายไป
ตอนนั้น ฉันรับรู้ได้ถึงความน่าสงสารที่ฉันกับหูคุนมีเหมือนกัน เพราะฉันก็เคยต่อสู้ และเคยสูญเสียความรักไปเช่นกัน
คืนนี้ฉันเมามาก พวกเราก็เอาแต่ดื่มเหล้าแล้วก็นัวเนียกับผู้หญิงของเรา
แต่ฉันกลับไม่คิดที่จะถอดเสื้อผ้าของผู้หญิงออก เราแค่นั่งคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของความรัก
พวกเราตีไข่ใส่สีลงไปบนความรักที่บริสุทธิ์ สุดท้ายความรักก็กลายเป็นก้อนอุจจาระ
จนถึงตอนที่เราเเยกกันกลับบ้าน ฉันยืนอยู่ตรงหน้าประตู ส่งผู้หญิงคนนั้นขึ้นแท็กซี่ให้เขากลับบ้านเอง
ก่อนจะกลับ เขาขอเบอร์โทรศัพท์ฉัน ฉันก็ให้เขาไปแบบไม่คิดอะไร
จากนั้น ฉันก็โบกแท็กซี่กลับบ้าน พอกลับถึงบ้านฉันยังไม่ทันได้อาบน้ำ ขึ้นเตียงแล้วก็หลับไปดวยความมึนเมา
ตื่นไปทำงานตอนเช้าของวันต่อมา ฉันคิดว่าหูคุนน่าจะนอนอยู่กับผู้หญิงของเขา ก็เลยยังไม่ได้ไปหาเขา เดี๋ยวสักพักค่อยเอาสัญญาเข้าไปให้เขาเซ็น
ฉันไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปบอกเสี่ยวเป้ย เขาเป็นคนขี้เม้ามอย เก็บความลับไม่อยู่แน่นอน
ใกล้จะถึงตอนเที่ยง มีโทรศัพท์จากคนแปลกหน้าโทรเข้ามา พอฉันกดรับก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูเรียกฉันว่า “เฉินเทา”
ฉันถึงกับตกใจ มันคือเสียงของฟางเฟย
ผ่านไปหนึงปีเต็มๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโทรมาหาฉัน หรือว่าเขารู้มาจากฉันฉวนว่าฉันมาอยู่ที่ปินไห่
“ฟางเฟย?” ฉันถามไปทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้ว
“ใช่ ” ฟายเฟยตอบกลับมา
“เราคุยกันหน่อยได้มั้ย?” ฟางเฟยถาม
“ได้สิ คุณมีเรื่องอะไร”
“ฉันหมายถึงเรามาเจอกันหน่อยมั้ย ไม่ใช่คุยกันผ่านทางโทรศัพท์” ฉันจะรอคุณที่ห้องใต้บันไดของชั้นเจ็ด
ผมตกใจแล้วถามว่า:“คุณก็ทำงานอยู่ที่หยู่เฟยเหมือนกันหรอ”
โลกนี้ช่างแคบซะจริง ฉันมาที่ปินหไห่ ได้ช่วยเซี้ยหยุนไว้ ได้เจอกับฟางเฟย คิดไม่ถึงว่ามาทำงานที่บริษัทหยู่เฟย นอกจากได้เจอกับเซี้ยหยุนอีก แล้วยังต้องมาเป็นเพื่อนร่วมงานกับฟางเฟยอีก
คิดไปคิดมาก็ไม่แปลกอะไร เซี้ยหยุนเป็นน้องของแฟนฟางเฟย พวกเขามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ทำงานอยู่บริษัทเดียวกันก็ไม่แปลก
ที่ฉันคิดไม่ตกก็คือ นี้มันคือพรหมลิขิตหรือว่าชะตากรรมกันแน่
เหอะเหอะ ไม่ว่าจะอะไรก็ช่าง ฉันก็ต้องเภชิญกับมัน
ไปเจอเขาก็ดีเหมือนกัน ยังไงฉันก็ลืมเขาได้แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องหลบหลบซ่อนซ่อน
เงียบไปสักพักฉันถึงตอบกลับไปว่า:“ได้” จากทั้งเราทั้งสองก็กดว่างโทรศัพท์ไปพร้อมกัน
ว่าสายโทรศัพท์ ฉันก็เดินออกไปจากห้องทำงาน ไปที่ห้องใต้บรรไดชั้นเจ็ดเพื่อเจอกับฟางเฟย
นึกถึงตอนนี้เขาคบกับฉัน ตอนนั้นเขาอายุสิบเจ็ดปี เขาเติบโตขึ้นมาในอ้อมกอดของฉัน
วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางกับเสื้อผ้าชั้นนำที่เขาสวมใส่ มันทำให้เขายิ่งงดงามมากขึ้นกว่าเเต่ก่อน ราวหยังกับดอกไม้ที่ผลิบาน
“เฮินเทา” ฟางเฟยมองมาที่ฉันด้วยแววตาที่มีลับลมคมใน
เขาถามฉันว่า:“คุณเป็นยังไงบ้าง?”
ฉันพยักหน้าพร้อมกับตอบว่า “ก็ดี แล้วคุณละ?”
ฉันเดินไปนั่งที่บันไดพร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ
“คุณยังสูบบุหรี่เยอะเหมือนแต่ก่อนอยู่หรอ”
ฉันหัวเราะแล้วบอกว่า:“ไม่เหมือนแต่ก่อน เพราะผมไม่สูบยี่ห้อนั้นแล้ว”
ฟางเฟยมองหน้าฉัน เขาคงเข้าใจความหมายที่ฉันต้องการจะสื่อ
ฉันถามเขาว่า:“คุณโทรไปหาถันฉวนหรอ เขาเป็นคนบอกคุณใช่มั้ยว่าผมทำงานที่หยู่เฟย”
ฟางเฟยส่ายหัว :“ไม่ใช่ ตอนนี้ในบริษัทมีใครไม่รู้จักคุณบ้าง ฉันได้ยินพวกเขาพูดถึงคุณ ถึงได้รู้ว่าคุณก็ทำงานอยู่ที่นีเหมือนกัน”
“อ๋อ ผมมีชื่อเสียงขนาดนั้นเลย”
“เฉินเทา” ฟางเฟยเดินเขามาหาฉัน เขาพูดว่า:“ฉันอยากให้คุณลาออกจากหยู่เฟย แล้วลืมฉันซะ เริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะ ฉันไม่อยากเห็นคุณเป็นแบบนี้”
ฉันถึงกับตกใจ คิดไม่ถึงว่าที่เขามาหาฉัน เพราะอยากจะให้ฉันลาออกจากหยู่เฟย
ฟางเฟยพูดต่ออีกว่า:“ถันฉวนบอกคุณใช่มั้ยว่าฉันอยู่ที่ปินไห่ ทำงานที่หยู่เฟย คุณก็เลยตัดสินใจย้านมาอยู่ที่ปินไห่ พยายามที่จะเข้ามาทำงานที่หยู่เฟยเหมือนกัน”
“ที่จริงฉันไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ เราเลิกกันแล้ว เรื่องของเราก็ผ่านไปแล้ว หนึ่งปีเต็มๆแล้วทำไมคุณถึงยังไม่ลืม”
“คุณทำแบบนี้ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่จะมาสร้างความเดือนร้อนให้ฉัน แล้วยังทำให้ตัวเองตกต่ำไปกว่าเดิม”
คำพูดเหล่านี้ ราวหยังกับมีคนเอามีดมาแทงที่หัวใจของฉัน
ฉันไม่เคยคิดเลยว่า ฟางเฟยจะคิดกับฉันแบบนี้
ต้องยอมรับว่าฉันไม่ได้เป็นคนดีอะไร โดยเฉพาะกับคนพวกนั้น ฉันไม่จำเป็นต้องใจอ่อน
พวกคนในบริษัทหยู่เฟยที่ดูถูกฉัน ฉันจะทำให้พวกเขารู้ ว่าฉันเองก็มองไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น
แต่กับเซี้ยหยุนฉันอยากจะรู้เเค่ ถ้าฉันเอาสัญญาที่ได้มาไปวางต่อหน้าเขา เขาจะเป็นยังไง
คืนนี้ ฉันเที่ยวเล่นอยู่กับหูคุนทั้งคืน
หูคุนเป็นคนกล้าคิดกล้าทำคนหนึ่ง ไม่งั้นเขาคงมีทุกวันนี้ไม่ได้ เขารู้ว่าฉันเป็นแค่พนักงานขายตัวเล็กๆคนหนึ่ง ไม่ได้มีเงินอะไร เขาเลี้ยงข้าวฉันยังไม่พอ หลังจากทานข้าวเสร็จ ยังพาฉันไปเปิดห้องหรูของKTVระดับสูงอีกด้วย
เขาพึ่งจะมาอยู่ที่ปินไห่ไม่นาน ไม่ค่อยจะมีเพื่อนมีผูงนัก เขาชวนแค่เพื่อนคนสองคนที่เขารู้จัก แล้วยังหาผู้หญิงสวยๆมาบริการอีกด้วย
หูคุนชี้ไปที่ผู้หญิงพวกนั้น บอกว่าให้ฉันเลือกก่อนเลย ฉันเลือกคนที่หน้าตาสวยงามแถมยังมีความเขินอายคนนั้น
หูคุนและเพื่อนๆสาธิตให้ฉันดูบวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป ฉันจับผู้หญิงคนนั้นเข้ามากอด
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นมือใหม่ เขาดูกลัวที่ฉันทำแบบนั้น แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เริ่มคล้อยตามฉัน
ฉันไม่ได้แตะต้องผู้หญิงมานานมาก ฉันมีความต้องการ ฉันอยากจะพาเขาไปช่วยสนองความต้องการฉันในห้องน้ำ
แต่ฉันก็เลือกที่จะไม่ทำ เพราะเมื่อยังอยู่ในเรื่องของธุรกิจ ทานข้าวได้ ดื่มเหล้าได้ แต่เรื่องผู้หญิงไม่ได้เด็ดขาด
อย่างน้อย ก่อนที่หูคุนยังไม่ได้เซ็นสัญญา จะมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาไม่ได้เลย
และถึงแม้ว่าเขาจะช่วยสนองความต้องการทางกายได้ แต่ก็ช่วยเติมเต็มความเหงาในใจของฉันไม่ได้หรอก
คืนนี้ฉันเที่ยวเล่นอย่างสุดตัว การที่ได้อยู่กับหูคุนมันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ
เขาเป็นคนตรงไปตรงมา มีอะไรไม่พอใจก็แสดงออกมาแบบไม่อ้อมค้อม ไม่แสร้งแกล้งทำ
และที่สำคัญ ฉันพบว่าหูคุนเป็นคนที่รู้สึกเดียวดายเหมือนกันกับฉัน
ตอนเขาเมาเขาเล่าให้ฉันฟังว่า สาเหตุที่เขาหย่าร้างกับภรรยาก็เพราะว่าเขาทั้งสองคนไม่มีความรักซึ่งกันและกัน
พวกเขาก็เลยเลือกที่จะแยกทางกัน แต่เขาก็ให้เงินก้อนใหญ่กับภรรยาเพื่อให้เขาได้ไปให้ชีวิตที่ดี
เขาเล่าว่าตอนวัยรุ่นเขาเป็นคนยากจน คนที่เขาชอบไม่ชอบเขา พอโตขึ้นก็ได้แต่งงานกับคนที่ทางบ้านจัดหามาให้ เขาทำงานหนักมาตลอด จนถึงทุกวันนี้ เขากลายเป็นคนมีเงินแล้ว แต่เขากลับรู้สึกว่าตัวเองผิดพลาดมากเกินไปในชีวิตนี้
เขาบอกกับฉันว่าเขาจะตามหาความรักที่หายไปเมื่อตอนที่เขาเป็นวัยรุ่น
พูดจบ เขาก็ดึงผู้หญิงที่นั่งข้างๆมาจูบ
จากนั้น เขาก็พาผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในห้องน้ำ อาจจะให้ผู้หญิงคนนั้นช่วยเติมเต็มความเหงาของเขาหรือเขากำลังตามหาความรักที่หายไป
ตอนนั้น ฉันรับรู้ได้ถึงความน่าสงสารที่ฉันกับหูคุนมีเหมือนกัน เพราะฉันก็เคยต่อสู้ และเคยสูญเสียความรักไปเช่นกัน
คืนนี้ฉันเมามาก พวกเราก็เอาแต่ดื่มเหล้าแล้วก็นัวเนียกับผู้หญิงของเรา
แต่ฉันกลับไม่คิดที่จะถอดเสื้อผ้าของผู้หญิงออก เราแค่นั่งคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของความรัก
พวกเราตีไข่ใส่สีลงไปบนความรักที่บริสุทธิ์ สุดท้ายความรักก็กลายเป็นก้อนอุจจาระ
จนถึงตอนที่เราเเยกกันกลับบ้าน ฉันยืนอยู่ตรงหน้าประตู ส่งผู้หญิงคนนั้นขึ้นแท็กซี่ให้เขากลับบ้านเอง
ก่อนจะกลับ เขาขอเบอร์โทรศัพท์ฉัน ฉันก็ให้เขาไปแบบไม่คิดอะไร
จากนั้น ฉันก็โบกแท็กซี่กลับบ้าน พอกลับถึงบ้านฉันยังไม่ทันได้อาบน้ำ ขึ้นเตียงแล้วก็หลับไปดวยความมึนเมา
ตื่นไปทำงานตอนเช้าของวันต่อมา ฉันคิดว่าหูคุนน่าจะนอนอยู่กับผู้หญิงของเขา ก็เลยยังไม่ได้ไปหาเขา เดี๋ยวสักพักค่อยเอาสัญญาเข้าไปให้เขาเซ็น
ฉันไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปบอกเสี่ยวเป้ย เขาเป็นคนขี้เม้ามอย เก็บความลับไม่อยู่แน่นอน
ใกล้จะถึงตอนเที่ยง มีโทรศัพท์จากคนแปลกหน้าโทรเข้ามา พอฉันกดรับก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูเรียกฉันว่า “เฉินเทา”
ฉันถึงกับตกใจ มันคือเสียงของฟางเฟย
ผ่านไปหนึงปีเต็มๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโทรมาหาฉัน หรือว่าเขารู้มาจากฉันฉวนว่าฉันมาอยู่ที่ปินไห่
“ฟางเฟย?” ฉันถามไปทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้ว
“ใช่ ” ฟายเฟยตอบกลับมา
“เราคุยกันหน่อยได้มั้ย?” ฟางเฟยถาม
“ได้สิ คุณมีเรื่องอะไร”
“ฉันหมายถึงเรามาเจอกันหน่อยมั้ย ไม่ใช่คุยกันผ่านทางโทรศัพท์” ฉันจะรอคุณที่ห้องใต้บันไดของชั้นเจ็ด
ผมตกใจแล้วถามว่า:“คุณก็ทำงานอยู่ที่หยู่เฟยเหมือนกันหรอ”
โลกนี้ช่างแคบซะจริง ฉันมาที่ปินหไห่ ได้ช่วยเซี้ยหยุนไว้ ได้เจอกับฟางเฟย คิดไม่ถึงว่ามาทำงานที่บริษัทหยู่เฟย นอกจากได้เจอกับเซี้ยหยุนอีก แล้วยังต้องมาเป็นเพื่อนร่วมงานกับฟางเฟยอีก
คิดไปคิดมาก็ไม่แปลกอะไร เซี้ยหยุนเป็นน้องของแฟนฟางเฟย พวกเขามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ทำงานอยู่บริษัทเดียวกันก็ไม่แปลก
ที่ฉันคิดไม่ตกก็คือ นี้มันคือพรหมลิขิตหรือว่าชะตากรรมกันแน่
เหอะเหอะ ไม่ว่าจะอะไรก็ช่าง ฉันก็ต้องเภชิญกับมัน
ไปเจอเขาก็ดีเหมือนกัน ยังไงฉันก็ลืมเขาได้แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องหลบหลบซ่อนซ่อน
เงียบไปสักพักฉันถึงตอบกลับไปว่า:“ได้” จากทั้งเราทั้งสองก็กดว่างโทรศัพท์ไปพร้อมกัน
ว่าสายโทรศัพท์ ฉันก็เดินออกไปจากห้องทำงาน ไปที่ห้องใต้บรรไดชั้นเจ็ดเพื่อเจอกับฟางเฟย
นึกถึงตอนนี้เขาคบกับฉัน ตอนนั้นเขาอายุสิบเจ็ดปี เขาเติบโตขึ้นมาในอ้อมกอดของฉัน
วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางกับเสื้อผ้าชั้นนำที่เขาสวมใส่ มันทำให้เขายิ่งงดงามมากขึ้นกว่าเเต่ก่อน ราวหยังกับดอกไม้ที่ผลิบาน
“เฮินเทา” ฟางเฟยมองมาที่ฉันด้วยแววตาที่มีลับลมคมใน
เขาถามฉันว่า:“คุณเป็นยังไงบ้าง?”
ฉันพยักหน้าพร้อมกับตอบว่า “ก็ดี แล้วคุณละ?”
ฉันเดินไปนั่งที่บันไดพร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ
“คุณยังสูบบุหรี่เยอะเหมือนแต่ก่อนอยู่หรอ”
ฉันหัวเราะแล้วบอกว่า:“ไม่เหมือนแต่ก่อน เพราะผมไม่สูบยี่ห้อนั้นแล้ว”
ฟางเฟยมองหน้าฉัน เขาคงเข้าใจความหมายที่ฉันต้องการจะสื่อ
ฉันถามเขาว่า:“คุณโทรไปหาถันฉวนหรอ เขาเป็นคนบอกคุณใช่มั้ยว่าผมทำงานที่หยู่เฟย”
ฟางเฟยส่ายหัว :“ไม่ใช่ ตอนนี้ในบริษัทมีใครไม่รู้จักคุณบ้าง ฉันได้ยินพวกเขาพูดถึงคุณ ถึงได้รู้ว่าคุณก็ทำงานอยู่ที่นีเหมือนกัน”
“อ๋อ ผมมีชื่อเสียงขนาดนั้นเลย”
“เฉินเทา” ฟางเฟยเดินเขามาหาฉัน เขาพูดว่า:“ฉันอยากให้คุณลาออกจากหยู่เฟย แล้วลืมฉันซะ เริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะ ฉันไม่อยากเห็นคุณเป็นแบบนี้”
ฉันถึงกับตกใจ คิดไม่ถึงว่าที่เขามาหาฉัน เพราะอยากจะให้ฉันลาออกจากหยู่เฟย
ฟางเฟยพูดต่ออีกว่า:“ถันฉวนบอกคุณใช่มั้ยว่าฉันอยู่ที่ปินไห่ ทำงานที่หยู่เฟย คุณก็เลยตัดสินใจย้านมาอยู่ที่ปินไห่ พยายามที่จะเข้ามาทำงานที่หยู่เฟยเหมือนกัน”
“ที่จริงฉันไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ เราเลิกกันแล้ว เรื่องของเราก็ผ่านไปแล้ว หนึ่งปีเต็มๆแล้วทำไมคุณถึงยังไม่ลืม”
“คุณทำแบบนี้ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่จะมาสร้างความเดือนร้อนให้ฉัน แล้วยังทำให้ตัวเองตกต่ำไปกว่าเดิม”
คำพูดเหล่านี้ ราวหยังกับมีคนเอามีดมาแทงที่หัวใจของฉัน
ฉันไม่เคยคิดเลยว่า ฟางเฟยจะคิดกับฉันแบบนี้
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved