บทที 7 แผนงานของผลิตภัณฑ์ใหม่

ผมนั่งรถเมล์ประจำทางกลับมาที่ตึกสำนักงานใหญ่ของบริษัทหยู่เฟย แข็งใจไม่เข้าไปกินข้าวเที่ยงในโรงอาหารของบริษัท แต่กลับรีบพาตัวเองขึ้นไปงีบหลับจากอาการเพลียและปวดหลังอย่างหนักในช่วงเช้า

ช่วงบ่าย เสี่ยวเป้ยที่ใจจิตเต็มไปด้วยคำถามมากมายเมื่อถึงเวลาทำงานก็ถามผมทันทีเลยว่า “เฉินเทา เป็นอย่างไรบ้างคะ คุณได้เจอเสี่ยหูคุนนั่นมั้ย”

ผมส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เจอหรอก เจอก็แต่แม่เลขาหน้าสวยของเสี่ย”

“ตายแล้ว! งั้นคุณคงต้องอดทนหน่อยแล้วล่ะค่ะ สู้ๆนะคะ ตอนนี้ในบริษัทต่างก็รู้เรื่องที่คุณต้องมาทำงานนี้กันหมดแล้วนี่สิคะ พวกเขาเล่ากันว่าคุณได้รับให้ทำงานนี้ให้สำเร็จ ฉะนั้นอย่าให้ใครมาหัวเราะเยาะคุณได้นะคะ!”

ผมที่ได้ฟังเสี่ยวเป้ยเล่าออกมาก็อดไม่ได้ที่จะมองออกไปรอบ ๆ โต๊ะทำงาน แล้วก็ได้เห็นจริง ๆ ว่าพนักงานหลายสิบคนกำลังซุบซิบเรื่องของผมกันอยู่ บ้างก็พยักหน้าตามคำซุบซิบนินทา บ้างก็แสดงท่าทีหัวเราะออกมา ไม่ว่าจะเป็นเสียงกระซิบนินทาหรือท่าทางที่พวกเขาทำมันเข้ามาอยู่ในสายตาและโสตประสาทของผมทั้งหมด

ใคร ๆ ก็รู้ว่าหูคุนกำลังตามจีบประธานเซี้ยแห่งหยู่เฟย พอประธานเซี้ยเข้าใจในสถานการณ์ก็ไม่อยากทำงานนี้ขึ้นมา ดังนั้นงานนี้จึงเกือบจะไม่สำเร็จ เมื่อกำลังจะไม่สำเร็จผมที่เผอิญเข้ามาในสถานณ์นี้อย่างพอเหมาะพอเจาะจำต้องรับงานนี้มาทำให้สำเร็จ นี้สินะเหตุผลที่พนักงานทุกคนต่างสุ่มหัวกันซุบซิบนินทาหัวเราะเยาะขำขันราวกับมันเป็นเรื่องตลกเหลือเกิน

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเมื่อก่อนผมทำงานอยู่แผนกไหน หึ! งานที่แสนจะต่ำต้อยอย่างงานลูกหาบ ใครสั่งอะไรก็ต้องทำ เติมของ แบกของ ทำมันทุกอย่าง...

สำหรับพวกเขาแล้วมันก็คงจะเป็นแค่เรื่องที่แสนตลกขบขัน ผมจากลูกหาบกระจอก ๆ พนักงานแบกของย้ายของ ตกลงปลงใจมารับงานนี้เพื่ออยากที่จะเลื่อนตำแหน่ง

เสี่ยวเป้ยลากเก้าอี้มาใกล้ ๆ ผม พอนั่งลงก็พูดกระซิบเบาๆว่า “ฉันจะบอกอะไรคุณนะคะ เวลาคนอื่นมองมาที่บริษัทของเราก็มักจะคิดว่าสามัคคีกันดีจังเลยนะ แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วหนะเหรอยิ่งกว่าสงครามวังหลวงในละครน้ำเน่าหลังข่าวอีกล่ะค่ะ...”

เสี่ยวเป้ยเริ่มซุบซิบกับผมถึงสงครามการทำงานในบริษัทหยู่เฟยแห่งนี้

ผมไม่ได้ตั้งใจฟังที่เธอซุบซิบถึงบริษัทมากเท่าไหร่ และก็ไม่สนใจสายตาของบรรดาพนักงานที่เอาแต่แอบมองมาที่ผม ผมเอาแต่จดจ่อกับตัวเองเกี่ยวกับงานของบริษัทเกมส์อัจฉริยะนี้

คิดทบทวนไปมาอยู่นาน คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก สุดท้ายก็ได้แต่เก็บกวาดของบนโต๊ะแล้วเตรียมตัวออกไป

“จริงสิเสี่ยวเป้ย บัตรประจำตัวพนักงานของผมล่ะครับ เรียบร้อยแล้วหรือยัง” ผมจัดการของบนโต๊ะไปด้วยพูดกับเสี่ยวเป้ยไปด้วย

เสี่ยวเป้ยมีสีหน้าอึดอัดแล้วพูดว่า “ไม่หนิคะ เมื่อวานฉันช่วยคุณแจ้งไปแล้ว พวกเขาบอกว่าถ้าเรียบร้อยแล้วจะส่งมาให้คุณค่ะ”

ผมอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว บริษัทหยู่เฟยใหญ่ซะขนาดนี้มีแต่ผมคนเดียวที่ไม่ได้รับป้ายบัตรพนักงาน พอถึงเวลาเข้าออกบริษัทก็ต้องโดนตรวจสอบอย่างเคร่งครัด

ประเด็นสำคัญก็คือ คิดไม่ถึงเลยว่าขนาดไม่ทำป้ายพนักงานให้ผม ยังสามารถสั่งให้ผมออกไปคุยงานข้างนอกได้ด้วยนี่สิ เหลือเชื่อดีนะครับ

ช่างมันเถอะ คิดซะว่าไม่มีป้ายพนักงานก็เป็นการแสดงความสามารถของผมอย่างหนึ่ง ผมหัวเราะเยาะตัวเองอย่างเงียบๆ

“เฉินเทา ไม่อย่างงั้น...ฉันไปกับคุณดีกว่ามั้ยคะ” อยู่ดี ๆ เสี่ยวเป้ยก็พูดแบบลังเลกับผม

ผมมองไปที่สีหน้ายุ่งเหยิงบนใบหน้าที่บอบบางของเธอ ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก หน้าคุณสวยขนาดนี้ ถ้าเกิดว่าไอ้เสี่ยหูคุนมันชอบคุณขึ้นมาจะทำยังไงล่ะหื้ม...”

เสี่ยวเป้ยยิ่งทำหน้ายุ่งเข้าไปใหญ่ เธอพูดว่า “แต่ว่า หน้าที่รับผิดชอบของฉันก็คือการเป็นลูกมือคุณนะคะ”

ผมส่ายหัว “คุณรับหน้าที่เป็นลูกมือคอยบอกผมว่ามีข่าวสารอะไรเกิดขึ้นบ้างก็พอแล้วล่ะ อีกอย่าง หลังจากที่ผมได้งานนี้มาแล้ว ยังต้องให้คุณเป็นธุระช่วยอีกมากครับ”

เสี่ยวเป้ยไม่มีอะไรจะพูดต่อ ไม่นานนักเธอก็ซาบซึ้งแล้วพูดว่า “เฉินเทา ที่จริงแล้วคุณไม่อยากให้ฉันถูกรังแกใช่มั้ยล่ะคะ”

“หึหึ ชีวิตที่ทั้งเหนื่อยทั้งยุ่งยากแบบนี้ ให้ผมทำหนะถูกต้องแล้วล่ะครับ” ผมจัดการของบนโต๊ะเรียบร้อย ถือกระเป๋าเอกสารแล้วเดินออกไป

“เฉินเทา คุณเป็นคนดีเสียจริง ๆ นะคะ” คำพูดของเสี่ยวเป้ยลอยตามหลังผมมา

ผมโบกมือไปมาอย่างไม่ได้พูดอะไรออกไป เป็นเชิงว่าไม่เป็นไรหรอกเรื่องแค่นี้เอง

ความจริงก็คือผมคงทนไม่ได้หรอกครับที่จะให้หลัวเสี่ยวเป้ยต้องถูกรังแก เด็กผู้หญิงบอบบางแบบนั้น เธอคงทนแบกรับเรื่องอะไรที่มันสกปรก ๆ ไม่ได้มากเท่าผมแน่นอน

ก็เหมือนกันกับการขี่อยู่บนหลังเสือนั้นแหละนะ ผมมาถึงที่ห้องรับแขกของบริษัทเกมส์อัจฉริยะอีกครั้ง รอคอยที่จะได้พบกับเสี่ยหูคุณอย่างอดทนต่อไป

หูคุนก็มาที่เมืองปินไห่ได้ไม่นานเท่าไหร่ ผมไม่รู้ที่อยู่ของเขา แล้วก็ไม่รู้ว่าความจริงแล้วเวลาส่วนตัวของเขา เขามักจะชอบทำอะไร รู้เพียงผิวเผินว่าเสี่ยใช้เวลาไปกับพวกเรื่องการอัพตัวเองเพื่อเข้าสังคมกับพวกระดับเสี่ยหรือคนที่มีฐานะพอ ๆ กัน

ล่วงเลยมาหลายวันแล้วที่ผมมาบริษัทเกมส์อัจฉริยะและอดทนรออย่างยากลำบากที่จะได้พบหน้าหูคุน ผมต้องอดทนกับสายตาที่เหยียดหยามของแม่เลขาสาวหน้าห้องทำงานหูคุนไม่พอ ยังต้องอดทนกับเสียงเยาะเย้ยในบริษัทหยู่เฟยที่ผมทำงานอยู่

ทุกครั้งก็ต้องพลาดท่าไม่สมหวังกลับไป มันทำให้ผมได้แต่เศร้าและซึมลง แต่พอคิดได้ว่าตัวเองไม่มีอะไรจะต้องเสีย และเมื่อคิดถึงสีหน้าของเซี้ยหยุนที่เอาแต่หัวเราะเยาะผม ฉับพลันก็ทำให้ผมกัดฟันอดทนที่จะฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง

บางทีอาจจะเป็นเพราะนิสัยที่ไม่ยอมแพ้และสายเลือดมุ่งมั่นที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นมาให้ผม ผมจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด ผมจะทำให้ตัวเองดูว่าผมมันไม่ใช่ไอ้คนเฮงซวยที่แค่ชอบบ้ากามไปวัน ๆ

ผมลองมองลอดเข้าไปในห้องทำงานของเสี่ยหูคุน และสังเกตุโรงรถชั้นใต้ดินของเขา แต่ทุกครั้งก็จะต้องโดนแม่เลขาสาวของเขากันผมออกไปเสียทุกครั้ง

สายตาของผมสำรวจเข้าไปในห้องทำงานใหม่ของบริษัทเกมส์อัจฉริยะแห่งนี้ ทั้งตู้กดน้ำ เครื่องปรับอากาศ หรือแม้กระทั้งเร้าเตอร์อินเตอร์เน็ตก็ถูกจัดตั้งไว้อย่างเสร็จสมบูรณ์ ขนาดที่ว่าโต๊ะทำงานและเก้าอี้ก็ถูกจัดว่างไว้ราวกับพร้อมที่จะใช้งานตอนนี้เลย เหลือก็เพียงแต่คอมพิวเตอร์และเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ให้เข้ามาติดตั้ง บริษัทนี้ก็พร้อมที่จะเปิดกิจการในทันที

ไม่กี่วันมานี้ ห้องรับรองของบริษัทเกมส์อัจฉริยะแออัดไปด้วยตัวแทนของผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ทั้งสิน ยิ่งไปกว่านี้ ทุกคนล้วนเป็นถึงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขาย หรือฝ่ายประธานที่ดูแลการขายของบริษัท ใครจะไปคิดว่าบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่อย่างหยู่เฟยจะส่งตัวแทนที่เป็นแค่พนักงานกระจอก ๆ ธรรมดา ๆ มาต่อรองธุระกิจ

วันนี้ผมโมโหอย่างที่สุด ตัวแทนบริษัทอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ได้เข้าพบกับหูคุนทั้งหมด เหลือก็แค่ผมคนเดียวที่ถูกเอาไปไว้ในห้องรับรองแบบไม่รู้วันรู้คืน ไม่เคยได้เข้าพบเขาสักครั้ง

หลายวันมานี้ผมเองก็ไม่ได้พบกับเซี้ยหยุน เซี้ยหยุนก็คงแทบจะลืมผมไปแล้วด้วยซ้ำเพราะเธอก็ไม่ได้พบผมเช่นกัน

ขนาดที่ว่าหัวหน้าแผนกฝ่ายขายยังเป็นกังวลต่อเรื่องของผม หึ! แต่เขาก็ไม่เคยมาถามถึงความคืบหน้าของงานเลยสักนิด

นอกจากหลัวเสี่ยวเป้ยแล้ว คนรอบ ๆ โต๊ะทำงานของผมไม่มีใครอยากจะสนทนากับผมสักคน ผมทำงานอยู่ในบริษัทอยู่เฟยก็เปรียบเสมือนฝุ่นที่ลอยไปลอยมา

ยิ่งกว่านี้ ผมก็เข้ามาทำงานในแผนกฝ่ายขายแค่ชั่วคราว เดิมทีก็ไม่ใช่พนักงานที่รับเข้ามาทำงานประจำอยู่แล้ว

จนกระทั้งเช้าวันที่ห้า ผมเข้ามาที่ห้องรับแขกของบริษัทเกมส์อัจฉริยะ แม่เลขาสาวนั่นก็พูดกับผมอย่างไม่ทันตั้งตัวว่า “รีบให้ประธานเซี้ยของคุณมาเข้าพบเถอะ ไม่อย่างนั้น ประธานหูก็เตรียมจะเซ็นสัญญากับบริษัทอื่นแล้วล่ะ”

ผมนิ่งไปทันที หันหน้าไปยิ้มกับเธอเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เลขาจางครับ ประธานหู......”

ยังพูดไม่ทันจบเลขาจางก็โบกมือไปมาคล้ายกับไม่อยากรับฟังผมต่อ หลังจากนั้นก็หันหลังแล้วเดินหนีไป เหลือแต่ผมที่ยืนนิ่งแข็งราวกับหินอยู่ตรงนั้นคนเดียว

“แม่งเอ้ย ดูถูกคนชิบหาย!” ผมทนไม่ได้ที่จะพูดออกมา

ผมกรนด่าไปตลอดทางที่กลับไปยังบริษัทหยู่เฟย เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง ความคับข้องหม่องใจของผมก็ยังประทุอยู่ในอกไม่หยุด

วันนี้ผมกลับไปที่บริษัทค่อนข้างเร็ว พนักงานทุกคนพึ่งจะเริ่มรับประทานอาหารกัน ผมต่อแถวซื้อข้าวเที่ยงเสร็จก็กำลังจะหาที่นั่งทาน อยู่ดี ๆ ก็เห็นหลัวเสี่ยวเป้ยโบกมือมาทางผมแล้วตะโกนว่า “เฉินเทา ทางนี้ค่ะ”

ผมอยู่ที่หยู่เฟยก็คงจะมีเพียงได้หลัวเสี่ยวเป้ยเด็กสาวไร้เดียงสาที่ชอบซุบซิบนินทาเพียงเท่านั้นที่ยอมพูดคุยกับผม

ผมยกถาดข้าวเดินไปนั่งข้างๆเธอ ผมเห็นเธอกินข้าวไปด้วยเปิดเอกสารในมือไปด้วยก็อดที่จะถามอย่างสงสัยไม่ได้ว่า “เสี่ยวเป้ย ได้รับมอบหมายงานอีกแล้วหรือ นี่ขนาดเวลากินข้าวยังต้องรีบทำงานเลยสินะ”

“ไม่ใช่งานหรอกค่ะ แต่เป็นเอกสารจ้างซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ที่พึ่งออกมาค่ะ คนในฝ่ายการตลาดกับฝ่ายขายกำลังรีบทำความเข้าใจงานนี้กันอยู่หนะค่ะ”

“เหรอ...” ผมแปลกใจ และแล้วผมก็รู้ว่าเป็นผมคนเดียวที่ไม่ได้เอกสารการจ้างซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ฉบับนี้

ดูเหมือนว่าหัวหน้าฝ่ายขายหลาย ๆ คนยังไม่ทราบว่าผมย้ายมาทำงานแผนกฝ่ายขายนี้ด้วยซ้ำ บางทีเซี้ยหยุนอาจจะลืมผมไปแล้วจริง ๆ ก็ได้

จนกระทั้งตอนนี้ ผมก็ยังไม่ได้บัตรประจำตัวพนักงานบริษัท พอจำเป็นต้องเข้าพบกับผู้บริหารระดับสูง ผมถึงได้โดนเตะออกมาทุกที

“หึหึ” ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ แล้วก็ถามต่อไปว่า “ผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นแบบสำเร็จรูปครบวงจรเหรอ ตลาดเป้าหมายของผลิตภัณฑ์นี้คือใครล่ะ”

เสี่ยวเป้ยพยักหน้าแล้วพูดว่า “ค่ะ เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปแบบครบวงจรชิ้นที่ห้า เป้าหมายของตลาดคือต้องการที่จะมุ่งเน้นไปที่การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐและองค์กรค่ะ”

“เหรอ...” ผมแปลกใจ และแล้วผมก็รู้ว่าเป็นผมคนเดียวที่ไม่ได้เอกสารการจ้างซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ฉบับนี้

ดูเหมือนว่าหัวหน้าฝ่ายขายหลาย ๆ คนยังไม่ทราบว่าผมย้ายมาทำงานแผนกฝ่ายขายนี้ด้วยซ้ำ บางทีเซี้ยหยุนอาจจะลืมผมไปแล้วจริง ๆ ก็ได้

จนกระทั้งตอนนี้ ผมก็ยังไม่ได้บัตรประจำตัวพนักงานบริษัท พอจำเป็นต้องเข้าพบกับผู้บริหารระดับสูง ผมถึงได้โดนเตะออกมาทุกที

“หึหึ” ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ แล้วก็ถามต่อไปว่า “ผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นแบบสำเร็จรูปครบวงจรเหรอ ตลาดเป้าหมายของผลิตภัณฑ์นี้คือใครล่ะ”

เสี่ยวเป้ยพยักหน้าแล้วพูดว่า “ค่ะ เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปแบบครบวงจรชิ้นที่ห้า เป้าหมายของตลาดคือต้องการที่จะมุ่งเน้นไปที่การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐและองค์กรค่ะ”

ผมมึนงงและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ ฝ่ายวางแผนและฝ่ายตลาดของหยู่เฟยนี้โง่กันทุกคนเลยหรือถึงได้เลือกที่จะมุ่งเน้นการขายไปที่การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐและองค์กร

สงสัยพวกเขาคงจะไม่รู้ว่าตลาดของพวกผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปแบบครบวงจรพวกนี้มันเติบโตไปสูงมาแค่ไหน ถึงแม้ว่าจะมุ่งเน้นการขายไปที่การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐและองค์กรจะดูเหมือนการปอกกล้วยเข้าปาก แต่บริษัทระดับสูงกว่าหยู่เฟยก็ฟันกันหัวแบะไปตั้งนานแล้ว

ในเมื่อหยู่เฟยไม่ได้เลือกโอกาสนี้มาตั้งแต่แรก แบรนด์ก็ไม่ได้ไมีข้อได้เปรียบมากนัก ไปคว้าแผนงานนี้มาทำก็มีแต่จะได้ไม่คุ้มเสียเท่านั้นเอง

คิดถึงตรงนี้บางทีอาจจะเพราะว่าผู้บริหารระดับสูงของฝ่ายขายไม่นับว่าผมเป็นพนักงานด้วยซ้ำ ผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะตัวเองแล้วพูดออกมาว่า “หึหึ ถ้าหากว่าการวางตำแหน่งทางการตลาดของบริษัททำได้ไม่ดีพอ แผนงานส่งเสริมการขายนี้อาจจะเสียเปล่าก็ได้นะ”

“หือ...อะไรเหรอคะ” ดูเหมือนว่าเสี่ยวเป้ยจะไม่เข้าใจความหมายของผมเธอเลยเงยหน้าขึ้นมาถาม

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่รู้สึกว่า...ผลิตภัณฑ์ใหม่ของหยู่เฟย ไม่ควรที่จะเอาไปเสนอในการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาลและองค์กรก็เท่านั้นเอง”

“เออ...” ดูเหมือนว่าเสี่ยวเป้ยจะอยากพูดอะไรออกมาสักอย่าง แต่ในทันทีใบหน้าของเธอก็ซีดเผือด ส่งสายตาให้ผมหันกลับไปข้างหลัง ใช้เท้าสะกิดขาของผมไม่หยุด

ผมหันหลังตามอย่างไม่ใส่ใจนัก คงจะมีใครยืนอยู่ข้างหลังผมสักคน พอหันไปก็พบเข้ากับใบหน้างดงามที่คุ้นเคย ใบหน้าที่ไม่แสดงสีหน้าอะไรเป็นพิเศษนั่นมองมาที่ผม

ที่แท้ก็คือเซี้ยหยุนนี่เอง!

ข้าง ๆ ของเซี้ยหยุนยังมีมีคน เป็นหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่สวมใส่สูทฝรั่งหรูหรายืนขนาบข้างกันกับเธออยู่เสียด้วย หน้าตาสะอาดสะอ้าน ใส่แว่นตากรอบทอง เมื่อมองทะลุเข้าไปในกรอบแว่นของเขานั้นก็ต้องพบกับแววตาที่สุ่มไปด้วยไฟโทสะ

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

404