บทที่ 14 เซี้ยหยุนมีอันตราย

“พี่เทา มีเรื่องอะไรทำตัวลับๆล่อๆ ทำไมต้องมาเจอกันที่นี่ด้วย บริษัทมีเรื่องอะไรน่าสนใจหรอ” เสี่ยวเป้ยมองฉันด้วยความสงสัย

เจ้าหลัวเสี่ยวเป้ยนี่ วันวันไม่ทำอะไรเอาแต่เม้ามอยเรื่องของชาวบ้าน

ฉันสายหัวพูดว่า:“ไม่มีเรื่องอะไร ฉันอยากจะให้เธอช่วยไรหน่อย”

“ช่วยอะไร?”

“เธอช่วยไปสืบกำหนดการทำงานในอีกสองสามวันของประธานเซี้ยมาให้ฉันหน่อยได้ไหม รวมทั้งหลังจากเลิกงานแล้วเขาไปที่ไหน บ้านเขาอยู่ที่ไหน เธอทำได้รึป่าว”

“ห่ะ” หลัวเสี่ยวถึงกับตกใจ เขามองฉันด้วยสายตาแปลกๆ “พี่จะสะกดรอยตามประธานเซี้ยหรอ”

“ไม่ใช่ซะหน่อย เป็นเรื่องของงาน ก็เรื่องงานชิ้นนั้นของฉันไง”

“แต่ยังไงก็เหอะ ถ้าเธอช่วยฉัน งานชิ้นนั้นสำเร็จ ฉันจะให้รางวัลเธอออย่างงาม”

“มีรางวัลด้วย” สายตาของเสี่ยวเป้ยแวววาวขึ้นมาทันที

“ทำได้รึป่าว?”

“แต่ว่า ฉันไม่รู้ว่าบ้านของประธานเซี้ยอยู่ที่ไหน กำหนดการทำงานยิ่งแล้วใหญ่ มีแต่ซูลู่เท่านั้นที่รู้”

“ซูลู่คือใคร?”

“เลขาของประธานเซี้ยไง”

“เธอก็ติดสินบนเขาสิ หรือไม่งั้นก็เอาเรื่องสนุกๆไปแลกเปลี่ยน”

“เออ่...” เสี่ยวเป้ยทำตาปริบๆ “ก็ได้ เดี๋ยวฉันจะลองดู”

ฉันยิ้มด้วยความพอใจ “ที่สำคัญคือ คอยดูด้วยว่ามีคนแปลกหน้านัดเจอเขารึป่าว เอาล่ะ ฉันต้องออกไปข้างนอก ได้เรื่องยังไงก็โทรมาบอกฉัน”

ออกมาจากห้องใต้บรรได ฉันก็ตรงดิ่งไปที่เกมส์อัจฉริยะ

พอถึงเกมส์อัจฉริยะ ลูกน้องของหูคุนบอกฉันว่า วันนี้หูคุนไม่ได้เข้ามาบริษัท และเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหูคุนไปไหน

ฉันไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก

ผ่านไปสักพัก ก็ยังไม่เห็นเงาของหูคุน ดูเหมือนวันนี้เขาคงจะไม่มาแล้วจริงๆ

ฉันกำลังจะเดินออกมาจากเกมส์อัจฉริยะ ก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามา เบอร์คุ้นๆแต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเป็นใคร

ฉันจำได้แล้ว นี่มันเบอร์ของฟางเฟย

ฉันลังเลอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็กดรับโทรศัพท์

“เฉินเทา” ฟางเฟยจริงๆด้วย

“มีธุระอะไร” ฉันถามกลับไปแบบเย็นชา

“ฉันแค่อยากจะขอโทษคุณ” น้ำเสียงที่รู้สึกผิดของฟางเฟย “ฉันไปถามถันฉวนแล้ว เขาบอกว่าเขาไม่ได้บอกคุณว่าฉันอยู่ที่ปินไห่ เป็นฉันเองที่เข้าใจคุณผิด ฉันขอโทษ”

น้ำเสียงของฟางเฟยเบาลงเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกผิดหวัง

ได้ยินคำขอโทษของฟางเฟย ฉันไม่มีความรู้สึกดีใจ แต่กลับรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก

เหอะเหอะ ขอโทษแล้วยังไงกัน เขาดูถูกฉันมาตลอดถึงได้เข้าใจผิดฉัน

ขอโทษก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดที่เค้ามีต่อฉันได้

ฉันใช้น้ำสียงที่เย็นชาถามกลับไปว่า:“มีอะไรอีกมั้ย ถ้าไม่มีฉันจะวางสายแล้ว”

“เฉินเทา แต่จะยังไงฉันก็อยากให้คุณลากออกจากหยู่เฟยซะ คุณจมปลักอยู่แบบนี้มาเป็นปีแล้ว ถ้างานชิ้นนี้ผิดพลาดอีก ฉันกลัวว่าคุณจะจมปลักแบบนี้ต่อไป ที่ฉันทำอย่างนี้ก็เพื่อคุณ ฉันไม่อยากเห็นคุณเป็นแบบนี้”

“เหอะ คุณเคยเห็นผมจมปลักหรอ” ฉันยิ้มแห้ง

ฟางเฟยก็เงียบไป เขาคงรู้ว่าฉันหมายความว่าอะไร ก่อนที่จะมาถึงวันนี้ เลิกกันเเล้วเป็นปีเราไม่เคยเจอกัน เขาจะเคยเห็นฉันจมปลักได้ยังไง

ฉันหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ แล้วพูดว่า:“คุณไม่ต้องกังวล ถึงผมจะจมปลักยังไงผมก็ไม่กระโดดตึกหรอก แล้วอีกอย่าง เราเลิกกันไปตั้งนานแล้ว ผมจะเป็นยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”

พูดเสร็จ ฉันก็วางสายเลยทันที จากนั้นก็เดินไปที่ป้ายรถเมล์

เหอะ ไม่อยากจะเห็นฉันจมปลัก ยังไงเขาก็ดูถูกฉันอยู่ดี ฉันจะต้องทำงานชิ้นนี้ให้ได้ จะต้องทำให้เขาเห็นว่าฉันก็เป็นคนมีความสามารถ อย่างน้อยฉันก็เคยต่อสู้เพื่อความสุขของเขา

จู่ๆฉันก็หยุดเดิน แล้วคิดขึ้นได้

ฉันทำไมถึงคิดมากกับความคิดของฟางเฟยที่มีต่อฉัน หรือว่าฉันยังแคร์เขาอยู่

ฉันคงผิดเอง ที่คิดว่าตัวเองปล่อยวางฟางเฟยได้

นี้เป็นเรื่องจริงที่โหดร้าย เสียงโทศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นสายเรียกจากเสี่ยวเป้ย

ฉันกดรับสาย เสี่ยวเป้ยก็พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า:“พี่เทา น่าตื่นเต้นจังเลย”

ฉันได้ยินเสียงของเสี่ยวเป้ยก็พอจะรู้ว่าเขาคงจะอารมณ์ดีไม่เบา “เรื่องอะไรถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้ เธอไปได้ยินอะไรเกี่ยวกับเรื่องของประธานเซี้ยมาหรอ”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ฉันไปได้ยินมาเยอะเลยล้วนเป็นเรื่องที่เราไม่เคยรู้ทั้งนั้น พี่อยากรู้มั้ยว่าเรื่องอะไร”

“เออ่...” ฉันไม่รู้จะพูดอะไร “ช่างเถอะ ฉันไม่สนใจเรื่องพวกนั้น เรื่องที่ฉันให้ไปสืบมาเป็นยังไงบ้าง”

“เออ่ ได้ความแล้ว เมื่อกี้พี่ลู่บอกฉันว่า วันนี้ประธานเซี้ยมีนัดคุยธุระกิจกับลูกค้าคนหนึ่งที่KTV”

“คุยธุระกิจ” ฉันถึงกับตกใจ “ลูกค้าอะไร ทำไมถึงได้นัดคุยธุรกิจที่KTV พวกเขานัดกันกี่โมง”

“พี่ลู่บอกว่า ลูกค้ารายใหม่ เป็นผู้หญิง วันนี้พึ่งจะโทรมาหาประธานเซี้ย บอกว่าอยากจะร้องเพลงไปด้วยคุยงานไปด้วยถึงได้นัดที่KTV ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากี่โมง”

“KTVที่ไหนกัน”

“สถานบันเทิงฮวังฉาว”

“เหี้ย” ฉันพูดออกมาด้วยความตกใจ สถานบันเทิงฮวังฉาวก็คือKTVที่หูคุนพาฉันไปวันนั้น สถานที่แบบนั้น ลูกค้าผู้หญิงที่ไหนเขาไปกัน

“พี่เทาพี่พูดคำหยาบอีกแล้ว” เสี่ยวเป้ยพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ขอโทษ ขอโทษ ฉันไม่ได้ว่าเธอ เมื่อกี้มีคนเดินชนฉัน ฉันก็เลยตกใจ” “เสี่ยวเป้ยฉันวางสายก่อนนะ มีอะไรค่อยโทรมา”

“โอเค แบตโทรศัพท์ฉันก็จะหมดแล้วเหมือนกัน บายบาย”

วางสายเสร็จ ฉันก็รีบโบกแท็กซี่ ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงตรง ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขานัดกันกี่โมง แต่ถ้าฉันรีบไปตอนนี้น่าจะไปทัน

เมืองปินไห่มีKTVตั้งหลายที่ แต่กลับนัดเซี้ยหยุนไปสถานที่แบบนั้น ดูก็รู้ว่าหูคุนคงให้ผู้หญิงโทรนัดเซี้ยหยุนออกมาแน่ๆ

คนแบบหูคุน อะไรก็กล้าทำ ถ้าเกิดเขาคิดไม่ดีกับเซี้ยหยุนละ...

แม่งเอ้ย ฉันจะตีให้ตายเลยคอยดู

คิดแบบนี้ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดคำหยาบ ฉันโบกแท็กซี่อย่างไม่คิดชีวิต

แต่ว่าเวลานี้เป็นเวลาเลิกงาน นอกจากรถติดบนถนนเเล้วแท็กซี่ก็ยังหายากอีกด้วย

ฉันวิตกกังวลไปหมด โทรหาหูคุนเขาก็ไม่รับโทรศัพท์

โทรหาเสี่ยวเป้ยเพื่อจะเอาเบอร์โทรศัพท์ของเซี้ยหยุน

เสี่ยวเป้ยก็ปิดเครื่อง เเบตโทรศัพท์ของเขาน่าจะหมดจริงๆ

แล้วฉันก็ไม่มีเบอร์คนอื่นแล้วด้วย ตอนนี้ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากหาแท็กซี่

ผ่านไปสิบกว่านาที ฉันก็ยังหาแท็กซี่ไม่ได้ ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหาดูตำแหน่งของสถานบันเทิงฮวังฉาว ห่างจากที่ฉันอยู่ตอนนี้ไม่ไกลมากนัก ประมาณแปดกิโลเมตร

ฉันไม่ทันได้คิดอะไรก็วิ่งตรงไปทางสถานบันเทิงฮวังฉาว ระหว่างวิ่งฉันก็คอยดูรถแท็กซี่ตลอด

ตอนนี้เวลานี้ ฉันไม่ได้คิดว่าจะโน้มน้าวหูคุนยังไง แต่กลับคิดว่าจะห้ามไม่ให้เขาล่วงเกินเชี่ยหยุนยังไง

ในหัวของฉันตอนนี้มีแต่ใบหน้าและดวงตาที่งดงามของเซี้ยหยุน เขาจะโดนหูคุนหลอกเอาไม่ได้นะ

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

404