บทที่ 1 ตระกูลอันดับหนึ่ง
by จินเหอซี
08:30,Apr 26,2021
ที่หน้าประตูร้านคาราโอเกะโม๋ฮว่าน
พอโจวเทียนขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถ ก็มองเห็นน้องสะใภ้หลี่รั่วซือเข้าพอดี
เด็กสาวคนนี้มีใบหน้างดงามสวยใสตามวัย วันนี้เธอแต่งหน้าบางๆ ยิ่งทำให้ดูงดงามน่าทะนุถนอม
"รั่วซือ รีบขึ้นรถเร็วเข้า แม่รอเธอกลับไปกินข้าวอยู่นะ"
โจวเทียนลงมาจากประตูรถ ขาข้างหนึ่งของเขาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ดูลำบากมาก
"โอ้โห นี่ใช่ไอ้เป๋พี่เขยของรั่วซือน่ะหรอ ได้ยินมายังไม่เท่ากับตาเห็นเลยนะเนี่ย"
"ขาข้างซ้ายเหยียบพื้นสูงร้อยหกสิบ ขาขวาเหยียบพื้นสูงร้อยเจ็ดสิบ เฉลี่ยแล้วก็สูงร้อยหกห้าพอดี ฮ่าฮ่าาา……"
"นี่อย่าไปหัวเราะเยาะคนอื่นสิ พิการมันลำบากนะ……"
สาวๆที่เดินออกมากับหลี่รั่วซือ ต่างพากันหัวเราะคิกคักกันอย่างมีความสุข
หลี่รั่วซือโกรธจนหน้าซีดขาว เจอพี่เขยขาเป๋นี่ทีไรไม่เคยจะมีเรื่องดี!
แถมนี่ยังมาโดนเพื่อนร่วมคลาสหัวเราะเยาะอีก?
"ยังไม่รีบขึ้นรถอีก?ฉันบอกให้นายรออยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ใช่หรอ?"
หลี่รั่วซือจ้องหน้าโจวเทียนอย่างโมโห พอขึ้นรถก็ขึ้นไปนั่งที่เบาะด้านหลัง
"พี่กลัวเธอข้ามถนนไม่ปลอดภัย เลยขับรถมารอทางนี้……"
"ยังมาพูดจาไร้สาระ!ฉันขายหน้าคนอื่นเขาหมด"
"……"
โจวเทียนไม่กล้าพูดอะไรอีก ขับรถพาหลี่รั่วซือออกไปจากที่นี่ทันที
เป็นเวลาสามปีกว่าแล้วที่เขาเข้ามาอยู่ในครอบครัวหลี่ สถานะของเขาก็ไม่ต่างจากหมาตัวหนึ่ง พอคิดมาถึงตรงนี้เขาก็รู้สึกเศร้าอยยู่ภายในใจ
"แม่คะ หนูกลับมาแล้ว เอ้ะ เธอเป็นใครกัน?"
พอหลี่รั่วซือเดินเข้ามาในบ้าน ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งวัยพอๆกันกับเธอ
"ยังมีใครล่ะ?ก็น้องสาวไอ้เป๋ไง!"
จางซูยวิ๋นกลอกตาใส่โจวเทียนอย่างอารมณ์ไม่ดี
สำหรับลูกเขยที่ไร้หัวนอนปลายเท้าแถมยังขาเป๋คนนี้ เธอไม่อยากจะมองให้เสียสายตาเลยด้วยซ้ำ
"อ่อ งั้นหนูเข้าห้องเลยล่ะกัน"
หลี่รั่วซือเหลือบมองน้องสาวโจวเทียนที่สวมใส่เสื้อผ้ามอซอด้วยสายตารังเกียจ ก่อนจะกลับเข้าห้องของตัวเอง
"น้องพี่ เรามาที่นี่ได้ยังไง?"
โจวเทียนมองหน้าโจวหลิงด้วยความรักใคร่
"ค่าเทอมเทอมนี้ของหนูไม่พอค่ะ……"
โจวหลิงกุมชายเสื้อ ใบหน้าแดงก่ำเอ่ยเสียงเบา
"ขาดอีกเท่าไหร่?"
"ยังขาดอีกพันกว่าค่ะ"
"โทรมาหาพี่ก็ได้ ไม่เห็นต้องมาเลย……"
โจวเทียนเอ่ยไปก็ลอบมองหน้าของจางซูยวิ๋น เขากลัวจริงๆว่าแม่เสือตัวนี้จะอาละวาดใส่น้องสาวของเขา
ตามที่คาดไว้เลย ตอนนี้สีหน้าของจางซูยวิ๋นไม่ดีแล้ว
"หิวเงินจนบากหน้ามาถึงที่นี่ หล่อนยังมียางอายอยู่มั้ย!"
จางซูยวิ๋นยกแขนทั้งสองข้างเท้าสะเอว จ้องหน้าโจวหลิง
"คุณน้าคะ เงินนี่หนูทำงานแล้วจะหาเงินมาคืนพี่ค่ะ คุณน้าอย่างเพิ่งโมโห"
"คือ?หล่อนจะเอาอะไรมาคืน ไปขายตัวหรือไง?"
จางซูยวิ๋นสีหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก พร้อมกับหัวเราะเยาะ
"แม่ครับ อย่าพูดจาแย่ขนาดนั้นได้มั้ยครับ ผมไม่ได้จะใช้เงินแม่สักหน่อย ผมเองก็มีเงิน"
โจวเทียนพยายามข่มกลั้นความโมโห จะดูถูกเขายังไงก็ได้ เขาทนได้ แต่มาดูถูกน้องสาวเขาแบบนี้ เขาทนไม่ได้
"แกมีเงิน?หึหึ ตลกจริงจริ๊ง แกกินอยู่บ้านฉัน เกาะลูกสาวฉันกิน แกจะไปมีเงินมาจากไหน?"
"ผม……"
"แกทำไม?นอกจากซักผ้าทำกับข้าว แกออกไปหาเงินบ้างมั้ย?"
"ผัวฉันที่ตายไปแล้วหน้ามืดตามัวหรือไงกันถึงเอาคนอย่างแกเข้ามา ถ้าแกพยายามมุมานะสักหน่อยฉันจะไม่ว่าเลย นี่อะไรกัน ความสามารถอะไรก็ไม่มีแถมยังมาพิการอีก!"
"แค่เลี้ยงดูไอ้กระจอกอย่างแกคนเดียวก็เกินพอแล้ว ยังต้องมาเลี้ยงดูครอบครัวสวะของแกอีกหรอ?"
"สงสารลูกสาวฉัน ดอกฟ้าอย่างเธอต้องมาตกเป็นของไอ้หมาวัดอย่างแก"
ถูกแม่ยายด่าเป็นชุดแบบนี้ ใบหน้าของโจวเทียนก็ร้อนผ่าว พูดอะไรไม่ออก
เข้ามาอยู่ในครอบครัวหลี่ได้ไม่เท่าไหร่ขาข้างซ้ายของเขาก็ดันมีปัญหา เดินกะเผลกๆจนกลายเป็นเรื่องตลกของคนอื่นๆ
"พี่ เรื่องค่าเทอมเดี๋ยวหนูค่อยคิดหาวิธีเองละกัน หนูไปก่อนดีกว่า"
เบ้าตาของโจวหลิงแดงก่ำ เปิดประตูพุ่งออกไปทันที
"น้องพี่!"
โจวเทียนร้อนใจไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงรีบตามออกไป
แต่เนื่องจากขาของเขาไม่ดี พอออกมาหน้าประตูก็ดันล้มลงไป หน้าผากชนเข้ากับกระเป๋าใบใหญ่
"ช่างไร้ประโยชน์จริงจริ๊ง เฮ้อะๆ ไม่แปลกใจที่น้องสาวชั้นต่ำของแกมายืมเงิน เศษสวะทั้งคู่"
จางซูยวิ๋นยืนกอดอกหัวเราะเยาะอยู่ที่หน้าประตู
"ว่าใครชั้นต่ำ?"
โจวเทียนทนไม่ไหวแล้ว ลุกขึ้นยืนพลางตะคอก
ทำเอาจางซูยวิ๋นตกอกตกใจ ตลอดระยะเวลาสามปีกว่าโจวเทียนว่านอนสอนง่ายมาโดยตลอด อยู่ดีๆมาตอบโต้แบบนี้ทำเอาคนอื่นตกใจ
แต่ไม่นานเธอก็กลับมาไม่สะทกสะท้าน"โอ้โห แกคิดจะโต้ตอบงั้นหรอ ถ้าแกไม่อยากจะอยู่ที่นี่ ก็รีบไสหัวออกไปซะ ที่นี่เอาไว้ให้คนดีๆเขาอยู่!"
โจวเทียนกัดริมฝีปากจนแตก ไปก็ไป ทุกวันนี้ใช้ชีวิตอยู่ก็เหมือนหมาตัวหนึ่ง มันมีความหมายอะไร
ภายในใจเขากังวลเรื่องของน้องสาว เขาจึงรีบลงบันไดไปที่ข้างถนน
แต่ไร้เงาของน้องสาว
เขารู้สีกเสียใจและขมขื่นจับใจ โจวเทียนนั่งลงที่หัวมุมถนนไร้ผู้คนอย่างเลื่อนลอย
เมื่อสักครู่นิ้วมือเขาไถลกับพื้น มีเลือดไหลออกมา แต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดเดียว
ถูกแม่ยายไล่ออกมา เขาจะไปที่ไหนได้?
คนไม่มีการศึกษา ไม่มีความสามารถ แถมขายังพิการ ยังไงก็ใช้ชีวิตลำบาก
พอนึกถึงภรรยาหลี่รั่วเสวี่ยที่ใบหน้างดงามราวกับเทพธิดา โจวเทียนก็ตัดใจจากเธอไปไม่ได้
แม้ว่าหลี่รั่วเสวี่ยจะไม่ได้ชอบเขา ตลอดสามปีมานี้ไม่แม้แต่จะได้แตะต้องเธอสักนิด
แต่ตอนนี้ความเสียใจต้องเก็บไปก่อน ต้องจัดการเรื่องค่าเทอมของน้องสาวให้ได้ก่อน
แต่ตัวเองก็ลำบากแม้แต่เงินค่าบ้านไม่กี่ร้อยหยวนยังไม่พอเลย……
เขาถอนหายใจออกมายาวๆ โจวเทียนหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาเบอร์ที่อยู่ภายในใจของเขามาตลอดสิบปี
พอรับสาย โจวเทียนก็บอกเพียงชื่อและที่อยู่ของตัวเอง จากนั้นก็วางสายไป
สองชั่วโมงต่อมา……
เฮลิคอปเตอร์เชิงพาณิชย์ลำหนึ่งก็ลงจอด ชายชราที่สวมใส่ชุดหรูหราพร้อมกับลูกน้องอีกสองคนก็รีบวิ่งเข้ามาในซอย
"คุณชาย คุณชายจริงๆด้วย!"
ชายชรายืนตรงหน้าโจวเทียนอย่างนอบน้อม ตื่นเต้นจนน้ำตารื้น
ลูกน้องอีกสองคนยิ่งกว่าไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ภายในใจรู้สึกตกตะลึง
ใครจะคิดว่าชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาๆตรงหน้า จะเป็นคุณชายแห่งตระกูลอันดับหนึ่งของประเทศที่หายตัวไปสิบปี
"พ่อบ้านฉิว"
"คุณชาย น้องชายคนละแม่ของคุณชายได้จากไปด้วยโรคร้ายครับ แม่เลี้ยงของคุณชายไม่มีฐานะใดๆในตระกูลโจว ไม่มีทางคุกคามความปลอดภัยของท่านได้อีกแล้ว คุณท่านกำชับไว้ว่าต้องตามตามหาคุณชายให้เจอ คุณชายเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลโจวนะครับ……"
ยังไม่ทันที่พ่อบ้านฉินจะเอ่ยจบ โจวเทียนก็โบกมือแสดงความนัยว่าไม่ต้องพูดแล้ว
ตอนที่เขาเป็นเด็กแม่เลี้ยงต้องการที่จะลอบฆ่าเขา เขาทำได้เพียงหนีออกมาจากเมืองปักกิ่ง การหนีออกมาครังนี้เป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว!
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพ่อของโจวหลิงเก็บเขามาเลี้ยง เขาคงอดอยากแข็งตายไปนานแล้ว
ตอนนั้นพ่อแท้ๆของเขาทำอะไรอยู่ล่ะ?
คงจะโอบกอดแม่เลี้ยงช่วยกันเลี้ยงดูน้องชายของเขาอยู่ล่ะมั้ง!
พระคุณของพ่อบุญธรรม เขาต้องตอบแทน
ส่วนโจวหลิงที่อยู่ร่วมชายคากันนับสิบปี เขาก็มองเธอเป็นน้องสาวแท้ๆของตัวเอง
ส่วนพ่อแท้ๆของเขา กับตระกูลโจวอันมั่งคั่งและร่ำรวยแห่งปักกิ่งนั้น โจวเทียนยังไม่สามารถขจัดความบาดหมางนั้นออกไปได้
"มีให้ผมยืมสักสองพันมั้ย ผมมีเรื่องด่วนจำเป็นต้องใช้"
โจวเทียนคิดไปคิดมาก็เอ่ยถามพ่อบ้านฉิวนิ่งๆ
ฟุ่บ!
พ่อบ้านฉิวเครียดขึ้นมาทันที พร้อมกับคุกเข่าลงไปที่พื้นต่อหน้าโจวเทียน
"คุณชาย ท่านกำลังตบหน้าขี้ข้าอย่างกระผมอยู่หรือครับ ท่านเป็นถึงสายเลือดเดียวที่เหลืออยู่ของคุณท่าน ต่อให้เป็นสองแสนล้านก็ไม่มีปัญหาครับ!"
"ภายในบัตรนี้มีเงินอยู่ห้าสิบล้าน คุณท่านกำชับให้กระผมนำมันมาด้วย มอบให้คุณชายใช้สำหรับการเดินทางกลับปักกิ่ง……"
พ่อบ้านฉิวพูดไปก็นำบัตรสีดำส่งมาให้
โจวเทียนเองก็ไม่เกรงใจ เก็บบัตรเข้ามาสู้อ้อมแขน
"กลับไปบอกพ่อผมนะ ไม่ต้องมารบกวนผม ผมอยู่นี่มีบ้านมีภรรยา มีชีวิตเป็นของตัวเอง"
โจวเทียนเอ่ยทิ้งท้าย พร้อมกับหมุนตัวเดินกะเผลกๆออกไปจากที่นี่
ทำเอาพ่อบ้านฉิวประหม่าจนตัวสั่น คุณชายอันสูงส่ง ตอนน้ำกลับ……ขาเป๋ไปแล้ว?
"คุณชายไม่ยอมกลับไปแน่ๆ แบบนี้เราก็อธิบายกับคุณท่านไม่ได้น่ะสิครับ"ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล
พ่อบ้านฉิวมองตามหลังของโจวเทียนที่เดินออกไป ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆ:"รู้ว่าคุณชายอยู่ที่ไหนก็ดีแล้ว……"
……
พอจิตใจของโจวเทียนสงบลง เขาก็เดินทางไปที่โรงพยาบาลคนเดียว
ขาของเขาไม่ได้เป็นโรคที่รักษาไม่ได้ เพียงแค่เขาไม่มีเงินรักษาก็เท่านั้น
ภาวะลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดํา แค่ผ่าตัดเล็กก็หายแล้ว ตอนนี้เขามีเงินแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย
พอออกมาจากโรงพยาบาล โจวเทียนก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
ถ้าไม่ดูดีๆ ก็มองไม่เห็นอาการเป๋แล้ว ผ่านไปไม่กี่วันก็สามารถเดินได้เหมือนคนปกติแล้ว
บนใบหน้าของโจวเทียนปรากฏรอยยิ้มที่ไม่ได้เผยออกมาให้เห็นมานานแล้ว พอนึกถึงโจวหลิงผู้เป็นน้องสาว เขาก็รู้สึกกังวลมาก
ตลอดปิดเทอมภาคฤดูร้อน โจวหลิงก็ทำงานเป็นพนักงานที่ภัตตาคารลี่เจียงซีฟู๊ด ดังนั้นโจวเทียนจึงเรียกรถไปที่นั่น
พอเดินไปถึงโถงใหญ่ของภัตตาคาร ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดพนักงานแต่งหน้าจัด หญิงสาวคนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าของโจวหลิง ด้วยท่าทางทำตัวสูงส่ง
"โจวหลิงเมื่อกี้เธอไปไหนมา?"
เผิงน่าชี้หน้าโจวหลิงพลางเอ่ยถาม เธอเป็นหัวหน้าคนงานของภัตตาคาร ไม่ค่อยถูกชะตากับโจวหลิง
"พี่เผิงคะ พอดีว่ามันใกล้เปิดเทอมแล้ว เมื่อกี้หนูไปขอยืมค่าเทอมกับพี่ชายมาค่ะ……"
เห็นได้ชัดว่าโจวหลิงเกรงกลัวเผิงน่ามาก เธอเอ่ยตอบด้วยเสียงเบา
"เธอได้ขออนุญาตฉันมั้ยหรือออไปตามอำเภอใจ?"
"พี่เผิงคะ หนูหาพี่ไม่เจอ โทรศัพท์ไปพี่ก็ไม่ติด"
"นังยากจนอย่างหล่อน ขนาดค่าเทอมยังไม่มีจ่ายจนต้องไปยืม ใชีชีวิตแบบนี้นี่มันช่างล้มเหลวจริงๆ ไม่บอกไม่กล่าวอะไรฉันแล้วยังออกไปตามอำเภอใจ หล่อนไม่เห็นหัวฉันเลยใช่มั้ย?"
เผิงน่าเอ่ยตำหนิโจวหลิง ภายในใจกลับรู้สึกชอบอกขอบใจมากๆ
ภายในใจเธอคิด ใครใช้ให้หล่อนหน้าตาดีล่ะ?ผู้ชายต่างโดนหล่อนตกไปหมด หี หล่อนต้องโดนฉันจัดการ
พอเห็นโจวหลิงโดนต่อว่าแบบนี้ โจวเทียนก็รีบเดินเข้าไปหา "เธอพูดจาให้มันดีๆหน่อยได้มั้ย ทำไมจะต้องรังแกคนอื่น?"
เผิงน่ามองสำรวจโจวเทียน เห็นโจวเทียนแต่งตัวเหมือนพ่อค้าแผงลอย ก็หัวเราะเยาะออกมา
ไอ้ผู้ชายธรรมดาๆกระจอกๆแบบนี้ คิดจะเป็นฮีโร่มาช่วยสาวงามงั้นหรอ?
"เหอะๆ ก็ฉันอยากจะรังแกมัน นายมีปัญหาอะไร?"
พอโจวเทียนขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถ ก็มองเห็นน้องสะใภ้หลี่รั่วซือเข้าพอดี
เด็กสาวคนนี้มีใบหน้างดงามสวยใสตามวัย วันนี้เธอแต่งหน้าบางๆ ยิ่งทำให้ดูงดงามน่าทะนุถนอม
"รั่วซือ รีบขึ้นรถเร็วเข้า แม่รอเธอกลับไปกินข้าวอยู่นะ"
โจวเทียนลงมาจากประตูรถ ขาข้างหนึ่งของเขาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ดูลำบากมาก
"โอ้โห นี่ใช่ไอ้เป๋พี่เขยของรั่วซือน่ะหรอ ได้ยินมายังไม่เท่ากับตาเห็นเลยนะเนี่ย"
"ขาข้างซ้ายเหยียบพื้นสูงร้อยหกสิบ ขาขวาเหยียบพื้นสูงร้อยเจ็ดสิบ เฉลี่ยแล้วก็สูงร้อยหกห้าพอดี ฮ่าฮ่าาา……"
"นี่อย่าไปหัวเราะเยาะคนอื่นสิ พิการมันลำบากนะ……"
สาวๆที่เดินออกมากับหลี่รั่วซือ ต่างพากันหัวเราะคิกคักกันอย่างมีความสุข
หลี่รั่วซือโกรธจนหน้าซีดขาว เจอพี่เขยขาเป๋นี่ทีไรไม่เคยจะมีเรื่องดี!
แถมนี่ยังมาโดนเพื่อนร่วมคลาสหัวเราะเยาะอีก?
"ยังไม่รีบขึ้นรถอีก?ฉันบอกให้นายรออยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ใช่หรอ?"
หลี่รั่วซือจ้องหน้าโจวเทียนอย่างโมโห พอขึ้นรถก็ขึ้นไปนั่งที่เบาะด้านหลัง
"พี่กลัวเธอข้ามถนนไม่ปลอดภัย เลยขับรถมารอทางนี้……"
"ยังมาพูดจาไร้สาระ!ฉันขายหน้าคนอื่นเขาหมด"
"……"
โจวเทียนไม่กล้าพูดอะไรอีก ขับรถพาหลี่รั่วซือออกไปจากที่นี่ทันที
เป็นเวลาสามปีกว่าแล้วที่เขาเข้ามาอยู่ในครอบครัวหลี่ สถานะของเขาก็ไม่ต่างจากหมาตัวหนึ่ง พอคิดมาถึงตรงนี้เขาก็รู้สึกเศร้าอยยู่ภายในใจ
"แม่คะ หนูกลับมาแล้ว เอ้ะ เธอเป็นใครกัน?"
พอหลี่รั่วซือเดินเข้ามาในบ้าน ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งวัยพอๆกันกับเธอ
"ยังมีใครล่ะ?ก็น้องสาวไอ้เป๋ไง!"
จางซูยวิ๋นกลอกตาใส่โจวเทียนอย่างอารมณ์ไม่ดี
สำหรับลูกเขยที่ไร้หัวนอนปลายเท้าแถมยังขาเป๋คนนี้ เธอไม่อยากจะมองให้เสียสายตาเลยด้วยซ้ำ
"อ่อ งั้นหนูเข้าห้องเลยล่ะกัน"
หลี่รั่วซือเหลือบมองน้องสาวโจวเทียนที่สวมใส่เสื้อผ้ามอซอด้วยสายตารังเกียจ ก่อนจะกลับเข้าห้องของตัวเอง
"น้องพี่ เรามาที่นี่ได้ยังไง?"
โจวเทียนมองหน้าโจวหลิงด้วยความรักใคร่
"ค่าเทอมเทอมนี้ของหนูไม่พอค่ะ……"
โจวหลิงกุมชายเสื้อ ใบหน้าแดงก่ำเอ่ยเสียงเบา
"ขาดอีกเท่าไหร่?"
"ยังขาดอีกพันกว่าค่ะ"
"โทรมาหาพี่ก็ได้ ไม่เห็นต้องมาเลย……"
โจวเทียนเอ่ยไปก็ลอบมองหน้าของจางซูยวิ๋น เขากลัวจริงๆว่าแม่เสือตัวนี้จะอาละวาดใส่น้องสาวของเขา
ตามที่คาดไว้เลย ตอนนี้สีหน้าของจางซูยวิ๋นไม่ดีแล้ว
"หิวเงินจนบากหน้ามาถึงที่นี่ หล่อนยังมียางอายอยู่มั้ย!"
จางซูยวิ๋นยกแขนทั้งสองข้างเท้าสะเอว จ้องหน้าโจวหลิง
"คุณน้าคะ เงินนี่หนูทำงานแล้วจะหาเงินมาคืนพี่ค่ะ คุณน้าอย่างเพิ่งโมโห"
"คือ?หล่อนจะเอาอะไรมาคืน ไปขายตัวหรือไง?"
จางซูยวิ๋นสีหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก พร้อมกับหัวเราะเยาะ
"แม่ครับ อย่าพูดจาแย่ขนาดนั้นได้มั้ยครับ ผมไม่ได้จะใช้เงินแม่สักหน่อย ผมเองก็มีเงิน"
โจวเทียนพยายามข่มกลั้นความโมโห จะดูถูกเขายังไงก็ได้ เขาทนได้ แต่มาดูถูกน้องสาวเขาแบบนี้ เขาทนไม่ได้
"แกมีเงิน?หึหึ ตลกจริงจริ๊ง แกกินอยู่บ้านฉัน เกาะลูกสาวฉันกิน แกจะไปมีเงินมาจากไหน?"
"ผม……"
"แกทำไม?นอกจากซักผ้าทำกับข้าว แกออกไปหาเงินบ้างมั้ย?"
"ผัวฉันที่ตายไปแล้วหน้ามืดตามัวหรือไงกันถึงเอาคนอย่างแกเข้ามา ถ้าแกพยายามมุมานะสักหน่อยฉันจะไม่ว่าเลย นี่อะไรกัน ความสามารถอะไรก็ไม่มีแถมยังมาพิการอีก!"
"แค่เลี้ยงดูไอ้กระจอกอย่างแกคนเดียวก็เกินพอแล้ว ยังต้องมาเลี้ยงดูครอบครัวสวะของแกอีกหรอ?"
"สงสารลูกสาวฉัน ดอกฟ้าอย่างเธอต้องมาตกเป็นของไอ้หมาวัดอย่างแก"
ถูกแม่ยายด่าเป็นชุดแบบนี้ ใบหน้าของโจวเทียนก็ร้อนผ่าว พูดอะไรไม่ออก
เข้ามาอยู่ในครอบครัวหลี่ได้ไม่เท่าไหร่ขาข้างซ้ายของเขาก็ดันมีปัญหา เดินกะเผลกๆจนกลายเป็นเรื่องตลกของคนอื่นๆ
"พี่ เรื่องค่าเทอมเดี๋ยวหนูค่อยคิดหาวิธีเองละกัน หนูไปก่อนดีกว่า"
เบ้าตาของโจวหลิงแดงก่ำ เปิดประตูพุ่งออกไปทันที
"น้องพี่!"
โจวเทียนร้อนใจไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงรีบตามออกไป
แต่เนื่องจากขาของเขาไม่ดี พอออกมาหน้าประตูก็ดันล้มลงไป หน้าผากชนเข้ากับกระเป๋าใบใหญ่
"ช่างไร้ประโยชน์จริงจริ๊ง เฮ้อะๆ ไม่แปลกใจที่น้องสาวชั้นต่ำของแกมายืมเงิน เศษสวะทั้งคู่"
จางซูยวิ๋นยืนกอดอกหัวเราะเยาะอยู่ที่หน้าประตู
"ว่าใครชั้นต่ำ?"
โจวเทียนทนไม่ไหวแล้ว ลุกขึ้นยืนพลางตะคอก
ทำเอาจางซูยวิ๋นตกอกตกใจ ตลอดระยะเวลาสามปีกว่าโจวเทียนว่านอนสอนง่ายมาโดยตลอด อยู่ดีๆมาตอบโต้แบบนี้ทำเอาคนอื่นตกใจ
แต่ไม่นานเธอก็กลับมาไม่สะทกสะท้าน"โอ้โห แกคิดจะโต้ตอบงั้นหรอ ถ้าแกไม่อยากจะอยู่ที่นี่ ก็รีบไสหัวออกไปซะ ที่นี่เอาไว้ให้คนดีๆเขาอยู่!"
โจวเทียนกัดริมฝีปากจนแตก ไปก็ไป ทุกวันนี้ใช้ชีวิตอยู่ก็เหมือนหมาตัวหนึ่ง มันมีความหมายอะไร
ภายในใจเขากังวลเรื่องของน้องสาว เขาจึงรีบลงบันไดไปที่ข้างถนน
แต่ไร้เงาของน้องสาว
เขารู้สีกเสียใจและขมขื่นจับใจ โจวเทียนนั่งลงที่หัวมุมถนนไร้ผู้คนอย่างเลื่อนลอย
เมื่อสักครู่นิ้วมือเขาไถลกับพื้น มีเลือดไหลออกมา แต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดเดียว
ถูกแม่ยายไล่ออกมา เขาจะไปที่ไหนได้?
คนไม่มีการศึกษา ไม่มีความสามารถ แถมขายังพิการ ยังไงก็ใช้ชีวิตลำบาก
พอนึกถึงภรรยาหลี่รั่วเสวี่ยที่ใบหน้างดงามราวกับเทพธิดา โจวเทียนก็ตัดใจจากเธอไปไม่ได้
แม้ว่าหลี่รั่วเสวี่ยจะไม่ได้ชอบเขา ตลอดสามปีมานี้ไม่แม้แต่จะได้แตะต้องเธอสักนิด
แต่ตอนนี้ความเสียใจต้องเก็บไปก่อน ต้องจัดการเรื่องค่าเทอมของน้องสาวให้ได้ก่อน
แต่ตัวเองก็ลำบากแม้แต่เงินค่าบ้านไม่กี่ร้อยหยวนยังไม่พอเลย……
เขาถอนหายใจออกมายาวๆ โจวเทียนหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาเบอร์ที่อยู่ภายในใจของเขามาตลอดสิบปี
พอรับสาย โจวเทียนก็บอกเพียงชื่อและที่อยู่ของตัวเอง จากนั้นก็วางสายไป
สองชั่วโมงต่อมา……
เฮลิคอปเตอร์เชิงพาณิชย์ลำหนึ่งก็ลงจอด ชายชราที่สวมใส่ชุดหรูหราพร้อมกับลูกน้องอีกสองคนก็รีบวิ่งเข้ามาในซอย
"คุณชาย คุณชายจริงๆด้วย!"
ชายชรายืนตรงหน้าโจวเทียนอย่างนอบน้อม ตื่นเต้นจนน้ำตารื้น
ลูกน้องอีกสองคนยิ่งกว่าไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ภายในใจรู้สึกตกตะลึง
ใครจะคิดว่าชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาๆตรงหน้า จะเป็นคุณชายแห่งตระกูลอันดับหนึ่งของประเทศที่หายตัวไปสิบปี
"พ่อบ้านฉิว"
"คุณชาย น้องชายคนละแม่ของคุณชายได้จากไปด้วยโรคร้ายครับ แม่เลี้ยงของคุณชายไม่มีฐานะใดๆในตระกูลโจว ไม่มีทางคุกคามความปลอดภัยของท่านได้อีกแล้ว คุณท่านกำชับไว้ว่าต้องตามตามหาคุณชายให้เจอ คุณชายเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลโจวนะครับ……"
ยังไม่ทันที่พ่อบ้านฉินจะเอ่ยจบ โจวเทียนก็โบกมือแสดงความนัยว่าไม่ต้องพูดแล้ว
ตอนที่เขาเป็นเด็กแม่เลี้ยงต้องการที่จะลอบฆ่าเขา เขาทำได้เพียงหนีออกมาจากเมืองปักกิ่ง การหนีออกมาครังนี้เป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว!
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพ่อของโจวหลิงเก็บเขามาเลี้ยง เขาคงอดอยากแข็งตายไปนานแล้ว
ตอนนั้นพ่อแท้ๆของเขาทำอะไรอยู่ล่ะ?
คงจะโอบกอดแม่เลี้ยงช่วยกันเลี้ยงดูน้องชายของเขาอยู่ล่ะมั้ง!
พระคุณของพ่อบุญธรรม เขาต้องตอบแทน
ส่วนโจวหลิงที่อยู่ร่วมชายคากันนับสิบปี เขาก็มองเธอเป็นน้องสาวแท้ๆของตัวเอง
ส่วนพ่อแท้ๆของเขา กับตระกูลโจวอันมั่งคั่งและร่ำรวยแห่งปักกิ่งนั้น โจวเทียนยังไม่สามารถขจัดความบาดหมางนั้นออกไปได้
"มีให้ผมยืมสักสองพันมั้ย ผมมีเรื่องด่วนจำเป็นต้องใช้"
โจวเทียนคิดไปคิดมาก็เอ่ยถามพ่อบ้านฉิวนิ่งๆ
ฟุ่บ!
พ่อบ้านฉิวเครียดขึ้นมาทันที พร้อมกับคุกเข่าลงไปที่พื้นต่อหน้าโจวเทียน
"คุณชาย ท่านกำลังตบหน้าขี้ข้าอย่างกระผมอยู่หรือครับ ท่านเป็นถึงสายเลือดเดียวที่เหลืออยู่ของคุณท่าน ต่อให้เป็นสองแสนล้านก็ไม่มีปัญหาครับ!"
"ภายในบัตรนี้มีเงินอยู่ห้าสิบล้าน คุณท่านกำชับให้กระผมนำมันมาด้วย มอบให้คุณชายใช้สำหรับการเดินทางกลับปักกิ่ง……"
พ่อบ้านฉิวพูดไปก็นำบัตรสีดำส่งมาให้
โจวเทียนเองก็ไม่เกรงใจ เก็บบัตรเข้ามาสู้อ้อมแขน
"กลับไปบอกพ่อผมนะ ไม่ต้องมารบกวนผม ผมอยู่นี่มีบ้านมีภรรยา มีชีวิตเป็นของตัวเอง"
โจวเทียนเอ่ยทิ้งท้าย พร้อมกับหมุนตัวเดินกะเผลกๆออกไปจากที่นี่
ทำเอาพ่อบ้านฉิวประหม่าจนตัวสั่น คุณชายอันสูงส่ง ตอนน้ำกลับ……ขาเป๋ไปแล้ว?
"คุณชายไม่ยอมกลับไปแน่ๆ แบบนี้เราก็อธิบายกับคุณท่านไม่ได้น่ะสิครับ"ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล
พ่อบ้านฉิวมองตามหลังของโจวเทียนที่เดินออกไป ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆ:"รู้ว่าคุณชายอยู่ที่ไหนก็ดีแล้ว……"
……
พอจิตใจของโจวเทียนสงบลง เขาก็เดินทางไปที่โรงพยาบาลคนเดียว
ขาของเขาไม่ได้เป็นโรคที่รักษาไม่ได้ เพียงแค่เขาไม่มีเงินรักษาก็เท่านั้น
ภาวะลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดํา แค่ผ่าตัดเล็กก็หายแล้ว ตอนนี้เขามีเงินแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย
พอออกมาจากโรงพยาบาล โจวเทียนก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
ถ้าไม่ดูดีๆ ก็มองไม่เห็นอาการเป๋แล้ว ผ่านไปไม่กี่วันก็สามารถเดินได้เหมือนคนปกติแล้ว
บนใบหน้าของโจวเทียนปรากฏรอยยิ้มที่ไม่ได้เผยออกมาให้เห็นมานานแล้ว พอนึกถึงโจวหลิงผู้เป็นน้องสาว เขาก็รู้สึกกังวลมาก
ตลอดปิดเทอมภาคฤดูร้อน โจวหลิงก็ทำงานเป็นพนักงานที่ภัตตาคารลี่เจียงซีฟู๊ด ดังนั้นโจวเทียนจึงเรียกรถไปที่นั่น
พอเดินไปถึงโถงใหญ่ของภัตตาคาร ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดพนักงานแต่งหน้าจัด หญิงสาวคนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าของโจวหลิง ด้วยท่าทางทำตัวสูงส่ง
"โจวหลิงเมื่อกี้เธอไปไหนมา?"
เผิงน่าชี้หน้าโจวหลิงพลางเอ่ยถาม เธอเป็นหัวหน้าคนงานของภัตตาคาร ไม่ค่อยถูกชะตากับโจวหลิง
"พี่เผิงคะ พอดีว่ามันใกล้เปิดเทอมแล้ว เมื่อกี้หนูไปขอยืมค่าเทอมกับพี่ชายมาค่ะ……"
เห็นได้ชัดว่าโจวหลิงเกรงกลัวเผิงน่ามาก เธอเอ่ยตอบด้วยเสียงเบา
"เธอได้ขออนุญาตฉันมั้ยหรือออไปตามอำเภอใจ?"
"พี่เผิงคะ หนูหาพี่ไม่เจอ โทรศัพท์ไปพี่ก็ไม่ติด"
"นังยากจนอย่างหล่อน ขนาดค่าเทอมยังไม่มีจ่ายจนต้องไปยืม ใชีชีวิตแบบนี้นี่มันช่างล้มเหลวจริงๆ ไม่บอกไม่กล่าวอะไรฉันแล้วยังออกไปตามอำเภอใจ หล่อนไม่เห็นหัวฉันเลยใช่มั้ย?"
เผิงน่าเอ่ยตำหนิโจวหลิง ภายในใจกลับรู้สึกชอบอกขอบใจมากๆ
ภายในใจเธอคิด ใครใช้ให้หล่อนหน้าตาดีล่ะ?ผู้ชายต่างโดนหล่อนตกไปหมด หี หล่อนต้องโดนฉันจัดการ
พอเห็นโจวหลิงโดนต่อว่าแบบนี้ โจวเทียนก็รีบเดินเข้าไปหา "เธอพูดจาให้มันดีๆหน่อยได้มั้ย ทำไมจะต้องรังแกคนอื่น?"
เผิงน่ามองสำรวจโจวเทียน เห็นโจวเทียนแต่งตัวเหมือนพ่อค้าแผงลอย ก็หัวเราะเยาะออกมา
ไอ้ผู้ชายธรรมดาๆกระจอกๆแบบนี้ คิดจะเป็นฮีโร่มาช่วยสาวงามงั้นหรอ?
"เหอะๆ ก็ฉันอยากจะรังแกมัน นายมีปัญหาอะไร?"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved