บทที่ 10 พอรวยญาติก็เต็มบ้าน

by จินเหอซี 08:31,Apr 26,2021
คำพูดเหล่านั้นที่จางซูยวิ๋นเอ่ยเมื่อสักครู่ โจวเทียนอยู่ในห้องครัวได้ยินมันอย่างชัดเจน

ต่อให้เป็นคนไม่โกรธใครง่ายๆก็คงทนไม่ไหว แม่ยายแบบนี้ไม่มีใครเทียบเท่าจริงๆ

จางซูยวิ๋นเห็นโจวเทียนเดินออกก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระดากอาย

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามโจวเทียนกับลูกสาวของเธอก็เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ยังไม่ได้หย่ากัน เธอหาผัวใหม่ให้ลูกสาวตอนนี้มันก็ไม่สมเหตุสมผลจริงๆ

"นับวันยิ่งไม่เกรงอกเกรงใจฉันสินะ แม่ก็ไม่เรียก แถมยังกล้าเรียกชื่อฉันเดี่ยวๆอีกด้วย?"

จางซูยวิ๋นจ้องหน้าโจวเทียน พยายามหาเหตุผลมาอ้าง

"ก็คำพูดเหล่านั้นก็คุณเมื่อกี้ คุณก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะให้ผมเรียกว่าแม่"

โจวเทียนเอ่ย

"แก!"

จางวูยวิ๋นถูกตอกกลับมาไม่เบา"เมื่อกี้ที่ฉันพูดมันทำไม?ก็ไอ้กระจอกอย่างแก มีค่าพอที่จะครอบครองลูกสาวฉันเรอะ?"

"เหอะเหอะ"

โจวเทียนเพียงแค่หัวเราะอย่างเย็นชา ไม่อยากจะมาต่อล้อต่อเถียงกับจางซูยวิ๋นอีก

ไม่ว่าอย่างไรจางซูยวิ๋นก็ไม่ถูกชะตากับโจวเทียน ยิ่งโจวเทียนมาต่อล้อต่อเถียงด้วยแล้ว เธอยิ่งโมโห

ถ้าหากตอนแรกตอนแรกลูกสาวของเธอตกลงคบกันเฉียนเสี่ยวเฟย มันคงจะดีมาก ตอนนี้คงไม่ต้องมากังวลเรื่องเงินทุนไม่พอแล้ว

"รั่วเสวี่ย ไม่อย่างยังไงก็ตามเราฟังแม่ ตอนบ่ายเราไปหาเฉียนเสี่ยวเฟยซะ"

จางซูยวิ๋นเอ่ยแนะหลี่รั่วเสวี่ย

"แม่คะ หนูไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับเฉียนเสี่ยวเฟยทั้งนั้น"

หลี่รั่วเสวี่ยลำบากใจสุดๆ

"นี่มันไม่ใช่เรื่องของเราแค่คนเดียวแล้วนะ นี่มันเกี่ยวข้องกับตระกูลหลี่ของเราจะลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้มั้ย คิดซะว่าเพื่อวิญญาณของพ่อเราที่อยู่บนฟ้า เราก็ไปสักหน่อยจะได้มั้ย?"

จางซูยวิ๋นยกไพ่เรื่องความรู้สึกขึ้นมากดดัน

หลี่รั่วเสวี่ยเงียบไปไม่พูดอะไร

เรื่องมันมาถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีหนทางอื่นแล้ว

เธอรู้ดีว่า ถ้าอยากจะสานต่อสร้างวิลล่าจิ่นซิ่วให้เสร็จสมบูรณ์ อย่างน้อยต้องมีเงินทุนเกือบๆสินล้าน

พ่อก็ไม่อยู่แล้ว ถ้าไปกู้เงินธนาคารในสภาพแบบนี้ ความหวังที่จะได้รับการอนุมัติช่างริบหรี่

"ลูกสาวแม่ หรือตอนบ่ายจะให้แม่ไปเป็นเพื่อน ว่ายังไง?"

ตีเหล็กต้องตีตอนยังร้อน จางซูยวิ๋นรีบเอ่ยประโยคนี้ไป

หลี่รั่วเสวี่ยลำบากใจมาก สุดท้ายก็เอ่ยไปว่า:"แม่คะ อย่าเพิ่งมาบีบบังคับหนูได้มั้ย หนูขอคิดดูก่อน"

"ก็ได้ๆ เด็กคนนี้นี่จริงๆเลยนะ โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ"

จางซูยวิ๋นชักสีหน้าไม่ได้ดั่งใจพร้อมกับหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง

หลี่รั่วเสวี่ยหันมองโจวเทียนที่อยู่ข้างๆ สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความรู้สึกผิด

เธอรู้ดีว่า คำพูดที่แม่ของเธอพูดไปวันนี้ สำหรับโจวเทียนแล้วมันเป็นการดูกถูกเหยียดหยามสุดๆ

"นายอย่าไปใส่ใจคำพูดของแม่เลยนะ"

หลี่รั่วเสวี่ยเอ่ยกับโจวเทียนเบาๆ

ตอนแรกโจวเทียนรู้สึกหดหู่ใจมาก แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่า ภรรยาที่เฉยชากับเขามาตลอดกลับแคร์ความรู้สึกของเขา

"ไม่เป็นไรหรอก"

โจวเทียนพูดจบก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องครัวทำอาหารต่อ

หลี่รั่วเสวี่ยอธิบายความรู้สึกที่อยู่ในใจไม่ถูก เธอรู้ว่าแม่ทำกับโจวเทียนเกินไปมาโดนตลอด แต่โจวเทียนกลับอดทนกับมันมาโดยตลอด สามปีกว่าแล้วนะ ไม่ใช่ผู้ชายคนไหนจะมายอมแบกรับคำดูถูกเหล่านี้ได้

แม้แต่ชีวิตสามีภรรยาขั้นพื้นฐาน เธอไม่เคยให้เขาเลย มันช่างไม่ยุติธรรมสำหรับเขา

ถ้าหากเขาไม่ใช่คนกระจอกมันคงจะดีมาก เห้อ……

หลี่รั่วเสวี่ยครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ในใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เธอรู้สึกว่าจิตใจของตัวเองสับสนมาก

ขณะที่กำลังคิดสับสนอยู่นั้น เสียงออดหน้าประตูก็ดังขึ้น

หลี่รั่วเสวี่ยเเดินไปเปิดประตู พลันชะงักไปทันที

คนที่ยืนอยู่หน้าประตู คือครอบครัวป้าใหญ่ของเธอ

เพราะตั้งแต่หลังจากครอบครัวของหลี่รั่วเสวี่ยเกิดอุบัติเหตุ ชาติของเธอก็พากับหนีหายไปหมด พากันไม่ติดต่อกับบ้านเธออีกเลย

รวมถึงครอบครัวของจางซูเซียงป้าของเธอ เกือบสามปีแล้วที่พวกเขาไม่ติดต่อใดๆกับเราเลย

คนพวกนี้พอมีประโยชน์ก็เข้าหาพอหมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง เธอไม่แปลกใจ

ใครจะคิดว่าวันนี้ ครอบครัวนี้จะมาแถมยังมีของฝากติดไม้ติดมือมาด้วย

"คุณป้า เข้ามากันก่อนสิคะ"

หลี่รั่วเสวี่ยเอ้่ยเอ่ยเชื้อเชิญครอบครัวของจางซูเซียงเข้ามาในบ้าน เพราะถึงยังไงนี่ก็เป็นป้าแท้ๆของเธอ

"ว้าว รั่วเสวี่ยนับวันยิ่งสวยขึ้นเรื่อยๆเลยนะเนี่ย แม่เราอยู่บ้านมั้ย?"

ใบหน้าของจางซูเซียงประดับด้วยรอยยิ้ม พอเอ่ยชมหลี่รั่วเสวี่ย ก็พาสามีและลูกสาวเข้ามาในบ้าน

"อยู่ค่ะ"

จางซูยวิ๋นที่อยู่ในห้องพอได้ยินเสียงก็เดินออกมา เธอเองก็แปลกใจมาก พี่สาวของเธอแต่ไหนแต่ไรไม่เคยมาหาวันนี้กลับมาหาเธอถึงบ้าน

หลังจากทักทายถามไถ่กัน เฉินถิงลูกสาวของจางซูเซียงก็ยิ้มพร้อมกับเอ่ยกับจางซูยวิ๋น:"น้ารองคะ หนูแนะนำให้น้ารู้จักสักหน่อย นี่แฟนหนูค่ะชื่อหลัวกัง เป็นผู้บริหารระดับสูงฝ่ายโปรเจคของหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนล สิ้นปีนี้พวกเราจะแต่งงานกันแล้วค่ะ "

ตอนที่พูดประโยคนี้ เฉินถิงก็ดูภูมิใจและจับมือกับหลัวกังแน่นราวกับทากาว

หลัวกังแต่งกายอย่างพิถีพิถัน เอ่ยทักทายจางซูยวิ๋นและหลี่รั่วเสวี่ยอย่างมีมารยาท

เห็นความสามารถของหลัวกังแล้ว ภายในใจของจางซูยวิ๋นก็รู้สึกไม่ค่อยดี

ถึงแม้ว่าเฉินถิงจะสูงเพรียวหน้าตาสวย แต่เทียบกับรั่วเสวี่ยลูกสาวของเธอแล้ว ยังสวยน้อยกว่ามาก

แต่เห็นคนอื่นหาได้ลูกเขยแบบนี้ แล้วกลับมามองดูลูกเขยบ้านตัวเองอย่างโจวเทียน เทียบกันไม่ติดจริงๆ!

จางซูยวิ๋นยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห สีหน้าไม่ดีเอาเสียมากๆ

จางซูเซียงชอบโอ้อวด ตอนนี้เธอจึงยิ้มแล้วเอ่ยกับจางซูยวิ๋น"น้องสาว สามีของรั่วเสวี่ยไม่อยู่บ้านหรอจ้ะ?"

พูดเรื่องไหนไม่พูดดันพูดเรื่องนี้ จางซูยวิ๋นโมโหจนอยากจะพุ่งเข้าไปในห้องครัวตบโจวเทียนสักป้าบ

ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้ลูกเขยไ้ประโยชน์นี่ หลายปีมานี้ก็คงไม่ต้องเสียหน้าขนาดนี้

"ทำกับข้าวอยู่ในครัวน่ะ"

จางซูยวิ๋นเอ่ยอย่างอับอายเล็กน้อย

"หึหึ ฉันดูแล้ว รั่วเสวี่ยนี่โชคดีจังเลยนะ หาสามีดีแบบนี้"

เฉินถิงโอบเอวหลัวกังมองหลี่รั่วเสวี่ยยิ้มๆ

ใครก็ฟังออกว่า เฉินถิงตั้งใจพูดประชด เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองเหนือกว่าต่อหน้าหลี่รั่วเสวี่ย

จริงๆแล้วที่เฉินถิงทำแบบนี้ก็มีเหตุผล เพราะตั้งแต่เล็กหลี่รั่วเสวี่ยก็ทั้งสวยทั้งฉลาดกว่าเธอ จิตใจของเธอยิ่งชอบเปรียบเทียบ ดังนั้นเธอจึงไม่ยอมแพ้มาโดยตลอด

หลี่รั่วเสวี่ยก็ฟังออกว่า เฉินถิงกำลังประชดเธออยู่ แต่เธอก็ไม่ได้โต้ตอบกลับ เพราะเรื่องพวกนี้จบเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี

"หู้ยย?น้องเขยทำอาหารเป็นด้วยหรอ รีบเรียกเขาออกมาเร็วผมอยากรู้จักสักหน่อย"

หลัวกังจงใจทำเป็นเอ่ยอย่างตกใจ

"นั่นสิซูยวิ๋น ให้ลูกเขยเธอออกมาเจอหลัวกังสักหน่อย ให้พวกเขารู้จักกันไว้"

ตอนนั้นเองเฉินเจียงเหอผู้เป็นพ่อของเฉินถิงก็เอ่ยขึ้น

จางซูยวิ๋นรู้ว่าเธอไม่สามารถหลีกหนีความอับอายได้ จึงตะโกนเข้าไปในครัว:"โจวเทียนออกมานี่สิ มาพบแขกหน่อย!"

โจวเทียนอยู่ในห้องครัวได้ยินทั้งหมด สาเหตุที่เขาชักช้าไม่ยอมออกมา เพราะเขารู้ดีว่าแม่ยายคิดว่าเขาไม่มีดี ดังนั้นตอนไหนที่หลีกหนีได้ เขาก็จะพยายามหลบหลีกไปออกไปพบแขก

ตอนนี้คงหลบไม่พ้น โจวเทียนทำได้เพียงเดินออกมา

พอเห็นโจวเทียนสวมผ้ากันเปื้อนที่เอวร่างกายมีแต่กลิ่นน้ำมันโชยออกมา เฉินถิงก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

หลัวกังได้ยินเฉินถิงพูดมานานแล้ว ว่าสามีของหลี่รั่วเสวี่ยเป็นต้นแบบของไอ้กระจอกชั้นดี ตอนนี้ได้เห็นโจวเทียนแล้ว ภายในใจของหลัวกังก็ดูถูกสุดๆ

"นี่แฟนของพี่ถิงเขาชื่อหลังกัง ต่อไปก็ทำความรู้จักกันไว้"

จางซูยวิ๋นเอ่ยสั่งโจวเทียนอย่างอารมณ์เสีย

โจวเทียนเดินไปตรงหน้าของหลัวกังพร้อมกับยื่มมืออกไป"สวัสดีครับคุณหลัว ผมชื่อโจวเทียน"

หลัวกังพอเห็นโจวเทียนยื่นมือมา บนมือยังมีคราบน้ำมันก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

"เกรงใจ"

หลัวกังเอ่ยตอบอย่างเย็นชา และก็ไม่ได้จับมือกับโจวเทียน

นี่มันไม่ไว้หน้ากันเลย เจอหน้ากันครั้งแรก โจวเทียนอุตส่าห์เป็นคนยื่นมือมาจับ แต่กลับถูกหลัวกังเมิน

น่าอายสิ้นดี

โจวเทียนทำได้เพียงแค่เก็บมือ ก่อนจะมองสำรวจหลัวกัง พบว่าไอ้คนแซ่หลัวคนนี้ทำตัวเหมือนหมา แต่ดวงตากลับเจ้าเล่ห์ บางครั้งก็เผลอแอบมองหลี่รั่วเสวี่ย

มันทำให้โจวเทียนไม่พอใจ รีบดึงตัวหลี่รั่วเสวี่ยไปไว้ด้านหลัง ไม่ให้สายตาของหลัวกังมาวุ่นวาย

หลัวกังทำให้โจวเทียนอับอาย จางซูยวิ๋นเห็นมันอย่างชัดเจน ภายในใจยิ่งรู้สึกไม่พอใจโจวเทียนเข้าไปใหญ่ ภายในใจก็คิดไอ้กระจอกนี่มีแต่จะโดนคนอื่นเขาดูถูก

เพื่อไม่ให้อับอายมากไปกว่านี้ จางซูยวิ๋นจึงเอ่ยกับเฉินถิง:"เสี่ยวถิง น้าได้ยินมาว่าสวัสดิการของหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลนี่ดีที่สุดในมณฑลเลยนะ แฟนเราทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงขนาดนั้นเงินเดือนต้องสูงมากเลยใช่มั้ย?"

"หึหึ ก็ประมาณนั้นค่ะ เงินเดือนปีนี้ของกังจื่อก็สองหมื่นกว่าค่ะ"เฉินถิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

"หนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงจริงๆ เงินเดือนสูงขนาดนี้ "จางซูยวิ๋นเอ่ยอย่างชื่นชม

"ก็พอได้แหละค่ะ ครอบครัวกังจื่อของเราไม่มีอะไร มีเพียงความมุ่งมั่น แล้วก็ความสามารถที่แข็งแกร่งแค่นั้นค่ะ"

เฉินถิงเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ แถมยังไม่ลืมที่จะเหลือไปมองยังหลี่รั่วเสวี่ย

หลี่รั่วเสวี่ยเข้าใจว่าเฉิงถิงกำลังโอ้อวดเธออยู่ แต่ว่าถ้าเทียบเรื่องสามีกับเฉินถิงแล้ว เธอรู้สึกว่ายังไงก็ไม่มีทางชนะ ทำได้เพียงแสร้งว่าไม่ได้ยิน

"เสี่ยวถิง น้าล่ะอิจฉาเราจริงๆ เราเองก็ทำงานหาเงินเองได้ หลัวกังก็ทำงานเงินเดือนเยอะขนาดนั้น ต้องใช้ชีวิตสุขสบายแน่เลย!ไม่เหมือนรั่วเสวี่ยของบ้านเราชีวิตลำบากมาก มีรั่วเสวี่ยคนเดียวที่ออกไปทำงานหาเงิน ……"

พอจางซูยวิ๋นพูดแบบนี้ เธอจ้องมองไปที่โจวเทียนอย่างเกลียดชังและรู้สึกโกรธมาก

"ซูยวิ๋นเอ้ย อย่าเศร้าไปเลย ตอนนี้โอกาสก็มาแล้วไม่ใช่หรอ?คุณชายตระกูลโจวจากเมองปักกิ่งจะสร้างสวนน้ำตรงข้ามกับวิลล่าจิ่นซิ่ว วิลล่าจิ่นซิ่วที่น้องเขยทิ้งไว้ให้ตอนนั้น ตอนนี้กลายเป็นทองคำแล้วนะ"

จางซูเซียงเอ่ยพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง

พอได้ยินเข้าจางซูยวิ๋นและหลี่รั่วเสวี่ยก็มองหน้ากัน และเข้าใจทุกอย่าง

ไม่แปลกใจที่ญาติๆที่ไม่ได้มาเยี่ยมบ้านกว่าสามปีต่างพากันมาหา พวกเขาคงได้ยินข่าวนี้ พอเห็นว่าตระกูลหลี่จะลุกขึ้นมาได้แล้วก็รีบเข้ามาเกาะ สัจธรรมจริงๆ

"ใช่แล้ว ตอนนี้ฉันรู้สึกขอบคุณคุณชายตระกูลโจวแห่งปักกิ่งจริงๆ ถ้าไม่มีเขา ครอบครัวของเราคงจะไม่มีวันพลิกกลับมาได้ ไม่รู้ว่าคุณชายโจวอยู่ที่ไหน หรือฉันต้องขอบคุณเขาด้วยตัวเอง! "จางซูยวิ๋นกล่าวอย่างตื่นเต้น

"น้ารองคะ หวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลเป็นธุรกิจของตระกูลโจว หลัวกังเป็นผู้บริหารระดับสูงฝ่ายโปรเจค โปรเจคสวนน้ำนั่น หลัวกังเป็นคนรับผิดชอบค่ะ คิกคิก"

เฉินถิงแนะนำอย่างภาคภูมิใจ

พอหลัวกังได้ยินสิ่งนี้ใจของเขาก็ฟูอิ่มเอิบ รู้สึกตัวลอย

"ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้ แล้วหลัวกังคะ คุณเคยเห็นคุณชายโจวมั้ย?"หลี่รั่วเสวี่ยถามหลัวกังด้วยความสงสัย เพราะเธออยากรู้เกี่ยวกับคุณชายโจวแห่งเมืองปักกิ่งมากและเธอก็รู้สึกขอบคุณเช่นกัน

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้เห็นหลี่รั่วเสวี่ย เขาก็รู้สึกหลงใหลไปกับความงามและออร่าของหลี่รั่วเสวี่ย

เขาเปรียบเทียบในใจของเขา หลี่รั่วเสวี่ยนั้นดีกว่าเฉินถิงมาก

พอเห็นหลี่รั่วเสวี่ยชวนเขาคุยก่อน ก็ไม่ต้องพูดเลยว่าใจเขาจะเต้นแรงขนาดไหน

เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขายิ่งใหญ่ขนาดไหนต่อหน้าหลี่รั่วเสวี่ย หลัวกังยิ้มบางๆและมองไปที่หลี่รั่วเสวี่ยและพูดว่า "ยิ่งกว่าเคยเจอเสียอีก เมื่อคืนผมเพิ่งไปดื่มเหล้ากับคุณชายโจวมาเลยล่ะ คุณชายโจวเป็นกันเองมาก พอชนแก้วทีไรยกแก้วต่ำกว่าตลอด... "

หลังจากฟังเรื่องนี้จางซูยวิ๋นก็ชื่นชมหลัวกังมาก

สามารถดื่มเหล้ากับคุณชายโจวได้ โชคดีมากๆเลยนะเนี่ยช่างเป็นเกียรติจริงๆ!

หลี่รั่วเสวี่ยก็รู้สึกอิจฉาในใจเช่นกัน ดูเหมือนว่าแฟนหนุ่มที่เฉินถิงหามาได้นั้นมีความสามารถจริงๆ สามารถดื่มเหล้ากับคุณชายโจวแห้งเมืองปักกิ่งได้

โจวเทียนที่ยืนฟังอยู่อีกด้านก็รู้สึกมึนงง มองหลัวกังที่โม้โยที่ไม่มีความจริงใดๆเลยอย่างหมดคำจะพูด

ไอ้เวรนี่ แค่ไอ้เฉียนเสี่ยวเฟยก็หน้าด้านพอแล้ว ไอ้หลัวกังนี่ด้านยิ่งกว่าอีก คุณชายตัวจริงไปดื่มเหล้ากับแกตอนไหนไม่ทราบ?

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

1672