บทที่ 16 ตัวตลก
by จินเหอซี
08:31,Apr 26,2021
ซึ่งคนที่มาก็คือหลงคุนนั่นเอง
เมื่อกี้ได้รับสายที่โทรเข้ามาจากเซียวซาน หลงคุนก็อยู่นิ่งต่อไม่ได้แล้ว พาคนของตัวเองมุ่งหน้ามายังที่นี่ด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
การที่สามารถช่วยโจวเทียนทำอะไรบางอย่างนั้น เป็นเรื่องที่หลงคุนอยากทำแม้กระทั่งในความฝันเลย
"คุณโจวครับ คุณจะจัดการไอ้ตาถั่วนี้ยังไงดีครับ? จะตัดแขนหรือตัดขาดีครับ?"
ตอนที่หลงคุนพูดคำนี้ใบหน้าของเขาดูเรียบนิ่งเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่าการหักแขนหักขาคนอื่นนั้น เป็นเรื่องที่เขาทำอยู่เป็นประจำยังไงอย่างนั้น
แต่คำพูดดังกล่าวกลับทำให้หลัวกังตกใจจนเยี่ยวราดทันที เขาเคยเห็นหลงคุนอยู่ รู้จักนายท่านสี่แห่งตระกูลหลงที่ทรงพลังนี้อยู่ คำพูดนี้ไม่ใช่คำพูดที่กำลังข่มขู่เขาแน่นอน ตอนนี้ขอแค่คำพูดเดียวของโจวเทียน หลงคุนก็จะเข้ามาทำให้เขาพิการไปทันทีแน่ๆ
"นายท่านสี่ครับๆ ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วยนะครับ ผมเป็นคนมอบหมายงานให้ซซเอง ผมก็ถือว่าได้ช่วยคุณทำงานอยู่นะครับ"
หลัวกังก้มกราบขอร้องอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอน
"ขอร้องฉันไม่มีประโยชน์ ไปขอร้องคุณโจวนุ้น"
หลงคุนพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
หลัวกังคิดยังไงก็คิดไม่ตก ทำไมลูกเขยแต่งเข้าบ้านกระจอกๆอย่างโจวเทียน ถึงได้รับความเอ็นดูจากหลงคุนได้!
แต่ความเป็นจริงได้วางอยู่ตรงหน้าแล้ว ตอนนี้มีแค่ขอร้องให้โจวเทียนปล่อยเขาไปแล้วล่ะ
"น้องเขยโปรดไว้ชีวิตผมด้วยนะครับ อย่างน้อยผมก็เป็นน้องเขยในอนาคตของคุณอยู่นะครับ ได้โปรดช่วยดูในฐานะที่ภรรยาคุณเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเฉินถิงแล้วปล่อยผมไปเถอะนะครับ….."
หลัวกังเข่าอ่อนไปทั้งสองข้าง คุกเข่าลงไปกับพื้นต่อหน้าโจวเทียนทันที
"ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าจะทำอะไรแก ดูแกตกใจสิ"
โจวเทียนยิ้มอ่อน พลางตบหน้าหลัวกังเบาๆ
เพราะยังไงเฉินถิงกับหลัวกังยังไม่ได้เลิกกันอย่างเป็นทางการ เพราะฉะนั้นเพื่อให้เกียรติภรรยาของตัวเองหลี่รั่วเสวี่ย โจวเทียนก็ไม่ได้กะจะทำอะไรที่มันเกินเลยเช่นกัน
หลัวกังเหมือนได้รับรางวัลใหญ่ รีบก้มคำนับพลางขอบคุณโจวเทียน "ขอบคุณมากนะครับน้องเขย ต่อไปผมจะไม่ดูถูกคนอื่นแล้วครับ….."
โจวเทียนไม่ได้ไปสนใจเขาอีกต่อไป หลังจากที่สนทนากับหลงคุนไปได้สักพัก ก็ได้ขับรถออกจากที่นี่เลย
หลังจากที่กลับไปถึงบ้าน โจวเทียนกะจะเข้าไปพักผ่อนในห้องนอนของตัวเอง แต่กลับพบว่าจางซูยวิ๋นกำลังพูดห้ามหลี่รั่วเสวี่ยอย่างพยายาม
"รั่วเสวี่ย วันนี้ไม่ว่ายังไง ลูกก็ต้องไปพบคุณชายเฉียนกับแม่ แม่ได้ยินมาว่าสวนน้ำเริ่มได้ทำการก่อสร้างแล้ว วิลล่าจิ่นซิ่วของเราก็ต้องก่อสร้างมันขึ้นมานะ อย่าคิดว่านอกจากคุณชายเฉียนแล้ว ยังจะมีใครสามารถมาช่วยพวกเราได้อีก?" จางซูยวิ๋นพูดอย่างร้อนรน
"แม่…..."
หลี่รั่วเสวี่ยกัดริมฝีปากตัวเอง ถึงแม้เขาไม่อยากมีความสัมพันธ์แบบนี้กับเฉียนเสี่ยวเฟย แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่มีวิธีการที่ดีไปมากกว่านี้แล้ว
ช่องว่างในการระดมทุนเกือบสิบล้าน นอกจากขอความช่วยเหลือจากเฉียนเสี่ยวเฟยแล้ว ยังมีทางอื่นให้เลือกอีกหรอ?
"ให้โจวเทียนไปพร้อมกันกับเราเถอะค่ะ มีเขาอยู่ด้วยจะดีกว่านี้หน่อย เพื่อไม่ให้เฉียนเสี่ยวเฟยคิดอะไรทะลึ่งๆ"
หลี่รั่วเสวี่ยมองไปทางโจวเทียนพี่เพิ่งกลับมารอบนึง คิดไปคิดมาก่อนจะพูดกับจางซูยวิ๋น
จางซูยวิ๋นชะงักไปแวบนึง รู้สึกอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก
"ถ้าให้มันไปยังไงในครั้งนี้ต้องพังลงไปแน่นอน ถ้าคุณชายเฉียนเห็นว่าแกไปพร้อมกันกับมัน แกคิดว่าคุณชายเค้าจะมีความสุขหรอ"
"แม่คะ เอาตามที่หนูบอกนี่แหละค่ะ ไม่งั้นหนูยอมที่จะไม่พัฒนาวิลล่าจิ่นซิ่วจะดีกว่า"
หลี่รั่วเสวี่ยพูดอย่างแน่วแน่
"ก็ได้ๆ งั้นก็ให้มันไปพร้อมกันกับเราด้วย"
จางซูยวิ๋นหมดหนทาง เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่เต็มใจเป็นอย่างมาก
แววตาของโจวเทียนเป็นประกายคือ ไม่ได้พูดอะไร
หันหลังแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนเลย
แต่ทว่า เขากลับหาจังหวะที่ว่างแล้วรีบโทรหาเหมียวเผิงจวีทันทีเลย……
หลังจากที่รับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ โจวเทียนขับรถพร้อมกันกับหลี่รั่วเสวี่ยและจางซูยวิ๋นมุ่งหน้าตรงไปยังเฉียนกรุ๊ป
เนื่องจากจางซูยวิ๋นได้ทำการนัดหมายกับเฉียนเสี่ยวเฟยผ่านทางโทรศัพท์แล้ว ว่าจะไปเจอกันที่บริษัทของพ่อของเฉียนเสี่ยวเฟย
เรื่องที่ใหญ่โตขนาดนี้ เฉียนเสี่ยวเฟยต้องตัดสินใจเองไม่ได้แน่นอน เพราะฉะนั้นจางซูยวิ๋นจึงตัดสินใจที่จะไปปรึกษาหารือกับคุณพ่อของเฉียนเสี่ยวเฟย
เร็วมาก พวกโจวเทียนก็ได้มาถึงหน้าทางเข้าของเฉียนกรุ๊ป
"คุณป้าครับ รั่วเสวี่ย พวกคุณมาได้สักทีนะครับ!"
เครื่องแบบการแต่งกายในวันนี้ของเฉียนเสี่ยวเฟยดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก เขาได้มารอคอยอยู่หน้าทางเข้านี้ตั้งนานแล้ว
"เสี่ยวเฟย พ่อหนูอยู่ที่บริษัทหรือเปล่า?"
ใบหน้าของจางซูยวิ๋นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ว่าจะมองเฉียนเสี่ยวเฟยยังไงก็รู้สึกชอบเฉียนเสี่ยวเฟยมากๆเลย
"อยู่ครับ เชิญทางนี้เลยครับคุณป้า"
เฉียนเสี่ยวเฟยยุ่งอยู่กับการกระทำความดีต่อหน้าจางซูยวิ๋น และคอยหันมามองหุ่นร่างที่เย้ายวนของหลี่รั่วเสวี่ยอยู่เป็นระยะๆ หิวกระหายจนน้ำลายแทบจะไหลออกมาจากปากแล้ว
และในตอนนี้เอง โจวเทียนก็ได้เดินลงมาจากรถแล้วเช่นกัน
เมื่อเฉียนเสี่ยวเฟยเห็นว่าโจวเทียนก็มาด้วย ใบหน้าของเขาจึงหม่นหมองลงไปทันที
"โอ๊ะ แกก็มาเหมือนกันหรอกหรอ?"
เฉียนเสี่ยวเฟยเบ้ปาก พลางมองโจวเทียน
เมื่อวานโดนโจวเทียนทำให้ตัวเองอับอายขายขี้หน้ามาก เฉียนเสี่ยวเฟยกำลังคิดอยู่เลยว่าจะแก้แค้นเขายังไงดี
จางซูยวิ๋นเกรงว่าโจวเทียนจะไปมีปัญหากับเฉียนเสี่ยวเฟย จึงรีบหันมาถลึงตาใส่โจวเทียนทีนึง เพื่อบ่งบอกให้เขาว่าอย่าทำอะไรเสียๆหายๆ
โจวเทียนก็เบื่อที่จะไปโต้แย้งเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้กับเฉียนเสี่ยวเฟยเหมือนกัน เขาจึงเดินตามเข้าไปพร้อมกันกับพวกเขา
"สวัสดีค่ะนายน้อย!"
ทันทีที่ก้าวเข้าไป พนักงานสาวสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างของทางเดินก็ได้ก้มคำนับให้เฉียนเสี่ยวเฟย พลางกล่าวคำทักทาย
เฉียนเสี่ยวเฟยได้ใจเป็นอย่างมาก และยังไม่ลืมที่จะหันไปมองปฏิกิริยาของหลี่รั่วเสวี่ย
เมื่อเห็นว่าหลี่รั่วเสวี่ยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ มากไปกว่านั้นคือเธอไม่ได้หันมามองเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในใจเขาก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
แต่ว่าจางซูยวิ๋นที่เห็นบรรยากาศภายในนี้ ก็รู้สึกอิจฉาตาร้อนอย่างมากทีเดียวเชียว
มีเงินนี่มันดีจริงๆเลยเนอะ ดูคุณชายเฉียนเค้าสิ สง่าผ่าเผยมากแค่ไหน!
"คุณป้าครับ รั่วเสวี่ย นี่คือพ่อของผมครับ"
หลังจากที่เข้าไปยังออฟฟิศของประธานกรรมการ เฉียนเสี่ยวเฟยก็เริ่มทำการแนะนำด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ
มองข้ามโจวเทียนเหมือนเขาเป็นอากาศยังไงอย่างนั้นเลย
ณ ตอนนี้ ผู้ชายคนหนึ่งที่ดูร่ำรวยอายุประมาณสี่สิบกว่ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ค่อนข้างมีอายุตัวหนึ่ง
ซึ่งคนดังกล่าวก็คือพ่อของเฉียนเสี่ยวเฟยนั่นเอง ประธานกรรมการเฉียนกรุ๊ป เฉียนไห่
"คุณก็คือคุณผู้หญิงจางสินะครับ เชิญนั่งก่อนครับ"
เฉียนไห่พูดกับจางซูยวิ๋นด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าเขากลับไม่ได้ลุกขึ้นยืน ฟอร์มสูงเหมือนกันนะ
จางซูยวิ๋นที่อยู่ด้านหน้าของเฉียนไห่ดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
เพราะเธอเป็นฝ่ายที่มาขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
"สวัสดีค่ะประธานเฉียน"
จางซูยวิ๋นทักทายกับเฉียนไห่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
"พ่อครับ คนนี้คือรั่วเสวี่ยที่ผมเคยพูดถึงน่ะครับ"
เฉียนเสี่ยวเฟยแนะนำหลี่รั่วเสวี่ยให้เฉียนไห่รู้จัก
เมื่อเฉียนไห่เห็นหลี่รั่วเสวี่ย ดวงตาทั้งสองข้างก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
รูปร่างนี้หน้าตานี้ แหม่ๆ! สวยเกินไปแล้วป่ะ!
มิน่าล่ะเสี่ยงเฟยถึงได้หลงใหลเธอจนหัวปักหัวปำขนาดนี้…..
เฉียนไห่คิดในใจ เขาไตร่ตรองไปสักพัก ก่อนจะตัดสินใจได้เป็นที่เรียบร้อย
"คุณหญิงจางครับ สาเหตุการมาของคุณเฉียนเสี่ยวเฟยฤได้บอกกับผมแล้วครับ เรื่องเงินทุนไม่มีปัญหาครับ ผมสามารถลงทุนสิบล้านได้"
เฉียนไห่ทำหน้าทำตาเหมือนเป็นคนที่ใจใหญ่มากๆ พลางพูดกับจางซูยวิ๋น
จางซูยวิ๋นรู้สึกซาบซึ้งใจมากๆ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องทุกอย่างจะราบรื่นได้เช่นนี้
"งั้นต้องขอขอบคุณประธานเฉียนมากๆเลยนะคะ!"
"เดี๋ยวก่อนครับ ผมยังพูดไม่จบ กำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ ต้องแบ่งให้ผมครึ่งนึง"
เฉียนไห่พูด
หลี่รั่วเสวี่ยที่ได้ยินแบบนี้ก็ได้ขมวดคิ้วลงอย่างกะทันหัน
เงื่อนไขนี้มันเกินไปหรือเปล่า วิลล่าจิ่นซิ่วในตอนนี้อยู่ในช่วงเก็บเรื่องรายละเอียดต่างๆในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว เฉียนไห่ลงทุนสิบล้าน ก็อยากจะเอากำไรตั้งครึ่งนึง นี่มันโหดร้ายมากเกินไปแล้ว
โจวเทียนหัวเราะอย่างเยือกเย็นอยู่ข้างๆ เฉียนเสี่ยวเฟยหน้าด้าน แต่พ่อมันหน้าด้านยิ่งกว่าเสียอีก!
"ประธานเฉียนคะ นี่มันไม่ค่อยเหมาะสมมั้งคะ…..."
จางซูยวิ๋นก็รู้สึกมึนงงด้วยเช่นกัน เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเฉียนไห่จะเป็นคนที่ละโมบโลภมากขนาดนี้
"เหอะๆ ผมคิดว่าถ้าเกิดคุณหญิงจางสามารถหาเงินสิบล้านเองได้ ก็คงจะไม่มาหาผมหรอก ใช่ไหมครับ?"
เฉียนไห่หัวเราะอยากได้ใจ "แต่ว่านะ ถ้าเกิดพวกเรากลายเป็นญาติมิตรกันละก็ ผมเอากำไรแค่สองส่วนก็ได้แล้วครับ…..."
จางซูยวิ๋นต้องเข้าใจในสิ่งที่เขาจะสื่อเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ขอแค่หลี่รั่วเสวี่ยหย่ากับโจวเทียน แล้วค่อยไปแต่งงานกับเฉียนเสี่ยวเฟย แบบนี้เฉียนไห่ก็จะเอากำไรแค่สองส่วน
กำไรสองส่วน เป็นสิ่งที่จางซูยวิ๋นสามารถยอมรับได้อยู่ อีกอย่างเธอก็เต็มใจที่จะมีญาติอย่างเฉียนไห่อีกด้วย
เพราะฉะนั้นจางซูยวิ๋นจะหันหน้ากลับไปมองหลี่รั่วเสวี่ย
เฉียนเสี่ยวเฟยหัวใจเบ่งบานมากๆ เริ่มจินตนาการแล้วว่าหลังจากที่ได้ครอบครองหลี่รั่วเสวี่ยแล้ว ตัวเองจะสนุกและมันส์มากแค่ไหน
หลี่รั่วเสวี่ยรู้สึกโมโหไม่เบาเลย ดึงแขนโจวเทียนอยากจะออกจากที่นี่
"ท่านประธานคะ คนจากหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลมาถึงแล้วค่ะ บอกว่าอยากจะเข้าพบคุณหญิงหลี่รั่วเสวี่ยน่ะค่ะ"
และในตอนนี้ เลขานุการของเฉียนไห่เดินเข้ามาก่อนจะพูด
เฉียนไห่รู้สึกตะลึงมาก ความสามารถแค่นี้ของเขาเมื่อเทียบกับหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลแล้ว ก็เป็นได้แค่เศษ
"รีบเชิญเข้ามาเลย"
"ค่ะ"
เลขาฯสาวตอบกลับคํานึงก่อนจะเดินออกไป
เร็วมาก หญิงสาวที่สง่างามที่อายุประมาณยี่สิบกว่าก็ได้เดินเข้ามา
หลังจากที่หญิงสาวคนดังกล่าวเข้ามา สายตาของเธอก็ได้จับจ้องไปบนตัวโจวเทียน ยิ้มให้โจวเทียนอย่างเย้ายวนทีนึง ดูดึงดูดเป็นอย่างมาก
โจวเทียนไม่ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ต่างอยู่ในการคาดหมายของเขา
ซึ่งคนที่มาก็คือผู้ช่วยของเหมียวเผิงจวี หลิ่วเยว่เอ๋อร์นั่นเอง
"สวัสดีค่ะคุณหญิงหลี่ คุณชายโจวของเรามอบหมายให้ฉันมาปรึกษาหารือเรื่องธุรกิจกับคุณน่ะค่ะ"
หลิ่วเยว่เอ๋อร์พูดกับหลี่รั่วเสวี่ยด้วยน้ำเสียงที่เกรงอกเกรงใจ
หลี่รั่วเสวี่ยที่ได้ยินแบบนี้แล้วรู้สึกตะลึงหนักมาก "เป็นคุณชายโจวที่มาจากเมืองปักกิ่งหรอคะ? เขาอยากจะปรึกษาหารือเรื่องการทำงานร่วมกันกับฉัน?"
"ใช่ค่ะ"
หลิ่วเยว่เอ๋อร์ยิ้ม
"งั้น…… คุณชายโจวเขาอยากร่วมงานกับเราแบบไหนหรอคะ?"
หลี่รั่วเสวี่ยกำลังสันนิษฐานอยู่ว่าเธอกำลังฝันอยู่หรือเปล่า ตำแหน่งและตัวตนของคุณชายโจวสูงส่งขนาดนั้น ทำไมถึงมาทำงานร่วมกันกับเธอได้
"คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ ทางเราจะเป็นฝ่ายก่อสร้างวิลล่าจิ่นซิ่วเองค่ะ คุณไม่ต้องเอาเงินสักหยวนเลยค่ะ"
หลิ่วเยว่เอ๋อร์พูดอธิบาย
"แล้วคุณชายโจวของพวกคุณมีเงื่อนไขอะไรหรือเปล่าคะ?"
"ไม่มีเงื่อนไขใดๆแม้แต่ข้อเดียวเลยค่ะ และจะไม่แบ่งกำไรกับคุณ คุณสบายใจได้เลยนะคะ"
หลิ่วเยว่เอ๋อร์พูด
ทันใดนั้นเอง หลี่รั่วเสวี่ยก็ยืนผงะอยู่กับที่ไปทันทีเลย
มีของฟรีร่วงตกลงมาจากสวรรค์จริงๆด้วย!
ลงทุนเงินมากขนาดนั้นฟรีๆ โดยที่ไม่เอากำไรใดๆเลยแม้แต่หยวนเดียว คุณชายท่านนี้กำลังทำการกุศลอยู่หรือไง?
หลี่รั่วเสวี่ยคิดยังไงก็คิดไม่ตก
จางซูยวิ๋นยิ่งช็อคจนอ้าปากกว้าง มึนงงไปเลย
เธอหยิกขาของตัวเองแรงๆ จางซูยวิ๋นถึงจะยืนยันได้ว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในความฝัน
"คุณหญิงหลี่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ จากชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของคุณชายโจวและหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลของเรา ไม่มีทางหรอกคุณแน่นอนค่ะ แล้วเจอกันนะคะ"
หลังจากที่หลิ่วเยว่เอ๋อร์พูดจบ เธอก็ได้ก้าวขาแล้วเดินจากไปทันที
เฉียนเสี่ยวเฟยตะลึงจนอ้าปากค้าง ตอนแรกคิดว่าตัวเองสามารถสยบหลี่รั่วเสวี่ยได้แล้ว จะกลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกแรงโจมตีที่หนักหน่วงมากขนาดนี้!
เฉียนไห่ยิ่งเหมือนฟ้าผ่าผ่าจนสลบไป นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเหม่อลอย เวลาผ่านไปนานมากก็ยังไม่ได้สติกลับคืนมา
เมื่อกี้เขายังดูจองหองสูงส่งอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับเป็นเหมือนกับตัวตลกตัวหนึ่ง
เมื่อเทียบกับความร่ำรวยและความเอาแต่ใจของคุณชายโจวแล้ว เขาก็เป็นเหมือนกับลูกศิษย์ที่ไร้ยางอายที่ปลนสะดมตอนไฟไหม
เวลาผ่านไปครึ่งนาทีเต็มๆ หลี่รั่วเสวี่ยถึงจะค่อยๆดึงสติกลับมาจากความช็อคได้ บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่อ่อนหวานหลังจากที่ความช็อคได้จางหายไป
โจวเทียนแอบจ้องมองใบหน้าที่สง่างามนั่นของเธอ แล้วรู้สึกชื่นใจมากถึงมากที่สุดเลย
"วางแผนร้าย ด้านในนี้ต้องมีแผนร้ายแฝงอยู่ด้วยแน่นอน"
หลังจากที่เฉียนเสี่ยวเฟยรู้สึกช็อคไปสักพัก เขาก็ได้พูดคำพูดที่อัดอั้นมานานออกมา
แต่ว่าใครก็สามารถดูออกได้ว่า ในขณะที่เขาพูดคำนี้อยู่นั้นเขาดูฝืนมากแค่ไหน
"อย่างน้อยก็ดีกว่าพวกที่อ้าปากก็อยากดูดกินผลประโยชน์เลย"
หลี่รั่วเสวี่ยมองเฉียนเสี่ยวเฟยพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นคำนึง ก่อนจะหันไปพูดกับจางซูยวิ๋น :"แม่คะ เรากลับกันเถอะค่ะ"
จางซูยวิ๋นรู้สึกดีใจจนหัวใจเบ่งบานไปตั้งนานแล้ว คุณชายโจวใจกว้างและใจบุญมากขนาดนี้ นี่มันสวรรค์เปิดทางให้ชัดๆ
ตอนนี้จะได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลเฉียนหรือไม่นั้น ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
"ประธานเฉียนคะ กิเลสของคุณมีมากเกินไปแล้วค่ะ ดิฉันไม่สามารถยอมรับได้ เหอะๆ"
จางซูยวิ๋นหัวเราะเหอะๆ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไปจากออฟฟิศของเฉียนไห่
หลี่รั่วเสวี่ยและโจวเทียนก็ได้เดินออกมาด้วยเช่นกัน
เฉียนไห่รู้สึกโมโหจนเอามือทุบกับโต๊ะ "เนื้อที่ใกล้เข้ามาถึงปากแล้วยังกินไม่ได้ ชิบหาย! ไอ้คุณชายโจวนั่นบ้าไปแล้วหรือไง นี่มันกำลังกีดกันเราอยู่ไม่ใช่หรอ?"
"พ่อครับ เดี๋ยวผมจะไปสืบหาข้อมูลของมันเอง"
เฉียนเสี่ยวเฟยก็รู้สึกโมโหมากเช่นกัน
"ยังจะไปสืบทำมะเขืออะไรอีก ไม่ได้ยินคนของหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลบอกว่าเป็นคุณชายโจวในเมืองปักกิ่งหรือไง? ถึงแล้วจะสืบหาอะไรมาได้ แกจะสามารถทำอะไรคุณชายโจวเขาได้?"
เฉียนไห่พูดกับเฉียนเสี่ยวเฟยด้วยอารมณ์ที่โกรธกริ้ว
เฉียนเสี่ยวเฟยก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว ตระกูลโจวแห่งเมืองปักกิ่ง เป็นตระกูลที่ตระกูลเฉียนของพวกเขาจะสามารถไปมีปัญหาด้วยได้หรือ?
ในระหว่างทางกลับบ้าน จางซูยวิ๋นรู้สึกดีใจมากจนควบคุมไม่อยู่
"รั่วเสวี่ย ลูกไปรู้จักกับคุณชายโจวตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?"
หลี่รั่วเสวี่ยผงะไปเมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอรู้จักคุณชายโจวที่ไหนกัน
"แม่ หนูไม่เคยเห็นคุณชายโจวมาก่อนเลยด้วยซ้ำ"
"กล้าโกหกแม้กระทั่งแม่ตัวเองหรอเนี่ย ถ้าลูกไม่รู้จักคุณชายโจว คุณชายโจวเค้าจะมาช่วยเหลือพวกเราได้ยังไง?"
จางซูยวิ๋นตามถามไถ่
หลี่รั่วเสวี่ยหัวเราะอย่างปลง ถ้าเกิดอธิบายต่อแม่ของเธอก็คงไม่เชื่ออยู่ดี เธอจะเลือกที่จะไม่พูดอะไรเลยจะดีกว่า
โจวเทียนที่กำลังขับรถรู้สึกน่าขำมาก
ตอนนี้แม่ยายไม่อิจฉาคุณชายเฉียนอีกต่อไปแล้ว ต่อไปก็ควรจะอิจฉาคุณชายโจวแล้วสินะ?
ใครเงินเยอะก็จะชอบคนนั้นมากกว่าสินะ เห็นแต่ผลประโยชน์มากเกินไปแล้ว
ถ้าเธอรู้ว่าลูกเขยของตัวเองคือคุณชายโจว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีคิดยังไง
เมื่อกี้ได้รับสายที่โทรเข้ามาจากเซียวซาน หลงคุนก็อยู่นิ่งต่อไม่ได้แล้ว พาคนของตัวเองมุ่งหน้ามายังที่นี่ด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
การที่สามารถช่วยโจวเทียนทำอะไรบางอย่างนั้น เป็นเรื่องที่หลงคุนอยากทำแม้กระทั่งในความฝันเลย
"คุณโจวครับ คุณจะจัดการไอ้ตาถั่วนี้ยังไงดีครับ? จะตัดแขนหรือตัดขาดีครับ?"
ตอนที่หลงคุนพูดคำนี้ใบหน้าของเขาดูเรียบนิ่งเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่าการหักแขนหักขาคนอื่นนั้น เป็นเรื่องที่เขาทำอยู่เป็นประจำยังไงอย่างนั้น
แต่คำพูดดังกล่าวกลับทำให้หลัวกังตกใจจนเยี่ยวราดทันที เขาเคยเห็นหลงคุนอยู่ รู้จักนายท่านสี่แห่งตระกูลหลงที่ทรงพลังนี้อยู่ คำพูดนี้ไม่ใช่คำพูดที่กำลังข่มขู่เขาแน่นอน ตอนนี้ขอแค่คำพูดเดียวของโจวเทียน หลงคุนก็จะเข้ามาทำให้เขาพิการไปทันทีแน่ๆ
"นายท่านสี่ครับๆ ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วยนะครับ ผมเป็นคนมอบหมายงานให้ซซเอง ผมก็ถือว่าได้ช่วยคุณทำงานอยู่นะครับ"
หลัวกังก้มกราบขอร้องอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอน
"ขอร้องฉันไม่มีประโยชน์ ไปขอร้องคุณโจวนุ้น"
หลงคุนพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
หลัวกังคิดยังไงก็คิดไม่ตก ทำไมลูกเขยแต่งเข้าบ้านกระจอกๆอย่างโจวเทียน ถึงได้รับความเอ็นดูจากหลงคุนได้!
แต่ความเป็นจริงได้วางอยู่ตรงหน้าแล้ว ตอนนี้มีแค่ขอร้องให้โจวเทียนปล่อยเขาไปแล้วล่ะ
"น้องเขยโปรดไว้ชีวิตผมด้วยนะครับ อย่างน้อยผมก็เป็นน้องเขยในอนาคตของคุณอยู่นะครับ ได้โปรดช่วยดูในฐานะที่ภรรยาคุณเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเฉินถิงแล้วปล่อยผมไปเถอะนะครับ….."
หลัวกังเข่าอ่อนไปทั้งสองข้าง คุกเข่าลงไปกับพื้นต่อหน้าโจวเทียนทันที
"ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าจะทำอะไรแก ดูแกตกใจสิ"
โจวเทียนยิ้มอ่อน พลางตบหน้าหลัวกังเบาๆ
เพราะยังไงเฉินถิงกับหลัวกังยังไม่ได้เลิกกันอย่างเป็นทางการ เพราะฉะนั้นเพื่อให้เกียรติภรรยาของตัวเองหลี่รั่วเสวี่ย โจวเทียนก็ไม่ได้กะจะทำอะไรที่มันเกินเลยเช่นกัน
หลัวกังเหมือนได้รับรางวัลใหญ่ รีบก้มคำนับพลางขอบคุณโจวเทียน "ขอบคุณมากนะครับน้องเขย ต่อไปผมจะไม่ดูถูกคนอื่นแล้วครับ….."
โจวเทียนไม่ได้ไปสนใจเขาอีกต่อไป หลังจากที่สนทนากับหลงคุนไปได้สักพัก ก็ได้ขับรถออกจากที่นี่เลย
หลังจากที่กลับไปถึงบ้าน โจวเทียนกะจะเข้าไปพักผ่อนในห้องนอนของตัวเอง แต่กลับพบว่าจางซูยวิ๋นกำลังพูดห้ามหลี่รั่วเสวี่ยอย่างพยายาม
"รั่วเสวี่ย วันนี้ไม่ว่ายังไง ลูกก็ต้องไปพบคุณชายเฉียนกับแม่ แม่ได้ยินมาว่าสวนน้ำเริ่มได้ทำการก่อสร้างแล้ว วิลล่าจิ่นซิ่วของเราก็ต้องก่อสร้างมันขึ้นมานะ อย่าคิดว่านอกจากคุณชายเฉียนแล้ว ยังจะมีใครสามารถมาช่วยพวกเราได้อีก?" จางซูยวิ๋นพูดอย่างร้อนรน
"แม่…..."
หลี่รั่วเสวี่ยกัดริมฝีปากตัวเอง ถึงแม้เขาไม่อยากมีความสัมพันธ์แบบนี้กับเฉียนเสี่ยวเฟย แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่มีวิธีการที่ดีไปมากกว่านี้แล้ว
ช่องว่างในการระดมทุนเกือบสิบล้าน นอกจากขอความช่วยเหลือจากเฉียนเสี่ยวเฟยแล้ว ยังมีทางอื่นให้เลือกอีกหรอ?
"ให้โจวเทียนไปพร้อมกันกับเราเถอะค่ะ มีเขาอยู่ด้วยจะดีกว่านี้หน่อย เพื่อไม่ให้เฉียนเสี่ยวเฟยคิดอะไรทะลึ่งๆ"
หลี่รั่วเสวี่ยมองไปทางโจวเทียนพี่เพิ่งกลับมารอบนึง คิดไปคิดมาก่อนจะพูดกับจางซูยวิ๋น
จางซูยวิ๋นชะงักไปแวบนึง รู้สึกอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก
"ถ้าให้มันไปยังไงในครั้งนี้ต้องพังลงไปแน่นอน ถ้าคุณชายเฉียนเห็นว่าแกไปพร้อมกันกับมัน แกคิดว่าคุณชายเค้าจะมีความสุขหรอ"
"แม่คะ เอาตามที่หนูบอกนี่แหละค่ะ ไม่งั้นหนูยอมที่จะไม่พัฒนาวิลล่าจิ่นซิ่วจะดีกว่า"
หลี่รั่วเสวี่ยพูดอย่างแน่วแน่
"ก็ได้ๆ งั้นก็ให้มันไปพร้อมกันกับเราด้วย"
จางซูยวิ๋นหมดหนทาง เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่เต็มใจเป็นอย่างมาก
แววตาของโจวเทียนเป็นประกายคือ ไม่ได้พูดอะไร
หันหลังแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนเลย
แต่ทว่า เขากลับหาจังหวะที่ว่างแล้วรีบโทรหาเหมียวเผิงจวีทันทีเลย……
หลังจากที่รับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ โจวเทียนขับรถพร้อมกันกับหลี่รั่วเสวี่ยและจางซูยวิ๋นมุ่งหน้าตรงไปยังเฉียนกรุ๊ป
เนื่องจากจางซูยวิ๋นได้ทำการนัดหมายกับเฉียนเสี่ยวเฟยผ่านทางโทรศัพท์แล้ว ว่าจะไปเจอกันที่บริษัทของพ่อของเฉียนเสี่ยวเฟย
เรื่องที่ใหญ่โตขนาดนี้ เฉียนเสี่ยวเฟยต้องตัดสินใจเองไม่ได้แน่นอน เพราะฉะนั้นจางซูยวิ๋นจึงตัดสินใจที่จะไปปรึกษาหารือกับคุณพ่อของเฉียนเสี่ยวเฟย
เร็วมาก พวกโจวเทียนก็ได้มาถึงหน้าทางเข้าของเฉียนกรุ๊ป
"คุณป้าครับ รั่วเสวี่ย พวกคุณมาได้สักทีนะครับ!"
เครื่องแบบการแต่งกายในวันนี้ของเฉียนเสี่ยวเฟยดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก เขาได้มารอคอยอยู่หน้าทางเข้านี้ตั้งนานแล้ว
"เสี่ยวเฟย พ่อหนูอยู่ที่บริษัทหรือเปล่า?"
ใบหน้าของจางซูยวิ๋นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ว่าจะมองเฉียนเสี่ยวเฟยยังไงก็รู้สึกชอบเฉียนเสี่ยวเฟยมากๆเลย
"อยู่ครับ เชิญทางนี้เลยครับคุณป้า"
เฉียนเสี่ยวเฟยยุ่งอยู่กับการกระทำความดีต่อหน้าจางซูยวิ๋น และคอยหันมามองหุ่นร่างที่เย้ายวนของหลี่รั่วเสวี่ยอยู่เป็นระยะๆ หิวกระหายจนน้ำลายแทบจะไหลออกมาจากปากแล้ว
และในตอนนี้เอง โจวเทียนก็ได้เดินลงมาจากรถแล้วเช่นกัน
เมื่อเฉียนเสี่ยวเฟยเห็นว่าโจวเทียนก็มาด้วย ใบหน้าของเขาจึงหม่นหมองลงไปทันที
"โอ๊ะ แกก็มาเหมือนกันหรอกหรอ?"
เฉียนเสี่ยวเฟยเบ้ปาก พลางมองโจวเทียน
เมื่อวานโดนโจวเทียนทำให้ตัวเองอับอายขายขี้หน้ามาก เฉียนเสี่ยวเฟยกำลังคิดอยู่เลยว่าจะแก้แค้นเขายังไงดี
จางซูยวิ๋นเกรงว่าโจวเทียนจะไปมีปัญหากับเฉียนเสี่ยวเฟย จึงรีบหันมาถลึงตาใส่โจวเทียนทีนึง เพื่อบ่งบอกให้เขาว่าอย่าทำอะไรเสียๆหายๆ
โจวเทียนก็เบื่อที่จะไปโต้แย้งเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้กับเฉียนเสี่ยวเฟยเหมือนกัน เขาจึงเดินตามเข้าไปพร้อมกันกับพวกเขา
"สวัสดีค่ะนายน้อย!"
ทันทีที่ก้าวเข้าไป พนักงานสาวสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างของทางเดินก็ได้ก้มคำนับให้เฉียนเสี่ยวเฟย พลางกล่าวคำทักทาย
เฉียนเสี่ยวเฟยได้ใจเป็นอย่างมาก และยังไม่ลืมที่จะหันไปมองปฏิกิริยาของหลี่รั่วเสวี่ย
เมื่อเห็นว่าหลี่รั่วเสวี่ยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ มากไปกว่านั้นคือเธอไม่ได้หันมามองเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในใจเขาก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
แต่ว่าจางซูยวิ๋นที่เห็นบรรยากาศภายในนี้ ก็รู้สึกอิจฉาตาร้อนอย่างมากทีเดียวเชียว
มีเงินนี่มันดีจริงๆเลยเนอะ ดูคุณชายเฉียนเค้าสิ สง่าผ่าเผยมากแค่ไหน!
"คุณป้าครับ รั่วเสวี่ย นี่คือพ่อของผมครับ"
หลังจากที่เข้าไปยังออฟฟิศของประธานกรรมการ เฉียนเสี่ยวเฟยก็เริ่มทำการแนะนำด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ
มองข้ามโจวเทียนเหมือนเขาเป็นอากาศยังไงอย่างนั้นเลย
ณ ตอนนี้ ผู้ชายคนหนึ่งที่ดูร่ำรวยอายุประมาณสี่สิบกว่ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ค่อนข้างมีอายุตัวหนึ่ง
ซึ่งคนดังกล่าวก็คือพ่อของเฉียนเสี่ยวเฟยนั่นเอง ประธานกรรมการเฉียนกรุ๊ป เฉียนไห่
"คุณก็คือคุณผู้หญิงจางสินะครับ เชิญนั่งก่อนครับ"
เฉียนไห่พูดกับจางซูยวิ๋นด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าเขากลับไม่ได้ลุกขึ้นยืน ฟอร์มสูงเหมือนกันนะ
จางซูยวิ๋นที่อยู่ด้านหน้าของเฉียนไห่ดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
เพราะเธอเป็นฝ่ายที่มาขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
"สวัสดีค่ะประธานเฉียน"
จางซูยวิ๋นทักทายกับเฉียนไห่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
"พ่อครับ คนนี้คือรั่วเสวี่ยที่ผมเคยพูดถึงน่ะครับ"
เฉียนเสี่ยวเฟยแนะนำหลี่รั่วเสวี่ยให้เฉียนไห่รู้จัก
เมื่อเฉียนไห่เห็นหลี่รั่วเสวี่ย ดวงตาทั้งสองข้างก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
รูปร่างนี้หน้าตานี้ แหม่ๆ! สวยเกินไปแล้วป่ะ!
มิน่าล่ะเสี่ยงเฟยถึงได้หลงใหลเธอจนหัวปักหัวปำขนาดนี้…..
เฉียนไห่คิดในใจ เขาไตร่ตรองไปสักพัก ก่อนจะตัดสินใจได้เป็นที่เรียบร้อย
"คุณหญิงจางครับ สาเหตุการมาของคุณเฉียนเสี่ยวเฟยฤได้บอกกับผมแล้วครับ เรื่องเงินทุนไม่มีปัญหาครับ ผมสามารถลงทุนสิบล้านได้"
เฉียนไห่ทำหน้าทำตาเหมือนเป็นคนที่ใจใหญ่มากๆ พลางพูดกับจางซูยวิ๋น
จางซูยวิ๋นรู้สึกซาบซึ้งใจมากๆ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องทุกอย่างจะราบรื่นได้เช่นนี้
"งั้นต้องขอขอบคุณประธานเฉียนมากๆเลยนะคะ!"
"เดี๋ยวก่อนครับ ผมยังพูดไม่จบ กำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ ต้องแบ่งให้ผมครึ่งนึง"
เฉียนไห่พูด
หลี่รั่วเสวี่ยที่ได้ยินแบบนี้ก็ได้ขมวดคิ้วลงอย่างกะทันหัน
เงื่อนไขนี้มันเกินไปหรือเปล่า วิลล่าจิ่นซิ่วในตอนนี้อยู่ในช่วงเก็บเรื่องรายละเอียดต่างๆในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว เฉียนไห่ลงทุนสิบล้าน ก็อยากจะเอากำไรตั้งครึ่งนึง นี่มันโหดร้ายมากเกินไปแล้ว
โจวเทียนหัวเราะอย่างเยือกเย็นอยู่ข้างๆ เฉียนเสี่ยวเฟยหน้าด้าน แต่พ่อมันหน้าด้านยิ่งกว่าเสียอีก!
"ประธานเฉียนคะ นี่มันไม่ค่อยเหมาะสมมั้งคะ…..."
จางซูยวิ๋นก็รู้สึกมึนงงด้วยเช่นกัน เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเฉียนไห่จะเป็นคนที่ละโมบโลภมากขนาดนี้
"เหอะๆ ผมคิดว่าถ้าเกิดคุณหญิงจางสามารถหาเงินสิบล้านเองได้ ก็คงจะไม่มาหาผมหรอก ใช่ไหมครับ?"
เฉียนไห่หัวเราะอยากได้ใจ "แต่ว่านะ ถ้าเกิดพวกเรากลายเป็นญาติมิตรกันละก็ ผมเอากำไรแค่สองส่วนก็ได้แล้วครับ…..."
จางซูยวิ๋นต้องเข้าใจในสิ่งที่เขาจะสื่อเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ขอแค่หลี่รั่วเสวี่ยหย่ากับโจวเทียน แล้วค่อยไปแต่งงานกับเฉียนเสี่ยวเฟย แบบนี้เฉียนไห่ก็จะเอากำไรแค่สองส่วน
กำไรสองส่วน เป็นสิ่งที่จางซูยวิ๋นสามารถยอมรับได้อยู่ อีกอย่างเธอก็เต็มใจที่จะมีญาติอย่างเฉียนไห่อีกด้วย
เพราะฉะนั้นจางซูยวิ๋นจะหันหน้ากลับไปมองหลี่รั่วเสวี่ย
เฉียนเสี่ยวเฟยหัวใจเบ่งบานมากๆ เริ่มจินตนาการแล้วว่าหลังจากที่ได้ครอบครองหลี่รั่วเสวี่ยแล้ว ตัวเองจะสนุกและมันส์มากแค่ไหน
หลี่รั่วเสวี่ยรู้สึกโมโหไม่เบาเลย ดึงแขนโจวเทียนอยากจะออกจากที่นี่
"ท่านประธานคะ คนจากหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลมาถึงแล้วค่ะ บอกว่าอยากจะเข้าพบคุณหญิงหลี่รั่วเสวี่ยน่ะค่ะ"
และในตอนนี้ เลขานุการของเฉียนไห่เดินเข้ามาก่อนจะพูด
เฉียนไห่รู้สึกตะลึงมาก ความสามารถแค่นี้ของเขาเมื่อเทียบกับหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลแล้ว ก็เป็นได้แค่เศษ
"รีบเชิญเข้ามาเลย"
"ค่ะ"
เลขาฯสาวตอบกลับคํานึงก่อนจะเดินออกไป
เร็วมาก หญิงสาวที่สง่างามที่อายุประมาณยี่สิบกว่าก็ได้เดินเข้ามา
หลังจากที่หญิงสาวคนดังกล่าวเข้ามา สายตาของเธอก็ได้จับจ้องไปบนตัวโจวเทียน ยิ้มให้โจวเทียนอย่างเย้ายวนทีนึง ดูดึงดูดเป็นอย่างมาก
โจวเทียนไม่ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ต่างอยู่ในการคาดหมายของเขา
ซึ่งคนที่มาก็คือผู้ช่วยของเหมียวเผิงจวี หลิ่วเยว่เอ๋อร์นั่นเอง
"สวัสดีค่ะคุณหญิงหลี่ คุณชายโจวของเรามอบหมายให้ฉันมาปรึกษาหารือเรื่องธุรกิจกับคุณน่ะค่ะ"
หลิ่วเยว่เอ๋อร์พูดกับหลี่รั่วเสวี่ยด้วยน้ำเสียงที่เกรงอกเกรงใจ
หลี่รั่วเสวี่ยที่ได้ยินแบบนี้แล้วรู้สึกตะลึงหนักมาก "เป็นคุณชายโจวที่มาจากเมืองปักกิ่งหรอคะ? เขาอยากจะปรึกษาหารือเรื่องการทำงานร่วมกันกับฉัน?"
"ใช่ค่ะ"
หลิ่วเยว่เอ๋อร์ยิ้ม
"งั้น…… คุณชายโจวเขาอยากร่วมงานกับเราแบบไหนหรอคะ?"
หลี่รั่วเสวี่ยกำลังสันนิษฐานอยู่ว่าเธอกำลังฝันอยู่หรือเปล่า ตำแหน่งและตัวตนของคุณชายโจวสูงส่งขนาดนั้น ทำไมถึงมาทำงานร่วมกันกับเธอได้
"คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ ทางเราจะเป็นฝ่ายก่อสร้างวิลล่าจิ่นซิ่วเองค่ะ คุณไม่ต้องเอาเงินสักหยวนเลยค่ะ"
หลิ่วเยว่เอ๋อร์พูดอธิบาย
"แล้วคุณชายโจวของพวกคุณมีเงื่อนไขอะไรหรือเปล่าคะ?"
"ไม่มีเงื่อนไขใดๆแม้แต่ข้อเดียวเลยค่ะ และจะไม่แบ่งกำไรกับคุณ คุณสบายใจได้เลยนะคะ"
หลิ่วเยว่เอ๋อร์พูด
ทันใดนั้นเอง หลี่รั่วเสวี่ยก็ยืนผงะอยู่กับที่ไปทันทีเลย
มีของฟรีร่วงตกลงมาจากสวรรค์จริงๆด้วย!
ลงทุนเงินมากขนาดนั้นฟรีๆ โดยที่ไม่เอากำไรใดๆเลยแม้แต่หยวนเดียว คุณชายท่านนี้กำลังทำการกุศลอยู่หรือไง?
หลี่รั่วเสวี่ยคิดยังไงก็คิดไม่ตก
จางซูยวิ๋นยิ่งช็อคจนอ้าปากกว้าง มึนงงไปเลย
เธอหยิกขาของตัวเองแรงๆ จางซูยวิ๋นถึงจะยืนยันได้ว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในความฝัน
"คุณหญิงหลี่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ จากชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของคุณชายโจวและหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลของเรา ไม่มีทางหรอกคุณแน่นอนค่ะ แล้วเจอกันนะคะ"
หลังจากที่หลิ่วเยว่เอ๋อร์พูดจบ เธอก็ได้ก้าวขาแล้วเดินจากไปทันที
เฉียนเสี่ยวเฟยตะลึงจนอ้าปากค้าง ตอนแรกคิดว่าตัวเองสามารถสยบหลี่รั่วเสวี่ยได้แล้ว จะกลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกแรงโจมตีที่หนักหน่วงมากขนาดนี้!
เฉียนไห่ยิ่งเหมือนฟ้าผ่าผ่าจนสลบไป นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเหม่อลอย เวลาผ่านไปนานมากก็ยังไม่ได้สติกลับคืนมา
เมื่อกี้เขายังดูจองหองสูงส่งอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับเป็นเหมือนกับตัวตลกตัวหนึ่ง
เมื่อเทียบกับความร่ำรวยและความเอาแต่ใจของคุณชายโจวแล้ว เขาก็เป็นเหมือนกับลูกศิษย์ที่ไร้ยางอายที่ปลนสะดมตอนไฟไหม
เวลาผ่านไปครึ่งนาทีเต็มๆ หลี่รั่วเสวี่ยถึงจะค่อยๆดึงสติกลับมาจากความช็อคได้ บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่อ่อนหวานหลังจากที่ความช็อคได้จางหายไป
โจวเทียนแอบจ้องมองใบหน้าที่สง่างามนั่นของเธอ แล้วรู้สึกชื่นใจมากถึงมากที่สุดเลย
"วางแผนร้าย ด้านในนี้ต้องมีแผนร้ายแฝงอยู่ด้วยแน่นอน"
หลังจากที่เฉียนเสี่ยวเฟยรู้สึกช็อคไปสักพัก เขาก็ได้พูดคำพูดที่อัดอั้นมานานออกมา
แต่ว่าใครก็สามารถดูออกได้ว่า ในขณะที่เขาพูดคำนี้อยู่นั้นเขาดูฝืนมากแค่ไหน
"อย่างน้อยก็ดีกว่าพวกที่อ้าปากก็อยากดูดกินผลประโยชน์เลย"
หลี่รั่วเสวี่ยมองเฉียนเสี่ยวเฟยพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นคำนึง ก่อนจะหันไปพูดกับจางซูยวิ๋น :"แม่คะ เรากลับกันเถอะค่ะ"
จางซูยวิ๋นรู้สึกดีใจจนหัวใจเบ่งบานไปตั้งนานแล้ว คุณชายโจวใจกว้างและใจบุญมากขนาดนี้ นี่มันสวรรค์เปิดทางให้ชัดๆ
ตอนนี้จะได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลเฉียนหรือไม่นั้น ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
"ประธานเฉียนคะ กิเลสของคุณมีมากเกินไปแล้วค่ะ ดิฉันไม่สามารถยอมรับได้ เหอะๆ"
จางซูยวิ๋นหัวเราะเหอะๆ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไปจากออฟฟิศของเฉียนไห่
หลี่รั่วเสวี่ยและโจวเทียนก็ได้เดินออกมาด้วยเช่นกัน
เฉียนไห่รู้สึกโมโหจนเอามือทุบกับโต๊ะ "เนื้อที่ใกล้เข้ามาถึงปากแล้วยังกินไม่ได้ ชิบหาย! ไอ้คุณชายโจวนั่นบ้าไปแล้วหรือไง นี่มันกำลังกีดกันเราอยู่ไม่ใช่หรอ?"
"พ่อครับ เดี๋ยวผมจะไปสืบหาข้อมูลของมันเอง"
เฉียนเสี่ยวเฟยก็รู้สึกโมโหมากเช่นกัน
"ยังจะไปสืบทำมะเขืออะไรอีก ไม่ได้ยินคนของหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลบอกว่าเป็นคุณชายโจวในเมืองปักกิ่งหรือไง? ถึงแล้วจะสืบหาอะไรมาได้ แกจะสามารถทำอะไรคุณชายโจวเขาได้?"
เฉียนไห่พูดกับเฉียนเสี่ยวเฟยด้วยอารมณ์ที่โกรธกริ้ว
เฉียนเสี่ยวเฟยก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว ตระกูลโจวแห่งเมืองปักกิ่ง เป็นตระกูลที่ตระกูลเฉียนของพวกเขาจะสามารถไปมีปัญหาด้วยได้หรือ?
ในระหว่างทางกลับบ้าน จางซูยวิ๋นรู้สึกดีใจมากจนควบคุมไม่อยู่
"รั่วเสวี่ย ลูกไปรู้จักกับคุณชายโจวตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?"
หลี่รั่วเสวี่ยผงะไปเมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอรู้จักคุณชายโจวที่ไหนกัน
"แม่ หนูไม่เคยเห็นคุณชายโจวมาก่อนเลยด้วยซ้ำ"
"กล้าโกหกแม้กระทั่งแม่ตัวเองหรอเนี่ย ถ้าลูกไม่รู้จักคุณชายโจว คุณชายโจวเค้าจะมาช่วยเหลือพวกเราได้ยังไง?"
จางซูยวิ๋นตามถามไถ่
หลี่รั่วเสวี่ยหัวเราะอย่างปลง ถ้าเกิดอธิบายต่อแม่ของเธอก็คงไม่เชื่ออยู่ดี เธอจะเลือกที่จะไม่พูดอะไรเลยจะดีกว่า
โจวเทียนที่กำลังขับรถรู้สึกน่าขำมาก
ตอนนี้แม่ยายไม่อิจฉาคุณชายเฉียนอีกต่อไปแล้ว ต่อไปก็ควรจะอิจฉาคุณชายโจวแล้วสินะ?
ใครเงินเยอะก็จะชอบคนนั้นมากกว่าสินะ เห็นแต่ผลประโยชน์มากเกินไปแล้ว
ถ้าเธอรู้ว่าลูกเขยของตัวเองคือคุณชายโจว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีคิดยังไง
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved