บทที่ 17 วางแผน
by จินเหอซี
08:31,Apr 26,2021
หลังจากที่พวกโจวเทียนออกไปแล้ว เฉียนเสี่ยวเฟยก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ
สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือช่วยหลี่รั่วเสวี่ยระดมทุน แบบนี้ถึงจะให้หลี่รั่วเสวี่ยยอมคล้อยตามได้
และแล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น อยู่ๆหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลก็ตกลงจะสร้างวิลล่าจิ่นซิ่วทำให้หลี่รั่วเสวี่ยชุบมือเบิบ โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่หยวนเดียว
นี่เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเฉียนเสี่ยวเฟย ที่จริงเขาอยากจะพูดคุยเรื่องนี้กับเฉียนไห่พ่อของเขาก่อนว่าจะจัดการอย่างไร แต่ปรากฏว่าเฉียนไห่เกรงกลัวต่อหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลมากๆ และไม่กล้าที่จะขัดแย้งกับหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลด้วยซ้ำ
เฉียนเสี่ยวเฟยออกจากเฉียนกรุ๊ป และขับรถตรงไปที่บ้านของเฉียนจิ้นอาของเขา
"อ้อ เสี่ยวเฟยมาแล้วเหรอ"
เฉียนจิ้นเหล่ตามอง พลางนั่งสูบซิการ์อยู่ที่โต๊ะหัวหน้าและกำลังกอดสาวสวยคนหนึ่งอยู่
"อาครับ ผมมีเรื่องอยากให้ช่วย"
สีหน้าของเฉียนเสี่ยวเฟยไม่ดีนัก ก่อนกวาดตาไปมองหญิงสาวคนนั้น
"เธอออกไปก่อน"
เฉียนจิ้นบัดมือไล่หญิงสาวคนนั้นให้ออกไปก่อน
ตอนนี้ในห้องเหลือเพียงอาและหลานสองคน เฉียนเสี่ยวเฟยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ให้ฟังคร่าวๆ
เฉียนจิ้งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพ่นควันออกมาพลางพูดว่า :"เสี่ยวเฟย หลี่รั่วเสวี่ยที่แกพูดถึงนี่ไม่เบา แม้แต่หวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลยังช่วยเธองั้นเหรอ? โปรเจ็คที่ยังสร้างไม่เสร็จในวิลลาจิ่นซิ่วก็เหลืออีกไม่น้อยเลย ถ้าไม่มีเงินทุนล้านสิบล้านนี่ไม่มีทางเก็บไว้ได้แน่นอน"
"อาไม่รู้อะไร หวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลมาจากตะกูลโจว ตอนนี้มีคุณชายโจวอะไรไม่รู้โผล่มา ต้องการจะครอบครองหลี่รั่วเสวี่ย ให้ตายเถอะ!"
เฉียนเสี่ยวเฟยสบถคำพูดหยาบคายออกมา สำหรับคุณชายโจวคนนี้เขาเกลียดเข้ากระดูกดำ
"เหอะๆ เสี่ยวเฟยเอ้ย อาว่าผู้หญิงที่ชื่อหลี่รั่วเสวี่ยอะไรนั่นมันน่าหลงใหลขนาดนั้นเลยเหรอ? ดูจากท่าทางไร้สติของแก ถ้าแกไม่ได้เธอมาครอบครอง แกจะหลับไม่ลงหรือไง?"
เฉียนจิ้นหัวเราเยาะ
"อาดูเอาเองเถอะ"
เฉียนเสี่ยวเฟยเปิดรูปหลี่รั่วเสวี่ยในมือมือ นี่เป็นรูปที่เขาแอบถ่ายมาตอนที่หลี่รั่วเสวี่ยไม่รู้ตัว
เมื่อเฉียนจิ้นได้เห็นรูปหลี่รั่วเสวี่ยจากในมือถือ แววตาของเขาก็เริ่มแสดงถึงสัญชาตญาณชาย น้ำลายไหลแทบจะไหลออกมาเป็นทางเลย
"ให้ตายเถอะ สุดยอดจริงๆ"
"อาแค่ช่วยให้ผมลงเอยกับเธอ ผมยินดีแบ่งเธอให้ ฮ่าๆๆ…"
เฉียนเสี่ยวเฟยหัาเราะอย่างไร้ยางอาย แสดงท่าทีที่ผู้ชายทุกคนเข้าใจกัน
เฉียนจิ้นกรอกตาครุ่นคิด เหมือนว่าในใจของเขาจะมีแผนร้ายบางอย่างแล้ว
"เรื่องนี่จัดการง่ายนิดเดียว ปล่อยให้อาจัดการเถอะ แกแค่ทำตามที่อาบอก เธอไม่ทางรอดน้ำมือของเราได้แน่"
เฉียนจิ้นเหลือบมองรูปของหลี่รั่วเสวี่ยอีกครั้ง จากนั้นก็บอกแผนของเขาให้กับเฉียนเสี่ยวเฟย
หลังจากที่ฟังเฉียนจิ้นพูดจบ เฉียนเสี่ยวเฟยก็หัวเราะชอบใจ "อาครับ แผนชองอานี่มันล้ำมาก สุดยอดจริงๆ ฮ่าๆๆ…"
……
หลังจากที่โจวเทียนไปส่งหลี่รั่วเสวี่ยกับจางซูยวิ๋นกลับถึงบ้าน เขาก็ขับรถออกไป
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้กลับไปเยี่ยมพ่อบุญธรรม ตอนนี้เขามีเงินแล้ว มันถึงเวลาที่เขาจะกลับไปทดแทนบุญคุณ
เขาซื้อของฝากมากมาย ก่อนจะขับรถกลับไปยังบ้านพ่อบุญธรรมของเขา
บ้านของพ่อบุญธรรมเป็นบ้านในเมืองทั่วไป น่าเสียดายที่ยังไม่ได้วางแผนสำหรับที่นี่ ต้องใช้เวลาอีกนานในการรื้อถอนและย้ายไปบ้านหลังใหม่
ฝนที่ตกลงมาทั้งวัน ทำให้ถนนลูกรังเปรอะแฉะเต็มไปด้วยโคลน ไม่ง่ายเลยกว่าที่โจวเทียนจะขับรถมาถึงหน้าบ้าน
บ้านดั้งเดิมหลังเก่าๆ หากมีเหตุแผ่นดินไหวก็คงจะถล่มลงมาง่ายๆ นี่แหละสภาพแวดล้อมของที่นี่ โจวเทียนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นานหลายปี
"พ่อครับ ผมกลับมาแล้ว"
โจวเทียนเข้าบ้านมาพร้อมของฝากในมือ
"เสี่ยวเทียน กลับมาแล้วเหรอ!"
โจวฟู่จู้ พ่อบุญธรรมทักทายด้วยความประหลาดใจ เดินออกมาต้อนรับพร้อมชามเก่าๆใบนึงในมือ
เมื่อเห็นสีหน้าเรียบๆและเปลี่ยนไปของพ่อบุญธรรม โจวเทียนก็ไม่สามารถเก็บความรู้สึกได้
สิบปีที่แล้ว หากไม่ได้รับการเลี้ยงดูจากชายชราที่นามสกุลเดียวกับเขาคนนี้ เขาไม่รู้เลยว่าจะมีชีวิตถึงวันนี้ได้มั้ย
"พี่ มารองน้ำฝนเร็ว มันซึมเข้าบ้านหมดแล้ว!"
ในตอนนี้ มีเสียงเรียกที่ไม่ค่อยพอใจของโจวหลิงดังมาจากในห้อง
"อ้อ ได้ๆ"
โจวเทียนรีบวางของลง ก่อนจะรีบเข้าไปในห้อง
เขาเห็นโจวหลิงยุ่งอยู่กับการอุดรูรั่วในห้อง เธอนำเอากะละมังต่างๆที่พอใช้ได้มารองไว้ตรงที่มีรอยรั่วซึมของน้ำฝน
ข้างนอกฝนตกหนัก ในบ้านก็พลอยโดนฝนไปด้วย เย็นสบายในฤดูหนาว อบอุ่นในฤดูร้อน สถานการณ์แบบนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับโจวเทียน
เขาเติบโตมากับสภาพแวดล้อมแบบนี้ตั้งแต่เด็ก โจวเทียนเลยคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี
แต่ในตอนนี้ เขาไม่อาจจะปล่อยให้พ่อบุญธรรมของเขาอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อไปได้
"น้อง ไม่ต้องรองน้ำฝนแล้ว เราไปซื้อบ้านใหม่กันตอนนี้เลย"
โจวเทียนยิ้มให้กับโจวหลิง และบอกกล่าวกับเธอ
โจวหลิงได้ยินเช่นนั้นถึงกับชะงัก ก่อนจะตอบกลับไปว่า :"พี่คะ บ้านแพงขนาดนั้น เราจะเอาปัญญาที่ไหนไปซื้อคะ?"
"เธอลืมไปแล้วหรือไง? ตอนนี้พี่เธอมีเงินแล้วนะ"
โจวเทียนยิ้มตอบ
"ทำไมจู่ๆพี่ถึงมีเงินล่ะคะ ตอนนี้หนูยังไม่กล้าที่จะเชื่อเลยว่ามันเป็นความจริง"
โจวหลิงส่ายหัวไปมา เขาไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ของเธอจะร่ำรวยได้ชั่วค่ำคืน
"เสี่ยวเทียนเอ้ย หาเงินต้องสุจริต อย่าไปทำอะไรที่มันผิดกฎหมาย ที่จริงพ่ออยู่ที่นี่ก็สบายดี มีสวนเล็กๆ ของเก่าๆที่เก็บมาก็ยังใช้ได้"
โจวฟู่จู้พูดด้วยรอยยิ้ม
"ต่อไปไม่ต้องเก็บของเก่าแล้ว ใช้ชีวิตให้มีความสุขนะครับ"
โจวเทียนพูดพลางดึงแขนโจวฟู่จู้กับโจวหลิงออกจากบ้าน
"เสี่ยวเทียน แกจะพาเราไปไหน?"
โจวฟู่จู้รู้สึกสับสนกับโจวเทียนไปหมด
"ไปซื้อบ้านไงครับ"
"บ้านหลังเดิมก็ยังอยู่ได้ แล้วนี่แกเอาเงินที่ไหนมาซื้อบ้าน?"
"พ่อครับ อย่าถามอะไรมากเลย ซื้อบ้านแล้วอยู่อย่างสบายใจก็พอแล้วครับ"
โจวเทียนไม่ได้อธิบายอะไรมาก
หลังจากขึ้นรถก็ขับตรงมายังสำนักงานขายของตะกูลหัวฟู่
นี่คือวิลลาที่หรูหราที่สุดในเมืองนี้ ครึ่งนึงเป็นวิลลาสามชั้นสำหรับครอบครัว อีกครึ่งนึงเป็นบ้านมีลิฟท์สไตล์ยุโรป ซึ่งมีราคาแพงเช่นเดียวกัน
แม้ว่าโจวฟู่จู้จะเป็นคนเรียบง่ายและซื่อๆ แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ เขาใช้ชีวิตอยู่ที่เป่ยชวนมาตลอด ต้องรู้อยู่แล้วว่าราคาบ้านในเป่ยชวนนั้นสูงขนาดไหน
แม้แต่ที่ที่ถูกที่สุด ตารางเมตรนึงราคาแพงถึงเกือบหมื่นหยวน
วิลล่าของตะกูวหัวฟู่เป็นวิลลาระดับไฮเอนด์ คนที่สามารถซื้อวิลลาที่นี่ได้ ต้องเป็นคนที่รวยมาก
แม้คนซื้อบ้านหลังธรรมดาๆที่นี่ ส่วนใหญ่ก็มาจากครอบครัวที่มีฐานะดี เพราะบ้านระดับธรรมดาที่นี่มีราคาตารางเมตรละถึงสองหมื่นหยวน
"เสี่ยวเทียน แกกำลังทำอะไรอยู่ ไม่ได้อยากจะซื้อบ้านที่นี่ใช่มั้ย?"
โจวฟู่จู้ไม่อยากจะเชื่อ จึงยืนนิ่ง ลังเลที่จะเดินเข้าไป
โจวเทียนไม่ได้แปลกใจอะไรที่ได้เห็นท่าทางเช่นนั้นของพ่อบุญธรรม
พ่อบุญธรรมซื้อสัตย์มาตลอดชีวิต ใช้ชีวิตอย่างยากจนตลอดมา เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำว่าจะซื้อบ้านทีนี่ได้
นี่สินะที่เรียกว่าความจนปิดกั้นจิตนาการ
"พี่ อย่าพูดมากเลย รีบไปเถอะ ขนาดบ้านที่ราคาถูกที่สุดขั้นต่ำยังหลังละล้าน นับประสาอะไรกับวิลล่าพวกนั้น ขั้นต่ำคงต้องใช้อย่างน้อยสิบล้าน..…"
ขณะที่โจวหลิงพูดอยู่นั้น เธอก็พลางมองไปยังโจวเทียนเป็นครั้งคราว หวังว่าพี่ชายของเธอจะรีบพาเธอกลับบ้านให้ไวที่สุด
"วางใจเถอะ พี่ซื้อได้"
โจวเทียนบอกกับโจวหลิงด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างใน
โจวฟู่จู้กับโจวหลิงไม่มีทางเลือก ได้แต่เดินตามหลังโจวเทียนเข้าไปด้วย
แน่นอนว่าโจวฟู่จู้กับโจวหลิงดูท่าทีเก้ๆกังๆ เนื่องจากสำนักงานขายที่นี่หรูหราพอสมควร คนที่ไม่มีเงินก็ไม่มีความมั่นใจเป็นธรรมดา
มีพนักงานขายสองคนกำลังรับลูกค้าคนอื่น คนอื่นๆก็กำลังพูดคุยกันอยู่ หลังจากที่พวกของโจวเทียนเดินเข้ามา พนักงานขายคนอื่นๆที่ว่างอยู่ต่องไม่มีปฏิกิริยาอะไร
สังคมตอนนี้ก็เป็นแบบนี้แหละ มักมองคนจากการแต่งตัว หลายคนถูกตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก
เมื่อเห็นพวกโจวเทียนแต่งตัวล้าสมัยหน่อย พนักงานขายเหล่านั้นก็ไม่อยากที่จะต้อนรับ บางคนยังมองด้วยสายตารังเกียจ
เมื่อโจวเทียนเห็นว่าพนักงานยืนเย่อหยิ่งอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจ
"ที่นี่ไม่มีคนมาต้อนรับเลยเหรอครับ"
ตอนนี้โจวเทียนเริ่มตั้งคำถาม
ในที่สุด สาวผมสั้นตัวสูงสุดเซ็กซี่ก็เดินเข้ามา
"สวัสดีค่ะ ฉันคือหวู่ลี่ พนักงานขายดีเด่นของทีนี่ ไม่ทราบว่าคุณมาทำอะไรที่นี่คะ?"
สีหน้าของหวู่ลี่บึ้งตึง แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่ก็ไม่สามารถบิดบังความอัดอั้นในใจได้เลย
ในสายตาของเธอ โจวเทียนแค่มาหาอะไรดู ไม่มีอะไรทำเลยมาเพ่นพ่านที่นี่
โจวเทียนมองไปยังหวู่ลี่คนนั้น เขารู้ดีว่าตัวตนภายใต้หน้ากากของเธอคิดอะไรอยู่
เห้อ ดูเหมือนตอนนี้การถ่อมตัวก็เป็นเรื่องที่ผิดอย่างนึง คนอื่นมักจะมีอคติอยู่เรื่อย
เขารู้สึกอนาถในใจ แต่เขาก็ถ่อมตัวจนเคยชินแล้ว จู่ๆจะให้เขาทำตัวสูงส่งในตอนนี้ก็คงจะทำไม่ได้
"มาดูบ้าน"
โจวเทียนบอกไปอย่างเรียบนิ่ง
หวู่ลี่กรอกตาใส่โจเทียน พวกนักเลงจนๆมาดูบ้านก็มีไม่น้อย เธอคงเห็นมามากแล้ว
ดังนั้นเธอจึงปัดพวกโจวเทียนให้อยู่ประเภทเดียวกับคนพวกนั้น
"บ้านที่นี่ราคาเริ่มต้นที่สองหมื่นหนึ่งพันต่อตาราง สูงสุดอยู่ที่หกหมื่นหกพัน แน่ใจใช่มั้ยคะว่าไม่ได้มาผิดที่?"
หวู่ลี่หัวเราะเยาะพลางมองไปที่โจวเทียน
โจวเทียนขมวดคิ้วเข้ม ท่าทีการพูดการจาของผู้หญิงคนนี้ช่างทำให้คนรู้สึกอึดอัดใจ
"ถ้าเธอไม่เต็มใจที่จะบริการเรา ก็เปลี่ยนคนอื่นมา"
เขาไม่อยากจะอะไรกับอู๋ลี่ จึงพูดออกไปตรงตรง
"หึๆ ทำเหมือนกับว่าตัวเองจะมีปัญญาซื้องั้นแหละ"
หวู่ลี่หัวเราะหึๆ ก่อนจะหันกลับไปมองหา เธอหันไปเห็นหญิงสาวที่ไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้
"เถียนเสี่ยวยุ้ย เธอช่วยมารับแขกท่านหน่อยซิ"
หวู่ลี่กวักมือเรียกเถียนเสี่ยวยุ้ย
"ได้ค่ะพี่ลี่!"
เถียนเสี่ยวยุ้ยรีบซอยเท้าไปหาโจวเทียน ก่อนจะพูดอย่างสุภาพว่า :"สวัสดีค่ะ ดิฉันคือผู้ช่วยฝ่ายขายเถียนเสี่ยวยุ้ย หากคุณมีข้อสงสัยอะไร ดิฉันจะแนะนำให้ค่ะ"
โจวเทียนมองไปยังหญิงสาวตรงหน้า ในใจรู้สึกสบายมากขึ้น
หญิงสาวคนนี้ดูเหมือนจะยังอายุสิบแปดสิบเก้า เธอทำตัวดีมาก การพูดการจาก็ไม่รุนแรงเหมือนกับหวู่ลี่
โจวเทียนยังไม่ทันได้พูดอะไรก็มีคู่ชายหญิงสองคนเดินเข้ามา
เป็นชายอายุราวๆสี่สิบกว่าปี อ้วนท้วนหูกาง สภาพเหมือนเศรษฐีหน้าใหม่
"หวู่ลี่ ดูเหมือนมาตรฐานที่นี่ก็ไม่ได้สูงอะไรมากนี่ คนชนชั้นไหนก็เข้ามาซื้อบ้านได้"
ชายคนนั้นพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ พลางกวาดตาไปมองโจวฟู่จู้และโจวหลิง
"โอ้ เถ้าแก่เจิ้งนี่คะ คุณเป็นยังไงบ้าง บ้านที่ดิฉันแนะนำให้คุณเมื่อวาน ตัดสินใจได้หรือยังคะ?"
หวู่ลี่รีบเดินไปต้อนรับทันที เธอต้อนรับเถ้าแก่เจิ้งด้วยความกระตือรือร้น ราวกับเป็นพ่อของเธอเอง
เถ้าแก่เจิ้งมองไปที่โจวเทียน ก่อนจะพูดว่า :"ที่จริงกะจะซื้อวันนี้เลย แต่ตอนนี้คิดไปคิดมา ถ้าหากพวกแมวเอย หมาเอย อะไรเอยก็สามารถมาซื้อบ้านที่นี่ได้ ถ้าซื้อบ้านของที่นี่ราคาจะไม่ดูต่ำไปเหรอ?"
เมื่อพูดจบ เถ้าแก่เจิ้งก็กรอกตามองบนใส่โจวเทียน ก่อนจะหัวเราะเยาะด้วยท่าทีรังเกียจ
สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือช่วยหลี่รั่วเสวี่ยระดมทุน แบบนี้ถึงจะให้หลี่รั่วเสวี่ยยอมคล้อยตามได้
และแล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น อยู่ๆหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลก็ตกลงจะสร้างวิลล่าจิ่นซิ่วทำให้หลี่รั่วเสวี่ยชุบมือเบิบ โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่หยวนเดียว
นี่เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเฉียนเสี่ยวเฟย ที่จริงเขาอยากจะพูดคุยเรื่องนี้กับเฉียนไห่พ่อของเขาก่อนว่าจะจัดการอย่างไร แต่ปรากฏว่าเฉียนไห่เกรงกลัวต่อหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลมากๆ และไม่กล้าที่จะขัดแย้งกับหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลด้วยซ้ำ
เฉียนเสี่ยวเฟยออกจากเฉียนกรุ๊ป และขับรถตรงไปที่บ้านของเฉียนจิ้นอาของเขา
"อ้อ เสี่ยวเฟยมาแล้วเหรอ"
เฉียนจิ้นเหล่ตามอง พลางนั่งสูบซิการ์อยู่ที่โต๊ะหัวหน้าและกำลังกอดสาวสวยคนหนึ่งอยู่
"อาครับ ผมมีเรื่องอยากให้ช่วย"
สีหน้าของเฉียนเสี่ยวเฟยไม่ดีนัก ก่อนกวาดตาไปมองหญิงสาวคนนั้น
"เธอออกไปก่อน"
เฉียนจิ้นบัดมือไล่หญิงสาวคนนั้นให้ออกไปก่อน
ตอนนี้ในห้องเหลือเพียงอาและหลานสองคน เฉียนเสี่ยวเฟยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ให้ฟังคร่าวๆ
เฉียนจิ้งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพ่นควันออกมาพลางพูดว่า :"เสี่ยวเฟย หลี่รั่วเสวี่ยที่แกพูดถึงนี่ไม่เบา แม้แต่หวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลยังช่วยเธองั้นเหรอ? โปรเจ็คที่ยังสร้างไม่เสร็จในวิลลาจิ่นซิ่วก็เหลืออีกไม่น้อยเลย ถ้าไม่มีเงินทุนล้านสิบล้านนี่ไม่มีทางเก็บไว้ได้แน่นอน"
"อาไม่รู้อะไร หวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลมาจากตะกูลโจว ตอนนี้มีคุณชายโจวอะไรไม่รู้โผล่มา ต้องการจะครอบครองหลี่รั่วเสวี่ย ให้ตายเถอะ!"
เฉียนเสี่ยวเฟยสบถคำพูดหยาบคายออกมา สำหรับคุณชายโจวคนนี้เขาเกลียดเข้ากระดูกดำ
"เหอะๆ เสี่ยวเฟยเอ้ย อาว่าผู้หญิงที่ชื่อหลี่รั่วเสวี่ยอะไรนั่นมันน่าหลงใหลขนาดนั้นเลยเหรอ? ดูจากท่าทางไร้สติของแก ถ้าแกไม่ได้เธอมาครอบครอง แกจะหลับไม่ลงหรือไง?"
เฉียนจิ้นหัวเราเยาะ
"อาดูเอาเองเถอะ"
เฉียนเสี่ยวเฟยเปิดรูปหลี่รั่วเสวี่ยในมือมือ นี่เป็นรูปที่เขาแอบถ่ายมาตอนที่หลี่รั่วเสวี่ยไม่รู้ตัว
เมื่อเฉียนจิ้นได้เห็นรูปหลี่รั่วเสวี่ยจากในมือถือ แววตาของเขาก็เริ่มแสดงถึงสัญชาตญาณชาย น้ำลายไหลแทบจะไหลออกมาเป็นทางเลย
"ให้ตายเถอะ สุดยอดจริงๆ"
"อาแค่ช่วยให้ผมลงเอยกับเธอ ผมยินดีแบ่งเธอให้ ฮ่าๆๆ…"
เฉียนเสี่ยวเฟยหัาเราะอย่างไร้ยางอาย แสดงท่าทีที่ผู้ชายทุกคนเข้าใจกัน
เฉียนจิ้นกรอกตาครุ่นคิด เหมือนว่าในใจของเขาจะมีแผนร้ายบางอย่างแล้ว
"เรื่องนี่จัดการง่ายนิดเดียว ปล่อยให้อาจัดการเถอะ แกแค่ทำตามที่อาบอก เธอไม่ทางรอดน้ำมือของเราได้แน่"
เฉียนจิ้นเหลือบมองรูปของหลี่รั่วเสวี่ยอีกครั้ง จากนั้นก็บอกแผนของเขาให้กับเฉียนเสี่ยวเฟย
หลังจากที่ฟังเฉียนจิ้นพูดจบ เฉียนเสี่ยวเฟยก็หัวเราะชอบใจ "อาครับ แผนชองอานี่มันล้ำมาก สุดยอดจริงๆ ฮ่าๆๆ…"
……
หลังจากที่โจวเทียนไปส่งหลี่รั่วเสวี่ยกับจางซูยวิ๋นกลับถึงบ้าน เขาก็ขับรถออกไป
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้กลับไปเยี่ยมพ่อบุญธรรม ตอนนี้เขามีเงินแล้ว มันถึงเวลาที่เขาจะกลับไปทดแทนบุญคุณ
เขาซื้อของฝากมากมาย ก่อนจะขับรถกลับไปยังบ้านพ่อบุญธรรมของเขา
บ้านของพ่อบุญธรรมเป็นบ้านในเมืองทั่วไป น่าเสียดายที่ยังไม่ได้วางแผนสำหรับที่นี่ ต้องใช้เวลาอีกนานในการรื้อถอนและย้ายไปบ้านหลังใหม่
ฝนที่ตกลงมาทั้งวัน ทำให้ถนนลูกรังเปรอะแฉะเต็มไปด้วยโคลน ไม่ง่ายเลยกว่าที่โจวเทียนจะขับรถมาถึงหน้าบ้าน
บ้านดั้งเดิมหลังเก่าๆ หากมีเหตุแผ่นดินไหวก็คงจะถล่มลงมาง่ายๆ นี่แหละสภาพแวดล้อมของที่นี่ โจวเทียนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นานหลายปี
"พ่อครับ ผมกลับมาแล้ว"
โจวเทียนเข้าบ้านมาพร้อมของฝากในมือ
"เสี่ยวเทียน กลับมาแล้วเหรอ!"
โจวฟู่จู้ พ่อบุญธรรมทักทายด้วยความประหลาดใจ เดินออกมาต้อนรับพร้อมชามเก่าๆใบนึงในมือ
เมื่อเห็นสีหน้าเรียบๆและเปลี่ยนไปของพ่อบุญธรรม โจวเทียนก็ไม่สามารถเก็บความรู้สึกได้
สิบปีที่แล้ว หากไม่ได้รับการเลี้ยงดูจากชายชราที่นามสกุลเดียวกับเขาคนนี้ เขาไม่รู้เลยว่าจะมีชีวิตถึงวันนี้ได้มั้ย
"พี่ มารองน้ำฝนเร็ว มันซึมเข้าบ้านหมดแล้ว!"
ในตอนนี้ มีเสียงเรียกที่ไม่ค่อยพอใจของโจวหลิงดังมาจากในห้อง
"อ้อ ได้ๆ"
โจวเทียนรีบวางของลง ก่อนจะรีบเข้าไปในห้อง
เขาเห็นโจวหลิงยุ่งอยู่กับการอุดรูรั่วในห้อง เธอนำเอากะละมังต่างๆที่พอใช้ได้มารองไว้ตรงที่มีรอยรั่วซึมของน้ำฝน
ข้างนอกฝนตกหนัก ในบ้านก็พลอยโดนฝนไปด้วย เย็นสบายในฤดูหนาว อบอุ่นในฤดูร้อน สถานการณ์แบบนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับโจวเทียน
เขาเติบโตมากับสภาพแวดล้อมแบบนี้ตั้งแต่เด็ก โจวเทียนเลยคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี
แต่ในตอนนี้ เขาไม่อาจจะปล่อยให้พ่อบุญธรรมของเขาอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อไปได้
"น้อง ไม่ต้องรองน้ำฝนแล้ว เราไปซื้อบ้านใหม่กันตอนนี้เลย"
โจวเทียนยิ้มให้กับโจวหลิง และบอกกล่าวกับเธอ
โจวหลิงได้ยินเช่นนั้นถึงกับชะงัก ก่อนจะตอบกลับไปว่า :"พี่คะ บ้านแพงขนาดนั้น เราจะเอาปัญญาที่ไหนไปซื้อคะ?"
"เธอลืมไปแล้วหรือไง? ตอนนี้พี่เธอมีเงินแล้วนะ"
โจวเทียนยิ้มตอบ
"ทำไมจู่ๆพี่ถึงมีเงินล่ะคะ ตอนนี้หนูยังไม่กล้าที่จะเชื่อเลยว่ามันเป็นความจริง"
โจวหลิงส่ายหัวไปมา เขาไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ของเธอจะร่ำรวยได้ชั่วค่ำคืน
"เสี่ยวเทียนเอ้ย หาเงินต้องสุจริต อย่าไปทำอะไรที่มันผิดกฎหมาย ที่จริงพ่ออยู่ที่นี่ก็สบายดี มีสวนเล็กๆ ของเก่าๆที่เก็บมาก็ยังใช้ได้"
โจวฟู่จู้พูดด้วยรอยยิ้ม
"ต่อไปไม่ต้องเก็บของเก่าแล้ว ใช้ชีวิตให้มีความสุขนะครับ"
โจวเทียนพูดพลางดึงแขนโจวฟู่จู้กับโจวหลิงออกจากบ้าน
"เสี่ยวเทียน แกจะพาเราไปไหน?"
โจวฟู่จู้รู้สึกสับสนกับโจวเทียนไปหมด
"ไปซื้อบ้านไงครับ"
"บ้านหลังเดิมก็ยังอยู่ได้ แล้วนี่แกเอาเงินที่ไหนมาซื้อบ้าน?"
"พ่อครับ อย่าถามอะไรมากเลย ซื้อบ้านแล้วอยู่อย่างสบายใจก็พอแล้วครับ"
โจวเทียนไม่ได้อธิบายอะไรมาก
หลังจากขึ้นรถก็ขับตรงมายังสำนักงานขายของตะกูลหัวฟู่
นี่คือวิลลาที่หรูหราที่สุดในเมืองนี้ ครึ่งนึงเป็นวิลลาสามชั้นสำหรับครอบครัว อีกครึ่งนึงเป็นบ้านมีลิฟท์สไตล์ยุโรป ซึ่งมีราคาแพงเช่นเดียวกัน
แม้ว่าโจวฟู่จู้จะเป็นคนเรียบง่ายและซื่อๆ แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ เขาใช้ชีวิตอยู่ที่เป่ยชวนมาตลอด ต้องรู้อยู่แล้วว่าราคาบ้านในเป่ยชวนนั้นสูงขนาดไหน
แม้แต่ที่ที่ถูกที่สุด ตารางเมตรนึงราคาแพงถึงเกือบหมื่นหยวน
วิลล่าของตะกูวหัวฟู่เป็นวิลลาระดับไฮเอนด์ คนที่สามารถซื้อวิลลาที่นี่ได้ ต้องเป็นคนที่รวยมาก
แม้คนซื้อบ้านหลังธรรมดาๆที่นี่ ส่วนใหญ่ก็มาจากครอบครัวที่มีฐานะดี เพราะบ้านระดับธรรมดาที่นี่มีราคาตารางเมตรละถึงสองหมื่นหยวน
"เสี่ยวเทียน แกกำลังทำอะไรอยู่ ไม่ได้อยากจะซื้อบ้านที่นี่ใช่มั้ย?"
โจวฟู่จู้ไม่อยากจะเชื่อ จึงยืนนิ่ง ลังเลที่จะเดินเข้าไป
โจวเทียนไม่ได้แปลกใจอะไรที่ได้เห็นท่าทางเช่นนั้นของพ่อบุญธรรม
พ่อบุญธรรมซื้อสัตย์มาตลอดชีวิต ใช้ชีวิตอย่างยากจนตลอดมา เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำว่าจะซื้อบ้านทีนี่ได้
นี่สินะที่เรียกว่าความจนปิดกั้นจิตนาการ
"พี่ อย่าพูดมากเลย รีบไปเถอะ ขนาดบ้านที่ราคาถูกที่สุดขั้นต่ำยังหลังละล้าน นับประสาอะไรกับวิลล่าพวกนั้น ขั้นต่ำคงต้องใช้อย่างน้อยสิบล้าน..…"
ขณะที่โจวหลิงพูดอยู่นั้น เธอก็พลางมองไปยังโจวเทียนเป็นครั้งคราว หวังว่าพี่ชายของเธอจะรีบพาเธอกลับบ้านให้ไวที่สุด
"วางใจเถอะ พี่ซื้อได้"
โจวเทียนบอกกับโจวหลิงด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างใน
โจวฟู่จู้กับโจวหลิงไม่มีทางเลือก ได้แต่เดินตามหลังโจวเทียนเข้าไปด้วย
แน่นอนว่าโจวฟู่จู้กับโจวหลิงดูท่าทีเก้ๆกังๆ เนื่องจากสำนักงานขายที่นี่หรูหราพอสมควร คนที่ไม่มีเงินก็ไม่มีความมั่นใจเป็นธรรมดา
มีพนักงานขายสองคนกำลังรับลูกค้าคนอื่น คนอื่นๆก็กำลังพูดคุยกันอยู่ หลังจากที่พวกของโจวเทียนเดินเข้ามา พนักงานขายคนอื่นๆที่ว่างอยู่ต่องไม่มีปฏิกิริยาอะไร
สังคมตอนนี้ก็เป็นแบบนี้แหละ มักมองคนจากการแต่งตัว หลายคนถูกตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก
เมื่อเห็นพวกโจวเทียนแต่งตัวล้าสมัยหน่อย พนักงานขายเหล่านั้นก็ไม่อยากที่จะต้อนรับ บางคนยังมองด้วยสายตารังเกียจ
เมื่อโจวเทียนเห็นว่าพนักงานยืนเย่อหยิ่งอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจ
"ที่นี่ไม่มีคนมาต้อนรับเลยเหรอครับ"
ตอนนี้โจวเทียนเริ่มตั้งคำถาม
ในที่สุด สาวผมสั้นตัวสูงสุดเซ็กซี่ก็เดินเข้ามา
"สวัสดีค่ะ ฉันคือหวู่ลี่ พนักงานขายดีเด่นของทีนี่ ไม่ทราบว่าคุณมาทำอะไรที่นี่คะ?"
สีหน้าของหวู่ลี่บึ้งตึง แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่ก็ไม่สามารถบิดบังความอัดอั้นในใจได้เลย
ในสายตาของเธอ โจวเทียนแค่มาหาอะไรดู ไม่มีอะไรทำเลยมาเพ่นพ่านที่นี่
โจวเทียนมองไปยังหวู่ลี่คนนั้น เขารู้ดีว่าตัวตนภายใต้หน้ากากของเธอคิดอะไรอยู่
เห้อ ดูเหมือนตอนนี้การถ่อมตัวก็เป็นเรื่องที่ผิดอย่างนึง คนอื่นมักจะมีอคติอยู่เรื่อย
เขารู้สึกอนาถในใจ แต่เขาก็ถ่อมตัวจนเคยชินแล้ว จู่ๆจะให้เขาทำตัวสูงส่งในตอนนี้ก็คงจะทำไม่ได้
"มาดูบ้าน"
โจวเทียนบอกไปอย่างเรียบนิ่ง
หวู่ลี่กรอกตาใส่โจเทียน พวกนักเลงจนๆมาดูบ้านก็มีไม่น้อย เธอคงเห็นมามากแล้ว
ดังนั้นเธอจึงปัดพวกโจวเทียนให้อยู่ประเภทเดียวกับคนพวกนั้น
"บ้านที่นี่ราคาเริ่มต้นที่สองหมื่นหนึ่งพันต่อตาราง สูงสุดอยู่ที่หกหมื่นหกพัน แน่ใจใช่มั้ยคะว่าไม่ได้มาผิดที่?"
หวู่ลี่หัวเราะเยาะพลางมองไปที่โจวเทียน
โจวเทียนขมวดคิ้วเข้ม ท่าทีการพูดการจาของผู้หญิงคนนี้ช่างทำให้คนรู้สึกอึดอัดใจ
"ถ้าเธอไม่เต็มใจที่จะบริการเรา ก็เปลี่ยนคนอื่นมา"
เขาไม่อยากจะอะไรกับอู๋ลี่ จึงพูดออกไปตรงตรง
"หึๆ ทำเหมือนกับว่าตัวเองจะมีปัญญาซื้องั้นแหละ"
หวู่ลี่หัวเราะหึๆ ก่อนจะหันกลับไปมองหา เธอหันไปเห็นหญิงสาวที่ไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้
"เถียนเสี่ยวยุ้ย เธอช่วยมารับแขกท่านหน่อยซิ"
หวู่ลี่กวักมือเรียกเถียนเสี่ยวยุ้ย
"ได้ค่ะพี่ลี่!"
เถียนเสี่ยวยุ้ยรีบซอยเท้าไปหาโจวเทียน ก่อนจะพูดอย่างสุภาพว่า :"สวัสดีค่ะ ดิฉันคือผู้ช่วยฝ่ายขายเถียนเสี่ยวยุ้ย หากคุณมีข้อสงสัยอะไร ดิฉันจะแนะนำให้ค่ะ"
โจวเทียนมองไปยังหญิงสาวตรงหน้า ในใจรู้สึกสบายมากขึ้น
หญิงสาวคนนี้ดูเหมือนจะยังอายุสิบแปดสิบเก้า เธอทำตัวดีมาก การพูดการจาก็ไม่รุนแรงเหมือนกับหวู่ลี่
โจวเทียนยังไม่ทันได้พูดอะไรก็มีคู่ชายหญิงสองคนเดินเข้ามา
เป็นชายอายุราวๆสี่สิบกว่าปี อ้วนท้วนหูกาง สภาพเหมือนเศรษฐีหน้าใหม่
"หวู่ลี่ ดูเหมือนมาตรฐานที่นี่ก็ไม่ได้สูงอะไรมากนี่ คนชนชั้นไหนก็เข้ามาซื้อบ้านได้"
ชายคนนั้นพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ พลางกวาดตาไปมองโจวฟู่จู้และโจวหลิง
"โอ้ เถ้าแก่เจิ้งนี่คะ คุณเป็นยังไงบ้าง บ้านที่ดิฉันแนะนำให้คุณเมื่อวาน ตัดสินใจได้หรือยังคะ?"
หวู่ลี่รีบเดินไปต้อนรับทันที เธอต้อนรับเถ้าแก่เจิ้งด้วยความกระตือรือร้น ราวกับเป็นพ่อของเธอเอง
เถ้าแก่เจิ้งมองไปที่โจวเทียน ก่อนจะพูดว่า :"ที่จริงกะจะซื้อวันนี้เลย แต่ตอนนี้คิดไปคิดมา ถ้าหากพวกแมวเอย หมาเอย อะไรเอยก็สามารถมาซื้อบ้านที่นี่ได้ ถ้าซื้อบ้านของที่นี่ราคาจะไม่ดูต่ำไปเหรอ?"
เมื่อพูดจบ เถ้าแก่เจิ้งก็กรอกตามองบนใส่โจวเทียน ก่อนจะหัวเราะเยาะด้วยท่าทีรังเกียจ
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved