บทที่ 19 เงาของน้องสาว

by จินเหอซี 08:31,Apr 26,2021
ไอ้บ้านนอกคอกนานี้จะซื้อจริงๆหรอ?

หวู่ลี่อดไม่ได้ที่จะสำรวจโจวเทียนใหม่อีกครั้ง มองดูสารรูปของที่โจวเทียนที่เหมือนคนที่ไม่น่าให้ความเคารพเลยแม้แต่น้อย เธอช่างคิดไม่ถึงจริงๆ

แต่โจวเทียนได้ยินบัตรเครดิตของตัวเองไปให้เถียนเสี่ยวยุ้ยเรียบร้อยแล้ว และเป็นการกระทำที่ไม่เหมือนการแสดงเลยแม้แต่น้อย…...

"ค่ะ รับทราบค่ะคุณผู้ชาย…..."

ตอนนี้เถียนเสี่ยวยุ้ยตื่นเต้นมากจนน้ำเสียงเริ่มสั่นคลอน เธอรับบัตรเครดิตของโจวเทียนมา ราวกับว่ากำลังคือของที่มีน้ำหนักมากยังไงอย่างนั้น

ก็ไม่โทษที่เถียนเสี่ยวยุ้ยจะเป็นแบบนี้หรอก การที่สามารถขายวิลล่าที่มีมูลค่าหลักสิบล้านของที่นี่ออกไปได้นั้น เป็นความฝันที่พนักงานขายทุกคนต่างเพ้อฝัน ต้องท้าวความก่อนว่าแค่ค่าคอมมิชชั่นก็สูงถึงหลักแสนแล้ว

"รูบัตรเถอะ รบกวนจัดการทุกอย่างให้เร็วหน่อยนะครับ"

โจวเทียนเห็นว่าเถียนเสี่ยวยุ้ยตื่นเต้นมากขนาดนี้ จึงอมยิ้มให้เธอ

"คุณผู้ชายคะ ยังไงฉันก็ต้องหักส่วนลดให้คุณค่ะ คุณบอกว่าเงินส่วนลดจะให้ฉัน แค่ฉันรับมันไว้ไม่ได้จริงๆนะคะ…..."

ใบหน้าของเถียนเสี่ยวยุ้ยเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมา พลางพูดกับโจวเทียนอย่างซื่อสัตย์และจริงใจมากๆ

เพราะแค่ค่าส่วนลดก็มีประมาณล้านกว่าแล้ว จำนวนนี้สำหรับเถียนเสี่ยวยุ้ยแล้ว ถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะมากๆเลย!

โจวเทียนมองเธอแล้วรู้สึกทอดถอนใจมากเช่นกัน ยุคสมัยนี้หญิงสาวที่ยังเหมือนเถียนเสี่ยวยุ้ย หาเจอได้ยากแล้ว

"บอกแล้วว่าให้เธอก็คือให้เธอ อย่าทำให้ฉันโกรธเชียวนะ"

โจวเทียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง

"หา…...ได้ค่ะคุณผู้ชาย คุณอย่าโมโหเลยนะคะ"

เถียนเสี่ยวยุ้ยพยักหน้าหงึกๆอย่างตื่นเต้น ก่อนจะพาโจวเทียนไปรูดบัตร

บรรยากาศทั่วทั้งแผนกการขายเงียบกริบมาก เงียบจนสามารถได้ยินเสียงเข็มร่วงลงไปกับพื้น

พวกคนที่เพิ่งหยอกล้อโจวเทียนไป ต่างเงียบปากลงไปทั้งหมดเลย

เวลาผ่านไปสิบวินาทีเต็มๆ ถึงจะมีเสียงของผู้คนเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นมา

"นี่มันเศรษฐีจากที่ไหนเนี่ย? ส่วนลดล้านกว่าก็ไม่เอา ยกให้ยัยหนูที่แซ่เถียนนั่นทั้งหมดเลย!"

"ใช่ไงๆ ไม่สามารถไปคำนวณหยดน้ำในทะเลได้จริงๆสินะ เมื่อกี้พวกเรามองเขาผิดไปแล้ว"

"ที่รักคุณเบาเสียงลงหน่อย คนแบบนั้นไม่ใช่คนที่เราจะสามารถเข้าไปรุกรานได้นะคะ…..."

หวู่ลี่ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนเป็นรูปปั้นรูปนึง ตอนนี้เธอรู้สึกว่าท้องไส้ของเธอพันกกันไปหมดแล้ว

นี่มันคนจนที่ไหนกัน ถ้ามูลค่าทรัพย์สินมีไม่ถึงพันล้านคงทำแบบนี้ไม่ได้หรอกมั้ง?

เมื่อเห็นว่าเถียนเสี่ยวยุ้ยใกล้จะรวยแล้ว จิตใจของหวู่ลี่ก็เหมือนถูกแมวข่วนยังไงยังไง เธอไล่ตามขึ้นไปอย่างไม่ยอมใจ

"ที่รักคะ เหมือนมันจะซื้อวิลล่าที่แพงที่สุดจริงๆนะคะ…..."

วูเสี่ยวเวยก็ค่อยๆได้สติกลับคืนมาแล้วเช่นกัน จ้องมองเถ้าแก่เจิ้งอย่างเหม่อลอย

สีหน้าของเถ้าแก่เจิ้งก็ดูย่ำแย่ถึงขีดสุดเช่นกัน ทั้งอิจฉาทั้งตาร้อนผ่าว แต่ความรู้สึกที่มีมากกว่าคือความรู้สึกช็อค

แม่งเอ้ย รวยขนาดนี้ยังจะเก๊กเป็นคนจนทำไม? แสดงเก่งจริงๆ

"อย่าเพิ่งเสียใจไปตอนนี้ ต้องรอให้มันจ่ายเงินเสร็จก่อนผมถึงจะเชื่อ"

เถ้าแก่เจิ้งปากแข็ง แสร้งทำตัวเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร

วูเสี่ยวเวยไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรแล้ว และไม่กล้าดูถูกเหยียดหยามโจวหลิงอีกต่อไป เพราะถ้าเกิดโจวหลิงมีพี่ชายที่ร่ำรวยขนาดนั้นจริงๆ คาดว่าเธอจะเข้าไปประจบยังไม่ทันเลย

ภายในห้องการเงิน เหล่าพนักงานขายกลุ่มนึงกำลังเบียดรวมกันอยู่ พวกเธอไม่มีกะจิตกะใจไปแนะนำอะไรให้กับพวกลูกค้าอีกต่อไปแล้วเช่นกัน ต่างอยากจะมาดูว่าวิลล่าที่แพงที่สุดขายออกไปได้ยังไง

เมื่อโจวเทียนจ่ายเงินทุกอย่างเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว เหล่าพนักงานสาวที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างๆกรี๊ดเสียงหลง

เมื่อผู้จัดการของแผนกการขายได้ยินเสียงดังกล่าวก็ได้วิ่งเข้ามาเช่นกัน คนดังกล่าวเป็นชายวัยกลางคนที่สวมใส่แว่นตา พร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มหน้า เขามองโจวเทียนด้วยสายตาที่เคารพพลางพูดว่า :"คุณโจวครับ ผมสามารเถียนเสี่ยวยุ้ย่ายรูปกับคุณเพื่อเก็บไว้เป็นภาพที่ระลึกได้ไหมครับ?"

"ถ่ายรูปก็ไม่มีความจำเป็นแล้วล่ะ เอาเงินส่วนลดทั้งหมดโอนในบัญชีของเถียนเสี่ยวยุ้ยได้เลย"

โจวเทียนมองผู้จัดการด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง

ผู้จัดการรีบพยักหน้า "ได้ครับได้ครับ เดี๋ยวผมจะให้คนไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย!"

"ผู้จัดการหม่าคะ ดิฉันเป็นคนเข้าไปต้อนรับดูแลคุณโจวก่อนนะคะ เถียนเสี่ยวยุ้ยมาแย่งลูกค้าของฉันทีหลังค่ะ ค่าส่วนลดควรจะให้ฉันต่างหาก!"

หวู่ลี่แหกปากโวยวายขึ้นมา เธอร้อนรนจนแทบจะกระโดดขึ้นมาเลย

นั่นมันหนึ่งล้านกว่าเลยนะ!

ผู้จัดการหม่ารู้สึกมึนงงเล็กน้อย เขามองไปทางหวู่ลี่สลับกับเถียนเสี่ยวยุ้ย "พวกเธอสองคนนี้มันอะไรยังไงกันแน่ สรุปแล้วใครเป็นคนเข้าไปดูแลต้อนรับคุณโจวเป็นคนแรกกันแน่?"

เถียนเสี่ยวยุ้ยก้มหน้าลงเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบาว่า :"พี่ลี่เป็นคนเข้าไปต้อนรับก่อนค่ะ แต่ว่า…..."

"แต่ว่าอะไรจะว่า? หึ แกยอมรับว่าฉันเป็นคนเข้าไปต้อนรับดูแลคุณโจวก่อนเป็นคนแรกก็จบแล้ว! ผู้จัดการคะ ทางเรามีกฎเกณฑ์อยู่ไม่ใช่หรอคะว่าไม่อนุญาตให้เพื่อนร่วมงานมาแย่งลูกค้าของแต่ละคน! เพราะฉะนั้นแล้วค่าส่วนลดควรจะเป็นของฉันนะคะ!"

หวู่ลี่ทำหน้าทำตาเหมือนตัวเองมีเหตุผลมาก พลางพูดเสียงดังขึ้นมา

เมื่อผู้จัดการได้ยินแบบนี้ ก็ได้หันไปถลึงตาใส่เถียนเสี่ยวยุ้ยทันที

เพราะยังไงหวู่ลี่ก็ได้ตกเป็นของเขาตั้งนานแล้ว ปกติก็ได้นอนกับเขาไม่น้อยเลย เขาจึงต้องลำเอียงไปทางหวู่ลี่เป็นธรรมดาอยู่แล้ว

"เถียนเสี่ยวยุ้ย เธอนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆเลยนะ! เธอไม่รู้หรือไงว่าแย่งลูกค้าของเพื่อนร่วมงานมีความผิดที่หนักหนามาก? ทำได้ก็ทำ ทำไม่ทำก็เก็บของแล้วกลับบ้านไปซะ!"

ผู้จัดการหม่าชี้หน้าสั่งสอนเถียนเสี่ยวยุ้ยทันที

เถียนเสี่ยวยุ้ยรู้สึกน้อยอกน้อยใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว เธออธิบายว่า :"พี่ลี่เป็นคนให้ฉันเข้าไปดูแลคุณโจวเองนะคะ ฉันไม่ได้แย่ง"

"ฉันแค่ให้แกช่วยดูแลลูกค้าของฉันไว้แป๊บเดียว ไม่ได้บอกว่าจะยกคุณโจวให้แกสักหน่อย ทำไมแกถึงได้หน้าด้านขนาดนี้? ไร้ยางอายจริงๆเลย!" หวู่ลี่เอามือเท้าสะเอว พลางตะคอกใส่เถียนเสี่ยวยุ้ยอย่างโกรธกริ้ว

เถียนเสี่ยวยุ้ยร้องไห้ออกมาแล้ว เธอก็รู้เหมือนกันว่าหวู่ลี่ที่อยู่ที่นี่พอมีอำนาจเส้นสายอยู่ระดับหนึ่งเลย และมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผู้จัดการอีกด้วย เธอจะไปต่อกรกับคนเค้าไหวได้ยังไง?

โจวเทียนที่เห็นภาพเหตุการณ์นี้ ก็รู้สึกว่าทัศนคติและมุมมองของตัวเองที่มีต่อโลกนี้ได้พังทลายลงไป

เคยเห็นคนหน้าด้านมาก่อน แต่กลับไม่เคยเห็นคนที่หน้าด้านเหมือนหวู่ลี่มาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นกับตาตัวเองจริงๆ

มองดูเถียนเสี่ยวยุ้ยที่เสียใจและหมดหนทางในตอนนี้ ราวกับว่าโจวเทียนจะเห็นเงาร่างของน้องสาวตัวเองบนเอาร่างของเธอ

"เสี่ยวหวัง เอาเงินค่าส่วนลดทั้งหมดโอนไปที่บัญชีธนาคารของหวู่ลี่ พร้อมกับเงินค่าคอมมิชชั่นด้วย โอนไปพร้อมกันเลย" และในตอนนี้เองผู้จัดการหม่าก็ได้โบกมือให้กับหญิงสาวที่มีหน้าที่ดูแลการเงินของบริษัทพลางพูด

"ได้ค่ะผู้จัดการหม่า"

เสี่ยวหวังส่ายหน้าไปมา รู้สึกเห็นใจเถียนเสี่ยวยุ้ยมากๆ แต่กลับไม่กล้าพูดอะไร

"อย่าเพิ่งโอนครับ"

โจวเทียนหยุดการกระทำของเสี่ยวหวังไว้ ก่อนที่จะมองผู้จัดการหม่าพลางพูด :"ผู้จัดการหม่าครับ ต้องเชื่อฟังคำพูดของคุณหรือว่าคำพูดของผมครับ?"

ผู้จัดการหม่าผงะไป ก่อนที่จะยิ้มพลางพูดกับโจวเทียน :"คุณโจวครับ ต้องเชื่อฟังคำพูดของคุณเป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ"

"งั้นก็ดี เอาเงินค่าส่วนลดและค่าคอมมิชชั่น โอนเข้าไปในบัญชีของเถียนเสี่ยวยุ้ยโดยที่อย่าให้ขาดแม้แต่หยวนเดียว"

โจวเทียนพูดเสียงทุ้ม

ทันใดนั้นเอง เถียนเสี่ยวยุ้ยที่กำลังก้มหน้าอยู่ก็ได้เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาที่กลมโตสวยงามพร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า กำลังจ้องมองมาทางโจวเทียนด้วยความซาบซึ้งใจ

"คุณโจวคะ เงินมากเกินไปแล้วค่ะ ฉันไม่กล้ารับ"

"ไม่เป็นไร เธอแนะนำให้ฉันอยู่ครึ่งวัน ถือซะว่าเป็นค่าลำบากของเธอละกัน"

โจวเทียนยิ้มอย่างอ่อนโยน

เหล่าพนักงานขายที่อยู่ในที่เกิดเหตุเกือบจะเป็นลมไปอย่างพร้อมเพรียงกันเลย

มีทั้งคนที่อิจฉา มีทั้งคนที่ตาร้อนผ่าว มีบางคนที่เกือบจะย่ำเท้าไปด้วยแล้วทุบอกตัวเองไปด้วย

ถ้าเกิดรู้ว่าโจวเทียนรวยมากขนาดนี้ เมื่อกี้ก็ควรจะวิ่งเข้าไปเหมือนวิ่งกรีฑาร้อยเมตรเลยนะ! ถ้าลำบากล้านกว่าหยวน? ถึงแม้จะต้องนอนกับเศรษฐีคนนี้สักห้าหกคนก็ไม่ถือว่าลำบากนะ…...

"ได้ครับคุณโจว เงินของคุณต้องเชื่อฟังคำสั่งของคุณอยู่แล้วครับ เสี่ยวหวัง รีบเอาเงินทั้งหมดโอนไปยังบัญชีของเถียนเสี่ยวยุ้ยเร็ว"

รอยยิ้มของผู้จัดการหม่าดูอึดอัดเล็กน้อย มองโจวเทียนอยากประจบสอพลอมากๆ

ถูกต้อง ยุคสมัยนี้แล้วใครมีเงินมากกว่าคนนั้นก็คือป๋า แค่พูดคำเดียวก็ทำตามได้หมดเลย!

พึ้บ

หวู่ลี่เกือบจะอกแตกตายไปทันทีเลย เธอนั่งลงไปกับพื้นพลางเข้าไปกอดขาของโจวเทียน ร้องห่มร้องไห้พลางพูด :"คุณโจวคะ ทั้งๆที่ฉันเป็นคนเข้ามาต้อนรับดูแลคนคุณเป็นคนแรกแท้ๆ คุณลืมไปแล้วหรอคะ?"

โจวเทียนคิดไม่ถึงเลยว่าหวู่ลี่จะทำแบบนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหุ่นของหวู่ลี่นี่เซ็กซี่ไม่เบาเลย

วัตถุที่อ่อนนุ่มกำลังแนบชิดกับค่าของตัวเอง ช่างทำให้จิตใจของคนหวั่นไหวได้จริงๆ นี่มันกำลังอ่อยคนให้กระทำความผิดอยู่ไม่ใช่หรอ?

แต่ว่าเมื่อนึกถึงพฤติกรรมและทุกอย่างที่หวู่ลี่เพิ่งกลับทำไปในเมื่อกี้นี้ และพฤติกรรมของเขาในตอนนี้ที่ดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โจวเทียนก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาทันที

ถ้าไม่ใช่เพราะล้านกว่านั้นกำลังยั่วยวนจิตใจของเธออยู่ เธอจะสามารถมากอดขาของตัวเองเหมือนตอนนี้หรอ?

"เหอะๆ ฉันไม่ได้ลืมอยู่แล้ว เธอยังจะเรียกให้รปภมาไล่คนจนๆอยากฉันออกไปอยู่หนิ"

โจวเทียนหัวเราะเหอะๆ "ปล่อยมือออกซะ ไม่งั้นฉันจะฟ้องเธอในข้อหาลวนลามร่างกาย"

"คุณโจวคะ…..."

หวู่ลี่ปล่อยขาของโจวเทียนออกไปเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอรู้แล้วว่ายังไงเธอก็ไม่มีชะตากรรมร่วมกันกับหนึ่งล้านกว่านี่แล้ว

"คุณผู้ชายคะ นี่คือหนังสือสัญญาของคุณค่ะ รบกวนคุณช่วยเซ็นครั้งด้วยก็ได้แล้วค่ะ"

เถียนเสี่ยวยุ้ยช่วยโจวเทียนจัดการเรื่องหนังสือการซื้อขายบ้านทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะยื่นปากกาให้โจวเทียนอย่างสั่นๆ

หญิงสาวคนนี้นี่ตื่นเต้นมากจนไม่สามารถตื่นเต้นไปมากกว่านี้ได้แล้ว

หลังจากที่โจวเทียนเซ็นเอกสารทุกอย่างเสร็จ ถึงจะเดินออกไปจากห้องการเงิน

เมื่อเห็นว่าในมือของโจวเทียนมีหนังสือสัญญาด้วย พร้อมกับผู้คนที่เดินออกมาจากห้องการเงินที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กัน ในที่สุดวูเสี่ยวเวยก็เชื่อสักทีว่าทั้งหมดนี้เป็นความจริง

เธอมองไปทางโจวเทียนอย่างเหม่อลอย ก่อนจะมองไปทางโจวหลิง และเริ่มสงสัยในชะตากรรมของชีวิตตัวเองขึ้นมาอย่างสิ้นเชิง

"พ่อครับ น้องสาว นี่คือกุญแจของวิลล่านะ วันนี้พวกคุณเริ่มย้ายเข้ามานอนที่นี่เถอะครับ วิลล่าหลังนี้ตกแต่งพร้อมเฟอร์นิเจอร์เลยครับ"

โจวเทียนนำกุญแจและหนังสือสัญญาให้โจวฟู่จู้

ทันทีที่พูดจบ สายของหลี่รั่วเสวี่ยก็ได้โทรเข้ามา บอกให้เขารีบกลับบ้าน

"ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ สักพักเดี๋ยวเถียนเสี่ยวยุ้ยจะพาพวกคุณไปดูวิลล่า มีปัญหาอะไรก็สามารถสอบถามเธอได้เลยนะครับ"

หลังจากที่พูดจบ โจวเทียนก็ได้เดินออกจากแผนกการขาย

มองดูโจวเทียนค่อยๆจากไป วูเสี่ยวเวยเกือบจะอดไม่ได้วิ่งไล่ตามออกไป

ถ้าเกิดสามารถมีอะไรกับคนรวยๆอย่างโจวเทียนได้ละก็ งั้นเธออยากได้อะไรก็จะได้ตามปรารถนาแล้ว

"เหล่าเจิ้ง คุณตอบตกลงฉันแล้วนะคะว่าจะซื้อบ้านให้ฉัน คุณรีบซื้อสิคะ"

วูเสี่ยวเวยในตอนนี้ไม่เรียกเขาว่าที่รักอีกต่อไปแล้ว น้ำเสียงก็ไม่ได้หวานแหววเหมือนวันปกติอีกต่อไป

ถ้าไม่มีการเปรียบเทียบก็จะไม่รู้สึกเจ็บ ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเมื่อเอาเถ้าแก่เจิ้งไปเทียบกับโจวเทียนแล้ว เถ้าแก่เจิ้งไม่มีค่าอะไรเลย

"เบบี๋ ค่อยว่ากันอีกทีเถอะ วันนี้ผมอารมณ์ไม่ค่อยดี"

เถ้าแก่เจิ้งอัดอั้นจนใบหน้าเริ่มเขียวช้ำแล้ว เนื่องจากเมื่อกี้เธอพบว่าผู้คนที่อยู่ในแผนกการขายต่างมองมาทางเขาด้วยสายตาที่เยาะเย้ย เพราะว่าเมื่อกี้เขาเป็นคนแซะโจวเทียนเองว่าเป็นคนจน ตอนนี้ทุกอย่างเล็กกลับเข้าตัวเองยังจังแล้ว

"เชี้ย ค่อยว่ากันวันหลังอีกละ บ้านพังนี่ซื้อมาสองเดือนแล้วนะ แต่ก็ซื้อไม่ได้สักที! ราคาสิบแปดล้านคนเค้าบอกซื้อก็คือซื้อเลย แกแค่หนึ่งล้านกว่าเอง ต้องใช้เวลาคิดนานขนาดนั้นเลยหรอ?"

"ไอ้จน ว่าอะไรว่าแกไม่ยอมซื้อให้ฉันหรอก ต่อไปอย่าได้คิดว่าจะได้นอนกับฉันอีกเลย ฉันจะเลิกกับแก หึ!"

วูเสี่ยวเวยถลึงตาใส่เถ้าแก่เจิ้งด้วยใบหน้าที่ดูถูกดูหมิ่น

เถ้าแก่เจิ้งทั้งหงุดหงิดทั้งโกรธ ชี้วูเสี่ยวเวยพลางด่าทอ :"อิกะหรี่ แกคอยดูเลยนะ!"

แต่ว่าเขาก็รู้เหมือนกันว่าวูเสี่ยวเวยไม่มีทางใช้ชีวิตอยู่กับเขาอีกต่อไปแล้ว จึงกัดฟันแล้วเดินจากไปพร้อมกับใบหน้าที่หม่นหมอง

วูเสี่ยวเวยสบเถียนเสี่ยวยุ้ยุ้ยไปทีนึง ก่อนจะเปลี่ยนใบหน้าเป็นอีกใบหน้าแล้วเดินไปตรงหน้าโจวหลิง "โจวหลิง เมื่อก่อนฉันเป็นคนไม่ดีเอง เธออย่าถือสาฉันเลยนะ เพราะยังไงเราก็เป็นเพื่อนร่วมห้องกันนะ"

"อื้ม" โจวหลิงพยักหน้าเบาๆ ไม่รู้ว่าวูเสี่ยวเวยจะทำอะไรพิเรนทร์ๆอีก

"เอ่อ…...เธอเอาเบอร์โทรของพี่ชายเธอให้ฉันหน่อยได้ไหม ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเขาน่ะ"

วูเสี่ยวเวยสบัดหน้าอกของตัวเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความรอคอย

"พี่ชายฉันมีภรรยาแล้ว เธออย่าคิดที่จะทำอะไรกับเขาเลย"

โจวหลิงส่ายหน้า ก่อนจะพาโจวฟู่จู้ไปหาเถียนเสี่ยวยุ้ยแล้วมุ่งหน้าเดินเข้าไปในวิลล่า

วูเสี่ยวเวยทำเสียงหึทีนึง พลางคิดในใจว่าผู้ชายดีๆกลัวการยั่วยวนจากผู้หญิง ไม่เร็วก็ช้าเดี๋ยวฉันจะอ่อยพี่ชายแกมาอยู่ในกำมือฉันเอง!

……….

โจวเทียนเพิ่งกลับถึงบ้าน อยู่ด้านล่างของตึกก็เห็นว่าหลี่รั่วเสวี่ยและจางซูยวิ๋นกำลังเดินออกมา

ตอนนี้ในมือของหลี่รั่วเสวี่ยมีเค้กก้อนหนึ่ง ในมือของจางซูยวิ๋นก็มีผลไม้ต่างๆไม่น้อยเลย

โจวเทียนถึงจะนึกขึ้นมาได้ว่า วันนี้เป็นวันเกิดของคุณปู่ของหลี่รั่วเสวี่ย

สำหรับคุณปู่ของหลี่รั่วเสวี่ย เป็นคนที่โจวเทียนให้ความเคารพนับถือมาโดยตลอดเลย

ตอนนั้นตอนที่แต่งงานกับหลี่รั่วเสวี่ย มีแต่พ่อขอหลี่รั่วเสวี่ยและคุณปู่ที่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก และไม่เคยดูถูกดูแคลนเขามาก่อนเลย

ในส่วนของญาติคนอื่นนั้น ก็มีแต่คำว่าเหอะๆแล้วแหละ

"วันๆเอาแต่ออกไปทำเรื่องเสียๆหายๆ แกไม่รู้หรือไงว่าวันนี้เป็นวันเกิดของคุณปู่แก?"

หลังจากที่ขึ้นมาบนรถ จางซูยวิ๋นก็เอาแต่ตำหนิสั่งสอนโจวเทียนอย่างไม่หยุดหย่อน

"แม่ครับ เดี๋ยวผมไปซื้อของขวัญให้คุณปู่เพิ่มดีกว่าครับ"

โจวเทียนพูด

"ซื้อมะเขืออะไรอีก ขับรถ!" จางซูยวิ๋นพูดอย่างไม่สบอารมณ์

โจวเทียนไม่พูดอะไรแล้ว ถ้าพูดอีกคำก็มีแต่จะโดนตำหนิหนักกว่านี้

หลังจากที่ผ่านไปยี่สิบนาที ก็ได้มาถึงบ้านของคุณปู่ของหลี่รั่วเสวี่ย

ท่านที่เข้ามาถึงห้องรับแขก พบว่าทุกคนได้มาถึงกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ญาติมิตรทั้งครอบครัวกำลังสนทนากันอย่างเข้าด้ายเข้าเข็ม บรรยากาศภายในห้องดีคึกคักและมีชีวิตชีวามาก

"ซูยวิ๋น รั่วเสวี่ย รอแค่พวกเธอแล้ว รีบเข้ามาเถอะ"

"รั่วเสวี่ยนี่ยิ่งอยู่ยิ่งสวยจริงๆเลยนะ"

"........"

ญาติมิตรทั้งหมดทักทายกันอย่างคึกคักเป็นอย่างมาก พร้อมกับเข้ามาดูแลต้อนรับญญและหลี่รั่วเสวี่ย แต่กลับไม่มีใครหันมาทักทายกับโจวเทียนเลยสักคน มองข้ามหัวเขาไปโดยตรง

โจวเทียนชินกับเหตุการณ์แบบนี้ตั้งนานแล้ว เพราะตลอดมาก็ไม่เคยมีใครมองเห็นลูกเขยแต่เข้าบ้านอย่างเขามาตั้งแต่แรกแล้ว

แต่ทว่าเฉินถิงกลับแอบสนใจโจวเทียนเป็นพิเศษอยู่เล็กน้อย และในตอนนี้เองเธอก็ได้เอาศอกตัวเองไปสะกิดแม่เธอขางซูเซียง "แม่ รีบดูเร็ว ไอ้หมอนั่นที่มีอะไรกับถังเสี่ยวนิวมาด้วยแหละ หึ หน้าไม่อายจริงๆ"

"ใช่ไง หน้าด้านจริงๆ" จางซูเซียงพยักหน้า รู้สึกเห็นด้วยกับคำพูดของลูกสาวตัวเองมากๆ

"แม่ดูนี่นะ เดี๋ยวหนูจะฉีกหน้ากากมันออกมาต่อหน้าผู้คน" เฉินถิงเม้มปาก ก่อนที่จะยิ้มอย่างดุร้าย

"ได้ เดี๋ยวแม่จะร่วมมือกับแกเอง"

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

1672