บทที่ 20 ตัวจริงอยู่ที่นี่

by จินเหอซี 08:31,Apr 26,2021
จางซูเซียงกำลังพึมพำเสียงเบา ก่อนที่เธอจะจงใจเปล่งเสียงให้ดังมากขึ้น "ถิงถิง น้องรั่วเสวี่ยของเธอนี่ก็จริงๆเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นวันไหนก็กล้าพามันมาด้วย ก็ไม่เกรงว่าคนอื่นจะรังเกียจเลยเนาะ"

"ใช่ค่ะแม่ รู้สึกไม่คุ้มค่าแทนน้องรั่วเสวี่ยจริงๆเลยนะคะ หน้าตาเธอสวยงามขนาดไหน ทำไมถึงได้แต่งงานกับคนแบบนี้ได้นะ" เฉินถิงกวาดตาไปมองโจวเทียนรอบมึง จงใจพูดแบบนี้

"แคกๆ พอได้แล้วซูเซียงเสี่ยวถิง ต่างเป็นคนบ้านเดียวกัน ทำไมพวกแกถึงต้องพูดแบบนี้ด้วย"

และในตอนนี้เองคุณปู่ของหลี่รั่วเสวี่ย จางเชี้ยนเถียนก็ได้กระแอมสองครั้ง

"พ่อคะ พ่อไม่รู้หรอกค่ะว่าโจวเทียนมันไร้ยางอายมากแค่ไหน กินของรั่วเสวี่ยใช้ของรั่วเสวี่ย เหมือนผีดูดเลือดตัวนึง แค่นี้ก็ถือว่ามากพอแล้ว แต่มันยังไปพัวพันกับผู้หญิงคนนึงที่ชื่อถังเสี่ยวนิวอยู่ด้านนอกอีก พ่อว่าแบบนี้มันได้เรื่องหรอคะ?"

จางซูเซียงทำหน้าทำตามั่นใจ พลางพูดตำหนิโจวเทียน

"ใช่ค่ะคุณปู่ ตอนนั้นคุณปู่ปกป้องโจวเทียนเป็นอย่างมากตอนที่มันแต่เข้ามาในตระกูลของเรา ปู่ดูเรื่องชั่วร้ายที่มันกระทำขึ้นพวกนี้สิคะ เห้อ"

เฉินถิงถอนหายใจทีนึงหลังจากที่พูดจบ

"ไอ้หมอนี่ทำไมแกถึงทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้? หน้าด้านเกินไปแล้วป่ะ"

"ใช่ไง รั่วเสวี่ยสง่างามและขยันขันแข็งมากขนาดนี้ มันยังรู้สึกไม่พออีกหรอ?​"

"สมแล้วที่เป็นพวกชอบกินข้าวอ่อน กินแค่ในบ้านไม่รู้จักพอ แต่ยังจะเที่ยวหนีไปกินด้านนอกอีก"

"........"

ญาติทุกคนต่างพูดตำหนิโจวเทียน อดไม่ได้ที่จะเข้ามากระทืบโจวเทียนสักครั้งให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

ใบหน้าของหลี่รั่วเสวี่ยเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างโจวเทียนกับถังเสี่ยวนิวมีเงื่อนงำบางอย่าง ไม่งั้นทำไมถังเสี่ยวนิวถึงต้องไว้หน้าเขา ไม่เก็บเงินค่าอาหารหลักแสน?

ใบหน้าของจางซูยวิ๋นแดงก่ำมาก ถลึงตาใส่โจวเทียนอย่างดุดัน เธอคิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่ก้าวเข้ามา ก็อับอายขายขี้หน้าทันทีเพราะโจวเทียนเลย

จางเชี้ยนเถียนในตอนนี้มองมาทางโจวเทียนรอบนึง แต่เร็วมากเขาก็ได้ส่ายหน้าไปมา ไม่ค่อยเชื่อคำพูดของจางซูเซียงและเฉินถิง

"เรื่องที่ไม่ดีก็อย่าพูดถึงมันเลย วันนี้เป็นวันมงคล อย่าให้พูดเรื่องแบบนั้นอีกนะ"

จางเชี้ยนเถียนพูด

ทันทีที่เฒ่าแก่เปล่งเสียงออกมา คำพูดของเขาก็พอมีอำนาจอิทธิพลอยู่ คนอื่นจึงไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป

"ซูยวิ๋น ทำไมรั่วซือถึงไม่มาหละ?"

และในตอนนี้เองคุณปู่ของหลี่รั่วเสวี่ยหันไปถามจางซูยวิ๋น

"พ่อคะ รั่วซือออกไปเดินเล่นในห้างกับแฟนของเธอแล้วค่ะ เด็กนี่หนิ โทรศัพท์ก็ปิดเครื่องไปแล้ว โทรไม่ติดเลย"

จางซูยวิ๋นส่ายหน้าไปมา รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

"ไม่เป็นไรๆ เด็กหนุ่มวัยรุ่นก็ชอบเที่ยวเล่นแบบนี้แหละ"

คุณนายในตระกูลจางหัวเราะพลางพูด

หลี่รั่วเสวี่ยที่ได้ยินแบบนี้แล้วกลับรู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย เนื่องจากเธอรู้ว่าน้องสาวของเธอหลี่รั่วซือเป็นคนที่ไม่เคยปิดเครื่องโทรศัพท์ของตัวเองมาก่อนเลย อีกอย่างเมื่อตอนเช้าน้องสาวยังไม่ตอบตกลงแล้วว่าจะรีบกลับมาเข้าร่วมงานวันเกิดของคุณปู่ให้ทันเวลา

เธอจึงโทรหาน้องสาวของตัวเองอีกครั้ง และแล้วโทรศัพท์ก็ยังคงอยู่ในสถานะปิดเครื่อง หลี่รั่วเสวี่ยก็ยิ่งรู้สึกกังวลใจมากเข้าไปใหญ่

"รั่วเสวี่ย อาได้ยินมาว่ามีคุณชายโจวคนหนึ่งที่มาจากเมืองปักกิ่ง จะมาช่วยแกสร้างวิลล่าจิ่นซิ่ว เป็นความจริงหรือเปล่าน่ะ?"

และในตอนนี้เอง อาของหลี่รั่วเสวี่ย จางเถาได้ขยับเข้ามาใกล้ พลางถามด้วยความสงสัย

หลี่รั่วเสวี่ยยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย จางซูยวิ๋นก็ได้เข้ามาแทรกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข "ใช่ๆ คุณชายโจวเค้าได้ให้หวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลเริ่มทำการก่อสร้างวิลล่าจิ่นซิ่วให้เราแล้ว พวกเราไม่ต้องเอาเงินสักหยวนเลยด้วย"

"จริงหรอ! มีคนจำนวนมากที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมยังคิดว่าเป็นเรื่องหลอกอยู่เลย! เจ้รองครับ คุณโจวท่านนั้นไม่ได้ขอส่วนแบ่งจากพวกคุณเลยหรอครับ?"

จางเถาถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เพราะตระกูลโจวแห่งเมืองปักกิ่งแข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว แข็งแกร่งมากจนถึงขั้นที่ต้องทำให้ผู้อื่นเงยหน้าขึ้นไปมอง การที่สามารถได้ทำงานร่วมกันกับตระกูลมหาเศรษฐีแบบนี้ได้ ถือว่าเป็นเกียรติยศบารมีที่สูงส่งมากเลยหละ

จางซูยวิ๋นเม้มปาก ก่อนที่จะพูดกับจางเถาอย่างภาคภูมิใจมากๆว่า :"เหอะๆ เรื่องที่นายคงคิดไม่ถึงสินะ คุณชายโจวช่วยพวกเราสร้างวิลล่าจิ่นซิ่วให้เราโดยที่ไม่ร้องขออะไรเลย!"

"โอ้พระเจ้า นี่มันเป็นไปได้ยังไงเนี่ย!"

"เจ๋งเป้งมากเกิดไปแล้ว ทำไมคุณชายโจวถึงเป็นคนที่ดีมากขนาดนี้"

"ฉันว่านะคุณชายโจวน่าจะแอบชอบรั่วเสวี่ยแปดเกาสิบเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะ ไม่งั้นทำไมถึงมีทางทำแบบนี้ให้ได้?"

ผู้คนต่างอุทานอย่างไม่หยุดหย่อน เธอคำนึงฉันคำนึง เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา

หัวใจของจางซูยวิ๋นเบ่งบานไปหมดแล้ว รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยมีรังสีบารมีแบบนี้มาก่อนเลย

"พี่รั่วเสวี่ยครับ ที่รู้จักกับคุณชายโจวจริงหรอครับ? ช่วยผมทำอะไรบางอย่างหน่อยได้ไหมครับ ให้คุณชายโจวทำเรื่องให้ผมเข้าไปทำงานในหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลหน่อยได้มั้ยครับ ผมอยากไปทำงานที่นั่น" และในตอนนี้เองลูกชายของจางเถา จางเผิงก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมา ขอร้องหลี่รั่วเสวี่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอ้อน

โจวเทียนที่อยู่ข้างๆรู้สึกหมดคำจะพูดมากๆ ญาติๆกลุ่มนึงกำลังวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับคุณชายโจวแห่งเมืองปักกิ่ง แต่กลับไม่รู้เลยว่าคุณชายโจวอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่เอง กำลังถูกพวกเขามองข้ามแล้วปล่อยให้อยู่ในมุมห้องคนเดียว

หลี่รั่วเสวี่ยมองจางเผิง ไม่รู้จริงๆว่าควรจะตอบกลับคำถามนี้ยังไงดี

"น้อง พี่ไม่รู้จักคุณชายโจวจริงๆ"

หลี่รั่วเสวี่ยพูดอย่างทอดถอนใจ

จางเผิงผงะไปสักพักเมื่อได้ยินแบบนี้ แต่หลังจากนั้นก็ได้ยิ้มขึ้นมา "พี่รั่วเสวี่ยนี่พูดเล่นเก่งเหมือนกันนะครับเนี่ย คำพูดนี้ของพี่ใครจะเชื่อกัน?"

"พี่ไม่รู้จักคนเค้าจริงๆนะ ยังไม่เคยเจอหน้ามาก่อนเลยด้วยซ้ำ" หลี่รั่วเสวี่ยพูดอธิบายอย่างจริงจัง

เมื่อได้ยินหลี่รั่วเสวี่ยพูดแบบนี้ ทุกคนก็เริ่มประหลาดใจถึงขีดสุด

"น่าแปลกจริงๆ คุณชายโจวนี่มันลึกลับเกินไปแล้วมั้ง?"

จางเถาถอนหายใจ ก่อนจะมองไปทางหลี่รั่วเสวี่ย :"รั่วเสวี่ย ถ้าแกเจอหน้าคุณชายโจวเมื่อไหร่ ต้องช่วยน้องแกหน่อยนะ น้องชายแกเพิ่งเรียนจบมหาลัยกำลังหางานทำอยู่เลย แต่เขาไม่ชอบสักบริษัทเลย แค่อยากทำงานในบริษัทหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลเดียวเท่านั้น"

"ได้ค่ะคุณอา เดี๋ยวหนูจะพยายาม"

หลี่รั่วเสวี่ยทำได้แค่พยักหน้าตอบตกลงไปชั่วคราว

จางซูยวิ๋นเห็นว่าในที่สุดญาติๆได้มาขอความช่วยเหลือจากเธอสักที เธอรู้สึกว่าตัวเองมีสง่าราศีมากๆเลยทีเดียว

ตั้งแต่ที่พ่อของหลี่รั่วเสวี่ยได้เสียชีวิตไป เส้นทางในครอบครัวของเธอก็เริ่มตกต่ำลง ญาติต่างๆไม่ค่อยมาเยี่ยมเยียนในบ้านเธอเลย จึงทำให้เธอรู้สึกน้อยใจมากๆ

ตอนนี้ในที่สุดผู้มีพระคุณอย่างคุณชายโจวก็ได้ปรากฏตัวขึ้น จางซูยวิ๋นรู้สึกตื้นตันใจเป็นบ้าเลย

"วางใจเถอะน้องเถา ไม่เร็วก็ช้าคุณชายโจวจะได้เจอหน้ากับรั่วเสวี่ยเอง หวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลเป็นของตระกูลเขา การที่จะจัดการให้จางเผิงเข้าไปทำงานในหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลนั้น ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ในคำพูดเดียวไม่ใช่หรอ?" จางซูยวิ๋นพูดอย่างภาคภูมิใจ

"ใช่ครับๆ ขอแค่คุณชายโจวเอ่ยปากพูด การที่ลูกชายผมจะเข้าไปทำงานในตำแหน่งผู้บริหารนั้นก็ไม่เป็นปัญหาเลย"

จางเถารีบเข้ามาทำความเคารพจางซูยวิ๋น

หลี่รั่วเสวี่ยขมวดคิ้วลง เธอเข้าใจตัวเองดีที่สุดแล้วว่าตัวเองไม่รู้จักกับคนชายโจวเลยด้วยซ้ำ ทำไมแม่ตัวเองถึงตอบตกลงเรื่องนี้ไปก่อนตนหละ?

"คุณอาคะ ตอนนี้มาพูดเรื่องอะไรพวกนี้มันเร็วไปหน่อยไหมคะ อีกอย่างหนูกับคุณชายโจวไม่ได้เป็นญาติมิตรหรือเป็นศัตรูต่อกันเลย การที่คนเค้ามาช่วยสร้างวิลล่าจิ่นซิ่วก็ถือว่าเป็นหนี้บุญคุณที่มากล้นแล้วค่ะ หนูยังไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนเขายังไงดี" หลี่รั่วเสวี่ยพูด

จางเถาที่ได้ยินแบบนี้ก็หลุดหัวเราะออกมา ก็จะพูด :"หนี้บุญคุณอะไรกัน คุณชายโจวต้องแอบชอบแกแน่นอน นอกจากเหตุผลนี้แล้ว อาคิดหาความเป็นไปได้อย่างที่สองไม่ได้เลยนะ ฮ่าๆ!"

จางซูเซียงที่ได้ยินแบบนี้ก็ได้เข้ามาพูดห้ามด้วยเช่นกัน เธอขยับเข้ามาใกล้หลี่รั่วเสวี่ย "ใช่ๆรั่วเสวี่ย โอกาสแบบนี้เธอต้องรีบคว้ามันไว้นะ แต่งงานเข้าตระกูลเศรษฐีนี พวกเราจะได้เข้าไปเกาะบารมีได้ด้วยไง!"

ในระหว่างที่พูด เธอก็ได้หันหน้ากลับมามองโจวเทียนที่อยู่ในมุมห้องคนเดียวอีกครั้ง "เหอะๆ คนบางคนอะนะ ถ้าเกิดมีความรู้อยู่แก่ใจนิดนึง ก็อย่ามาขัดขวางช่วงเวลาที่ดีงามของรั่วเสวี่ยเลย!"

คำพูดนี้แทงใจดำมากเกินไปแล้ว ถึงแม้นิสัยใจคอของโจวเทียนจะดีมากแค่ไหน ก็ทนต่อคำพูดนี้ไม่ได้

"น้าใหญ่ครับ น้าไม่เคยได้ยินคำว่า ยอมที่จะพังวัดสิบวัด ก็จะไม่ยอมไปทำงานแต่งคนอื่นแค่งานเดียว? ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง คุณคิดว่าคำพูดนี้มันรุนแรงไปหน่อยหรอครับ?" โจวเทียนเดินเข้ามาพลางถามหาความรับผิดชอบจากจางซูเซียง

"ฮ่าๆ แกไม่พอใจหรอกหรอ? แกก็ไม่ลองหัดส่องกระจกดูบ้างเลยเนอะว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน ถ้าเทียบกับคุณชายโจว แกเทียบกับหัวแม่เท้าของคนอื่นไม่ได้เลยด้วยซ้ำมั้ง?" จางซูเซียงพูดอย่างไม่สบอารมณ์

โจวเทียนหัวเราะอย่างเยือกเย็นทีนึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ "คุณยังไม่เคยเห็นหน้าคุณชายโจวมาก่อนเลย คุณรู้ได้ยังไงครับว่าผมเทียบกับเขาไม่ได้?"

"ยังต้องรอให้เจอหน้าก่อนอีกหรอ? ลูกหลานในตระกูลมหาเศรษฐีอย่างคุณชายโจว ต้องเป็นคนที่มีออร่าและหน้าตาที่โดดเด่นกว่าทุกคนเป็นปกติอยู่แล้ว แกลองย้อนกลับมาดูตัวแกดูซิ สารรูปเหมือนคนจนๆคนนึง เหอะๆ"

จางซูเซียงแหน็บแนมโจวเทียนอย่างปากดี

"ถ้าเกิดผมบอกว่าผมเป็นผู้ชายโจวหละ? คุณยังจะมองว่าผมเหมือนคนจนอีกหรือเปล่า?"

โจวเทียนย้อนถามจางซูเซียง

"ฮ่าๆๆ!"

"ไม่ไหวแล้ว ขำจนปวดท้องแล้ว ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ…..."

"ฉันว่านะโจวเทียน แกยังเป็นคุณชายโจวอีกหรอ? ฉันว่าแกน่าจะเป็นคนที่ถือรองเท้าให้คุณชายโจวเค้ามากกว่าหรือเปล่า"

"ฉันคิดว่าก็ไม่มีอะไรน่าแปลกนะ โจวเทียนก็แซ่โจวเหมือนกัน แต่คำว่าคุณชายเป็นคำที่มันสถาปนาให้ตัวมันเอง"

วัยรุ่นที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันกับหลี่รั่วเสวี่ยหัวเราะดังลั่นขึ้นมา พลางมองโจวเทียนด้วยสายตาที่เยาะเย้ย หัวเราะได้อย่างเอร็ดอร่อยมากๆ

โจวเทียนยืนอยู่กับที่อย่างเรียบนิ่ง มองดูพวกคนอัปลักษณ์ที่แสดงความต่ำทรามของจิตใจออกมา เมื่อลองมาคิดดูในใจแล้วเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน เขาได้เห็นธาตุแท้ของคนพวกนี้หมดแล้ว

"พอได้แล้ว ทุกคนเลย!"

และในตอนนี้เอง เฒ่าแก่จางเชี้ยนเถียนก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาเสียงดัง

ทันที่ที่เขาเอ่ยปากพูดขึ้นมา เหล่ารุ่นหลานต่างๆก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย แต่ว่าบนใบหน้ายังคงมีความเยาะเย้ยอยู่เช่นเคย

จางเชี้ยนเถียนเดินเข้ามาตรงหน้าโจวเทียน ก่อนจะตบบ่าโจวเทียนเบาๆ แล้วพูดปลอบใจ :"โจวเทียนเอ้ย อย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะ ต่อไปต้องขยันให้มากๆ การเป็นลูกผู้ชายที่เข้มแข็งคนนึงมีหรอที่จะไม่เจริญในอนาคต?"

คำพูดนี้ทำให้โจวเทียนรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาทันที เขาจ้องมองจางเชี้ยนเถียนพลางพูด :"คุณปู่ครับ ปู่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะทำให้รั่วเสวี่ยมีความสุขแน่นอน"

"ได้ ปู่เชื่อแก!"

จางเชี้ยนเถียนพยักหน้าอย่างชื่นใจ

เฉินถิงที่อยู่ข้างๆเมื่อได้ยินจบก็ได้หัวเราะออกมา บิดสะโพกตัวเองพลางเดินเข้ามาแล้วพูดว่า :"คุณปู่นี้ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะคะ คำพูดแบบนี้ของมันคุณปู่ก็เชื่อด้วยหรอคะ? ทุกวันนี้มีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะพึ่งพารั่วเสวี่ย ยังจะมอบความสุขให้รั่วเสวี่ยอีก?"

"พูดให้น้อยๆหน่อยเถอะ ใครบ้างที่ไม่เคยอยู่ในช่วงตกต่ำชีวิต" จางเชี้ยนเถียนมองเฉินถิงอย่างจริงจังเข้มงวด

"ชิ"

เฉินถิงเบ้ปากพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูก พลางพูดว่า :"มาพูดเรื่องปัจจุบันกันเถอะ หลานของคุณอยากจะเข้าไปทำงานในหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนล เรื่องนี้แค่คำพูดเดียวของคุณชายโจวก็สามารถทำสำเร็จได้แล้ว การที่จะเป็นรองประธานนั้นยังไม่เป็นปัญหาเลย! แต่โจวเทียนหละ มันสามารถทำแบบนี้ได้หรือเปล่า? คุณช่วยมันพูดแล้วมีประโยชน์อะไรคะ?"

"พวกเรายังไม่เคยเห็นหน้าคุณชายโจวมาก่อนเลย จะพึ่งพาแต่คนเค้าทำไมกัน? ใช่สิเสี่ยวถิง แฟนหนุ่มของแกหลัวกังก็ทำงานอยู่ในหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลไม่ใช่หรอ เขายังเป็นผู้บริหารระดับสูงอีกด้วย ให้หลัวกังมาช่วยจางเผิงเถอะ"

จางเชี้ยนเถียนพูดกับเฉินถิง

ตอนนี้เฉินถิงถึงจะสังเกตเห็นว่า แฟนหนุ่มของตัวเองหลัวกังดูถ่อมตัวอย่างผิดปกติมาก เหมือนเป็นคนใบ้คนนึงที่กำลังหดตัวอยู่ในมุมห้อง

"กังจื่อ นายได้ยินคำพูดของคุณปู่หรือยัง รีบพาจางเผิงเข้าไปทำงานที่หวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลเลย" เฉินถิงกวักมือเรียกหลัวกัง

หลัวกังมองมาทางโจวเทียนรอบนึง รู้สึกลุกลี้ลุกลนเป็นอย่างมาก

คนอื่นไม่เอาโจวเทียนไปไว้ในสายตา แต่หลัวกังกลับไม่กล้าทำแบบนั้น เพราะเขารู้ว่าโจวเทียนมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับนายท่านสี่แห่งตระกูลหลง!

"เดี๋ยวผมจะพยายามครับ หวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลเข้ายากมากๆ ถ้าเป็นแค่พนักงานธรรมดาทั่วไปยังพอมีความหวังอยู่ครับ….." หลัวกังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างไม่มั่นใจ ก่อนที่จะโทรหาประธานกรรมการเหมียวเผิงจวี

แต่เร็วมาก หลัวกังก็ได้ตัดสายโทรศัพท์ไปอย่างหดหู่ เหมียวเผิงจวีไม่ได้ไว้หน้าเขาเลยด้วยซ้ำ ตอบปฏิเสธไปทันที

จางเถารู้สึกเศร้าหมองเป็นอย่างมาก ลูกชายของเขาจางเผิงยิ่งหนักหนามากกว่า ยืนอยู่กับที่ไม่พูดอะไรเลย

จางเชี้ยนเถียนถอนหายใจ อันที่จริงเฒ่าแก่คนนี้จะไม่รักลูกหลานของตัวเองได้ยังไง? สำหรับเรื่องหน้าที่การงานของจางเผิง ตัวเฒ่าแก่เองก็เครียดไปหลายวันเช่นกัน

เมื่อโจวเทียนเห็นว่าจางเชี้ยนเถียนเป็นแบบนี้ ดีใจจังรู้สึกไม่ค่อยดีเลย

เพราะอย่างน้อยคนชราคนนี้ ก็เป็นคนที่ใยดีกับเขาเสมอมา

"คุณปู่ครับ ปู่อย่าเพิ่งเศร้าไปเลยนะครับ เดี๋ยวผมจะลองโทรดู การที่จะให้จางเผิงเข้าไปดำรงในตำแหน่งผู้บริหารของหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลนั้น น่าจะไม่มีปัญหาอะไร" โจวเทียนมองจางเชี้ยนเถียนอย่างเรียบนิ่งมากๆ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมา

"เช้ด ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม? ฮ่าๆๆ…..."

เฉินถิงมองดูโจวเทียน พลางหัวเราะจนหน้าอกขยายขึ้นลงๆ

ทันทีที่เธอหัวเราะแบบนี้ รุ่นหลานคนอื่นๆก็หัวเราะตามเช่นกัน พวกเขารีบเข้ามาล้อมรอบโจวเทียนไวอย่างรวดเร็ว อดไม่ได้ที่จะให้โจวเทียนเปิดลำโพงด้วย จะได้เห็นกันชัดๆว่าโจวเทียนขายขี้หน้าตัวเองยังไง

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

1672